อำลา อาลัย...อาต้อย เศรษฐา ศิระฉายา ปีนี้ผ่านไปไม่กี่เดือนอัพบล็อกอำลาอาลัยศิลปินและนักร้องหลายท่านเลย อีกท่านหนี่งที่รักและเสียดายมากคือ คุณเศรษฐา​ ศิระฉายา เราโตมากับเพลงของ วงดิอิมพอสซิเบิล ชอบและร้องได้แทบจะทุกเพลง เคยดูหนังที่อาต้อยร้องเพลงประกอบในโรงหนังด้วยค่ะ จำไม่ได้ว่าอาต้อยแสดงด้วยหรือเปล่า อย่างเรื่อง "จันทร์เพ็ญ" "ระเริงชล" "หนึ่งนุช" ประทับใจเพลงในหนังมากกกก อาต้อยไม่แค่ร้องเพลงเพราะ ผลงานการแสดงก็ยอดเยี่ยมจนได้รับหลายรางวัล อาต้อยเป็นนักร้องที่เสียงไม่เปลี่ยนเลย สมัยหนุ่ม ๆ เสียงดียังไง แก่ตัวแล้วคุณภาพของเสียงก็ยังยอดเยี่ยมคงเส้นคงวา แสดงคอนเสิร์ตตอนอายุมาก เสียงยังเปีะเวอร์ ต้องยกย่องครูเพลงทุกท่านด้วยที่ประพันธ์เพลงเพราะ ๆ ให้วงดิอิม แปะเพลงไว้สองคลิป คลิปแรกเป็นเพลงที่ชอบมากที่สุดเพลงนึงชื่อ “จูบฟ้าลาดิน” อีกคลิปเป็นรวมเพลงเพราะ ๆ ของวงดิอิม แล้วก็เหมือนเคย อัพบล็อกถึงศิลปินในดวงใจ บล็อกก็ต้องยาวโลดดดเป็นธรรมดาจ๊ะ ขอบคุณเจ้าของข้อมูลจากหลายเวบที่นำมาอัพลงบล็อกไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ และขอบคุณอาต้อยและสมาชิกวงดิอิมพอสซิเบิลทุกท่านมาก ๆ นะคะที่ทำให้คนไทยมีความสุขด้วยเพลงเพราะ ๆ มาหลายสิบปี อาต้อยและเสียงร้องอันไพเราะของท่านจะอยู่ในหัวใจคนไทยไปอีกนานแสนนาน ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวศิระฉายาที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไป ขอดวงวิญญาณของอาต้อยไปสู่สุคติในสัมปรายภพค่ะ นับเป็นอีกหนึ่งความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่สำหรับวงการบันเทิงไทย สำหรับการจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ของ ต้อย-เศรษฐา ศิระฉายา หรือ อาต้อย ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง) ประจำปี ๒๕๕๔ ในวัย ๗๗ ปี หลังจากที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งปอดมาอย่างยาวนาน โดยมีสมาชิกครอบครัวศิระฉายา ทั้งภรรยา เปี๊ยก-อรัญญา นามวงศ์ และลูกสาวลูกเขย รวมถึงหลานชายตัวน้อย น้องมีบุญ เฝ้าคอยดูแลเป็นกำลังใจให้อยู่ไม่ห่าง ซึ่งทางด้านของ อี๊ฟ พุทธิดา ผู้เป็นลูกสาว ได้โพสต์ภาพถ่ายท้องฟ้ายามค่ำคืน พร้อมกับแคปชั่นข้อความ "4.42" ลงบนอินสตาแกรม @yvessirachaya โดยมีผู้หลักผู้ใหญ่ และเพื่อนพ้องคนบันเทิง เข้ามาร่วมคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้อย่างล้นหลาม เศรษฐา ศิระฉายา เกิดเมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๗ เป็นชาว จ.