++ ไ ห ว้ พ ร ะ ป ฐ ม เ จ ดี ย์ ++
ช่วง วันเพ็ญเดือนหกหรือช่วงวันวิสาขบูชาซึ่งเป็นวันหยุดยาว 3 วัน ครอบครัวเราได้เดินทางไปเที่ยวทางภาคตะวันตก โดยมีเป้าหมายอยู่ที่เมืองกาญจน์ โดยเฉพาะที่สังขละบุรี ... เราออกเดินทางช่วงบ่ายๆจากขอนแก่น สู่กรุงเทพฯเพื่อไปรับเจ้าลูกชายที่หอพัก ที่เพิ่งปิดเทอมหลังจากสอบเสร็จ (ทางมหาวิทยาลัยแห่งนี้เขาเปลี่ยนเวลาเรียนใหม่ให้ตรงกับต่างประเทศน่ะ) เราพักที่กรุงเทพคืนหนึ่ง ก่อนพากันเดินทางออกจากแถวๆฝั่งธนฯไปตามถนนพระรามที่ 2 แล้วเข้าวงแหวนตะวันตก ก่อนเข้าถนนเพชรเกษมเพื่อไปนครปฐมและบ้านโป่งตามลำดับ พระปฐมเจดีย์ นครปฐมพอถึงนครปฐมคิดอยากจะไปไหว้พระปฐมเจดีย์ซักครั้ง เพราะนานมากแล้วที่ไม่มีโอกาสไปที่นั่น วันนี้จึงได้ภาพท่ามกลางแสงแดดอันแผดจ้ามาฝากคุณๆ และวันที่ไปก็โชคดีอีกต่างหาก เพราะวันนั้นเป็นวัน "วิสาขบูชา" จุดแรกที่เราจะเดินขึ้นไปที่พระเจดีย์ ก็จะเจอพระพุทธนรเชษฐ์นี่ก่อนเลยครับ เข้าไปไหว้เพื่อเป็นสิริมงคลก่อนที่เข้าไปด้านในครับ พระพุทธนรเชษฐ์ (พระศิลาขาว)พระพุทธนรเชษฐ์ (พระศิลาขาว) พระพุทธนรเชษฐ์ฯ เป็นพระพุทธรูปศิลาขาวแกะสลักขนาดใหญ่ ปางประทานปฐมเทศนา ประทับนั่งห้อยพระบาททั้งสองลงบนฐานที่ทำเป็นกลีบบัวบานรองรับ สร้างในสมัยทวารวดี (พ.ศ.๑๑๐๐ - ๑๖๐๐) เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดพระเมรุ (ร้าง) ด้านทิศใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์ ต่อมาไม่ทราบว่าในยุคสมัยใด ได้มีผู้แบ่งแยกองค์พระพุทธรูป เคลื่อนย้ายออกไปยังที่ต่างๆ หลายแห่ง และมีบางส่วนของพระพุทธรูป เช่น ส่วนพระชงฆ์ ส่วนองค์พระ เก็บรักษาอยู่ที่คตระเบียงองค์พระปฐมเจดีย์ ครั้นถึงปี พ.ศ.๒๕๑๐ ทางกรมศิลปากร ได้รวบรวมชิ้นส่วนพระพุทธรูปดังกล่าวนี้ไว้ได้เป็นหลายชิ้น รวมทั้งชิ้นส่วนที่เก็บรักษาอยู่ที่องค์พระปฐมเจดีย์ ประกอบกันเป็นองค์พระพุทธรูปขึ้นได้จำนวน ๓ องค์ วัดพระปฐมเจดีย์ จึงได้ร่วมกับกรมศิลปากร อัญเชิญ พระพุทธรูปศิลาขาวที่ประกอบเป็นองค์พระพุทธรูปบริบูรณ์แล้วนี้ ๑ องค์ ขึ้นประดิษฐานไว้ที่ลานชั้นลด ด้านทิศใต้ขององค์พระปฐมเจดีย์ แล้วกรมศิลปากรได้ถวายพระนามว่า พระพุทธนรเชษฐ์ เศวตอัศมมัยมุนี ศรีทวารวดี ปูชนียบพิตร ขึ้นไปอีกจะเป็นพิพิธภัณฑ์ ด้านในจะเป็นภาพจิตรกรรมประวัติศาสตร์ องค์พระปฐมเจดีย์ 3 สมัยร.4 ร.5 ร.6 ร.9 และเป็นประวัติความเป็นมาของศาสนาพุทธและประวัติการสร้างองค์พระปฐมเจดีย์ ท่านที่มาถึงที่นี่ไม่ควรพลาดที่จะเข้าไปมด้านใน เพราะมีพระพุทธรูปที่สวยงามมากในนั้น รวมทั้งภาพเขียนฝาผนังที่วิจิตร เสียดายที่เขาห้ามถ่ายภาพครับ มีรูปปั้นล้นเกล้า ร.5 อยู่ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์พระปฐมเจดีย์ องค์พระปฐมเจดีย์ เป็นปูชนียสถานอันสำคัญของประเทศไทย อยู่ภายในวัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร มีประวัติความเป็นมายาวนานในแผ่นดินสุวรรณภูมิ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์พระปฐมเจดีย์ เป็นพระเจดีย์ใหญ่ รูประฆังคว่ำ ปากผายมหึมา โครงสร้างเป็นไม้ซุง รัดด้วยโซ่เส้นมหึมาก่ออิฐ ถือปูน ประดับด้วยกระเบื้องปูทับ ประกอบด้วยวิหาร 4 ทิศ กำแพงแก้ว 2 ชั้น เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ของพระพุทธเจ้า เป็นที่เคารพสักการบูชาของบรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วโลก ทางวัดกำหนดให้มีงานเทศกาลนมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ ในวันขึ้น 12 ค่ำ เดือน 12 ถึง วันแรม 5 ค่ำ เดือน 12 รวม 9 วัน 9 คืน เป็น ประจำทุกปีประวัติองค์พระปฐมเจดีย์ พระปฐมเจดีย์ หรือเดิมเรียกว่า พระธมเจดีย์ มีฐานะเป็นมหาธาตุหลวง ของแผ่นดินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชวินิจฉัยว่า พระธมเจดีย์องค์นี้ อาจเป็นเจดีย์ที่สร้างขึ้น เมื่อคราวที่พระสมณทูต ในพระเจ้าอโศกมหาราช เดินทางมาเผยแผ่ศาสนายังสุวรรณภูมิ ก็เป็นได้ เพราะพระเจดีย์เดิม มีลักษณะทรงโอคว่ำ หรือทรงมะนาวผ่าซีก แบบเดียวกับพระสถูปสาญจี แต่ปรากฏว่ามียอดเป็นแบบปรางค์ ซึ่งพระองค์ฯ มีพระราชวินิจฉัยว่า อาจมีเจ้านายพระองค์ใดมาบูรณะไว้ก็เป็นได้ ซึ่งตรงกับความในศิลาจารึกหลักที่ 2 (ศิลาจารึกวัดศรีชุม) ของ พระมหาเถรศรีศรัทธาฯ อันได้กล่าวไว้ว่า พระมหาเถรศรีศรัทธาฯ ท่านทรงได้แวะมาบูรณะพระธมเจดีย์องค์นี้ ก่อนที่ท่านจะเดินทางกลับเมืองราด เมื่อคราวที่ท่านเสด็จกลับจากศึกษาพระพุทธศาสนาที่ลังกา ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงพระราชทานนามใหม่ว่า พระปฐมเจดีย์ ด้วยทรงเชื่อ ว่านี่คือเจดีย์แห่งแรกของสุวรรณภูมิ นั่นเองในเรื่องนี้ นักประวัติศาสตร์ และนักโบราณคดีบางท่าน ได้ระบุว่า พระปฐมเจดีย์ไม่ได้เป็นเจดีย์ที่เก่าที่สุดของสุวรรณภูมิ แต่เป็น พระมหาธาตุหลวง ในยุคทวารวดี มากกว่า เนื่องด้วยเหตุผลประกอบหลายประการ โดยเฉพาะ การค้นพบเจดีย์ ที่มีอายุเก่าแก่กว่าพระธมเจดีย์ และหลักฐานลายลักษณ์อักษร ที่ระบุว่า "พระเจดีย์องค์นี้ เดิม ขอมเรียก พระธม" ซึ่งไม่ว่าจะเป็นชาวขอมจริงๆ หรือชาวลวรัฐ ซึ่งสมัยนั้นเราก็เรียกว่าขอม เช่น ขอมสบาดโขลญลำพง คำว่า ธม สำหรับชาวขอมนั้น แปลว่า ใหญ่ ตรงกับคำเมืองว่า หลวง ซึ่งเราก็เรียกพระนครธม ว่า