พฤศจิกายน 2564
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
27 พฤศจิกายน 2564
 

เรื่อง รัก ลึก อุ่น (Omega Verse) บทที่ 3

20 พ.ค.

ผมแปลกใจตัวเองเหลือเกิน ที่ดีใจมากขนาดนั้น ตอนเห็นหน้าเขาอีกครั้ง

ผมโอนเงินคืนเขาไปแล้ว กระดาษที่เขาจดเบอร์โทร.ให้ก็หายไปแล้ว มือถือผมจอแตก ผมก็เลยไม่รู้ว่า เขาได้อ่านไลน์ของผมหรือเปล่า เขาควรจะเป็นแค่คนคนหนึ่งที่ผมเจอ แต่...ผมคิดถึงเขา หลายวันนั้น ผมคิดถึงดวงตากลมๆ คิดถึงรอยยิ้มและถุงใต้ตา คิดถึงรอยกัดที่คอ คิดถึงคำถามที่ยังไม่ได้ตอบ

ผมว่า ผมอิ่มข้าว แต่ไม่อิ่มเขา

ม๊าเคยบอกว่า การที่โลกหมุนให้เราไปเจอใครสักคน ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มันเป็นเรื่องที่ถูกกำหนดไว้แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะทำยังไง

นั่นสิ ผมจะทำยังไง ถ้าผมมีโอกาสได้เจอเขาอีก เขาจะรู้สึกยังไงที่ได้เจอผม เขาจะอยากเจอผมเหมือนที่ผมอยากเจอเขาหรือเปล่า

ผมไม่มีคำตอบให้ตัวเอง และก็ทำอะไรไม่ถูกเลยจริงๆ ตอนที่เจอเขาอีกครั้ง

ใจผมเต้นแรงตั้งแต่เห็นชื่อเจ้าของ ในใบทะเบียนประวัติสัตว์เลี้ยง แก้วเจ้าจอม โลกนี้จะมีคนชื่อนี้สักกี่คนกัน พอประตูเปิดกว้างพอให้เห็นว่าเป็นเขา หัวใจผมกระตุกแรงจนผมคิดว่าตัวเองจะหัวใจวายตายไปแล้ว ผมได้ยินเสียงตัวเองพูดอะไรยาวเหยียด แต่ผมหยุดตัวเองไม่ได้

จอมเขาดูงงๆ ท่าทางเหมือนไม่แน่ใจอะไรสักอย่าง แต่ที่สุด เขาก็ยิ้มให้ผม จอมใจดีกับแมว เหมือนที่ใจดีกับผม เขาเจอแมวเจ็บอยู่ข้างทาง ก็เลยเก็บเอามาหาหมอ โลกหมุนให้เขามาเจอผมถึงที่นี่ แต่ผมอาจไม่โชคดีเป็นครั้งที่ 3 ผมคงต้องทำอะไรบ้าง

จอมบอกว่าเขาไม่เคยเลี้ยงแมว จะขอฝากเปรอะไว้ที่นี่ ระหว่างที่รักษา

อันที่จริง เจ้าเปรอะไม่ได้เป็นอะไรมากอาการแบบนี้ กินยา ทายา ไม่กี่วันก็กลับไปวิ่งได้เหมือนเดิมแล้ว และที่คลินิกผมก็มีคนดูแลให้อยู่แล้ว แต่ผมก็ยังบอกจอมว่า ฝากได้ 7วันก็น่าจะหาย มาดูอาการทุกวันได้มั้ย

ใจผมเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ ระหว่างที่รอคำตอบ ผมเห็นมือตัวเอง หยิบของจากถาดนั้นมาวางถาดนี้ หยิบจากถาดนี้ไปวางถาดนั้น ทั้งๆ ที่ผู้ช่วยเขาจัดทุกอย่างมาให้แล้วเรียบร้อยตามปกติ พร้อมสำหรับทำแผลให้เจ้าเปรอะ

จนผมได้ยินคำตอบรับว่าจะมาทุกวัน ให้ครบ 7 วันตามที่ผมบอก สติผมถึงได้คืนมาแล้วก็เริ่มลงมือทำแผล

ผมบอกเขาทำไมก็ไม่รู้ว่า ชื่อร้านเขา กับ ชื่อคลินิกผม ก็เหมือนกัน คือเป็นชื่อสามัญของต้นไม้ที่เป็นชื่อจริงของเราสองคน เขาจะจับได้มั้ยนะ ว่าผมสนใจเขามากขนาดไปหาดูข้อมูลของ แก้วเจ้าจอม นอกจากชื่อสามัญ ผมยังเจอรูปดอกแก้วเจ้าจอม ดอกเล็กๆ สีฟ้าอมม่วง ดูเย็นตา น่ารัก น่าเอ็นดู เหมือนเจ้าของชื่อนั่นแหละ

จอมมาทุกวันจริงๆ ตามที่เขารับปาก เขามาพร้อมของกินจัดใส่กล่องมาอย่างสวย จอมไม่เคยถาม แต่ผมก็บอกจอมทุกวันว่าของกินในกล่องเป็นยังไง ของในกล่องไม่ได้ถูกปากผมหมดทุกอย่างหรอก แต่ผมก็กินเกลี้ยงกล่องทุกวัน

