พาชมพระราชวังโบราณ และวัดพระศรีสรรเพชญ์
พระราชวังโบราณ และวัดพระศรีสรรเพชญ์
3 ตุลาคม 2553 หลังจากที่เราพาคุณๆชมวัดใหญ่ชัยมงคลแล้ว เราก็ออกเดินทางต่อมาที่พระราชวังโบราณ อยุธยา โดยเข้ามาทางด้านข้างวัดมงคลบพิตร เพื่อเข้าไปนมัสการหลวงพ่อมงคลบพิตรก่อนเข้าไปเดินชมพระราวังฯและวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์.... อากาศที่พระราชวังเก่าวันนั้น ก็ยังอึมครึมอยู่เช่นเดิม คล้ายๆว่าฝนกำลังจะตก หลายๆภาพก็ย้อนแสง ดูยากนิดหนึ่งนะครับ
การเข้าชมวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์ และพระราชวังโบราณทุกคนต้องซื้อบัตรผ่านเข้าชม โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยขายบัตรอยู่ที่ซุ้มประตูทางเข้า โดยผู้ใหญ่ราคา..... บาท และเด็ก ราคา ........ บาท สำหรับชาวต่างประเทศราคา ..... บาทครับ
ก่อนอื่นเรามาเริ่มต้นด้วยการเข้าไปไหว้พระมงคลบพิตรก่อน โดยวิหารพระมงคลบพิตรที่เราเห็นในปัจจุบัน ได้รับการบูรณขึ้นมาใหม่ ไม่ใช่ของเดิมครับ
วิหารพระมงคลบพิตร

วิหารพระมงคลบพิตร
วิหารพระมงคลบพิตร ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา ทางทิศใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์
สันนิษฐานกันว่า สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนต้นราวแผ่นดินสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ โดยตามพงศาวดารวิหารพระมงคลบพิตรนั้น เดิมประดิษฐานอยู่ด้านทิศตะวันออกของ พระราชวังหลวง บางคนสันนิษฐานว่า เคยประดิษฐานอยู่กลางแจ้งที่วัดชีเชียงมาก่อน ในปี พ.ศ. ๒๑๔๖ สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมโปรดฯ ให้ชลอมาไว้ทางด้านทิศตะวันตก แล้วให้สร้างมณฑปขึ้นครอบไว้ โดยมีหลักฐานจากภาพวาดของชาวตะวันตกที่เข้ามาในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททองว่าเป็นรูปร่างคล้ายๆมณฑป
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๒๔๖ แผ่นดินสมเด็จพระเจ้าเสือ ยอดมณฑปต้องอสนีบาต (ฟ้าผ่า) ไฟไหม้เครื่องบนมณฑปหักพังลงมาต้องพระเศียรหัก สมเด็จพระเจ้าเสือ จึงโปรดฯให้แปลงมณฑปเป็นวิหารแต่ยังคงส่วนยอดของมณฑปไว้ แล้วซ่อมพระเศียรพระพุทธรูปใหม่ กระทั่งในรัชกาล สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่หมด เปลี่ยนหลังคาคล้ายในปัจจุบัน เมื่อเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งสุดท้ายวิหารและพระพุทธรูปถูกไฟไหม้ ชำรุดทรุดโทรม เครื่องบนวิหารหักลงมาต้องพระเมาฬี และพระกรข้างขวาหัก

ในปี พ.ศ. ๒๔๗๔ สมัยพระยาโบราณราชธานินทร์ ตำแหน่งสุมุหเทศาภิบาลมณฑลอยุธยา คุณหญิงอมเรศร์สมบัติกับพวก ได้ขอยื่นเรื่องซ่อมแซมวิหาร แต่รัฐบาลไม่อนุญาต เนื่องจากต้องการที่จะรักษาตามแบบอย่างทางโบราณคดี โดยจะออกแบบให้ปูชนียสถานกลางแจ้งเหมือนไดบุซึของญี่ปุ่น แต่ด้วยเวลานั้นรัฐบาลยังไม่มีงบประมาณพร้อมในการดำเนินการ
ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๙๙ รัฐบาลสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม จึงได้เริ่มการบูรณะปฏิสังขรณ์พระวิหารและองค์พระพุทธเสียใหม่ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ในคราวบูรณะพระมงคลบพิตรในปี พ.ศ. ๒๕๐๐ กรมศิลปากรได้พบพระพุทธรุปบรรจุไว้ในพระพาหา (แขน) เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันเก็บรักษาอยู่ที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม

พระมงคลบพิตร
พระมงคลบพิตร เป็นพระพุทธรูปใหญ่หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์องค์เดียวในประเทศไทย ลงรักปิดทองมีแกนเป็นอิฐ ส่วนผิวนอกบุด้วยสำริด ทำเป็นท่อนๆมาเชื่อมกัน สูง ๑๒.๕๔ เมตร หน้าตักกว้าง ๔ วาเศษ สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระไชยราชา ราวพ.ศ. ๒๐๘๑ เดิมประดิษฐานอยู่กลางแจ้ง ต่อมาในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ทรงโปรดเกล้าให้อัญเชิญมาไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของวัดพระศรีสรรเพชญ์
_____________________
วัดพระศรีสรรเพชญ์

เจดีย์สามองค์จากทางวิหารมงคลบพิตร
ประวัติ
วัดพระศรีสรรเพชญ์ เดิมในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ใช้เป็นที่ประทับ ต่อมาสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ทรงสร้างพระราชมณเฑียรขึ้นใหม่ทางตอนเหนือ แล้วจึงโปรดฯให้ยกเป็นเขตพุทธาวาส เพื่อประกอบพิธีสำคัญต่าง ๆ ของบ้านเมือง จึงเป็นวัดในเขตพระราชวังที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษา แตกต่างกับวัดมหาธาตุสุโขทัย ที่มีพระสงฆ์จำพรรษา ทั้งวัดมหาธาตุ สุโขทัย,วัดพระศรีสรรเพชญ์ อยุธยา และวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ต่างก็ถูกสถาปนาขึ้นในมูลเหตุการสร้างวัดเดียวกันนั่นคือ "สร้างเพื่อเป็นวัดประจำพระราชวัง"

ในบริเวณวัดพระศรีสรรเพชญ์
ต่อมาในปี พ.ศ. 2035 รัชสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระสถูปเจดีย์องค์ตะวันออก เพื่อบรรจุพระอัฐิของพระราชบิดา สมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ และพระสถูปเจดีย์องค์กลางเพื่อบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 ผู้เป็นพระเชษฐา
หลังจากนั้นในปี พ.ศ. 2042 พระองค์โปรดให้สร้างพระวิหารหลวงขึ้น

ในปีต่อมา พ.ศ. 2043 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 ทรงสร้างพระวิหาร ทรงหล่อพระพุทธรูป ยืนสูง 8 วา (ประมาณ 16 เมตร) หุ้มด้วยทองคำหนัก 286 ชั่ง (ประมาณ 171 กิโลกรัม) ประดิษฐานไว้ในวิหาร ถวายพระนามว่า พระศรีสรรเพชญดาญาณ ซึ่งภายหลังเมื่อเสียกรุง พ.ศ. 2310 พม่าได้เผาลอกทองคำไปหมด และองค์พระพังยับเยิน รัชกาลที่ 1 จึงโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายมาประดิษฐานวัดพระเชตุพน และ บรรจุชิ้นส่วนซึ่งบูรณะไม่ได้เหล่านั้นไว้ในเจดีย์องค์ใหญ่ที่สร้างขึ้นแล้วพระราชทานชื่อเจดีย์ว่า เจดีย์ศรีสรรเพชญดาญาณ เจดีย์องค์ที่ 3 ถัดมาจากด้านทิศตะวันตกเป็น เจดีย์บรรจุพระอัฐิ ของสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 ซึ่งสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 4(พระหน่อพุทธางกูร) พระราชโอรสได้โปรดให้สร้างขึ้น เจดีย์ทั้งสามองค์นี้เป็นเจดีย์แบบลังกา

ในรัชสมัยพระเจ้าทรงธรรมพระองค์โปรดเกล้าฯให้สร้าง พระที่นั่งจอมทอง ตั้งอยู่ใกล้ๆ กำแพงทางด้านติดกับ วิหารพระมงคลบพิตร เพื่อให้เป็นสถานที่ให้พระสงฆ์บอกเล่าหนังสือพระสงฆ์
ราวรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ มีการบูรณะปฏิสังขรณ์วัดหลวงแห่งนี้เป็นครั้งแรก ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระยาโบราณราชธานินทร์ สมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่าได้ดำเนิน การขุดสมบัติจากกรุภายในเจดีย์ พบพระพุทธรูป เครื่องทองคำมากมาย และในสมัย จอมพล ป.พิบูลสงคราม ได้มีการบูรณะวัดนี้จนมีสภาพที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
(ที่มา)

