No.28 บันทึกรัก ถึงนายตูน ผู้เกลียมัว
29 ธันวาคม 2553 หน้าทีวี ถึง พ่อกะแม่
อย่าเพิ่งสงสัยว่านี่คือจดหมายอะไร... มิใช่จดหมายขอเงินจากลูก แต่น่าจะเป็นจดหมายฉบับแรกที่หนูตั้งใจเขียนให้พ่อกะแม่ นอกเหนือจากจดหมายน้อยที่พวกเราเคยแปะโต๊ะสื่อสารระหว่างกัน หนูเขียนอีเมล์ถึงคนอื่นมามากมายไม่เคยเขียนถึงพ่อแม่เลย ขอลองซะหน่อยค่ะ ... และหนูเป็นคนชอบเขียนมากกว่าพูดน่ะค่ะ
หลังจากที่ชีวิตของหนูเจอมรสุมอีกครั้งหนึ่งเมื่อไม่กี่เดือนมานี้ ฟุ้งซ่านสับสนมากอยู่ตามที่พ่อกะแม่ก็ได้รับทราบอย่างใกล้ชิดทุกวัน พลอยทำให้บรรยากาศหน้าฝนสุดแสนจะหดหู่อึมครึมเพิ่มขึ้นกันไปหมดทั้งบ้าน ช่วงนั้นอยู่ ๆ คิดอะไรไม่รู้ .... รู้แค่ว่าอยากไปปฏิบัติธรรม.... และเดือนพฤศจิกายนก็มีโอกาสลุยเดี่ยวได้ไปปฏิบัติธรรมยาว 7 คืน 8 วันที่วัดอินทรวิหาร พระอารามหลวง พ่อขับรถไปส่งเข้าวัดได้บุญไปเต็ม ๆ ส่วนแม่ก็เตรียมอาหารให้กินมื้อเช้าก่อนเข้าวัดก็ได้บุญด้วย ในวันที่ 4 ของการปฏิบัติธรรมประมาณ 6 โมงเช้ามีการจัดพิธีกตัญญูบูชาพระคุณพ่อแม่ เสียดายที่เหล่าลูกโยคีส่วนใหญ่ไม่รู้จึงไม่ได้แจ้งพ่อแม่ไปเข้าร่วมพิธีด้วย ได้ฟังบรรยายเรื่องพระคุณพ่อแม่จนซาบซึ้ง พระอาจารย์และวิทยากรได้แนะนำลูกโยคีทุกคนว่า เมื่อกลับออกจากวัดแล้วให้นำพวงมาลัยไปกราบเท้าพ่อแม่ผู้ซึ่งเป็นพระอรหันต์ในบ้าน พร้อมขออโหสิกรรมที่ลูกได้เคยทำให้พ่อแม่เสียใจ เพราะถ้าไม่มีพ่อแม่ผู้ให้ชีวิตลูกเกิดมาและชุบเลี้ยงจนเติบโตจนถึงปัจจุบัน เราคงไม่มีโอกาสได้มาสร้างบุญมหากุศลครั้งนี้หรือแม้แต่การได้โอกาสทำบุญสะสมบุญตลอดชีวิต และจนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีพวงมาลัยมากราบเท้าพ่อแม่แต่อย่างใด... มีเพียงจดหมายนี้เท่านั้นค่ะ ฮ่าๆๆ (^^')
หนูไม่ค่อยอยากคิดแล้วว่า การตัดสินใจเรื่องงานครั้งที่เพิ่งผ่านมานั้นถูกหรือผิด ได้พยายามมากหรือน้อยเกินไป ขอคิดซะว่าส่วนหนึ่งเป็นเรื่องของวิบากกรรมดีกว่า เรื่องราวนี้มีอะไรมากมายที่สามารถอธิบายได้ด้วยเหตุผล และมีบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ด้วยเหตุผล หากในชีวิตต้องเสียอะไรไปเพื่อจะได้อีกอย่างหนึ่งมา การจำต้องเสียงานครั้งนี้คงเป็นจุดเปลี่ยนครั้งหนึ่งที่ดีที่สุดในชีวิตของหนู ... ที่ได้พบธรรมะ ตลอดมาหนูไม่ค่อยมีหลักยึดในการดำเนินชีวิต รู้แต่ว่าเป็นคนดีมีน้ำใจก็เพียงพอไม่คิดร้ายกับใคร เป็นคนปานกลางมาตลอดในเรื่องเรียนและการทำงาน ไม่มีอะไรสุดโต่งเชิดหน้าชูตาครอบครัวจนพูดได้เต็มปากว่าประสบความสำเร็จ หลายครั้งที่หนูดันเป็นแบบคนซื่อไร้เล่ห์เหลี่ยมมองโลกแง่ดีเกินไป บางครั้งก็ขี้รำคาญหงุดหงิดจนเสียศูนย์ไปเลยทีเดียว เจอบทเรียนแรง ๆ ต้องกัดฟันอดทนสู้บ้างอ่อนแรงบ้างเมื่อเจอความทุกข์ พอเจอเรื่องใหญ่อะไรก็ตกม้าตายตลอด หนูเป็นคนคิดมากเหลือเกิน
