No. 250 พลบค่ำ ริมสายน้ำปาย
บล๊อกอันดับ 250 ประจำวัน จันทร์ /ศุกร์วันก่อนเขียนถึง บ้านเมืองปาย เมืองในหมอกที่เคยอยู่ แม้จะอยู่ตั้งแต่แก่ เอ้ยตั้งแต่ เกิด พิมพ์ผิดอยู่เรื่อย ใจนึก ถึงเพื่อนรุ่นพี่ที่อยู่ในวัยนั้นแหละ 555 อยู่ที่นั่นไม่กี่ปี ก็ย้ายไปอยู่เชียงใหม่ ไม่เคยกลับไปอีกเลยนับ นิ้วมือแล้วเกือบสิบปีได้มั้งครับ คือได้กลับไปตอนอายุ 13-14 ปี ทีนี้เลย ไปพบบ้านมุงหลังคาตองตึง ใบพลวง บ้าน คนอยู่ตามหัวไร่ ปลายนา พื้นที่สูงต่ำ อากาศหนาวเย็นตลอด ติดใจเลย.... หลังจากนั้น ได้ไปอีกหลายครั้ง เห็นการเปลี่ยนแปลงในทาง ที่น่าเสียดาย.... ปกติพวกเรา ชอบเดินเที่ยวตลาดกลางคืนที่มีแสงไฟวับแวม ได้ยินเสียงเพลงเบา ๆ พวกทรีโอ หรือ พวกกีต้าโปร่ง ดูซื้อของกระจุกกระจิก ไปใช้ ไปฝากเพื่อน เมื่อ 5 ปีมานี้พอเดินเลยจาก ร้านขายหนมเส้น(ขนมจีน) น้ำเงี้ยว ตรงมุมที่เป็นซุ้มยกพื้น จุดไฟวับแวม เสียงเพลงจากไหนไม่รู้ ดังลั่นยังกะบาร์พัทยา บอกตรง ขัดใจ มาก เดินไปดู โหเป็นร้านเหล้ากว้าง หลังคาสูงทำแบบ หยาบมาก คือไม่ค่อยเรียบร้อย มีลำโพงยังกะงานวัด ใหญ่โตมโหฬาร เลยเดินหนีไปไกลเลย แต่โชคดี ยังมีร้านค้าของชาวท้องถิ่น ผสมต่างถิ่นเปิดขาย อยู่ท่ามกลางคนเดินไปมา สาว หนุ่มเกี่ยวก้อยกันเดิน ดูสินค้าพื้นเมือง หยุดมองฟังเพลงของพี่ตำรวจกับบัดดี้ พอเพลงจบได้รับเสียงปรบมือ ส่วนใหญ่คนจะใจดีมอบเงิน ใส่กล่องให้ พี่ตำรวจนำไปมอบแก่เด็กยากจนครับ แต่เพื่อน ๆ ไม่ต้องกลัวครับ อ.ปายยังมีสภาพเดิมอยู่หลายแห่ง แถว บ้านแม่ฮี้ ที่บ้านทอดยาวไปกับลำน้ำปาย ผมจะพาไปดูในบล๊อกต่อ ๆ ไป ตอนนี้ขอเล่าให้เพื่อน ๆ ตอนกลับไปเยี่ยมบ้านเกิดตอนอายุ 14 ปี /////// อย่างที่ผมเคยเล่า เพื่อน ๆ เดินเท้าจาก อ.เมืองเชียงใหม่ ไป อ.ปายใช้เวลา 3 วันระยะทางแค่ 100 กม.เศษ ถนนเป็นชนิดดินลูกรัง ทางการใช้เพียงแรงงานคนขุดดินให้เป็น ทางเดินของ ม้า วัว ต่าง อย่างมากก็เกวียน เพื่อนต้องนอนค้าง แรมกลางทาง วันนี้ผมนั่งรถจิ๊ปหลังคาผ้าใบไปกับน้าหยา หลังจากกินข้าว มื้อเที่ยงตอนบ่ายสองได้มั้ง ถนนยังไต่ขึ้นดอยสูง เรียกว่าผ่า ยอดดอยแล้วดิ่งลงข้างล่างชนิดที่เรียกว่า เสียวสุด ๆ ถนนสีแดงมีกรวดกลมอยู่ประปราย มีร่องน้ำฝนลึกว่า ครึ่งน่องตรงกลางถนน แม้จะแห้งผากแต่ก็อันตราย ร่องลึก บางช่วงตัดเฉียงไปซ้ายมือ ลงสู่เหวลึก ส่วนถนนยังคงตัด ไปทางขวา น้าหยาต้องคอยดู หมุนพวงมาลัยไม่ให้ตกร่อง พวงมาลัยรถสบัดอย่างแรง น้าหยา เม้มปาก นัยตาจ้องไปข้างหน้า คงจะเครียดน่าดู ข้างหน้าลำห้วยน้ำไหล ผ่านกรวด ทรายช้า ๆ จิ๊ปค่อย ๆ เคลื่อนผ่านลำห้วยที่เกือบแห้ง ไปด้วยดี รถไต่ขึ้นตลิ่ง พอพ้นตลิ่งเจอทางแคบขึ้นดอยแล้วหักไปขวา มือไต่เลาะริมดอยไม่นาน ทางเริ่มชัน เสียงรถดังสม่ำเสมอ แต่รู้ว่า ใช้พละกำลังเป็นอย่างมาก และแล้วล้อก็หมุน อยู่กับที่ ฝุ่น กับกรวดกลมปลิวไปข้างหลังฟุ้ง น้าหยาหยุดรถให้ผมรีบลงเอาก้อนหินหนุนล้อหลัง พออยู่ เรา 4 คนลงจากรถ รีบขนก้อนหินก้อนโตใส่ท้ายรถ บอกตรง ๆ ขนก้อนหินเหนื่อยมาก เพื่อน ๆ คงสงสัยว่า ไวน์กับพวกจะขนก้อนหินไปฝากคน อ. ปายแน่เลย.... ก้อนหินอยู่ท้ายจิ๊ปมากพอควร เรา 3 คนยืนอยู่ท้ายรถ น้าหยา สตาร์ทรถ เข้าเกียร์ ปล่อยคลัชรถเริ่มวิ่ง แต่ล้อยังหมุนฟรีเป็น บางครั้ง น้าหยาตะโกนให้ พวกเราขย่มท้ายรถเป็นระยะ ตรงไหนมีก้อนกรวดมากก็ขย่มมากหน่อย รถจี๊ปไต่ขึ้นดอยไปได้ คืองี้ครับ รถจิ๊ปไม่หนัก เจอกรวด ล้อก็หมุนฟรี แบบไม่เสียตังค์ 555 พอเจอหน่ม ๆ ขย่ม ก็เกิดแรงกดไปที่ล้อจับดินลูกรังเลยวิ่งขึ้นดอยได้ จริงแล้วรถคันนี้มีคันเกียร์ใหญ่คู่กับเกียร์เล็ก แต่อันเล็กน่าจะเป็น เกียร์โลว์แต่ใช้ไม่ได้ ทำให้พวกเราต้องออกกำลังขย่ม พวกเราเข้าถึง ตัวตลาดปาย ก็บ่าย 4 โมงผ่านวัดหลวงไปน้า หยาขับไปตามถนนเล็ก มุ่งสู่น้ำปาย ขวามือเป็นโรงเรียน แล้วไปจอดบ้านริมน้ำปาย เป็นบ้านเพื่อนน้าเขา เห็นใบหน้าแต่ละคน ก็หัวเราะแล้ว เป็นฝรั่งผมแดงกันทุกคน เข้าไปไหว้ทักทายเจ้าของบ้านที่ออกมาต้อนรับ เลยรู้ว่า น้าผู้ชายเป็นคนระยอง ฮิ แต่งงานอยู่กินกับน้าหญิงคน เมืองปายหลายสิบปี มีลูกเรียนอยู่ที่เชียงใหม่ ร.ร.วัฒโนทัยพายัพแหง..ละครับเป็นลูกสาว ดูรูปแล้วน้องเขาสวย ดูรูปเพลินเลย แหะ ๆ นัยตาคม คิ้วเข้มสวยซึ้ง ดูไม่เบื่อ เริ่ม ดูสาวเป็นแล้วน้า....555 เก็บข้าวของไว้บนบ้าน น้าหยากับน้าเจ้าของบ้านให้พวกเรา ไปอาบน้ำอาบท่า จริงครับเป็น ท่าน้ำจริง ๆ เป็นไม้สัก สองแผ่นวางพาดไปกับ คานไม้ที่พาดขวางอยู่ปริ่มน้ำปาย ถอดเสื้อผ้าออก เหลือแต่ กก.