<<
กันยายน 2567
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
12 กันยายน 2567
 

เรื่อง รัก ลึก อุ่น (Omega Verse) - บทที่ 51

บริษัทรับออกแบบตกแต่งภายใน ส่งแบบ 3 มิติมาให้ผมตรวจ แล้วก็แนบแบบเฟอร์นิเจอร์มาให้เลือกด้วย ผมเลือกบริษัทนี้ เพราะเขาไม่ได้มีแต่แบบกระดาษให้ผมดู แต่เขามีรูปแบบเสมือนจริง ให้ผมใช้คอมพิวเตอร์ เข้าไปสำรวจดูทุกจุดในโรงพยาบาลทั้ง 3 ชั้น ที่เขารับงานออกแบบ มันทำให้ผมทำงานสนุก แล้วก็มีความสุขที่ได้เห็น อะไรที่มันอยู่ในหัวผม ปรากฏเป็นภาพที่ดูใกล้เคียงกับความเป็นจริง มากๆ ผมอยากให้จอมมาดูด้วยกัน คิดเรื่อยเปื่อยว่า จอมจะอยากออกแบบเรือนหอของเขาเองมั้ย แต่ว่า จะดีเหรอ ตามแผน โรงพยาบาลใช้เวลาสร้างประมาณ 2 ปี สร้างบ้านใหม่ก็คงพอๆ กัน ถ้าต้องรอเรือนหอเสร็จก่อน แล้วค่อยแต่งงาน ผมคงรอไม่ไหว ผมนึกถึงรอยยิ้มของจอม ตอนที่ผมบอกเขาว่า หึงบ้างก็ดี ผมชอบ ยิ้มแบบนั้น มันทำให้ผมอยากจับจอมขังไว้ทั้งวันทั้งคืนเลย จะได้ไม่ต้องไปยิ้มแบบนี้ให้ใคร

แล้วผมก็จะบอกจอมว่า อย่าขยับ คุณถูกความรักล้อมไว้หมดแล้ว

ผมแชร์ไฟล์นั้นไปให้ว่าน เสร็จแล้วก็เดินไปหาเขาที่ห้อง จะไปบอกให้เขาช่วยผมตรวจอีกที ไปถึงห้องเขาก็ได้ยินเสียงว่านเครียดๆ ผมหยุดอยู่หน้าห้อง รอจนว่านคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว ถึงได้เข้าไป ว่านยิ้มเนือยๆ ให้ผม ผมอดไม่ได้ ถามเขาว่า อีกแล้วเหรอมึง ว่านตอบเสียงเนือย พอกับรอยยิ้มว่า เออ หนูเขามีปัญหา ผมมองว่านด้วยความรู้สึกทั้งเข้าใจและไม่เข้าใจ ผมถามว่านว่า มึงจะให้เงินเขาไปถึงเมื่อไหร่ มึงก็รู้ เงินมันซื้อความรักไม่ได้ ว่านลุกขึ้นไปยืนหันหลังให้ผม ตอบผมว่า แต่เงินมันซื้อเวลาให้กูได้อยู่กับเขาต่อไง กูเต็มใจจ่าย ผมฟังคำตอบแล้วก็ได้แต่อึ้ง ว่านเลือกแล้ว ถึงผมเป็นห่วงเพื่อน อยากให้เขาเลิกทำแบบนี้ แต่เขาคงทำไม่ได้ อย่างน้อยก็ตอนนี้ ผมเดินเข้าไปตบไหล่ว่านเบาๆ บอกเขาว่า ไม่ไหวเมื่อไหร่ก็บอกกูแล้วกัน แบบอยู่ในเมล์ มึงช่วยกูดูอีกที เผื่อจะแก้อะไรเพิ่ม แล้วก็ออกมา

ผมโชคดีที่จอมรักผม  ไม่ได้เข้ามาในชีวิตผมเพราะเหตุผลอื่น  ไม่อย่างนั้น  ถ้าผมเจออย่างว่าน  ผมอาจจะอาการหนักกว่าว่านก็ได้