พระนครศรีอยุธยา จบการศึกษามัธยมปลายจากโรงเรียนวัดบวรนิเวศ และจบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะรัฐศาสตร์ หลักสูตรโครงการพิเศษ สาขาวิชาการเมืองการปกครอง มหาวิทยาลัยรามคำแหงระดับปริญญาโท คณะบริหารธุรกิจ สาขาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต MBA มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี และปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี เศรษฐา เป็นพิธีกร นักแสดง และอดีตนักร้องนำวงดิอิมพอสซิเบิ้ล วงสตริงคอมโบที่ประสบความสำเร็จและยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับวงดนตรีหลายวงที่กำเนิดขึ้นในยุคต่อมา ใน พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีไทยสากล-ขับร้อง) และอดีตประธานมูลนิธิสวัสดิการนักแสดงอาวุโส เศรษฐา เริ่มก้าวเข้าสู่เส้นทางสายบันเทิง ตั้งแต่อายุประมาณ ๑๖ ปี ด้วยการเป็นคนขนเครื่องดนตรีในวงดนตรี ตามคำชักชวนของน้าชาย คือ สุรสิทธิ์ สัตยวงศ์ อดีตพระเอกภาพยนตร์ชื่อดังในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ จากเด็กขนของ เศรษฐาได้ฝึกหัดทักษะด้านดนตรีแบบครูพักลักจำ จนกระทั่งได้ก้าวขึ้นมาเป็นนักร้องตามสถานบันเทิงต่าง ๆ และได้รวมตัวกับเพื่อน ๆ นักดนตรี ตั้งวงดนตรี Holiday J-3 ร่วมกับ วินัย พันธุรักษ์, พิชัย ทองเนียม, อนุสรณ์ พัฒนกุล และ สุเมธ อินทรสูต ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็น Joint Reaction และได้เปลี่ยนอีกครั้งว่า The Impossibles ซึ่งเป็นชื่อการ์ตูนชื่อดังของอเมริกาในสมัยนั้น โดย “ต้อย เศรษฐา” เป็นนักร้องนำปี พ.ศ. ๒๕๑๒ ดิอิม เป็นวงดนตรีที่ถือกำเนิดและประสบความสำเร็จมาจากความสามารถและฝีไม้ลายมือเพียว ๆ ไม่ได้มาจาก การตลาดหรือหน้าตาอย่างหลาย ๆ วงในปัจจุบัน โดยก่อนที่จะเป็นวง ดิอิมพอสสิเบิ้ลส์ ๔ หนุ่ม ซึ่งประกอบด้วย “วินัย พันธุรักษ์” (ต๋อย/แซกโซโฟน)-กีตาร์,”พิชัย ทองเนียม” (แดง)-เบส,”สุเมธ อินทรสูต” (ชื่อจริง) หรือ“สุเมธ แมนสรวง”-คีย์บอร์ด และ “อนุสรณ์ พัฒนกุล”(แตง)-กลอง ได้ฟอร์มวง “Holiday J-3” ขึ้นมาในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ จากนั้น Holiday J-3 ได้ดึง “เศรษฐา ศิระฉายา”(ต้อย) มือกีตาร์และนักร้องผู้มีประสบการณ์โชกโชนที่สามารถเอนเตอร์เทนต์คนดูหน้าวงได้เป็นอย่างดี เข้ามาร่วมเป็นสมาชิกคนที่ ๕ ของวง ระหว่างนี้ ๕ หนุ่ม นอกจากจะเล่นดนตรีประจำแล้ว ยังคร่ำเคร่งมุ่งมั่นซ้อมกันอย่างหนักเพื่อพัฒนาฝีมือตัวเอง พร้อมกับเปลี่ยนชื่อวงเป็น Joint Reaction แต่พวกเขารู้สึกว่าชื่อนี้มันยังไม่ใช่อยู่ดี จึงทำการเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น “The Impossibles” ซึ่งเป็นไอเดียของเศรษฐา มาจากชื่อหนังการ์ตูนยอดฮิตในยุคนั้น ปี พ.