ใน ค่อย ๆ เอาเท้าแหย่ลงน้ำ โห น้ำมันเย็นค่อนข้างมาก วักน้ำใส่อกหลายครั้ง ตบ ๆ จนเริ่มชินกับน้ำ โดดตุมลงน้ำปาย น้ำไม่ลึกหรอกแค่เอวเอง เท้า แหะ ๆ พูดเสียสุภาพ ก็ฝ่า ตีน เจอทรายอยู่ข้างใต้ ทรุด ตัว หัวดำน้ำสลัดไปมา แค่นั้นหัวก็ดำเหมือนเดิมแล้ว พวกเราสามคน นั่งอยู่ในน้ำ ให้คอโผล่น้ำปายอุ่นสบาย มองไปฝั่งโน้น เป็นหาดทรายค่อนข้างหยาบ ไม่ขาวสีค่อนข้าง ออกน้ำตาลปนแดงนิด ๆ เลยเดินลุยน้ำไป เลยหาดทราย ไปกว่า 30 เมตรเป็น ไร่หอมเตียม เขาเรียกแบบนั้นครับจริงก็ กระเทียม ชาวบ้านเขาปลูกยกร่องกว้างขนาดเมตรยี่สิบ ยกร่อง ไปกว่าสิบเมตร ใบกระเทียมเขียวเข้ม สวยเรานั่งบนคันดิน ของไร่กระเทียมมองไปฝั่งบ้านพักที่อยู่ฝั่ง ตรงข้าม แสงอาทิตย์สีแดงเรื่อ ๆ สาดไปทั่ว กระทบสายน้ำปาย เกลียวน้ำยามพัดผ่านกิ่งไม้เป็นประกาย ระยิบระยับทอดยาวไปกับสายน้ำไหล พริ้วไปสุดสายตา กว่าชั่วโมงที่พวกเราอาบน้ำปายอันอุ่น เสื้อกางเกงที่เปื้อนฝุ่น สีแดงซักน้ำธรรมดาบิดแล้วตากไว้ราวไม้ไผ่ริมตลิ่ง ใช่ครับ บ้านที่เราพัก เป็นคุ้งน้ำปาย ยามน้ำมาจะไหลกัดเซาะ ดินปนทราย เกิดตลิ่งฝั่งตรงข้ามเลยเกิดหาดทรายพูนขึ้น ดูดวงอาทิตย์กำลังจะลับดอยไป อีกไม่นานก็จะมืด ต้องรีบขึ้น จากน้ำ ไปดูน้าหยา กับน้าผู้ชาย ทำกับข้าว น้าหยาบอกว่า จะสอนทำกับข้าวให้ คงรู้ว่าพวกผมทำกับข้าว ไม่ค่อยเป็น ก็ส่วนใหญ่ แม่กับพี่สาวคนโตทำให้กิน ส่วนน้าหยา ไม่ต้องห่วง แกชอบกรึ๊บครับ ฝีมือทำอาหารรสจัด ตามสไตล์คนระยอง ฮิ ดูอักษรที่พิมพ์มาเยอะ... วันนี้ จะมีคนปิดถนน ในกท. เซ็ง...มาก ไว้ผมจะเล่าใหม่ครับ เตรียมตัวเดินทางไปทำงานก่อน ดันอยู่ แถวสีลม จริงแล้วผมเปล่าดันนะ ทำที่นี่หลายปีแล้ว... พวกเขา บอกว่า ทำเพื่อ ชาติ รู้แน่ ๆ ต้องเปลี่ยนเส้น ทางขับรถ ขึ้นทางด่วน เสียเงินอีกแล้ว.. เรียกเก็บจากใครได้น้อ...... ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ st. 99935 / 131479
Create Date : 13 มกราคม 2557
39 comments
Last Update : 7 มกราคม 2562 10:41:20 น.
Counter : 4118 Pageviews.