1

2

3

4

5

6

7
เดินชมวัดพระศรีสรรเพ็ชญ์และพระราชวังโบราณด้วยความคิดต่างๆนานา คิดถึงความยิ่งใหญ่ของที่นี่ในอดีต ว่าคงคราคร่ำไปด้วยผู้คนมากมายตลอดระยะเวลา 400 กว่าปี มีทั้งความเจริญอย่างมากมาย มีทั้งความชอกช้ำเศร้าโศรกด้วยเช่นกัน แต่ละครั้งที่เราฟันฝ่ามาได้นั้นก็เพราะเราหลอมน้ำใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน.....จนมีคำกล่าวขาลกันเสมอมาว่า "กรุงศรีอยุธยา ไม่สิ้นคนดี"
เมื่อมองดูซากปรักหักพังเหล่านั้นแล้วหันกลับมามองเมืองหลวงไทยในปัจจุบัน ที่ผู้คนต่างก็ดิ้นรนเพื่อเอาตัวให้รอด จนหลายครั้งหลายครากลายเป็นคนเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน หงุดหงิดและรำคาญเพื่อนร่วมชาติแล้วผลักใสให้เขาไปยืนอยู่อีกฝั่งทางความคิด...จนลืมไปว่าชาติมันต้องประกอบไปด้วยคนหลากหลาย ไม่ใช่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ความคิดความเห็นจึงแตกต่างกันไป...

8
มองอยุธยาแล้วเอาไปเปรียบเทียบกับเมืองเก่าหลายๆที่ที่เราเคยเห็นมา ทำให้เกิดความปิติจนบอกไม่ถูก เพราะทึ่งในความยิ่งใหญ่ของที่นี่จริงๆ.... แต่ก็เสียดายที่ความยิ่งใหญ่ในอดีตเหล่านี้ต้องมาพังลง เพราะความเห็นแก่ตนของคนบางกลุ่ม ไม่งั้นเราคงเห็นสภาพของกรุงศรีอยุธยาเรืองรุ่งจนถึงปัจจุบัน

9
การเข้าชม เวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวัน 07.0018.30 น.
อัตราค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท หรือสามารถซื้อบัตรรวมได้ ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างประเทศ 220 บาท โดยบัตรนี้สามารถเข้าชมวัดและพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาได้ ภายในระยะเวลา 30 วัน อันได้แก่ วัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังหลวง วัดมหาธาตุ วัดราชบูรณะ วัดพระราม วัดมเหยงค์ วัดไชยวัฒนาราม, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ชาวไทย 30 บาท ชาวต่างประเทศ 150 บาท และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างประเทศ 100 บา ท
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานศิลปากรที่ 3 โทร. 0 3524 2501, 0 3524 2448 หรือ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โทร. 0 3524 2284, 0 3524 2286
หมายเหตุ ตั้งแต่เวลาประมาณ 19.30-21.00 น. จะมีการส่องไฟชมโบราณสถาน