หน้าตาจอมดูไม่สบายใจเลย ตอนที่เจอผม เขารีบเล่าเรื่องพีกับโจให้ผมฟัง เขาบอกว่าเขารู้สึกไม่ดีเลย  เขาคิดว่าโจไม่ได้จริงใจกับพี เพราะสายตาที่โจมองพี ไม่เหมือนที่ผมมองเขา ผมรู้ว่าจอมกำลังเครียด แต่คำพูดนั้น ก็ทำให้ผมรู้สึกดี ดีมากจนอยากหยอกเขา แต่จอมไม่เล่นด้วย แล้วยังดุผมอีก ผมแค่ฟังก็รู้แล้วว่าจอมเป็นห่วงพีมาก ความคิดเห็นของผม ก็ไม่น่าจะทำให้จอมสบายใจขึ้น แต่ผมไม่อยากพูดเอาใจเขาเรื่อยเปื่อย ก็เลยบอกเขาว่า มันเป็นเรื่องส่วนตัว เราจ้างเขามาทำงาน ถ้าเขายังทำงานตามหน้าที่ได้ดีอยู่ ไม่ได้ทำอะไรให้ร้านเสียหาย สองคนนั้นจะคบกันในฐานะอะไร ก็อย่าไปยุ่งดีกว่า จอมไม่พอใจคำตอบของผมจริงๆ แต่เขาก็คงยอมรับอยู่ในใจว่าผมพูดถูก เขาถึงได้ไปเหวี่ยงใส่เข็มฉีดยาที่ผมเอาวางไว้ตรงหัวเตียง  คืนก่อนนั้น ผมทำให้เขามีความสุขเต็มที่ไปก่อนแล้วมั้ง เขาถึงได้หลับได้โดยไม่งอแง แต่คืนนี้จอมอารมณ์ไม่ดี ถามผมเสียงสูงว่า ใกล้ขนาดนั้น เขาจะนอนหลับได้ยังไง ผมหยุดรอดูว่าจอมจะทำอะไรมากกว่านั้นมั้ย เพราะเอาจริงๆ นี่ก็เป็นครั้งแรกๆ ที่จอมแสดงอาการแบบนี้ใส่ผม บ่อยๆ ที่ผมเห็นเวลาจอมไม่เห็นด้วยกับผม เขาก็แค่ถอนหายใจ แล้วก็ไปพูดเรื่องอื่น แต่วันนี้เขาดูหงุดหงิด แล้วก็แสดงออกมากกว่าทุกที ผมกำลังนึกว่าจอมจะด่าอะไรผมมั้ย แต่จอมก็หยุดอยู่แค่นั้น พร้อมกับสีหน้ายุ่งยิ่ง ยืนเท้าเอวอยู่ตรงนั้น  ผมเห็นแล้วก็อดเอ็นดูไม่ได้  บอกจอมว่า  กอดผมเดี๋ยวก็หลับ  ตรงนี้ใกล้แต่ไม่เห็น  ไว้ที่เดิม  ไกลกว่า  แต่เห็นนะ  เอาไง  จอมกัดปากตัวเอง  สะบัดหน้าใส่ผม  หันหลังเดินไปปิดไฟ  ผมเริ่มคิดว่า  ผมน่าจะยอมตามใจจอม  วันนี้เขามีเรื่องเครียดเยอะแล้ว  แต่พอเขากลับมานอนกอด  ผมก็รู้แล้วว่า  คนที่ทำให้จอมรู้สึกดีขึ้นได้  คือ ผม  เขาต้องการกำลังใจ  และมันก็ไม่ได้ยากอะไร  ผมลูบแขนเขาเบาๆ  บอกจอมว่า  เรื่องของโจที่จอมสงสัย  ผมจะไปถามมาให้  ส่วนเรื่องพี ก็ปล่อยให้เขามีความสุขไปก่อน มันอาจไม่ได้แย่อย่างที่เขากลัว

จอมไม่ว่าอะไร สักพักเขาก็หลับ รอบตัวเรามีแต่ความเงียบสงบ

ผมรักจอม ยิ่งอยู่ด้วย ก็ยิ่งรู้สึกว่ารักมาก ถ้าเมื่อกี๊ จอมทำอะไรมากกว่านั้น หรือพูดจาไม่ดีใส่ผม คืนนี้ก็คงไม่อบอุ่นแบบนี้ คนอื่นชอบบอกว่า จอมเหมือนหนูตกถังข้าวสาร ผมว่า ผมก็เป็นหนูเหมือนกัน และถังที่ผมตกลงไป ก็มีแต่ความใจดีใจเย็นของจอมอยู่เต็มไปหมด

ผมนั่งจิบกาแฟจากแก้วที่มีประโยค จอมรักเข็ม ยาวต่อกันรอบแก้ว ระหว่างไถหน้าจอดูฟีด ผมปัดข้ามฟีดข่าวหลายอันที่ผมรู้สึกว่า อ่านไปก็เสียเวลาเปล่า อย่างข่าววัยรุ่นตีกัน เมียหลวงหึงโหด ฆ่ากันตายในวงเหล้า หรือ ต้นมะละกอออกลูกมาหน้าตาเหมือนช้าง จอมบอกผมว่า เขาก็ไม่อ่านเหมือนกัน อ่านแล้วก็ไม่ได้อะไร นอกจากเหนื่อยใจกับสภาพสังคม เอาเวลาไปหาอะไรดีๆ อ่านดีกว่า ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน ข่าวดีๆ ในโซเชียล เป็นสิ่งที่เราต้องไปหา ถึงจะได้อ่าน ไม่เหมือนฟีดข่าวแบบที่ผมไม่อยากอ่าน ขนาดปัดทิ้งไปแล้ว ก็ยังจะเสนอหน้ามาให้เห็นอีก ผมไม่รู้ว่า AI เอาอะไรมาวิเคราะห์ว่าผมควรจะได้เห็นอะไร โดยเฉพาะหน้าเฟสบุ๊คของจั๊มพ์