โชคดีที่มีครอบครัวที่ดี ทั้งพ่อ แม่ พี่นัท และยายเหลียว คอยโอบอุ้มหนูมาตลอดชีวิต ถือเป็นเรื่องดีที่สุดที่หนูได้เกิดเป็นน้องน้อยของครอบครัวนี้ พวกเราอาจไม่ร่ำรวยมีเงินมากพอที่จะซื้อได้ทุกอย่างที่ต้องการ พ่อให้ลูก ๆ ใช้เงินเป็นรายเดือนตั้งแต่ยังเด็ก หนูรู้สึกว่าทรมานมาก ๆ เงินน้อยไม่พอซื้อขนมที่เห็นเพื่อนเค้าซื้อกินกัน หรือเปรียบเทียบกับเพื่อนตอน ป.ตรีหนูก็ได้น้อยกว่ามาก เจอเรื่องค่ารถเมล์เงินประจำเดือนก็แทบหมดไปแล้วครึ่งก้อน ประหยัดตัวเป็นน็อตเลยหลายครั้งต้องยืมยายเมื่อปลายเดือนด้วย ฮ่าๆๆๆ แต่เมื่อได้รับเงินเดือนครั้งแรกจากการทำงานที่มากกว่าเงินจากพ่อแม่ทุกเดือน เงินเดือนแค่ไม่กี่พันบาทแต่หนูกลับรู้สึกว่าตัวเองมีเงินเยอะมากใช้เต็มเดือนอย่างสบาย ๆ เงินก็ยังเหลือเก็บอยู่มาก เริ่มได้ฝากธนาคารก็ตอนนี้ ในมุมมองของหนู ณ วันนั้นจึงเกิดปัญญาได้รู้ว่าพ่อแม่มองการณ์ไกลฝึกให้ลูก ๆ รู้จักประหยัดบริหารจัดการเงินด้วยตัวเอง สอนให้ลูกใช้เงินเป็น โชคดีอีกอย่างที่โตขึ้นมาหนูไม่ค่อยชอบขนมหวานหรือของหวานมากนักคงเพราะไม่ได้กินตั้งแต่เด็กเลยไม่ติดรสหวานนั่นเอง หนูกลายเป็นคนชอบกินไส้กรอกที่แทบไม่มีโอกาสได้กินตอนเด็กมากกว่า ...
คิดไปคิดมาหนูโชคดีมาก ๆ อ่ะค่ะ ในทางธรรมเค้าเรียกว่ามีบุญที่ได้เกิดท่ามกลางกัลยาณมิตร ไม่เจอครอบครัวที่ทะเลาะแตกร้าว หนูว่าแม่โชคดีที่เจอพ่อ พ่อรักครอบครัวมากแถมไม่ค่อยขึ้นเสียงกลับเวลาแม่วีนเหวี่ยงใส่ หายากนะผู้ชายแบบนี้แม่น่าจะดีใจ ... ส่วนพ่อก็โชคดีที่แม่ทำขนมเก่ง ขยันหน้าเตาเป็นระวิง เป็นแม่บ้านแม่เรือนคอยปรนนิบัติเรื่องอาหารการกินให้ครอบครัวเราไม่เคยขาดปากจากของกิน และพวกเราโชคดีที่มียายเหลียวทำอาหารสุดยอดแห่งความอร่อยให้กินมาตลอดชีวิต ทั้งช่วยชุบเลี้ยงพี่นัทกับหนูแบบรักสุดใจตั้งแต่แรกเกิด พี่นัทเป็นลูกที่พ่อแม่น่าจะเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จด้านการงานและครอบครัว ส่วนหนูก็อย่างที่ได้กล่าวข้างต้นวันหน้างานคงฟูได้บ้างอย่างที่เค้าว่าสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม หนูผ่านอุปสรรคทางการงานมาสิบกว่าปีในองค์กรทั้ง 4 แห่งที่ได้ทำงานอย่างทุ่มเท พบเจอคนดีมากมายมีเพื่อนร่วมงานที่ดีเจ้านายที่ดีหลายคน อาจมีบางคนที่ทำให้รู้สึกทุกข์ใจมากยังกับมาสู่กรรมกัน ผลจากการปฏิบัติธรรมจากวันนั้นจน ณ วันนี้ หนูได้อโหสิกรรมให้กับเจ้ากรรมนายเวรที่ได้พบเจอในชีวิตแล้วอย่างเต็มใจ ... คิดซะว่า ในอดีตเราคงเคยไปทำเค้าสาหัสมานั่นเอง ...