ศ. ๒๕๑๒ The Impossibles สามารถคว้าถ้วยพระราชทานรางวัลชนะเลิศการประกวดวงสตริงคอมโบ ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งแรก โดยสมาคมดนตรีแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่งผลให้เริ่มเป็นที่นิยม และเป็นจุดเปลี่ยนให้เศรษฐาได้เข้ามาสัมผัสโลกภาพยนตร์เป็นครั้งแรก เมื่อเขาและเพื่อน ๆ ได้รับการทาบทามจากเปี๊ยก โปสเตอร์ให้มาร่วมบรรเลงเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่อง โทน (๒๕๑๓) ดิ อิมพอสซิเบิ้ล ยังคงชนะเลิศการประกวดวงสตริงคอมโบอีก ๒ ครั้งติดต่อกันหลังจากนั้น ผลจากการคว้าแชมป์ถ้วยพระราชทาน วงดิอิมพอสสิเบิ้ลส์ โด่งดังขึ้นมาแบบฉับพลัน พร้อมกับได้รับการยกย่องให้เป็นผู้นำวงดนตรีประเภทสตริงคอมโบมาตั้งแต่นั้นมา นั่นจึงทำให้ “เปี๊ยก โปสเตอร์” ผู้ผันตัวจากนักวาดใบปิดหนังมาเป็นผู้กำกับหนัง ได้ทาบทามให้ดิอิม มาทำเพลงประกอบภาพยนตร์เรื่องแรกของเปี๊ยก คือ “โทน” และได้บรรเลงเพลงประกอบภาพยนตร์อีกหลายเรื่อง อาทิ ดวง (๒๕๑๔) สวนสน (๒๕๑๔) ระเริงชล (๒๕๑๕) ตัดเหลี่ยมเพชร (๒๕๑๘) ฯลฯ กลายเป็นวงที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ หลังกลับมาจากการไปทัวร์ที่ต่างประเทศ เศรษฐาก็ได้รับการชักชวนจาก จุรี โอศิริ ให้มาแสดงภาพยนตร์อย่างจริงจังครั้งแรกใน ฝ้ายแกมแพร (๒๕๑๘) และสามารถคว้ารางวัลพระสุรัสวดีสาขา นักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมมาครองจากผลงานเรื่องนี้อีกด้วย ช่วงกลางปี ๒๕๑๕ วงดิอิม หลังจากจากทำเพลงประกอบภาพยนตร์มามากมาย ได้เดินหน้าเข้าห้องอัด ทำคลอดผลงานเพลงชุดแรกออกมาคือ “เป็นไปไม่ได้” โดยมีพยงค์มุกดา เป็นผู้จัดทำ ซึ่งก็ประสบความสำเร็จอย่างดี สมัยนั้นยังไม่มีการทำเพลงออกเป็นเทปคลาสเซ็ท “เป็นไปไม่ได้” ถูกผลิตออกมาในรูปแบบแผ่นเสียง ลองเพลย์ สปีด ๓๓ ซึ่งเมื่อเวลาผ่านมาถึงยุคเทปคลาสเซ็ท เพลงต่าง ๆ ของดิอิม ก็ถูกทำออกมาเป็นเทปผีกันเพียบเลย ช่วงนี้วงดิอิมพอสสิเบิ้ลส์ ถือเป็นผู้นำในการสร้างดนตรีไทยสากลด้วยแนวทางอิทธิพลของดนตรีตะวันตกอย่างแท้จริง พวกเขาเล่นทั้งร็อค โซล แจ๊ซ-ร็อค ลาติน-ร็อค ป็อบ โฟล์ค ควบคู่ไปกับการใช้เครื่องเป่ามาผสมผสาน นับเป็นความหวือหวาแปลกใหม่ที่มาพร้อมกับการเขียนเพลงอันเหนือชั้น ซึ่งมีทั้งท่วงทำนองอันงดงาม ภาษาสละสลวย และเนื้อหาโดนใจ โดยผู้เขียนเพลงหลัก ๆ นั้นจัดอยู่ในประเภทครูเพลงฝีมือสุดยอดของเมืองไทยทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น สง่า อารัมภีร, ประสิทธิ์ พะยอมยงค์, สุรพล โทณะวณิก นับว่า ดิอิม เป็นผู้นำของวงดนตรีแห่งยุคสมัยอย่างแท้จริง หลังคว้าแชมป์ถวยพระราชทาน ๓ ปีซ้อน