ตั้งแต่วันที่ไปดูคอนเสิร์ต จอมก็ไม่ได้พูดถึงจั๊มพ์อีกเลย มีแต่จั๊มพ์ที่ดูเหมือนจะอยากให้ใครๆ เห็นว่า เขาไปร้านจอมแทบจะทุกวัน ยิ่งหลังๆ มานี่ มีทั้งเช็คอิน ทั้งถ่ายรูปเมนูให้เห็นชื่อร้านชัดเจน จนมีคนถามว่า ชอบอะไร ทำไมไปบ่อย จั๊มพ์ก็ตอบว่า บรรยากาศมันดี ไอ้บ้านี่ ถ้าไม่ได้เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนชั้นประถม  ไม่ได้เคยช่วยผมจัดการพวกที่มาล้อชื่อม๊า ผมคงเลิกเป็นเพื่อนกับมันไปแล้ว จะมาวนเวียนกับแฟนผมไปถึงไหน ถึงผมรู้ว่าจอมไม่ได้คิดอะไรด้วย แต่ผมก็อดหวงไม่ได้อยู่ดี ผมปิดหน้าแอปนั้น แล้วไปเสิร์ชหารายละเอียดงานโชว์โมเดลหุ่นยนต์ จอมส่งลิงก์งานแถลงข่าวมาให้ดู แล้วก็บอกผมว่า เขาอยากไป ใจจริงผมไม่อยากให้จอมไปเลย จั๊มพ์ก็ชอบโมเดลหุ่นพวกนี้ มันต้องไม่พลาดงานนี้แน่ๆ แต่จะไปบอกจอมว่าผมไม่ให้ไปเพราะไม่อยากให้ไปเจอจั๊มพ์ เหตุผลมันก็งี่เง่าเกินไป พอๆ กับที่ผมยังไม่ได้บอกจอมเรื่องไปเที่ยว เพราะไม่อยากให้จั๊มพ์ถือโอกาสมาอยู่ใกล้ๆ จอม

ผมนัดเวลาไปรับจอม จะพาเขาไปงานนี้ ปลอบใจตัวเองว่า งานมีหลายวัน คงไม่บังเอิญไปวันเดียวกันหรอก แต่ผมประเมินความพยายามของจั๊มพ์ผิดไป

งานนั้นจัดที่ฮอลล์ใหญ่ มีกิจกรรมในงานมากมาย ไม่ใช่แค่เอาหุ่นมาโชว์ จอมยืนดูโชว์แต่งคอสเพลย์อยู่นานมากจนผมเมื่อย ถึงได้ย้ายไปดูโมเดลหุ่นยนต์ที่เคยเอาไว้ใช้ถ่ายหนังดังๆ หลายเรื่อง ทั้งของอเมริกาและของญี่ปุ่น เราต้องไปต่อคิวอยู่นาน เพราะจอมอยากได้รูปคู่กับหุ่นในเรื่อง Star War ผมเห็นจอมยิ้มตลอดเวลา ท่าทางเขามีความสุขมาก ผมไม่อินกับของพวกนี้ แอบรู้สึกแวบๆ ว่า ชักจะเบื่อ เพราะจอมหยุดดูแต่ละจุด นานมาก แล้วก็แทบจะเลิกสนใจผมไปเลย แต่พอเห็นจอมหัวเราะ เอาหุ่นตัวจิ๋วที่เขาเล่นเกมได้รางวัลมาอวด ผมก็บอกตัวเองว่าให้ทนเบื่อต่อไป ผมชอบเห็นจอมมีความสุข คนมางานนี้เยอะมาก ฮอลล์ใหญ่ แต่คนก็ยังเต็ม ผมเจอคนรู้จักเข้ามาทัก จังหวะเดียวกับที่มีลูกค้าโทร.หาจอมพอดี เขาเลยขอตัวแยกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก คนเยอะขนาดนี้ ไม่รู้ว่าคนนี้เขาเห็นผมได้ยังไง แต่ก็ช่างเถอะ แค่ขออย่าให้จั๊มพ์เห็นผมก็พอ ถ้าเขามา

ผมกำลังคุยเพลินตอนที่รู้สึกว่าม่มือมาแตะท้ายทอย จู่ๆ ก็มีเสียงธันวาดังเข้ามา เหมือนตอนที่เขาบอกว่า จะปัดมดออกให้ แล้วก็ภาพตอนธันวากำลังจะข่มขืนผม มัน flash ขึ้นมาๆ พร้อมๆ กับที่ผมสะบัดแขนไปข้างหลังเต็มแรงด้วยความตกใจ และกลัวมาก ผมเห็นจอมกับจั๊มพ์ยืนอยู่ด้วยกัน แต่ผมไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เห็นเลย ผมรู้สึกแต่ว่า ตัวผมชาไปหมด จนจอมมาจับมือผมบีบแรงๆ ผมถึงได้ค่อยมีสติกลับมา จอมบอกคนอื่นว่า ผมยังปวดคอเพราะตกหมอน ผมไม่ได้มอง แต่รู้สึกว่าจอมจับไหล่ผม แล้วค่อยๆ เลื่อนมือมาที่ต้นคอ สัมผัสนั้นเหมือนจะบอกว่า นี่คือเขา ไม่มีอะไรน่ากลัวแล้ว จอมถามผมว่า ไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย ผมยังไม่ทันได้ตอบ จั๊มพ์ก็ด่าแทรกมาก่อนว่า ผมเวอร์ แล้วก็หันไปถามจอมว่า หายไปไหนมา เรายังจับมือกันอยู่แท้ๆ จอมตอบว่า ออกไปคุยโทรศัพท์ จั๊มพ์ก็ยังจะถามว่า คุยกับใคร ทำไมต้องไปคุยลับหลังผม

ผมรู้ว่าจั๊มพ์จงใจแหย่ให้ผมระแวงจอม จอมยังจับมือผมอยู่ เขาคงรู้สึกว่าผมยังหายใจไม่ปกติเลย ผมบีบมือเขาตอบ รวบรวมสติตัวเองกลับมา แล้วก็ตอบจั๊มพ์ว่า จอมไปคุยกับลูกค้า ไม่ได้คุยกับใครลับหลังกู แล้วก็ถามกลับว่า แล้วมึง กำลังทำอะไรลับหลังแฟนมึงรึเปล่า ผมหวังว่าจั๊มพ์จะรู้สึกตัว แต่ก็เปล่า เขาทำหน้าไม่สะทกสะท้าน ยังจะเล่นผมอีก ด้วยการถามว่า แล้วมึงทำอะไรลับหลังแฟนมึงมั้ย กูชวนคุณจอมไปเที่ยว ทำไมมึงไม่บอกเขา