ลากันด้วยภาพมุมนี้อีกรอบ แต่คนละเวเลา
ขอบคุณที่ตามอ่านครับ
ปล. ได้รับ e-mail ฉบับนี้มา เลยเอามาประชาสัมพันธ์ที่นี่เลย และขอเชิญชวนคุณๆออกไปร่วม "กอดเมืองไทย" ด้วยกันครับ..
เรียนคุณ wicsir
การสร้างแรงบันดาลใจให้คนไทยออกเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ คือหน้าที่ที่สำคัญที่สุดของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แคมเปญ กอดเมืองไทย ให้หายเหนื่อย ได้สร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ทั้งคนไทย และประเทศไทย ที่ต่างอยู่ในภาวะที่เหนื่อยล้าจากสถานการณ์ต่างๆ ได้เยียวยาซึ่งกันและกัน
และด้วยสถานการณ์ปัจจุบัน อุทกภัยที่หลายจังหวัดต่างประสบอยู่ในขณะนี้อาจทำให้การท่องเที่ยวในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวที่กำลังจะมาถึงชะลอตัวลงไปบ้าง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เล็งเห็นว่า นี่อาจจะเป็นอีกโอกาสหนึ่ง ที่คนไทยจะได้ออกไปกอดเมืองไทยอีกครั้ง เพื่อช่วยให้กำลังใจ ช่วยสนับสนุนและสร้างรายได้ให้กับคนไทยคนอื่นๆทั้งประเทศ
แต่การที่จะกระตุ้นให้คนไทยออกไปกอดเมืองไทยในครั้งนี้ เราต้องการพลังจากคนไทยทุกคนในการสร้างแรงบันดาลใจให้แก่กันและกัน เพราะเราเชื่อว่า คงไม่มีใครเชื้อเชิญให้เราออกไปเที่ยวได้ดีเท่ากับเจ้าของประเทศเอง
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จึงได้สร้างสรรค์กิจกรรม กอดเมืองไทย แกลเลอรี ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้คนไทยทั้งประเทศ ได้ส่งภาพ กอด ของตัวเองเข้ามาสร้างแรงบันดาลใจในการท่องเที่ยวให้กับคนไทยคนอื่นๆ โดยภาพที่ส่งเข้ามาทั้งหมดทาง ททท.จะนำไปจัดแสดงไว้ที่ กอดเมืองไทย แกลเลอรี บริเวณ ทางเดินเชื่อมสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส ระหว่างสถานทีชิดลม ถึงสถานีสยาม (บีทีเอส สกายวอล์ก) ตั้งแต่วันนี้ จนถึง 14 มกราคม 2554 โดยผู้ที่สนใจเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างปรากฏการณ์ กอด สามารถส่งภาพมาได้ที่ hugthailand@hotmail.com หรืออีกช่องทางหนึ่งคือ Hug Thailand application ใน //www.facebook.com/mr.1081009 ซึ่งคุณสามารถ upload ภาพกอดของคุณพร้อมกับเชิญชวนเพื่อนๆให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรมนี้ได้ โดยมีกติกาชิงของรางวัลให้ร่วมสนุกมากมาย เช่น iPhone 4 และแพกเก็จท่องเที่ยวต่างๆเป็นต้น เมื่อจบโครงการนี้แล้ว ภาพทุกภาพจะถูกส่งไปยังคนไทยทั่วประเทศ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นๆได้ออกไปกอดเมืองไทยต่อไป
คุณ และ //travelsomewhere.bloggang.com มีส่วนสำคัญในการที่จะสร้างพลัง กอด ให้แพร่กระจาย และเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยคนอื่นๆในการที่จะออกไปกอดเมืองไทยได้ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ใคร่ขอความอนุเคราะห์ในการให้คุณช่วยประชาสัมพันธ์กิจกรรมนี้ไปสู่แฟนๆหรือผู้ที่ติดตามเรื่องราว/ข้อมูลการท่องเที่ยวของคุณ เพราะเราเชื่อว่าทั้งคุณและททท. มีเป้าหมายและความภูมิใจร่วมกัน คือ การเห็นคนไทยออกไปเที่ยวเมืองไทย ออกไปกอดเมืองไทย แล้วคุณจะรู้ว่า กอด ของคุณมีพลังมากมายเพียงใด
ขอได้รับการ กอด แทนคำขอบคุณจากเรา
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
___________ END___________
|
Create Date : 22 พฤศจิกายน 2553 |
Last Update : 16 สิงหาคม 2555 16:54:39 น. |
|
40 comments
|
Counter : 9373 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: panwat วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:8:08:23 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:8:13:38 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:8:31:50 น. |
|
|
|
โดย: nLatte วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:9:35:01 น. |
|
|
|
โดย: วาดะจัง วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:05:56 น. |
|
|
|
โดย: chenyuye วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:15:44:48 น. |
|
|
|
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:14:35 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:06:56 น. |
|
|
|
โดย: wicsir วันที่: 22 พฤศจิกายน 2553 เวลา:21:08:56 น. |
|
|
|
โดย: nLatte วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:7:23:51 น. |
|
|
|
โดย: NET-MANIA วันที่: 23 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:30:05 น. |
|
|
|
โดย: babyL' วันที่: 24 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:32:28 น. |
|
|
|
โดย: tifun วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:45:57 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:50:08 น. |
|
|
|
โดย: poongie วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:18:08:28 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:20:47:41 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 25 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:28:18 น. |
|
|
|
โดย: tifun วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:10:34:47 น. |
|
|
|
โดย: nLatte วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:11:17:09 น. |
|
|
|
โดย: chenyuye วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:13:29:53 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:37:57 น. |
|
|
|
โดย: วาดะจัง วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:16:46:06 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 27 พฤศจิกายน 2553 เวลา:22:21:32 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:14:51:55 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 28 พฤศจิกายน 2553 เวลา:23:39:08 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]

|
...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......
อยากจะบอกว่า
@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว
@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.
@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...
ด้วยจริงใจ นาย wicsir.
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ผมจำชื่อวัดไม่ได้...อยากไปอีกสักครั้งแต่ไปไม่ถูกครับ
วัดในจังหวัดอยุธยาพระพุทธรูปสวยงามทุกวัดนะครับ
วัดนี้ก็สวยเหมือนกัน...แต่วัดที่ผมไปวันนั้นสวยกว่าครับ
คุณวิคเซอร์ช่วยลองไปค้นหาหน่อยเถอะครับ
.............
สวัสดีตอนเช้านะครับ