
วันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม 2552 ได้ไปไหว้พระไสยาสน์ (ภูค่าว) มา...สาเหตุที่เลือกไปวัดนี้ หรือที่นี่ ก็เพราะว่า เมื่อเกือบสิบปีที่แล้วเคยไป งานนมัสการพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งคิดเสมอว่าจะต้องมาที่นี่อีกครั้ง แต่จำสถานที่ไม่ได้ว่าที่ใด พอดีน้องในที่ทำงานเขามาเล่าให้ฟังว่าเป้นวัดที่มีท่อนซุงขนาดใหญ่มากมาย อยู่ที่ อ.สหัสสขันธ์ กาฬสินธุ์ ก็เลยขับกันไป พร้อมกับของที่จะไปถวายพระท่าน รวมทั้งเทียนพรรษาด้วย เพราะตั้งแต่วันเข้าพรรษามาเรายังไม่ได้ถวายต้นเทียนกันเลย

ทางเข้าวัด
ตรงทางเข้าวัดท่านเขียนบอกว่า เปิดประตูแล้วกรุณาปิดด้วย เพราะสัตว์จะออก.... ขับเข้าไปด้านในบริเวณวัดแล้วจึงรู้ว่า เออใช่ เริ่มแรกก็เห็นเจ้านกยูงล่ะ เมื่อคุยกับญาติโยมที่มาทำบุญก็รู้ว่า ที่นี่ยังเลี้ยงกวางไว้อีก

เข้าไปถวายสิ่งของที่เรานำไป เสร็จสรรพ ก็เดินเข้าสู่บริเวณ ที่จะไปไหว้พระไสยาสน์... ตามทางร่มรื่นมาก มีพวกกระรอก นกยูงออกมาเดินให้เห็นมากมาย

Guide Trip
ประวัติความเป็นมา
ภูค่าว เป็นชื่อ เรียกกันมาแต่สมัยโบราณตามความสันนิษฐานว่า เรียกตามรูปลักษณะของภู เพราะมีลักษณะคล้ายๆ คู หรือ คร่าว (ค่าว) ปทานุกรม คร่าว (ค่าว) เป็นชื่อไม้ที่ตั้งไว้กับเสาสำหรับรับน้ำหนักมุงหลังคา)
ภูเขาลูกนี้ ทิศใต้มีถ้ำอันเป็นที่ประดิษฐานรูปองค์พระอรหันต์ขีณาสพ พระมหาโมคคัลลานเถรเจ้า ไสยาสน์ตะแคงซ้ายหันเศียรไปทางทิศอาคเนย์ ซึ่งแกะสลักบนแผ่นหินขนาด ยาว ๖ ศอก องค์พระมีความยาว ๔ ศอก กว้าง ๕๐ ซม.
ลักษณะทั่วไป ลักษณะภูลูกนี้ ไม่สูง ไม่ยาวเท่าใดนักทางทิศใต้เป็นหินภูเขาสูงประมาณ ๒ เส้นเป็นแนวยาวไปตามทิศตะวันออก-ตะวันตก ยาวประมาณ ๒๐ เส้น ด้านทิศเหนือเป็นดินเนินสูงขึ้นมาประกอบกันเป็นไหล่เขา
หลักฐานที่พบ พระไสยาสน์แกะสลักบนแผ่นหิน

ทางเดินเข้าไปนมัสการพระไสยาสน์

ระหว่างทาง จะมีศาลาประดิษฐานพระพุทธรูปปรางค์ต่างๆเอาไว้

ผ่านป้ายนี้เข้าไปก้จะใกล้บริเวณถ้ำ

วิหารสังฆนิมิตรอยู่ทางขวามือตอนเข้าไป (สร้างด้วยไม้แกะสลักสวยงาม)

เดินตามทางลงไปหน้าผา จะเป็นถ้ำพระไสยาสน์ตะแคงซ้าย


ขึ้นมาผ่านป้ายนี้ ก็จะไปที่รอยพระพุทธบาท

รอยพระพุทธบาทอยู่ใต้ศาลาด้านหลังนี้

ความร่มรื่น ภายในบริเวณ

ยังมีเจ้านกยูงนี้อีก
เสร็จจากนมัสการพระไสยาสน์ (บางคนก็เรียกพระพุทธไสยาสน์) เราก็ขับออกมาเกือบถึงประตูใหญ่เพื่อขึ้นไปชมพระบรมเจดีย์พุทธนิมิตร และโบถส์ไม้ที่สวยงาม แต่วันที่ไปโบถส์กำลังปรับปรุงอยู่...