ไอ้บ้าเอ๊ย ถ้าจอมไม่ได้จับมือผมอยู่ จั๊มพ์คงปากแตกไปแล้ว ใช่ จอมยังไม่ได้ปล่อยมือผม และก็มีสีหน้าเพลียใจ ไม่ได้มีท่าทีสงสัยตามที่จั๊มพ์อยากให้เป็น มีเสียงใครสักคนเรียก เหมือนกำลังตามหาตัวจั๊มพ์ ผมก็เลยดึงมือจอมให้เดินห่างออกมา ภาพธันวายังแวบๆ วนๆ อยู่ในหัว ผมจูงมือจอมเดินไปเรื่อยๆ แบบไม่รู้เลยว่า รอบข้างมีอะไร จนได้ยินเสียงจอมถามว่า คุณโอเคหรือยัง เรากลับกันเลยมั้ย ผมถึงได้รู้สึกตัว สีหน้าท่าทางผมมันคงไม่ดีเอาจริงๆ จอมถึงได้ถามแบบนี้ ผมจะบอกว่า ไม่เป็นไร ผมก็ไม่อยากโกหก ก็เลยบอกไปว่า เดินดูอีกหน่อยก็ได้ ใจจริงผมไม่อยากอยู่ในงานแล้ว ไม่อยากโดนใครทำให้ตกใจอีก จอมเองก็คงรู้ว่าผมกำลังฝืน เขาก็เลยแค่ไปหาซื้อโปสการ์ดเอาไว้เป็นที่ระลึก แล้วก็ชวนผมกลับ

ตลอดเวลานั้น จอมไม่ได้ถามผมเรื่องที่จั๊มพ์วางระเบิดไว้เลย จนกลับถึงร้านจอมแล้ว เขาก็ชงชากลิ่นดอกไม้มาให้ผมดื่มคลายเครียด แล้วก็ไปอาบน้ำ ผมนึกว่าจอมคงไม่ได้ใส่ใจคำพูดของจั๊มพ์แล้ว ผมก็เลยเลิกคิด หันไปหยิบเข็มฉีดยาอันใหญ่มาวางไว้ที่หัวเตียง หลายวันมานี่ จอมดูกลัวน้อยลงแล้ว ผมเลยลองเอาอันใหญ่ขึ้นมาให้ ผมว่า จอมเห็นตั้งแต่ออกจากห้องน้ำแล้ว เขาถึงได้อ้อยอิ่งอยู่หน้ากระจกนานมาก กว่าจะลุกขึ้น เดินช้าๆ มาที่เตียง อาการกลัวชัดเจนจนผมสงสาร ต้องดึงตัวเขามากอด ให้หันไปทางที่ไม่เห็นเข็มฉีดยา ปลอบให้เขาหายใจช้าลง จนเขาปกติดีแล้ว ผมถึงคลายกอดเขา ขอบคุณเขาที่ช่วยผมวันนี้ ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงโดนซักมากกว่านี้ แต่เพราะเป็นจอม เขาแค่ถามว่า เพราะเรื่องธันวาใช่มั้ย ดีจังที่จอมเข้าใจความรู้สึกผม แล้วก็คงรู้ด้วยว่า ผมไม่อยากอธิบาย แต่กับอีกเรื่อง มันคงยังคาใจเขาอยู่ ผมรู้สึกเหมือนแอบกินขนมในห้องเรียน แล้วโดนครูจับได้ เรื่องไม่ร้ายแรง แต่ผมก็กลัวจอมโกรธอยู่ดี เสียงผมมันเลยกลายเป็นทั้งอ่อน ทั้งอ้อนไปเอง ผมพยายามบอกจอมว่า ผมไม่ได้ตั้งใจจะปิดบังอะไร ที่ไม่บอก เพราะผมยังไม่ได้ตัดสินใจ ผมไม่อยากไปคนเดียว แต่ให้เขาไปด้วย ผมก็ไม่ไว้ใจจั๊มพ์