แต่ก่อนหนูเป็นชาวพุทธที่ห่างวัด มีเพียงร่วมทำบุญ ใส่ซอง บริจาคหรือหย่อนตู้เหมือนคนส่วนใหญ่ทั่วไป วันนี้หนูมีพุทธศาสนาเป็นหลักยึดจิตใจมากขึ้นแล้ว ได้สำนึกว่าคนเราเกิดมาชดใช้กรรม ไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในวินาทีต่อไป ชาตินี้หนูมีพ่อแม่และยายเป็นตัวอย่างของคนใจบุญมีน้ำใจให้หนูเห็นมาตลอดชีวิต ส่วนพี่นัทก็มีพี่เปี๊ยกมาร่วมครอบครัวของเราที่นับได้ว่าเป็นพี่สะใภ้ผู้ใจบุญ นับว่าเป็นโชคดีของครอบครัวเราจริง ๆ ... อดีตผ่านไปแล้วกับเรื่องราวอะไรเยอะแยะในชีวิต จากนี้ไปมีความตั้งใจว่า หนูจะเป็นคนดี (ใช้คำพูดเหมือนวิกรม กรมดิษฐ์มั๊ย??) จะพยายามปรับปรุงตนเองให้อดทนมีสติมากขึ้นด้วยธรรมะ ให้สมกับที่ได้เกิดเป็นคนและสมกับพระคุณยิ่งใหญ่ที่พ่อแม่และยายทำงานอย่างหนักลงทุนลงแรงชุบเลี้ยงมาอย่างดีจนถึงวันนี้ อย่างที่เคยได้ยินว่าคนเป็นพ่อแม่ส่วนใหญ่อยากให้ลูกเป็นคนดีของสังคม บางครั้งหนูอาจไม่ขยันงานบ้านมากเท่าที่แม่ต้องการหรือพูดกับพ่อแม่ไม่ค่อยมีคำพูดคะขาอย่างบ้านอื่น ก็ขอจงอย่าถือสาเพราะในความโฮกฮากนั้นหนูคิดว่าพ่อแม่เข้าใจในวัฒนธรรมของบ้านเราที่ไม่เคยหวาน ไม่มีพิธี happy ใด ๆ มาตลอด จึงขออนุญาตเป็นแบบเดิมเพราะธรรมะ = ธรรมชาติค่ะ ฮ่า ฮ่า
โอกาสนี้กราบขออโหสิกรรมกับสิ่งที่ลูกได้เคยล่วงเกินพ่อกับแม่หรือมีสิ่งใดที่ลูกเคยทำให้เสียใจมาตลอดชีวิต ขอให้พ่อแม่ยกโทษและอโหสิกรรมให้ลูกสาวคนนี้ด้วยนะคะ ...
จาก หนูแพร ... ลูกสาวของพ่อแม่
ปล. พ่อกะแม่อย่าร้องไห้เพราะซาบซึ้งเกินไปนะ หนูน่ะขอเขียนเว่อร์ ๆ ไว้ก่อนแหละ ทำได้-ไม่ได้อีกเรื่องนึงค่ะ
ณ หน้าทีวี
Create Date : 04 มกราคม 2554 |
|
39 comments |
Last Update : 3 มกราคม 2562 10:39:47 น. |
Counter : 1701 Pageviews. |
|
|
|
ธรรมะ คือ ธรรมโอสถ
ที่เยียวยาทุกโรคทุกข์จริงๆนะครับพี่