และมีชื่อเสียงโด่งดังระเบิดระเบ้อ เมืองไทยดูจะแคบไปสำหรับวงดนตรีวงนี้เสียแล้ว นั่นจึงทำให้ดิอิม เดินหน้าต่อไปอีกขั้นด้วยการเดินทางไปเล่นที่ต่างประเทศ นับเป็นการ “โกอินเตอร์” ที่มาก่อนกาลของวงการเพลงไทยในช่วงกลางปี ๒๕๑๕ พร้อม ๆ กับที่ทางวงได้เพิ่มสมาชิกเข้ามาอีกหนึ่งคนคือ ยงยุทธ มีแสง (เล็ก) ในตำแหน่งทรัมเป็ต เพื่อร่วมขับเคลื่อนวงดนตรีวงนี้มีสีสันมากขึ้น ก่อนจะบินบินลัดฟ้าไปเล่นที่คลับฮาวายเอี้ยนฮัท ในโรงแรมอลาโมอานา รัฐฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญอีกครั้งหนึ่งของวงนี้ ช่วงที่เล่นที่ฮาวาย ดิอิมพอสสิเบิ้ลส์ ประสบความสำเร็จอย่างสูง ถือเป็นวงดนตรีวงแรกที่ทำสถิติยอดขายต่อคืนสูงสุดของคลับฮาวายเอี้ยนฮัท นับตั้งแต่มีการเปิดคลับนี้มา แต่ทางวงก็ดันเกิดปัญหาขึ้นเมื่อ แดง พิชัย มือเบส ขอลาออกเนื่องจากขัดแย้งกับสมาชิกบางคนภายในวง ซึ่งความคาใจที่สะสมเรื้อรังมา ผสมกับการไปอยู่ห่างบ้านต่างเมือง ทำให้วันขาดกันมาถึง ทางวงจึงต้องโยกน้าต้อย เศรษฐา ไปเล่นเบสแทนเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า พร้อมกับดึง น้าเต๋อ : เรวัต พุทธินันทน์ นักดนตรีผู้มากฝีมือจากวงเดอะแธ้งค์ ที่เคยเล่นสลับกับ วงดิอิม ที่อิมพอสสิเบิ้ลส์คาเฟ่ในเมืองไทย มาทำเป็นนักร้องนำของวง เพื่อช่วยให้เศรษฐาเล่นเบสคล่องตัวขึ้น พร้อมกับนี้ทางวงยังได้ยกระดับการเล่นเพลงด้วยการเน้นเสียงเครื่องเป่าที่จัดจ้านและเข้มข้นขึ้น เพื่อตอบสนองนักฟังต่างชาติที่นิยมฟังเพลงรูปแบบนี้ รวมถึงทางวงยังได้พัฒนาแนวทางดนตรีของวงอยู่เรื่อย ๆ เนื่องจากได้ไอเดียและประสบการณ์มาจากการชมวงดนตรีดัง ๆ ในต่างแดน โดยน้าต้อย เศรษฐา ได้ (เคย) ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ไว้ในหนังสือฉบับหนึ่งว่า ...การไปเล่นในต่างแดน เรา (ดิอิม) ได้พบเห็นอะไรที่แปลกใหม่มากมาย ทั้งเทคนิค การเล่น รวมถึงประสบการณ์อื่น ๆ... ทว่าช่วงเวลาในต่างแดนของ ดิอิม นั้นช่างสั้นนัก เพราะเพียงแค่ปีกว่า ๆ เท่านั้นสัญญาจ้างเล่นในฮาวายก็หมดลง พวกเราเดินทางกลับมาเมืองไทยในช่วงเดือนสิงหาคม ๒๕๑๖ โดยมีผู้จัดการวงคนใหม่ คือ จรัล นันทสุนานนท์ (ดร.พุทธจรัลในปัจุบัน) หลังกลับมาเมืองไทย ดิอิม นำประสบการณ์จากเมืองนอก มาสร้างระบบใหม่ในการแสดงคือ มีการเก็บตั๋วค่าเข้าชมก่อนเข้าไปดูวงดนตรีเล่นในไนต์คลับ นับเป็นครั้งแรกในเมืองไทยและของวงดนตรีไทยเลยทีเดียว นอกจากนี้ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ๒๕๑๖ วงดิอิม ยังได้ทำอัลบั้มชุดที่สองออกมา (แผ่นลองเพลย์ สปีด ๓๓) ในชื่อชุด “หมื่นไมล์แค่ใจเอื้อม” โดยมี ประดิษฐ์ อุตตะมัง เป็นผู้จัดทำ และออกงานเพลงแผ่นเล็ก