คำอธิบายของผม สำหรับจอม มันคงฟังเหมือนคำแก้ตัว ยิ่งพูดก็ยิ่งแย่ จอมพูดกับผมว่า คุณไม่ไว้ใจผม ผมไม่เข้าใจนะ ผมพยายามบอกว่า ไม่ใช่ ผมแค่ไม่อยากให้จัมพ์ฉวยโอกาสมาอยู่ใกล้ๆ เขา จอมจ้องผมตรงๆ พูดกับผมว่า ทุกวันนี้ จัมพ์ก็ไปอยู่ใกล้เขาแทบจะทุกวันอยู่แล้ว ถ้าผมเชื่อใจ ไว้ใจ เขาอยู่ใกล้ใครหรือใครมาใกล้เขา มันก็ไม่สำคัญ เขาพูดต่อว่า ผมต้องให้โอกาสเขาได้พิสูจน์ตัวเอง ให้ผมเห็น ให้คนอื่นเห็นด้วย ว่าเขารักผม และซื่อสัตย์กับผม ลงถ้าพูดแบบนี้ ก็แปลว่า จอมจะไปให้ได้ ถึงผมจะไม่อยากให้ไป ด้วยเหตุผลอันแสนงี่เง่าของผม ผมเลยจำเป็นต้องบอกว่า เพื่อนผมนัดกันไปเล่น ซิปไลน์ โหนสลิง โดดหอ ผมยังไม่ได้พูดไปถึง บีบีกัน กับ ปีนหน้าผาจำลองเลย จอมก็รีบบอกว่า เขาเปลี่ยนใจ ไม่ไปแล้ว ผมงงอยู่แวบหนึ่ง พอนึกได้ ก็อดขำอยู่ในใจไม่ได้ ตอนไปเล่นสวนน้ำด้วยกัน จอมก็เกร็งจะแย่แล้ว ผมนึกว่าเล่นไปหลายๆ อัน จอมจะสนุกจนหายเกร็งไปเอง แต่เล่นจนถึงอันสุดท้ายแล้ว จอมก็ยังยิ้มแหยๆ ให้ผม ผมรู้ว่าจอมกลัว แต่ผมอยากแกล้งเล่น ก็เลยโวยวายว่า ไม่ได้นะ เมื่อกี๊ยังจะไปให้ได้อยู่เลย ไปกับผม คุณกลัวอะไร จอมทำหน้าตายู่ยี่ แหวใส่ผมว่า กลัวทุกอย่าง อย่าบังคับได้มั้ย

ผมพยายามจะไม่หัวเราะแล้ว แต่เอาไม่อยู่ หน้างอเหมือนเด็กอย่างนั้น ถ้าเรามีลูก ตอนลูกเรางอแงงอนดื้อ หน้าตาจะเหมือนแบบนี้มั้ยนะ ผมบอกจอมว่า เขารู้ว่าผมผวาเพราะธันวา ผมก็รู้เหมือนกัน ว่าเขาไม่ชอบเล่นอะไรโลดโผนแบบนี้ แล้วก็รู้ว่า เขาชอบนอนอ่านหนังสือสงบๆ มากกว่า ผมพูดต่อว่า ให้เขาไปทำตามใจตัวเองได้เลย ผมก็ไปเล่นกับเพื่อนผม เย็นๆ ค่ำๆ ค่อยไปกินข้าวด้วยกัน ประโยคสุดท้าย ผมพูดกับจอมว่า ผมเชื่อคุณ ยอมตามคุณแล้ว ไปด้วยกันนะครับ

จอมทำหน้าเขินๆ ผมก็เขินเสียงตัวเองเหมือนกัน นี่ถ้าม๊ามาได้ยินผมทำเสียงอ้อนขนาดนี้ ผมได้โดนล้อสามวันสามคืนแน่ๆ จอมยิ้มน้อยๆ พยักหน้าเบาๆ แล้วก็ล้มตัวลงนอน ท่าทางสบายอกสบายใจ ดูไม่เกร็งกับเข็มฉีดยา และไม่ได้พยายามหลับตาหนีด้วย ผมสอดตัวเข้าไปใต้ผ้าห่ม จับมืออุ่นๆ ของจอมไว้ เล่าเรื่องขำๆ ให้เขาฟัง บอกฝันดีกับจอม แล้วก็หลับตา ภาพธันวาคุกเข่าอยู่ตรงหว่างขาผมแวบขึ้นมาอีก แล้วก็ตามด้วยภาพจอมกำลังขยับอย่างเต็มที่ด้วยอารมณ์และความรู้สึกที่มีกับผม อยู่บนตัวผม ช่วงเวลาที่เรามีความสุขด้วยกัน ผมยิ้มให้ภาพนั้น My Best Supporter

จอมไม่ลืมปั่นอโวคาโดใส่แก้วให้ผมเอามากินที่คลินิก ผมไม่ลืมหอมแก้มเขาก่อนออกมาทำงาน จอมจะอยากเป็นครอบครัวจริงๆ ของผมหรือยังนะ ผมไม่แน่ใจเลย เดี๋ยวเห็นเข็มฉีดยาที่ผมแอบเอาวางไว้ทั่วร้าน แอบบอกพีทกับพีด้วยว่า อย่าเก็บออก จะโกรธผมหรือเปล่า ผมอยากให้จอมหายเร็วๆ ผมอยากรู้แล้วว่า ลูกเราจะออกมาหน้าตาเป็นยังไง

เสียงโทรศัพท์ดัง ผมนึกว่าเป็นจอมโทร.มาโวยผม แต่ไม่ใช่ อาม่าโทร.มาถามว่า จอมมีสูทใส่ออกงานมั้ย อาม่าจะชวนไปดูละครเวทีรอบกาล่า ผมโวยเบาๆ ว่า เข็มเป็นหลานนะ อาม่าข้ามไปชวนจอมได้ไง เสียงอาม่าเหมือนหมั่นไส้ ตอนถามว่า แล้วจะไปมั้ยล่ะ อาม่าชวนทีไร หาเรื่องหนีทุกที ผมหัวเราะตอบอาม่าว่า ไม่ไปครับ เดี๋ยวเข็มไปนั่งหลับ อาม่าจะอายคน ชวนจอม ดีแล้วครับ เขาชอบฟังเพลง ผมหยุดพูด คิดถึงเรื่องอายคน ถามอาม่าต่อว่า แต่ อาม่าแน่ใจนะครับว่าจะพาโอเมกาไปออกงาน ผมได้ยินเสียงอาม่าหัวเราะ ก่อนจะพูดว่า ใครมีปัญหา เดี๋ยวอาม่าจัดการเอง จอมน่ะแหละ กล้าไปรึเปล่า ผมตอบอาม่าว่า จอมไม่กลัวหรอกครับ เขาแค่ไม่ใช่คนดันทุรัง ที่ไหนไม่ให้เข้า เขาก็ไม่ไป แค่นั้น อาม่าพูดกับผมว่า ดีแล้ว เข็มอยากยกย่องให้เกียรติจอม เขาก็ต้องอยู่ในฐานะนั้นให้ได้