จอมมาถึงตั้งแต่ 8 โมงเช้า เพราะเขามีเวลาว่างแค่ช่วงนั้น ที่จริงปกติคลินิกยังไม่เปิด แต่ผมมาเปิดรอเขา เช้าขนาดนั้น ไม่มีใครอยู่ที่คลินิก ผู้ช่วยกับหมอคนอื่นก็ยังไม่มา ผมกับจอมเลยมีเวลาสบายๆ คุยกันอยู่หน้ากรงเจ้าเปรอะ

เราคุยกันหลายเรื่อง ตั้งแต่เรื่องเรื่อยเปื่อยอย่าง ลม ฟ้า อากาศ ไปจนเรื่องหนักสมองอย่างปัญหาเศรษฐกิจ เด็กด้อยโอกาส จอมดูสนใจแทบทุกเรื่อง แต่จอมมีวิธีมองในแบบของจอม ไม่ว่าเรื่องอะไร จอมก็หามุมที่จะยิ้ม หัวเราะกับเรื่องนั้นๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซีเรียสจริงจังแค่ไหน

จอมบอกว่า เขาจะพาเจ้าเปรอะไปฝากเลี้ยงไว้ที่บ้านป้าแนม ระหว่างรอหาบ้านถาวรให้

ผมอาสาพาทั้งเขาทั้งแมวไปส่ง จอมก็ตกลงง่ายๆ ไม่ถามผมสักคำว่าทำไมจะไปส่งทั้งที่เขาก็ไปเองได้

เขาไม่สงสัย หรือเขาก็อยากอยู่กับผม ก็ไม่รู้ เพราะถ้าเจ้าเปรอะไม่ได้อยู่ที่คลินิกแล้ว เราก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องเจอกันอีก

เพราะฉะนั้น ถึงไม่ใช่วันหยุดผม ผมก็เคลียร์ตัวเองให้ว่าง แล้วก็ไปกับเขา

บ้านป้าแนมที่จอมพูดถึง อยู่นอกเมือง ห่างออกไปหลายสิบกิโลเมตร ใช้เวลาขับรถเกือบ 2 ชม. นานพอให้ผมคุยกับจอมเรื่องความเป็นโอเมกาของเขา จอมไม่มีทีท่าอึดอัดอะไรเลยที่ผมถามเรื่องที่น่าจะเป็นปมด้อยของเขา ตรงกันข้าม จอมเล่าไปหัวเราะไป ถึงครั้งแรกที่เขารู้ตัวว่ามีเชื้อสายโอเมกาอยู่ จอมเล่าว่า ตอนนั้นเขาเรียนอยู่ ม.2 วันนั้นมีเด็กผู้ชายคนนึงมาด้อมๆ มองๆ ทั้งวัน ตอนเลิกเรียน เด็กคนนี้ก็เดิมตามมาขึ้นรถเมล์คันเดียวกัน แล้วก็ตามมาเรื่อยๆ จนถึงบ้านจอม แล้วเด็กคนนั้นก็กลับบ้านตัวเองไม่ถูก จอมเลยต้องพานั่งสองแถวกลับไปปากซอย จะได้เรียกแท็กซี่กลับบ้าน จอมบอกว่าโชคดีที่เรียนโรงเรียนธรรมดาๆ ก็เลยไม่มีอัลฟามาเรียน มีแต่เด็กคนนั้นคนเดียว

ตั้งแต่รู้จักจอมมา ผมไม่เคยเห็นเขาใส่ปลอกคอเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาบอกว่า มันไม่มีประโยชน์ ถ้าอัลฟาสักคนอยากกัดคอเขา อัลฟาคนนั้นก็จะพยายามเอาปลอกคอออกจนได้ แล้วเขาก็ถูกกัดคออยู่ดี ใส่ไปก็ร้อนเปล่าๆ

ผมถามเขาเรื่องแผลที่คอ มันดูไม่ดีขึ้นเท่าไหร่เลยจากวันที่ผมเห็นครั้งแรก จอมหัวเราะ ตอบว่า  นั่นน่ะสิ รอยก่อนก็ไม่เคยนานขนาดนี้

ผมว่า เขาคงชอบคุณมั้ง จอมหัวเราะหนักกว่าเดิม ก่อนบอกว่า ไม่ชอบหรอก ผมไม่ใช่แฟนเขา พูดจบ จอมก็หันมามองผมแล้วถามว่า ยิ้มทำไม

นั่นสิ ทำไมผมดีใจก็ไม่รู้

บ้านป้าแนมเป็นบ้านสวน มีโรงเรือนที่สร้างไว้ให้แมวอยู่โดยเฉพาะ จอมบอกว่าเขาช่วยแมวแล้วอามาฝากเลี้ยงไว้ที่นี่หลายครั้งแล้ว ป้าแนมใจดี ไม่เคยปฏิเสธ แต่จอมไม่ได้บอกใคร เพราะไม่อยากให้ใครเอาภาระมาทิ้งให้ป้า ป้าแนมยิ้มบอกว่าใครจะดีเหมือนจอม เอามาฝากแล้วก็หาคนมารับไปเลี้ยงต่อทุกตัว ไม่เคยฝากแล้วหาย