สปีด ๔๕ ที่มีเพียง ๔ เพลงออกมา(มีวิมล จงวิไล เป็นผู้จัดทำ)ในเดือนธันวาคม ๒๕๑๖ กลับมาเมืองไทยได้ไม่นาน ดิอิม มีการเปลี่ยนแปลงสมาชิกวงอีกครั้ง เมื่อ แตง : อนุสรณ์ มือกลองในยุคก่อตั้งขอลาออกไป ทางวงจึงนำ ปรีดิ์เทพ มาลากุล ณ อยุธยา(เปี๊ยก) มือกลองวงสตรีท ที่เคยเล่นที่ฮาวายต่อจากวงดิอิม เข้ามาตีกลองแทน ส่วนตำแหน่งมือได้ปึ๊ด : สมชาย กฤษณเศรณี มาทึ้งเบส แล้วโยกเศรษฐากลับมาเป็นนักร้องนำตามเดิม ด้านน้าเต๋อเรวัตนั้นรับหน้าที่เล่นคีย์บอร์ดและช่วยร้องนำร่วมกับเศรษฐา หลังเซ็ททีมเซ็ทวงเข้าที่เข้าทาง ในช่วงปี ๒๕๑๗-๒๕๑๘ ดิ อิม โกอินเตอร์อีกครั้ง เดินทางไปเล่นในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย อาทิ สวีเดน ฟินแลนด์ และนอร์เวย์ ช่วงนี้ปึ๊ดสมชายที่เพ่งเข้ามาได้ขอลาออก ทำให้ทางวงดึงไพฑูรย์ วาทยะกร (หลานพระเจนดุริยางค์) มาเล่นเบสแทน ระหว่างทัวร์ยุโรป ดิอิม ยกระดับการโก อินเตอร์ ไปอีกขั้น ด้วยการ ออกอัลบั้มเพลงสากลเป็นครั้งแรกของวงในชื่อชุด “Hot Pepper” (ปี ๒๕๑๘) แต่งานเพลงชุดนี้ล้มเหลวทั้งเมืองนอกและเมืองไทย จบจากทัวร์ยุโรป ดิอิม กลับมาเล่นที่เมืองไทย ที่โรงแรมมณเฑียร ช่วงนี้เป็นช่วงปลายของวง ซึ่งแม้ชื่อเสียงของดิอิมพอสสิเบิ้ลส์ ยังคงหอมฟุ้งอยู่ แต่สุดท้ายทางวงก็ได้ทำในสิ่งที่ใครหลายคนคิดว่าเป็นไปไม่ได้ด้วยการ ประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการในช่วงเดือนเมษายน ๒๕๑๙ ก่อนที่ทางวงจะทำการเล่นต่อไปอีกพักหนึ่ง แล้วจึงยุติการแสดงอย่างถาวรในราวเดือน ตุลาคม ๒๕๑๙ โดยสมาชิกแต่ละคนต่างแยกย้ายไปตามเส้นทางของตัวเอง ปี พ.ศ. ๒๕๑๙ ดิ อิมพอสซิเบิ้ล ประกาศยุบวงอย่างเป็นทางการ เศรษฐาจึงก้าวเข้าสู่เส้นทางการแสดงอย่างเต็มตัว มีบทบาทโดดเด่นทั้งการเป็นพิธีกรและนักแสดง กล่าวเฉพาะภาพยนตร์ เขานับเป็นดารายอดฝีมือคนหนึ่ง ซึ่งสามารถรับบทบาทได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นบทดี บทร้าย บทตลก ส่งผลให้มีผลงานออกมามากมายจวบจนปัจจุบัน เช่น แผลเก่า จำเลยรัก มนต์รักแม่น้ำมูล พ่อกระดิ่งทอง ยอดรักผู้กอง เลดี้ฝรั่งดอง เฮงได้ เฮงดี รักนี้ วิมานมะพร้าว บิ๊กบอย ฯลฯ โดยเรื่องที่โดดเด่นที่สุดเรื่องหนึ่งคือ ชื่นรัก (๒๕๒๒) ซึ่งเขาได้รับบทพระเอกประกบคู่กับ อรัญญา นามวงศ์ นางเอกชื่อดัง เป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ให้ทั้งคู่กลายเป็นคู่ชีวิตกันในเวลาต่อมา ปี พ.