อาม่าวางสายไปแล้ว ผมฟังอาม่าพูดแล้ว ก็เปลี่ยนใจ อยากไปด้วย จอมไม่เคยไปอยู่ในที่ที่มีคนพวกนั้น โดยไม่มีผม แต่อาม่าบอกว่า ให้จอมไปคนเดียว ดีแล้ว จอมจะได้เรียนรู้ที่จะจัดการกับสถานการณ์ ที่ผ่านมา ที่อาม่าเห็น จอมก็ไม่ได้อ่อนแอ ยอมให้ใครมาทำอะไรเขาง่ายๆ ผมเห็นด้วย แต่ผมก็อดเป็นห่วงไม่ได้ แต่พออาม่าบอกวัน เวลามา ผมก็ไปไม่ได้อยู่ดี เพราะตรงกับวันประชุมประจำปีของบริษัท อาม่าบอกให้ผมบอกจอม แล้วเดี๋ยวอาม่าจะนัดเวลาให้รถไปรับอีกที

ผมชวนว่านออกไปกินมื้อเที่ยง แต่ว่านบอกว่า เขามีคิวผ่าตัดตอนบ่ายโมง แล้วเขาก็มีข้าวกล่องแล้วด้วย ผมถามว่า กล่องละเท่าไหร่ ว่านหลบตาผมไปทางอื่น บ่นเบาๆ ว่า รู้ดีมากไปแล้วนะมึง กูจ่ายไป 2000 หนูเขาบอกว่า เขาไม่มีเงินสด เงินในแอป ก็เอาจ่ายค่ารถที่เอาข้าวมาส่งเกือบหมดแล้ว ไม่มีค่ารถกลับ ผมมองเพื่อนด้วยความอ่อนใจ ว่านพูดว่าซื้อเวลา ซื้อความสุข แต่ผมไม่เห็นว่านจะมีความสุขตรงไหนเลย ว่านเห็นหน้าผมก็คงรู้ เขาพูดต่อว่า มึงอยากสั่งสอนกูก็ได้นะ กูรู้ว่ามึงอยากพูด แต่กูยังทำไม่ได้ว่ะ ผมมองเพื่อนนิ่งๆ ใช่ ผมอยากพูด แต่พูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์ ผมตอบว่านว่า กินข้าวคนเดียว เดี๋ยวก็เฉาตายหรอก กูจะไปสั่งข้าว ไปกินที่ห้องกินข้าวนะ เขามาส่งแล้วเดี๋ยวกูตามไป

ว่านยิ้ม แล้วก็ขอบใจผม ตอนนี้ที่เพื่อนต้องการ ก็คือ เพื่อน เพื่อนที่เข้าใจความรู้สึกของเขา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดูไร้สติมาก ไร้เหตุผลมาก ก็ตาม

ในฐานะเจ้านาย  ผมไม่ควรยุ่งเรื่องส่วนตัวของว่าน  ในฐานะเพื่อน  ผมควรเคารพการตัดสินใจของเขา  ดีที่สุดที่ผมทำได้  ก็ได้แค่นี้จริงๆ

เรื่องของว่าน ทำให้ผมนึกถึงเรื่องโจกับพี ถ้าจะมีใครหลอกเอาเงินใคร คนนั้นน่าจะเป็นพีมากกว่า แต่เท่าที่ผมรู้จัก พีก็ไม่ใช่เด็กไม่ดีขนาดนั้น ถ้าจะเป็นโจ ก็ไม่น่าใช่อีก เพราะเงินเดือนโจ มากกว่าเงินเดือนของพี ตั้ง 3-4 เท่า ฐานะทางบ้านพีก็ไม่ได้ดีมาก ผมว่า สองคนนี้คงไม่ได้คบกันเพราะผลประโยชน์ แต่ถ้าจะบอกว่า สองคนนั้นรักกัน ผมก็ไม่เชื่อเหมือนกัน พีดู crazy โจมาก ส่วนโจ ผมรู้สึกว่า ท่าทางเขาเหมือนกำลังมีของให้เขาเล่นสนุก ก็เท่านั้น

ผมอยากให้ตัวเอง ดูผิด เดาผิด จอมจะได้ไม่ต้องเครียด แต่ป๊าบอกว่าโจไม่มีครอบครัว แต่เคยมีแฟนมาหลายคนแล้ว โจไม่ใช่คนเจ้าชู้ เขาจริงใจกับทุกคนที่เขาคบด้วย แต่เขาไม่อยากจริงจังกับใครทั้งนั้น คบๆ กันไป สักพักก็ต้องเลิกกัน แต่โจไม่เเคร์ เลิกคนเก่าไม่นาน ก็มีคนใหม่อีก เป็นแบบนี้มาหลายปีแล้ว ผมฟังแล้วก็รู้เลยว่า ถ้าจอมรู้ จอมไม่มีทางสบายใจขึ้นได้แน่ๆ ผมไม่อยากบอกจอมเลย แต่ถ้าไม่บอก แล้วจอมไปรู้ทีหลังว่าผมไม่เล่า เดี๋ยวโกรธผมอีก หาทางปลอบให้จอมสบายใจขึ้น น่าจะง่ายกว่าต้องหาอะไรไปง้อเขา ผมไม่อยากโดนไล่ให้ไปนอนบนพื้นแข็งๆ แล้ว แต่ยังไงก็ต้องเก็บไว้วันหลัง ช้าไปสักวัน คงไม่เป็นไร ไว้ให้จอมหาหมอเสร็จก่อน ผมค่อยเล่า

