ความดันโลหิตสูง ฆาตกรเงียบ
“ความดันโลหิต” หรือ Hypertension เป็นโรคที่คุ้นหูของทุกคน แต่จะมีสักกี่คนที่เคยตรวจเช็คสุข
เบื้องต้นควรรู้จักแรงดันโลหิตก่อน หรืออาจเรียกว่า แรงดันเลือด การบอกค่าความดันโลหิต มักบอกเป็นสองค่าคือ แรงดันโลหิตค่าบน (System Blood Pressure) ซึ่งเป็นแรงดันขณะที่หัวใจสูบฉีดเลือดออกมาในเส้นเลือดแดง กระบวนการนี้หัวใจมีการบีบตัว และแรงดันโลหิตค่าล่าง (Diastolic Blood Pressure) ซึ่งเป็นแรงดันที่ยังมีค้างอยู่ในหลอดเลือดแดง ขณะที่หัวใจไม่ได้ฉีดเลือดออกมา หรืออาจเรียกได้ว่าหัวใจกำลังคลายตัว ปัจจุบันจะแบ่ง เกณฑ์ภาวะความดันโลหิต ได้ดังนี้
ความดันโลหิตปกติ คือ ค่าความดันโลหิตค่าบนน้อยกว่า 120 มม.ปรอท และค่าความดันโลหิตค่าล่างน้อยกว่า 80 มม.ปรอท
ความดันโลหิตเริ่มสูง คือ ค่าความดันโลหิตค่าบน 120 - 139 มม.ปรอท และค่าความดันโลหิตค่าล่าง 80 - 89 มม.ปรอท
ความดันโลหิตสูง คือ ค่าความดันโลหิตค่าบนตั้งแต่ 140 มม.ปรอทขึ้นไป หรือความดันโลหิตค่าล่างตั้งแต่ 90 มม.ปรอท ขึ้นไป
นพ.ปัญเกียรติ โตพิพัฒน์ อายุรแพทย์โรคหัวใจโรงพยาบาลเวชธานี กล่าวว่า คนส่วนใหญ่มักจะเข้าใจผิดที่คิดว่า ถ้ามีความดันโลหิตสูง ก็จะมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย จากการสำรวจจะเห็นได้ว่า คนส่วนใหญ่ไม่ทราบว่าตนเองมีความดันโลหิตสูง เนื่องจากไม่มีอาการใด ๆ และความดันโลหิตก็ทำให้เกิดผลเสียต่อร่างกายโดยไม่ทันได้ป้องกันหรือรับการรักษา ด้วยเหตุนี้โรคความดันโลหิตสูงจึงได้รับสมญาว่า “ฆาตกรเงียบ” (Silent Killer)
ผลจากความดันโลหิตสูง ทำให้เกิดผลเสียต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย โดยเฉพาะอวัยวะที่สำคัญ อาทิ
หัวใจ ทำให้หลอดเลือดหัวใจเสื่อมสภาพและเกิดการอุดตัน ทำให้เกิดโรคหัวใจขาดเลือด
สมอง ความดันโลหิตสูงสามารถจะทำให้หลอดเลือดสมองตีบตัน และเส้นเลือดสมองแตกทำให้เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
ไต ความดันโลหิตสูงสามารถจะทำให้เส้นเลือดที่ไปเลี้ยงไตเสื่อมได้เช่นกัน
ตา จอประสาทตามีโอกาสเสื่อมจากเส้นเลือดฝอยอุดตัน เส้นเลือดฝอยแตก จอประสาทตาลอกได้ง่าย ทำให้เกิดภาวะตามัวและอาจทำให้ตาบอดได้
หลอดเลือด ความดันโลหิตสูง อาจทำให้หลอดเลือดทั่วร่างกายเสื่อมและสามารถส่งผลกระทบต่ออวัยวะทั่วร่างกายได้
การป้องกัน ควบคุมและการรักษา
1. ควบคุมอาหาร ควบคุมน้ำหนัก ซึ่งผู้ป่วยความดันโลหิตสูงที่มีน้ำหนักตัวเกินกำหนด เมื่อลดน้ำหนักลง 1 กิโลกรัม จะสามารถลดความดันโลหิตค่าบนลงได้ 2.5 มม.ปรอท และความดันโลหิตค่าล่างได้ 1.5 มม.ปรอท
2. การจำกัดปริมาณเกลือในอาหาร การรับประทานอาหารที่มีรสเค็มสามารถทำให้ความดันโลหิตสูงขึ้นได้ ควรจำกัดปริมาณเกลื่อที่รับประทานในแต่ล่ะวันไม่ให้เกิน 6 กรัม ซึ่งจะช่วยลดความดันโลหิตลงได้ประมาณ 2-8 มม.ปรอท
3. ควรหลีกเลี่ยงความเครียด เนื่องจากความเครียดจะทำให้เกิดการหลังสารเคมีและฮอรืโมนที่จะทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้
4. ควรงดสูบบุหรี่ บุหรี่มีผลทำให้เกิดความดันโลหิตสูงได้ง่ายขึ้น งด หรือ ลดการดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณมากจะเป็นสาเหตุของความดันโลหิตสูงได้ หรือถ้าหากดื่มก็ควรลดลง โดยในแต่ล่ะวันไม่ควรดื่มสุราเกิด 60 ลบ.ซม. เบียร์ 720 ลบ.ซม. หรือไวน์ไม่เกิน 240 ลบ.ซม.
5. การออกกำลังกาย จากการศึกษาพบว่า หลังจากผู้ป่วยความดันโลหิตสูง ออกกำลังกายอย่างเหมาะสมเป็นระยะเวลาต่อเนื่องกัน 3 - 6 เดือนขึ้นไป จะสามารถลดความดันโลหิตลงได้ ประมาณ 10 – 20 มม.ปรอท
ทั้ง นี้การพบแพทย์และรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งสม่ำเสมอ แจ้งแพทย์เกี่ยวกับโรคประจำตัวและยาที่รับประทานอยู่เป็นประจำทุกชนิด เพื่อที่แพทย์จะได้พิจารณายาลดความดันโลหิตที่เหมาะสม ซึ่งการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอและควรวัดความดันโลหิตเป็นประจำและจดบันทึกไว้ จะเป็นประโยชน์ช่วยในการให้แพทย์ควบคุมความดันโลหิตของท่านได้ดีขึ้น
เชื่อว่าหากท่านมีความเข้าใจและปฏิบัติตนได้ตามคำแนะนำนี้แล้ว จะทำให้รู้ทันฆาตกรเงียบรายนี้ได้ และสามารถป้องกันไม่ให้ทำร้ายคุณและคนที่คุณรักได้
ที่มา PS Magazine
สารบัญ บทความ สุขภาพ คลิกดู ที่นี่ค่ะ
Create Date : 26 กรกฎาคม 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 26 กรกฎาคม 2552 9:04:10 น. |
Counter : 1710 Pageviews. |
|
|
|