พระนครหลวง ด้วยเหตุผลเดียวกัน (อ่านเพิ่มเติม) วิหารคต (คตพระระเบียง) รอบบนองค์พระปฐมเจดีย์ตำนานองค์พระปฐมเจดีย์ พระยากง เจ้าเมืองศรีวิชัย (นครชัยศรี) มีบุตรชื่อว่าพระยาพาน เมื่อแรกเกิดโหนได้ทำนายเอาไว้ว่า ทารกนี้มีบุญญาธิการมาก แต่จะทำปิตุฆาต พระยากงจึงสั่งให้นำทารกนั้นไปทิ้งเสียในป่า แต่บังเอิญ ยายหอมซึ่งเป็นชาวบ้านหาเช้ากินค่ำอยู่แถวป่า ได้ไปเจอเด็กทารกที่ถูกทิ้งไว้ และได้นำกลับมาเลี้ยงจนเติบใหญ่ขึ้นมา และได้เป็นบุตรบุญธรรมของเจ้าเมืองราชบุรี ซึ่งเป็นเมืองขึ้นของศรีวิชัย พระยาพานเห็นวาเมืองราชบุรีนี้ไม่ควรที่จะเป็นเมืองขึ้นของศรีวิชัยอีกต่อไป และไม่ยอมส่งเครื่องราชบรรณาการไปให้เมืองศรีวิชัยตั้งแต่บัดนั้น จึงทำให้พระยากงแห่งเมืองศรีวิชัยโกรธมาก และยกกำลังกองทัพออกไปปราบปรามเมืองราชบุรีฝ่ายเจ้าเมืองราชบุรีก็ให้พระยาพาน ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมยกกำลังกองทัพออกไปต่อสู้ ในที่สุดพระยากงแห่งเมืองศรีวิชัยก็ถูกฆ่าตายในสนามรบ พระยาพานจึงได้เคลื่อนทัพเข้าเมืองศรีวิชัย หมายจะเอาภรรยาเจ้าเมืองศรีวิชัยมาเป็นภรรยาของตน ฝ่ายเทพยดาจึงได้เนรมิตเป็นแมวแม่ลูกอ่อนมานอนขวางบันไดไว้ ขณะที่พระยาพานเดินเข้าไปในห้องเพื่อไปหาภรรยาของพระยากง ก็ได้ยินเสียแม่แมวพูดกับลูกน้อยว่า "นับประสาอะไรกับสัตว์เดรัจฉานอย่างเราที่ท่านเดินข้าม มารดาของท่าน ท่านก็ยังคิดจะเอาเป็นเมียเลย" ฝ่ายมารดาของพระยาพาน เมื่อเห็นรอยแผลเป็นที่หน้าผาก ซึ่งเมื่อตอนคลอดลูกชายออกมา หน้าผากไปกระทบกับพานจนแตก ก็จำได้ว่า ชายคนนี้คือบุตรชายของตน จึงได้ยกมือขึ้นอธิษฐานว่า "หากชายผู้นี้เป็นบุตรของข้าฯ ก็ขอให้มีน้ำนมไหลออกมาจากอกของข้าฯ เถิด" ครั้นสิ้นคำอธิษฐานก็ปรากฏว่ามีน้ำนมไหลออกมาจากอกของนางจริง ๆ นางจึงได้เล่าความเป็นจริงทั้งหลายให้พระยาพานฟังจนหมดสิ้น พระยาพานครั้นได้ฟังมารดาเล่าความจริงให้ฟังดังนั้น ก็รู้สึกเสียใจและโกรธยายหอมที่ไม่ยอมบอกความจริงเสียแต่แรก จึงได้สั่งทหารไปจับยายหอมฆ่าเสีย ครั้นได้สำนึกความผิดที่ตนได้ฆ่าพ่อ พระยาพานจึงไปปรึกษาคณะสงฆ์เพื่อหาวิธีถ่ายบาปกรรมที่ตนทำไว้ จึงได้รับคำแนะนำจากคณะสงฆ์ว่า ให้สร้างเจดีย์สูงเท่านกเขาเหินขึ้น พระยาพานจึงได้ก่อเจดีย์ขึ้นเป็นรูปทรงคล้ายกับลอมฟางสูงเท่านกเขาบินเหินขึ้น แล้วบรรจุพระทันตธาตุ คือ พระเขี้ยวแก้วไว้ด้วยพระองค์หนึ่ง เมื่อสร้างสำเร็จแล้วทำการฉลองเจ็ดวันเจ็ดคืน แล้วจึงถวายเขตแดนโดยรอบพระเจดีย์ชั่วเสียงช้างร้อง ถวายข้าพระโยมสงฆ์เป็นจำนวน สำมะโนครัว ๕๕๕ ครัว วันนี้มีนักเรียน นักศึกษามาเตรียมทำพิธีวันวิสาขบูชาด้วยเรามีเวลาที่จะเดินเที่ยวรอบๆองพระปฐมเจดีย์ไม่มากนัก เพราะต้องเดินทางต่อไปที่ อ.สังขละบรี จ. กาญจนบุรี ซึ่งยังเหลือระยะทางอีกไกลโข เลยได้ภาพมาฝากคุณๆเพียงเท่านี้ ซึ่งที่นี่ยังมีที่ให้ชมอีกมากมาย เช่น พระร่วงโรจนฤทธิ์ เป็นต้น หลังจากได้แวะไหว้พระทำบุญแล้ว เราก็เดินทางต่อไปตามถนนเพชรเกษม เข้าบ้านโป่งแล้วแยกออกไปกาญจนบุรี และเดินทางต่อไปที่ อ.สังขละบุรี โดยไปถึง อ.สังขละฯ ประมาณบ่ายแก่ๆ ฝนกำลังตกหนักเลยทีเดียวครับ _____________
Create Date : 10 มิถุนายน 2556
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2558 21:13:59 น.
25 comments
Counter : 5454 Pageviews.
โดย: 3KKK วันที่: 10 มิถุนายน 2556 เวลา:10:08:28 น.
โดย: อุ้มสี วันที่: 10 มิถุนายน 2556 เวลา:11:48:24 น.
โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 10 มิถุนายน 2556 เวลา:12:45:34 น.
โดย: NET-MANIA วันที่: 10 มิถุนายน 2556 เวลา:13:58:25 น.
โดย: lovereason วันที่: 10 มิถุนายน 2556 เวลา:23:07:26 น.
โดย: Kavanich96 วันที่: 11 มิถุนายน 2556 เวลา:7:54:01 น.
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 11 มิถุนายน 2556 เวลา:13:01:07 น.
โดย: ฝากเธอ วันที่: 11 มิถุนายน 2556 เวลา:22:42:17 น.
โดย: chenyuye วันที่: 12 มิถุนายน 2556 เวลา:13:47:46 น.
โดย: Nongpurch วันที่: 12 มิถุนายน 2556 เวลา:15:03:47 น.
โดย: อุ้มสี วันที่: 12 มิถุนายน 2556 เวลา:20:14:01 น.
โดย: Nongpurch วันที่: 13 มิถุนายน 2556 เวลา:8:53:55 น.
โดย: ฝากเธอ2 วันที่: 13 มิถุนายน 2556 เวลา:23:28:38 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 14 มิถุนายน 2556 เวลา:11:56:47 น.
โดย: andrex09 วันที่: 14 มิถุนายน 2556 เวลา:18:19:38 น.
โดย: หมุนตามไมล์ วันที่: 14 มิถุนายน 2556 เวลา:23:00:23 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 15 มิถุนายน 2556 เวลา:21:59:32 น.
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 15 มิถุนายน 2556 เวลา:22:53:02 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [? ]
...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......อยากจะบอกว่า @ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว @ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ. @ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก... ด้วยจริงใจ นาย wicsir.
1
2 3 4 5 6 7 8
9 10 11 12 13 14 15
16 17 18 19 20 21 22
23 24 25 26 27 28 29
30
อ่านสนุกมากค่ะ
wicsir Travel Blog ดู Blog