ผมนั่งอยู่ที่มุมห้องที่เดิม ตั้งใจฟังหมอคุยกับจอม เขาดูเกร็งๆ นิดหน่อย ตอนหมอหยิบเข็มฉีดยามาเคาะเล่น หมอถามเรื่องทั่วไปบ้าง เรื่องส่วนตัวบ้าง ผมเลยได้รู้ไปด้วยว่าจอมเคยได้รางวัลมารยาทงาม แต่หลังจากนั้น เขาก็โดนริบรางวัล เพราะไปต่อยคนที่มาล้อเขาว่า ออกลูกเป็นไข่

ผมต้องปิดปากตัวเอง พยายามกลั้นหัวเราะ ดีที่เป็นจอมตอนนี้ ที่อดทนและใจเย็นมาก ถ้าเป็นจอมตอนนั้น แล้วไปงานกับอาม่า ไปเจอคนที่พร้อมจะดูถูกเขาโดยไม่รู้จักเขา อาม่าอาจจะต้องร้อง ไอ้หยา แล้วก็สั่งเก็บแหวนของอากงคืนก็ได้

หมอบอกให้จอมลองจับเข็มฉีดยา ผมเห็นจอมเอื้อมมือไปแล้ว แต่พอใกล้จะถึง จอมก็ดึงมือกลับ หมอไม่ได้ว่าอะไร เรียกผมเข้าไปใกล้ แล้วก็พูดกับผมให้ช่วยจอมฝึกต่อไป ตอนนี้จอมโอเคขึ้นแล้ว กับการเห็นเข็มฉีดยา เขาไม่มีอาการสะดุ้งตกใจแล้ว ขั้นต่อไปก็คือการจับสัมผัส หมอย้ำกับผมเหมือนเดิมว่า ให้ค่อยเป็นค่อยไป ระวังอย่าให้คนไข้เครียด ผมก็ไม่อยากให้จอมเครียด แต่ดูจากอาการจอมเมื่อกี้นี้ โจทย์ใหม่ก็ออกจะยาก แต่ก็ช่างมันก่อน สีหน้าแย่ๆ ตอนหมอบอกให้ลองจับเข็มฉีดยายังไม่หายไปเลย ผมบีบไหล่จอมเบาๆ ก้มลงไปพูดข้างหูว่า ลุกได้แล้วนะ เดี๋ยวผมพาไปกินไอติม

ผมเห็นอาการจอมทีไร ก็สงสารทุกที แต่ผมอยากมีลูก แล้วจอมก็คงอยากหายเร็วๆ เหมือนกัน เขาถึงได้ยอมมาหาหมอ ไม่บ่นไม่ว่า ที่ผมเอาเข็มฉีดยาวางไว้ทั่วไปหมด ผมเอาเทปติดเข็มฉีดยาไว้ที่คอนโซลฝั่งที่จอมนั่ง ตอนจอมเห็นครั้งแรก เขาถึงกับสะดุ้ง ดันตัวเองถอยจนแทบจะแบนติดเบาะ ถ้าทำได้เขาคงอยากทะลุไปอยู่เบาะหลังแล้ว ผมถามคำเดียวว่า ไหวมั้ย จอมหลับตา มือยังเกร็งจิกเบาะอยู่ ผมลูบหน้าขาเขาเบาๆ อยู่ 2-3 ที จอมถึงได้พยักหน้า ลืมตาขึ้นมามองไปข้างหน้าได้ วันนี้หมอชมแล้ว ผมต้องพาคนเก่งไปเสริมกำลังใจหน่อย แต่โจทย์ใหม่ของหมอคงทำให้จอมเครียดแบบห้ามไม่ได้ ผมพาจอมไปร้านโปรดของเขา แต่เขากลับสั่งแค่ถ้วยเล็กๆ แบบกินคนเดียว ผมหยอกจอมว่าทำไมสั่งถ้วยเล็ก จะกินคนเดียว ไม่แบ่งผมเหรอ จอมตอบด้วยเสียงเรียบมากๆ ว่า ผมกลัวกินไม่หมด คุณอยากกินก็สั่งเอง ผมเลยสั่งแบบถ้วยใหญ่แบบที่จอมเคยสั่งครั้งแรกที่เรามากินด้วยกัน แล้วก็บอกจอมว่า ผมยังคิดไม่ออกว่าจะช่วยให้คุณกล้าจับเข็มฉีดยาได้ยังไง เพราะฉะนั้น วันนี้ ห้องนอนผมจะไม่มีเข็มฉีดยาแม้แต่อันเดียวเลย ดีมั้ย ไม่ต้องเห็น ไม่ต้องจับ จอมยิ้มเหมือนเด็กได้ของเล่นถูกใจ เขาถามว่าผมว่า จริงนะ ผมเอื้อมมือไปลูบแก้มจอม ตอบว่า จริงสิครับ จอมยิ้มกว้างกว่าเดิม แล้วไอติมถ้วยใหญ่ยักษ์นั้นก็หมดเกลี้ยง

ระหว่างทางกลับบ้าน ผมเล่าเรื่องโจให้จอมฟัง เขาถอนหายใจยาว แล้วก็พูดว่า ก็ยังดี อย่างน้อยโจก็ไม่ได้หลอกเอาอะไรจากพี บางทีพีอาจจะเป็นคนทำให้โจอยากจริงจังด้วยก็ได้ ผมฟังแล้วไม่ได้ตอบอะไร เพราะเท่าที่ฟังจากป๊า โจดูจะรักสนุกมากกว่ารักสงบ แต่เรื่องอนาคต ใครจะไปรู้ บางทีสิ่งที่จอมคิด อาจจะเป็นจริงก็ได้ ผมบอกจอมเรื่องที่อาม่าอยากให้เขาไปดูละครเวทีด้วย ท่าทางจอมดีใจ แต่พอรู้ว่า ต้องไปรอบกาล่า จอมก็ทิ้งตัวใส่เบาะ พ่นลมออกทางจมูก ยิ่งพอรู้ว่าผมไปด้วยไม่ได้ จอมก็ทำหน้าเหวอ จนผมต้องปลอบว่า ไม่เป็นไรหรอกนะ อาม่าบอกว่า ใครมีปัญหา อาม่าจัดการเอง จอมพูดเบาๆ ว่า ห้ามปฏิเสธอีกแล้วใช่มั้ย เราถึงบ้านพอดี ผมจอดรถ แล้วหันมาพูดกับเขาว่า ไปเถอะนะ คุณเป็นคู่หมั้นผม อีกหน่อยก็จะเป็นครอบครัวของผม ยังไงคุณก็ต้องเจอคนพวกนั้นอยู่ดี จอมกะพริบตาถี่ๆ หลายครั้ง แล้วก็ยิ้มเหมือนเขิน เขินอะไรก็ไม่รู้

ผมบอกให้จอมรอหน้าห้อง ส่วนผมเข้าไปเก็บเข็มฉีดยาไปซ่อมให้พ้นตา จอมเดินเข้ามาหอมแก้มผม พูดกับผมว่า ขอบคุณนะครับ แล้วหันหลังจะเดินไป ผมรีบกอดไว้ แตะจมูกลงตรงท้ายทอยเขา กลิ่นเหงื่อบางๆ ผสมกลิ่นน้ำหอม เย้ายวนจนผมไม่อยากปล่อยมือเลย แต่จอมบอกว่า เขาจะไปอาบน้ำ ผมจับตัวจอมหันกลับมาหา ถามเขาว่า ชอบในห้องน้ำเหรอ มันยืนได้อย่างเดียวนะ จอมกระซิบเบาๆ ข้างหูผมว่า ขอบอ่างก็ได้

จอมนอนจับของผมเล่น ถ้าเป็นเวลาอื่น ก็คงไม่เหลือแล้ว แต่ตอนนี้ หลังจากออกไป 2 รอบ ปลุกยังไงก็คงไม่ตื่นแล้ว ผมนั่งพิงหมอน มีจอมนอนพิงหน้าอกผม ผมถามจอมว่า เสียดายมั้ยที่โดนริบรางวัล จอมตอบเรื่อยๆ ว่า ไม่เสียดาย แต่กว่าจะเอารางวัลไปคืนก็หลายวัน เพราะโกรธครู จอมบอกว่า เขาถามครูว่า ทำไมเขาต้องมารยาทงามกับคนถ่อย ครูไม่มีคำตอบให้ จอมพูดต่อว่า ตอนนั้นเขาเด็ก พอมาอยู่ในสังคมจริงๆ เขาถึงรู้ว่า ทำรุนแรงไปก็ไม่มีประโยชน์ แล้วเขายังจะเดือดร้อนด้วย เพราะเรื่องอาจไม่จบแค่เรื่องทะเลาะวิวาทแล้วไปเสียค่าปรับ จอมหยุดคิดนิดหนึ่ง แล้วพูดต่อว่า แต่ถ้าเป็นตอนนี้ ผมเจอแบบนั้น ผมก็ต่อยนะ ผมร้อง อ้าว แล้วก็หัวเราะ ถามขำๆ ว่าทำไม เมื่อกี๊ยังเป็นคนดีเข้าใจโลกอยู่เลย จอมหัวเราะ เอาขามาก่ายผม แล้วก็ตอบว่า ผมมีอัลฟาคอยปกป้องผมอยู่ จะกลัวทำไมอีกแ แล้วก็ลุกขึ้นมาจูบแก้มผม แล้วไปหยิบเสื้อมาใส่ให้

แอร์ในห้องเย็นฉ่ำ ใต้ผ้าห่มที่มีจอมอยู่ข้างๆ อบอุ่นแสนสบาย ถ้าตัวผมเมื่อปีที่แล้วกำลังมองอยู่ ผมคงจะอิจฉาตัวเองจนแทบอยากจะกลั้นใจตายแน่ๆ

 

**หมายเหตุ : วิธีการรักษาโรคกลัวเข็มฉีดยา เป็นจินตนาการผสมกับความรู้เพียงน้อยนิดที่พอหาได้ ไม่ใช่ข้อมูลทางการแพทย์ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน




Create Date : 12 กันยายน 2567
Last Update : 12 กันยายน 2567 12:09:22 น. 0 comments
Counter : 469 Pageviews.  

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณดอยสะเก็ด

 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

วัลยา
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add วัลยา's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com