ศ. ๒๕๕๔ เศรษฐา ศิระฉายา ได้รับการยกย่องเชิดชูเกียรติให้เป็นศิลปินแห่งชาติ ในสาขาศิลปะการแสดง เป็นเครื่องการันตีถึงผลงานคุณภาพ ตลอดระยะเวลากว่า ๔๐ ปี ที่ยืนหยัดอยู่บนเส้นทางสายนี้ และในวันที่ ๒๖ เมษายน ๒๕๕๗ ศิลปินแห่งชาติผู้นี้จะเดินทางมาที่หอภาพยนตร์ เพื่อประทับรอยมือรอยเท้า เป็นดาวดวงที่ ๑๕๐ บนลานดารา หน้าโรงภาพยนตร์ศรีศาลายา ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงประมาณกลางปี ๒๕๖๒ ก็ได้รับข่าวร้าย เมื่อ ต้อย เศรษฐา ตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งปอด แต่อาการป่วยก็ดีขึ้น เนื่องจากมีกำลังใจดีจากครอบครัว รวมถึงหลานชายสุดที่รัก ช่วงเดือน เม.ย. ปี ๒๕๖๔ อาต้อย เศรษฐา ได้ติดเชื้อโควิด-๑๙ และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งทำให้หลายคนเป็นห่วงอย่างมาก เนื่องจากนักแสดงอาวุโสมีโรคประจำตัวคือมะเร็งปอด และเพิ่งทำคีโมมา หลังจากที่รักษาตัวในโรงพยาบาลหลายสัปดาห์ อาต้อย เศรษฐา ก็หายจากอาการป่วยโควิด และได้กลับบ้านด้วยความยิ้มแย้มแจ่มใส แต่เมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา อาต้อย ต้องกลับไปทำคีโมอีกครั้ง จากมะเร็งปอดเป็นระยะที่ ๔ ที่มีการกระจายไปที่อื่นด้วย จนเกิดผลข้างเคียงและมีภาพร่างกายซูบผอมออกมาให้ได้เห็น จนหมอต้องตัดสินใจให้อาหารทางสายยาง จนแฟน ๆ ต่างเข้าไปส่งกำลังใจกันล้นหลาม จนกระทั่งล่าสุดเมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้ (๒๐ ก.พ.) อาต้อย ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ หลังจากที่รักษาตัวมาระยะหนึ่ง ซึ่งข่าวนี้ได้สร้างความเศร้าเสียใจให้กับครอบครัวศิระฉายา คนในวงการบันเทิง รวมไปถึงแฟน ๆ เป็นอย่างมาก กว่า ๕๐ ปีในวงการบันเทิง เศรษฐา ศิระฉายา ที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงโด่งดังกับการเป็นนักร้องนำวง ดิ อิมพอสสิเบิลส์ (The Impossibels) เป็นศิลปินอีกคนหนึ่งที่เป็นที่รักใคร่นับถือ และเป็นศิลปินอีกคนหนึ่ง ที่ได้รับการยอมรับในฐานะ คนต้นแบบ ของวงการบันเทิง แม้ช่วง ๒๐ ปีให้หลัง บทบาทในวงการบันเทิงของ เศรษฐา ศิระฉายา จะหนักไปทางด้านการเป็นดาราและพิธีกร แต่ถึงอย่างนั้นสิ่งที่โดดเด่นที่สุดสำหรับผู้ชายอบอุ่นคนนี้ก็คือ ความเป็น นักร้อง ซึ่งก็ทำให้เขาได้รับการประกาศยกย่องให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง ประเภทดนตรีไทยสากล-ขับร้อง ประจำปี ๒๕๕๔ กอบสุข จารุจินดา ผู้จัดละคร เคยยกย่องพระเอกคู่ชีวิต อรัญญา นามวงศ์ นางเอกชื่อดังในอดีต และมี อี๊ฟ พุทธิดา เป็นพยานรัก กับสื่อมวลชนว่า "พี่ต้อยเป็นคนน่ารักที่สุดเลย น่ารักมาก” นับเป็นดารายอดฝีมือคนหนึ่งซึ่งสามารถรับบทบาทได้หลากหลายไม่ว่าจะเป็นบทดี บทร้าย บทตลก มีวินัยในการทำงาน รักและเอ็นดูศิลปินรุ่นน้องทุกคน ทุกครั้งที่น้อง ๆ ออกปากขอความช่วยเหลือ พร้อมให้การช่วยเหลือทันที และเต็มที่ วรายุฑ มิลินทจินดา นักแสดง และผู้จัดละคร ก็เคยยกย่อง ที่เขาเคารพนับถือมากต่อสาธารณชนเช่นกันว่า "อาต้อยเป็นคนน่ารัก” ไม่เคยโกรธเกลียดใคร ไม่เคยคิดว่าเป็นคนเด่นคนดัง ไม่เคยยกตนข่มท่าน มีทัศนคติดี มีน้ำใจ พร้อมยื่นมือช่วยเหลือผู้อื่นทุกเมื่อ การทำงานในช่วงที่อายุล่วงมาถึงวัยอาวุโส ยังมีความพร้อมที่จะเรียนรู้ ไม่ยึดติดอยู่กับความสำเร็จในอดีต จึงเป็นบุคคลอันเป็นที่รักของคนวงการบันเทิงตลอดมา และตลอดไป การแสดงความชื่นชม เศรษฐา ศิระฉายา เป็นคน "น้ำไม่เต็มแก้ว” สอดคล้องกับที่อดีตพิธีกรในตำนาน มาตามนัด คู่กับ ตุ๊ก ญาณี ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับสื่อมวลชน ในงานฉลองวันเกิด อายุ ๖๘ ปี ว่า "เส้นทาง ศิลปิน ดารา ประชาชน คือ คนตัดสินว่า เราจะไปต่อได้ไหม” "เพราะฉะนั้นควรให้ความสำคัญกับประชาชนคนดูมากกว่าเงิน มากกว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เราได้รับด้วยซ้ำ” สิ่งที่บุคคลอันเป็นที่รักใคร่ และนับถือ ถ่ายทอดเอาไว้นั้น นับว่าเป็นคำสอนที่คนบันเทิงรุ่นหลัง สามารถนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ได้ ซึ่งเขาไม่ได้พูดอย่างเดียว แต่ลงมือทำให้เห็นด้วย ช่วงบั้นปลายชีวิตก่อนสุขภาพทรุดโทรม ยังคงทำงานควบคู่กับการเรียนร้องเพลงเพิ่มเติม รวมทั้งศึกษาปริญญาเอก คณะรัฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของ เศรษฐา ศิระฉายา นับว่าเป็นความสูญเสียบุคคลทรงคุณค่า บุคคลอันเป็นที่รัก ครั้งใหญ่อีกครั้งของวงการบันเทิง ข้อมูลจาก thaipost.net sanook.com pptvhd36.com mgronline.com matichon.co.th ได้รับโล่รางวัลที่ทีมงานบล็อกแก๊งค์ส่งมาให้หลายวันแล้ว ต้องขอบคุณทีมงานบล็อกแก๊งค์มากนะคะ และขอขอบคุณเพื่อนบล็อกทุกท่านที่แวะมาอ่านบล็อกและทีโหวตให้ค่ะ บีจีจากเวบ wallcoo Free TextEditor Create Date : 31 มีนาคม 2565 Last Update : 1 เมษายน 2565 8:37:15 น. 0 comments Counter : 1723 Pageviews. Share Tweet

ผู้โหวตบล็อกนี้...

คุณSweet_pills, คุณสองแผ่นดิน, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณtoor36, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณร่มไม้เย็น, คุณชีริว, คุณปรศุราม, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณnewyorknurse, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณกิ่งฟ้า, คุณSleepless Sea, คุณThe Kop Civil, คุณกะว่าก๋า, คุณmultiple, คุณทนายอ้วน, คุณหอมกร, คุณทูน่าค่ะ, คุณ**mp5**, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณkatoy, คุณTui Laksi, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณeternalyrs