ไม่ได้มาสุโขทัยนานปีเหมือนกัน ทำให้อยากจะมาเยี่ยมเมืองอันรุ่งโรจน์ในอดีตนี้อยู่ตลอด เพราะไปอ่านเรื่องราวต่างๆของที่นี่มา จึงรู้ว่ารุ่งเรืองมาจากการค้าขาย ซึ่งว่ากันตามประวัติศาสตร์ชาติไทย เขาก็เขียนไว้ว่าเป็นอาณาจักรแรกๆของเราในดินแดนสุวรรณภูมิแห่งนี้ ซึ่งนั่นก็คือสิ่งที่เราท่านได้เรียนรู้กันมา ... แต่จะเป็นราชธานีแรกของเราหรือไม่ หรือเป็นนครรัฐหนึ่งก็ตาม แต่บล๊อกนี้เราคงจะไม่กล้าเข้าไปเขียนหรือลงรายละเอียดในเรื่องนั้น แต่จะพาคุณๆไปชมและระลึกถึงอดีตของ "วัดมหาธาตุ" ที่ยังคงความสวยงามและยิ่งใหญ่ให้เราได้ชมเท่านั้นครับ น่าจะกระไรอยู่ถ้าหากเราไม่กล่าวถึงช่วงความรุ่งเรือของอาณาจักรสุโขทัยซักนิด .... ออาณาจักรสุโขทัย (ราวพ.ศ. 1792-2006 อายุราว 215 ปี ) เป็นรัฐในอดีตรัฐหนึ่ง ตั้งอยู่บนที่ราบลุ่มแม่น้ำยม สถาปนาขึ้นราวพุทธศตวรรษที่ 18 ในฐานะสถานีการค้าของรัฐละโว้ หลังจากนั้นราวปี 1782 พ่อขุนบางกลางหาวและพ่อขุนผาเมืองได้ร่วมกันกระทำการยึดอำนาจจากขอมสบาดโขลญลำพงเป็นผลสำเร็จ และได้สถาปนาเอกราชให้รัฐสุโขทัยเป็นอาณาจักรสุโขทัย และมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับและเพิ่มถึงขีดสุดในสมัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช ก่อนจะค่อย ๆ ตกต่ำ และประสบปัญหาทั้งจากปัญหาภายนอกและภายใน จนต่อมาถูกรวมเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรอยุธยาไปในที่สุด.  ป้ายมรดกโลก (UNESCO World Heritage) อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ครอบคลุมพื้นที่โบราณสถานกรุงสุโขทัย ศูนย์กลางการปกครองของอาณาจักรสุโขทัยซึ่งมีอำนาจอยู่บริเวณภาคเหนือตอนล่างของประเทศไทยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 18–19 ตั้งอยู่ที่ตำบลเมืองเก่า (เขตเทศบาลตำบลเมืองเก่า) อำเภอเมืองสุโขทัย จังหวัดสุโขทัย ห่างจากตัวเมืองสุโขทัยปัจจุบัน (เขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี) ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 12 กิโลเมตร ตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 12 (ถนนจรดวิถีถ่อง) ผังเมืองสุโขทัยมีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร กว้างประมาณ 1.6 กิโลเมตร มีประตูเมืองอยู่ตรงกลางกำแพงเมืองแต่ละด้าน ภายในยังเหลือร่องรอยพระราชวังและวัดอีก 26 แห่ง วัดที่ใหญ่ที่สุดคือวัดมหาธาตุ อุทยานแห่งนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์โดยกรมศิลปากรด้วยความช่วยเหลือจากยูเนสโก มีผู้เยี่ยมชมหลายแสนคนต่อปี ซึ่งสามารถเดินเท้าหรือขี่จักรยานเที่ยวชมได้ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยได้รับการประกาศคุ้มครองครั้งแรกตามประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ 92 ตอนที่ 112 ลงวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2504 ต่อมาใน พ.ศ. 2519 โครงการฟื้นฟูอุทยานแห่งนี้ก็ได้รับการอนุมัติ และเปิดอย่างเป็นทางการในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2531 โดยในวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2534 ยูเนสโกได้ประกาศให้อุทยานแห่งนี้เป็นแหล่งมรดกโลกร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์ที่กำแพงเพชรและศรีสัชนาลัยภายใต้ชื่อว่า "เมืองประวัติศาสตร์สุโขทัยและเมืองบริวาร" ที่มา : อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย  วัดสระศรี ... ที่มีสระบัวล้อมรอบ  อนุสาวรีย์พ่อขุนรามคำแหง วันนี้เราเดินทางมาสุโขทัย แต่จุดหมายปลายทางเราจะไปที่บ้านนาต้นจั่น อ.ศรีสัชนาลัย ซึ่งจะไปพักผ่อนใช้วีวิตสัมผัสกับวิถีชาวบ้านที่นั่น .... แต่เมื่อมาถึงสุโขทัยแล้วถ้าไม่ที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยแห่งนี้ก็คงไม่ได้ อย่างที่ว่านั่นแหละคือไม่ได้มาที่นี่นานปีแล้ว การได้แวะมาเยือนที่นี่อีกครั้งนับว่าเป็นบุญวาสนาของเราก็คงไม่ผิด ... เพราะเรามีเวลาน้อย จึงขออนุญาติติดค้างสถานที่อื่นๆในอุทยานฯนี้ไว้ก่อน จะพาแวะชมแค่วัดมหาธาตุก่อนครับ  จากประตูทางเข้ามาก็จะเจอวัดสระศรีก่อน  บริเวณวัดมหาธาตุในมุมกว้าง วัดมหาธาตุ ตั้งอยู่กลางเมือง เป็นวัดใหญ่ และวัดสำคัญของกรุงสุโขทัย มีพระเจดีย์มหาธาตุทรงดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ เป็นศิลปะแบบสุโขทัยแท้ ตั้งเป็นเจดีย์ประธาน ล้อมรอบด้วยเจดีย์ 8 องค์ บนฐานเดียวกัน จากการสำรวจ พบว่าบริเวณวัดมหาธาตุมีเจดีย์แบบต่าง ๆ มากถึง 200 องค์ วิหาร 10 แห่ง ซุ้มพระ (มณฑป) 8 ซุ้ม พระอุโบสถ 1 แห่ง ตระพัง 4 แห่ง ด้านตะวันออกบนเจดีย์ประธานมีวิหารขนาดใหญ่ก่อด้วยศิลาแลง มีแท่นซึ่งเคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คือ พระศรีศากยมุนี ปัจจุบันได้รับการเคลื่อนย้ายไปอยู่ที่วัดสุทัศน์ฯ กรุงเทพมหานคร ที่ด้านเหนือ และด้านใต้ของเจดีย์มหาธาตุมีพระพุทธรูปยืนภายในซุ้มพระ เรียกว่า พระอัฏฐารศ เป็นวัดที่มีนักท่องเที่ยวมาเยี่ยมชมเป็นจำนวนมาก วัดมหาธาตุ เป็นวัดสำคัญที่สุดตั้งอยู่ใจกลางเมืองสุโขทัย มีกำแพงและคูน้ำล้อมรอบ ภายในวัดประกอบด้วย เจดีย์ประธานทรงพุ่มข้าวบินณฑ์หรือทรงยอดดอกบัวตูม, วิหาร, มณฑป, อุโบสถ และเจดีย์รายมีจำนวนมากถึง 200 องค์ เจดีย์ปร เจดีย์ประธานทรงพุ่มข้าวบินณฑ์หรือทรงยอดดอกบัวตูม  วิหารสูง ประวัติ วัดมหาธาตุ จังหวัดสุโขทัย ตั้งอยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ซึ่งสร้างขึ้นในสมัยพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ภายในวัดมีพื้นที่กว้างขวาง ทางด้านหน้าของวัดท่านสามารถเห็นพระประธานและเจดีย์ประธานของวัดได้อย่างชัดเจน สะท้อนถึงความรุ่งเรืองแห่งอาณาจักรสุโขทัยในอดีต เมื่อเดินเข้ามาทางด้านในของวัด ท่านจะผ่านเสาต้นใหญ่ที่เรียงตัวกันอยู่สองข้างของท่าน เสาเหล่านี้คือเสาของวิหารสูงที่หลงเหลืออยู่ หากจินตนาการตามขนาดของเสาแล้วพระวิหารคงจะมีขนาดที่ใหญ่พอสมควร เมื่อถัดจากพระวิหารไป ท่านจะเห็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ด้านหลังเป็นพระวิหารหลวงสถานที่ที่เคยประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดองค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พระนามว่า พระศรีศากยมุนี ด้านหลังพระวิหาร ท่านจะเห็นเจดีย์ประธานของวัดซึ่งเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ซึ่งเป็นทรงเจดีย์ที่เป็นเอกลักษณ์ของศิลปกรรมสมัยสุโขทัยเป็นศิลปกรรมแบบไทยแท้ ไม่เหมือนเจดีย์อื่นใดที่ทุกท่านเคยเห็นมาเนื่องจากไม่ได้รับอิทธิพลจากศิลปกรรมอื่นมาแต่อย่างใด และเชื่อกันว่าด้านในเจดีย์ประธานเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ถัดออกไปเป็นพระวิหารขนาดเล็กประดิษฐานพุทธะรูปประทับยืน ความสูง 18 ศอก พระนามว่า “พระอัฏฐารส” พระพุทธรูปที่สะท้อนถึงความสามารถและภูมิปัญญาของชาวสุโขทัยที่จินตนาการและสร้างพระพุทธรูปขนาดสูงใหญ่แบบนี้ได้ นอกจากนี้บริเวณวัดยังมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ อยู่หลายบ่อซึ่งในอดีตเป็นที่กักเก็บน้ำเพื่อเอาไว้ใช้ภายในอาณาจักรสะท้อนเห็นพระวิหารหลวงพระพุทธรูปและเจดีย์ประธานของวัดผ่านผืนน้ำให้ความสวยงามอีกรูปแบบหนึ่ง หากท่านเดินชมรอบๆวัดเป็นที่เรียบร้อย แล้วใกล้เวลาเย็น อยากให้ทุกท่านอยู่รอสัมผัสภาพแสงของพระอาทิตย์ ที่กำลังตกด้านหลังวัดมหาธาตุ เป็นภาพที่สวยงามและเหมาะกับสถานที่อันสวยงามแบบนี้ ที่นักท่องเที่ยวหลายต่อหลายคนรอชมก่อนเดินทางกลับนั่นเอง ที่มา : https://thailandtourismdirectory.go.th/th/info/attraction/detail/itemid/2947 เจดีย์ประธานทรงยอดดอกบัวตูม แสดงถึงเอกลักษณ์ของศิลปะสุโขทัยบริสุทธ์ รายล้อมด้วยปรางค์ทิศ 4 องค์ ที่แสดงอิทธิพลศิลปะขอม และเจดีย์ประจำมุมอีก 4 องค์เป็นเจดีย์ทรงปราสาทห้ายอด ที่มีอิทธิพลของศิลปะล้านนา รอบฐานเจดีย์ประธานประดับด้วยภาพปูนปั้นรูปพระสาวกในท่าอัญชุลีเดินประทักษิณโดยรอบจำนวน 168 รูป เจดีย์ประธานนี้ขนาบข้างด้วยมณฑป 2 หลัง ภายในประดิษฐานพระอัฏฐารศ หรือพระพุทธรูปยืนสูง 18 ศอก ด้านหน้าของเจดีย์ประธานเป็นที่ตั้งของพระวิหารหลวง สำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปสัมฤกธิ์ขนาดใหญ่ หรือพระพุทธรูปทองที่ปรากฏชื่ออยู่ในศิลาจารึกหลักที่ 1 ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ได้อัญเชิญไปประดิษฐาน ณ วิหารหลวงวัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพมหานคร หน้าวิหารหลวงเป็นที่ตั้งของวิหารสูงสร้างในสมัยอยุธยา  เมื่อเห็นสิ่งที่เหลืออยู่ที่วัดมหาธาตุแล้วท่านคิดอย่างไรบ้างครับ สำหรับเจ้าของบล๊อกมองว่านี่คือความยิ่งใหญ่อลังการของสิ่งก่อสร้างของเมืองสุโขทัยเลยทีเดียว ส่วนการที่แต่ละเมืองจะสร้างถาวรวัตถุได้ยิ่งใหญ่ได้ปานนี้ ก็ต้องมีเศรษฐกิจที่ดีพอสควร กอปรกับความศรัทธาที่มีต่อศาสนาอย่างแรงกล้าของผู้ปกครองในสมัยนั้นๆด้วย .... อย่างสุโขทัยนี้น่าจะเป็นเมืองศูนย์กลางการค้าในสมัยนั้น ซึ่งว่ากันว่าเป็นจุดเชื่อมต่อการค้าระหว่างอ่าวตังเกี๋ยวทางจีนตอนใต้หรือเวียตนามเหนือกับทางทะเลอันดามัน จึงทำให้อาณาจักรสุโขทัยมั่งคั่งขึ้นด้วยการค้าหรือเมืองพักสินค้าระหว่างเดินทาง จะอย่างไรก็ตาม ณ วันนี้วัดมหาธาตุก็ส่งมอบสิ่งที่ทำให้เราได้รู้ว่าพระพุทธศาสนาได้เข้ามาเจริญรุ่งเรืองแล้วตั้งแต่ยุคสุโขทัย (พ.ศ. 1792-2006) และเจริญรุ่งเรืองเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน จาก  ดงตาลหน้าวัดมหาธาตุ  การเที่ยวชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยสามารถเช่ารถตุ๊กๆไฟฟ้าแบบนี้เข้าชมได้  ลาบล๊อกนี้ด้วยภาพพระประธานวัดมหาธาคชตุภาพนี้ครับ |
ตัดริบบิ้นเจิม