พฤศจิกายน 2564
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
6 พฤศจิกายน 2564
 

เรื่อง รัก ลึก อุ่น (Omega Verse) - บทที่ 1

7 พ.ค.

เมื่อวานข้างคลินิกสัตว์ของผม จัดงานทำบุญกันตั้งแต่เช้า คนมาร่วมงานเยอะแยะจนผมไม่มีที่จอดรถ ต้องไปจอดลึกเข้าไปในซอย ตอนผมจะกลับบ้าน เดินเข้าซอยไปเอารถ ปากซอยก็ดูคึกคักดี แต่พอเดินลึกเข้าไปหน่อย กลับกลายเป็นซอยเปลี่ยว เพราะไฟถนนแทบไม่มี

ผมเดินยังไม่ถึงรถ ก็ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เสียงขู่ตะคอก และกลิ่นฟีโรโมนที่ลอยมาตามลม ในความมืดนั้น ผมเห็นผู้ชาย 2 คนกำลังฉุดลากผู้ชายอีกคน ไม่บอกก็เดาออก 2 คนนั่นต้องเป็นอัลฟา ส่วนคนที่กำลังโดนลากไปนั่น ต้องเป็นโอเมกา กลิ่นฟีโรโมนยิ่งแรงขึ้น เมื่อผมเร่งฝีเท้าเข้าไปใกล้พวกเขา กลิ่นนั่นมีผลกับผมไม่ต่างกันหรอก แต่ผมว่า ผมเป็นคนดีกว่าเจ้าอัลฟา 2 คนนั่น

ผมล้วงปืนกระบอกเล็กในกระเป๋า ชูชึ้นฟ้า อีกมือกดเอฟเฟกต์เสียงยิงปืนจากโทรศัพท์ เสียงปืนดึงความสนใจของคนพวกนั้นมาหาผม ผมเดินใกล้เช้าไปอีก เปลี่ยนตำแหน่งปืนจากชูขึ้นฟ้าเป็นมาเล็งที่พวกเขาแทน ผมพูดกับพวกนั้นว่า นี่ของกู พร้อมๆ กับกระชากตัวโอเมกาคนนั้นเช้ามาหาผม กลิ่นฟีโรโมนทำให้ผมปั่นป่วนไปหมด ผมกระซิบบอกเขาว่า รถผมอยู่ช้างหน้า ซ้ายมือ จะไปกับผม หรือจะให้ 2 คนนั่นลากไป เลือก!! เขาถอยมายืนหลังผม ผมยังเล็งปืนใส่พวกนั้น ขณะที่เดินอ้อมไปอีกทาง และค่อยๆ เดินถอยหลังไปจนถึงรถ

เขามีแผลตามตัวอยุ่หลายที่ และดูเหมือนจะขาเจ็บด้วย ผมจะพาเขาไปโรงพยาบาล แต่เขาขอให้ไปส่งที่บ้าน

การอยู่ในรถกับโอเมกาที่กำลังฮีตนี้ มันเป็นกรรมสำหรับอัลฟาอย่างผมจริงๆ ผมปั่นป่วนจนแทบจะระเบิด ทั้งที่ผมเปิดกระกรถหมดทุกบานแล้วก็แทบไม่ช่วยอะไร มันก็คงง่ายกว่า ถ้าผมจะจอดรถข้างทางแล้วจัดการกับเขาเสียเลย แต่นั่นมันไม่ใช่ผม

ผมส่งเขาถึงบ้านแล้ว ขับรถเลยไปได้หน่อยเดียว ผมก็ทนไม่ไหว ต้องหาที่จอดรถข้างทาง แล้วก็จัดการกับตัวเอง อารมณ์ออกไปแล้ว สติถึงได้ค่อยกลับมา ผมกด GPS ดูตำแหน่งที่ตัวเองอยู่ เพราะขามาผมจำอะไรแทบไม่ได้เลย ผมกำลังจะกดหาเส้นทางกลับบ้าน โทรศัพท์ผมก็ดับ...แบตมาหมดอะไรตอนนี้ ผมตัดสินใจกลับรถ เพราะรู้สึกว่าผมเห็นคาเฟ่เล็กๆ อยู่ตรงหัวมุมถนนก่อนจะเลี้ยวเข้ามาในซอยนี้ น่าจะขอเขาชาร์ตแบตโทรศัพท์ได้ แต่วันนี้ผมคงกก้าวเท้าผิดช้างออกจากบ้าน ฉิบหายแล้ว รถผมน้ำมันหมด ผมจะเติมตั้งแต่เมื่อวานก็ลืม แล้ววันนี้ก็ขับมาซะไกล ไม่มีทางเลือก ผมล็อครถแล้วเดินไปจนถึงคาเฟ่แห่งนั้น