ท่อนซุงที่ทำราวบันไดทางขึ้น

โบถส์ไม้จากด้านหน้า

ไม้ที่เห็นท่อนใหญ่ๆนี้ ที่เสาเขียนว่า "เอามาจากใต้น้ำเขื่อนลำปาว"


พระเจดีย์ที่กำลังก่อสร้าง

ที่ป้ายหน้าเจดีย์เขียนว่า
" เมื่อปีจอ วันศุกร์ที่ 10 เดือนสิงหาคม พุทธศักราช 2549 พระอาจารย์ณรงค์ ชยมงคล เจ้าอาวาส วัดพุทธนิมิตร (ภูค่าว) พร้อมคณะศิษยานุศิษย์ได้ไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ จำนวน 2 องค์จากวัดศรีวิชัยโสตตวิทยาลัย เมืองวาลานะ - ปานาธุระ โดยมีพระปาณธระ วิจิตธะนันทะเถโร เป็นประธานสงฆ์ฝ่ายศรีลังกา จากนั้นได้ทำพิธีสมโภชน์พระบรมสารีริกธาตุ โดยมีสมเด็จมหาสังฆนายกสยามนิกายฝ่ายอัสคิริยา (อรัญวาสี) เป็นประธาน เมื่อปีจอ วันอาทิตย์ที่ 10 เดือนสิงหาคม พุทธศักราช 2549 ณ วัดอัสคิริยา กรุงแคนดี้ ประเทศศรีลังกา
ต่อมา ปีกุน วันศุกร์ที่ 14 เดือนมกราคม พุทธศักราช 2550 ได้รับมอบพระบรมสารีริกธาตุ อีกจำนวน 2 องค์จาก พระราชรัตนรังสี (วีรยุทธ์ วีรยุทโธ) เจ้าอาวาส วัดไทยกุสินาราเฉลิมราย์ ปัจจุบันอยู่ใน ตำบลกาเซีย จังหวัดกุสินาคาร์ รัฐอุตรประเทศ ประเทศอินเดีย
พระบรมมสารีริกธาตุดังกล่าวข้างต้น ได้อัญเชิญมาบรรจุไว้ในมหาธาตุเจดีย์พุทธนิมิตแห่งนี้ ณ วัดพุทธนิมิต (ภูค่าว) จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อปีฉลู วันศุกร์ที่ 5 ธันวาคม พุทธศักราช 2552"
วันที่ไปนั้นทางวัดได้บอกว่า จะมีพิธีการยกช่อฟ้า ในวันที่ 18 ตุลาคม 2552 นี้ครับ


พระพุทธรูปด้านใน

แกะสลักบนศิลาแลงรอบเจดีย์



เส้นทางสู่สถานที่
เส้นทางสายกาฬสินธุ์ - อำเภอสหัสขันธ์ และจากสหัสขันธ์ไปตามเส้นทาง อ.สหัสขันธ์ - อ.คำม่วง ห่างจากอำเภอสหัสขันธ์ ๘ กิโลเมตร (ทางด้านทิศตะวันออก อ.สหัสขันธ์)
ง่ายๆก็คือ ถ้าท่านไปชมไดโนเสาร์ที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร แล้วก็ขับเข้าสหัสสขันธ์ แล้วเลี้ยวขวาตรงสามแยกไปอีก 8 กม ก็จะเห็นเจดีย์กำลังก่อสร้างแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าไปตามป้ายบอกทาง.
หรือท่านที่ผ่านไปทาง อ.สมเด็จ ก็เลี้ยวซ้ายตรงสี่แยกใหญ่ ไปอ.สหัสขันธ์ ก้ได้เช่นกัน
__________END_________
วัดดูร่มรื่นมากเลยนะคะ