ผมเห็นมีลูกแมวอยู่หลายตัว ป้าแนมบอกว่า จับทำหมันไม่ทัน วัคซีนก็ยังไม่ได้ฉีด ผมอาสามาจัดการให้เอง ตอนที่เราจะลากลับ ป้าแนมบอกให้เราช่วยแวะไปดูหมาที่วัดหน่อย มีอยู่ตัวหนึ่ง มีคนเอามาปล่อยตั้งแต่ยังเป็นลูกหมา ตอนนี้ตัวใหญ่มากจนชาวบ้านเริ่มกลัว เราก็เลยไปวัดด้วยกัน เจ้าโบ้ที่ป้าแนมบอก หน้าตาดุเอาเรื่อง แล้วก็คงมีเชื้อสายพันธุ์อารักขา ถึงได้ตัวใหญ่ เสียงดัง เห่าที ทั้งหมาทั้งคนกระเจิงกันหมด หลวงพี่บอกว่า ถ้าหาทางเอาไปไว้ที่อื่นได้ก็ดี เพราะทางวัดเองก็ไม่รู้จะดูแลยังไง ผมรับปากว่า ผมจะมาจัดการให้

กว่าจะเสร็จเรื่องก็ใกล้บ่าย จอมชวนผมกินข้าวแกง ร้านเล็กๆ อยู่ริมทาง แต่อาหารสะอาด รสชาติก็ดีด้วย ผมยังติดใจถามเรื่องที่เขาฮีต จอมเล่าว่า ปกติเขากินยาคุมไว้ แต่ยาไม่ได้คุมแต่ฟีโรโมน มันไปคุมฮอร์โมนตัวอื่นด้วย เขาก็เลยต้องกินบ้างเว้นบ้าง เขาเล่าเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่เว้นยา เหมือนกับเขาไปเที่ยวสวนดอกไม้ เขาบอกว่า ช่วงเวลานั้น เขามีความต้องการ การมีคนมาตอบสนองก็เหมือนมาช่วยบำบัด เพียงแต่เขาต้องวางแผนและเลือกดีๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง ทั้งจากโรคติดต่อและการโดนทำร้ายร่างกาย

จอมเล่าเรื่องนี้ด้วยน้ำเสียงเรื่อยๆ ไม่มีอาการน้อยใจ ไม่ชอบใจ จอมบอกว่าเขาก็แค่ทำความเข้าใจ ยอมรับ แล้วก็อยู่กับสิ่งนี้ เหมือนคนพิการ หูหนวก ตาบอด ไม่มีแขน ไม่มีขา ที่ต้องอยู่ในสภาวะนั้นไปตลอดชีวิต ถ้าไม่มัวแต่สงสารตัวเอง ชีวิตก็มีเรื่องให้หัวเราะได้อีกตั้งเยอะ

ไม่รู้อะไรมาดลใจ จู่ๆ ผมก็ถามเขาว่า คราวหน้าที่คุณเว้นยา บอกผมได้มั้ย

จอมมองผมนิ่งๆ กะพริบตาถี่ๆ เม้มปาก แล้วก็ชวนผมกลับบ้าน

ระหว่างทางกลับบ้าน ผมเล่าให้จอมฟังถึงวันแรกที่ผมรู้จักความเป็นอัลฟาในตัวผม มันไม่ดีนักหรอก แต่ผมอยากให้เขารู้ว่า บางทีการมีสัญชาตญาณนักล่า มันก็ไม่ได้สนุกเสมอไป

ก่อนจอมจะลงจากรถ ผมถามจอมว่า คราวหน้าที่ผมจะไปทำหมันฉีดยาให้แมวบ้านป้าแนม แล้วก็จะไปจัดการกับเจ้าโบ้ เขาจะไปด้วยกันมั้ย จอมหันมามองตาผม ถามว่า อยากให้ไปมั้ย

หน้าผมร้อน มือผมสั่น ผมหลบตาจอม พยักหน้าให้เขาแทนคำตอบ

เขารอจนผมหันมาหาเขา ยิ้มให้ผม บอกว่า จะไปวันไหนให้บอกล่วงหน้า เขาจะได้เตรียมตัว

เขาทำให้ผมนึกถึงคำที่เคยเห็นตอนเด็กๆ ยิ้มพิมพ์ใจ มันคงเป็นอย่างนี้ รอยยิ้ม ที่พิมพ์ประทับลงไปบนหัวใจของผม

ผมรู้ว่าวันนี้หมดเวลาของเราแล้ว แต่ผมไม่อยากกลับเลย ผมคิดถึง




Create Date : 27 พฤศจิกายน 2564
Last Update : 28 พฤศจิกายน 2564 0:14:13 น. 0 comments
Counter : 628 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

วัลยา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add วัลยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com