ป้ายหน้าร้านบอกเวลาปิด สี่ทุ่ม ผมไปถึงตอน สามทุ่มห้าสิบ ทันพอดี ผมเปิดประตูเข้าไปได้ยินเสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดว่า ครัวปิดแล้วนะครับ มาพร้อมกับกลิ่นฟีโรโมนบางเบา กลิ่นนั้นทำให้ตัวผมกระตุกขึ้นมาอีก ผู้ชายคนนั้นคงสังเกตเห็น เขาถอยกลับเข้าไปหล้งร้าน แล้วกลับออกมาอีกทีพร้อมกลิ่นกำยานหมกรุ่นกำจาย กลิ่นที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลาย และทำให้ผมสงบลงได้จริงๆ

เขาบอกว่า ผมสั่งกาแฟได้ ผมเลยสั่งกาแฟร้อนไป 1 แก้ว และขอเขาชาร์ตแบตโทรษัพท์ เขาขอดูมือถือผม แล้วบอกว่า เขาไม่มีปลั๊กสำหรับชาร์ตรุ่นนี้

ผมเลยต้องบอกเขาว่า รถผมจอดน้ำมันหมดอยู่อีกซอย เขามองหน้าผมอยู่อึดใจหนึ่ง เหมือนจะชั่งใจว่า ควรเชื่อคำพูดผมหรือเปล่า แล้วเขาก็บอกว่า เดี๋ยวจะให้เด็กในร้านออกไปซื้อน้ำมันรถให้ แต่ผมคงต้องรอที่นี่สักพัก

เขาหายตัวกลับเข้าไปหลังร้าน ผมได้ยินเสียงแว่วๆ พูดเรืองน้ำมันรถ มีเสียงมอเตอร์ไซค์แล่นออกไป สักพัก ก็มีข้าวไข่เจียวมาวางตรงหน้าผม

ผมมองหน้าเขาแบบงงๆ บอกเขาว่า ผมไม่ได้สั่ง คุณบอกว่าครัวปิดแล้ว

เขาหัวเราะ บอกว่า ครัวร้านปิด แต่ครัวบ้านยังเปิดอยู่ ดูหน้าก็รู้แล้วว่า หิวข้าว

มจัดการข้าวจานนั้นเรียบวุธภายในเวลาไม่กี่นาที เด็กที่เขาใช้ไปซื้อน้ำมันรถยังไม่กลับมา ผมเลยได้ใช้เวลาพิจารณา “เชา” ที่กำลังนั่งทำบัญชีอยู่ที่โต๊ะห่างออกไป

เขาเป็นผู้ชายตัวโต น่าจะสูงกว่าผมด้วย ผิวคล้ำกว่าผมนิดหน่อยแต่ก็ยังจัดว่าขาวอยู่ดี ผมตัดสั้นเรียบร้อย ตากลมๆ สีน้ำตาลเข้มกับชนตายาวๆ นั่น ทำให้ผมนึกถึงตุ๊กตาเด็กผู้หญิงสวยๆ มองจากด้านข้างแบบนี้ สันจมูกเขาเป็นเส้นสวยจนผมอยากจะถ่ายรูปเก็บไว้ดูเล่น และ ริมฝีปากที่หุบนิ่งตอนเขากำลังจดจ่อ บางทีก็ยื่นน้อยๆ เอกสารที่เขาดูอยู่คงทำให้เขาไม่พอใจอะไรสักอย่าง เขาพลีกกระดาษในมือไปมา แล้วก็คลี่ริมฝีปากยิ้มกว้าง นิ้วมือเรียวยาวนั้น จับปากกาขีดเขียนสลับกับจิ้มเครื่องคิดเลข ท่าทางทำงานอย่างตั้งอกตั้งใจนั้น ดึงดูดสายตาผมจนเลิกมองไม่ได้ ผมไม่รู้ตัวเลยว่า เสียมารยาทมองเขาอยู่นานแค่ไหนแล้ว จนได้ยินเสียงเขาถามว่า อิ่มมั้ยครับ

ผมไม่รู้ว่า เขาหมายถึงข้าว หรือ เขา ผมรู้แต่วา จู่ๆ หน้าผมก็ร้อนไปหมด

เขาหันมามองผมเต็มตา ยิ้มจนตาหยี ถุงใต้ตาที่ปรากฏชัดตอนยิ้ม ทำให้เขาดูอ่อนโยนไปอีก รอยยิ้มนั้นทำให้เขาดูสว่างไสว ราวกับดอกเดซี่ล็กๆ ที่กำลังเริ่งร่า หยอกล้อ เล่นอยู่กับสายลม ผมเผลอมองเพลินจนลืมไปแล้ว่า ตัวเองยังไม่ได้ตอบคำถามเขา

เสีบงมอเตอร์ไซค์มาจอดที่หน้าร้าน เขาขยับต้วลุกขึ้นยืนส่งบิลค่าน้ำมันรถกับค่ากาแฟให้ผม เขาบอกว่าไม่คิดค่าข้าวไข่เจียว เพราะมันเป็นอาหารชองที่บ้าน ทำมารับแขก ผมมองเขาอย่างจะให้แน่ใจว่า เขาคิดอย่างนัน้จริงๆ ผมขอบคุณเขาไปหลายคำ ที่ใจดีช่วยผม แล้วยังเลี้ยงข้าวผมอีก

แต่ถึงยังงั้น ผมก็มีเงินสดไม่พอจ่ายอยู่ดี เขายังยิ้มให้ผม จดเลขที่บัญชีธนาคาร และ เบอร์โทร. ให้ผม เขาบอกว่า โอนแล้วไลน์มาบอกด้วย

ผมถามเขาว่า ไม่กลัวผมหายไปเลยหรือไง

เขาตอบว่า คุณไม่หายไปหรอก คุณเป็นคนดี

ยืนคุยกันใกล้ๆ อย่างนี้ ผมถึงได้เห็นรอยแผลที่คอเขา มีรอยแผลเป็นจางๆ อยู่ 2-3รอย แล้วยังมีรอยใหม่ๆ แผลยังไม่ตกสะเก็ดดี

เขาโดนกัดมากี่ครั่งแล้วนะ เขาเต็มใจมั้ย รอยกัดพวกนั้น ทิ้งรอยอะไรไว้ในใจเขารึเปล่า เจ้าของรอยกัดล่าสุดนั่น เป็นคนสำคัญของเขารึเปล่า

ผมแค่คิด แล้วอยู่ๆ กัรู้สึกจุกในอก

เขายังบอกให้เด็กพาผมไปส่งที่รถด้วย ผมนึกอยากพูดอะไรมากมาย แต่ที่พูดออกไปได้จริงๆ ก็มีแค่ ขอบคุณครับ

คืนนั้นกว่าผมจะคลำหาทางกลับบ้านได้ก็ล่วงเข้าวันใหม่แล้ว แต่ผมก็ยังรีบชาร์ตแบตโทรศัพท์ กดแอดไลน์ตามเบอร์โทร.ที่เขาให้มา

ไอดีไลน์เขาชื่อ แก้วเจ้าจอม

และเช้านี้ เจอหน้าป๊า ผมก็โดนดุตามเคย ป๋าบอกว่าโชคดีที่พวกนั้นเป็นแค่ลูกเศรษฐี ไม่ใช่ลูกมาเฟีย และก้ไม่รู้ว่า ปืนของผมเป็นปืนปลอม ถึงได้ไปแจ้งตำรวจ ป๊าช่วยเคลียร์เรื่องนี้ให้ผมแล้ว แต่ป๊าก็บ่นว่า เมื่อไหร่ผมจะเลิกเข้าไปยุ่งกับเรื่องแบบนี้ ผมตอบป๊าว่า ไม่เลิกครับ ม๊าสอน

หม่าม๊าเดินมาขยี้หัวผม พูดยิ้มๆ ว่า ก็ป๊าเขาห่วง ยังไงก็ระวังตัวเองดีๆ ละกัน ป๊ายืนมองเรา 2 คนกอดกัน แล้วพูดไปอมยิ้มไปว่า ไอ้ลูกหมา




Create Date : 06 พฤศจิกายน 2564
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2564 23:11:41 น. 0 comments
Counter : 542 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

วัลยา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add วัลยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com