พาชม..พุทธสถานแห่งน่านนคร

อ่านเรื่องเกี่ยวกับเมืองน่าน
แอ่วดอยเสมอดาว..แล้วไปอ่านเรื่องราวของผาชู้ (ที่นี่) ปีกระต่าย...ไปไหว้พระที่วัดพระธาตุแช่แห้ง (ที่นี่)
6 ธันวาคม 2553 ต่อเนื่องจากทริบเชียงราย เราเดินทางลัดเลาะชายแดนลาวมาตามทางหมายเลข 1148 จาก อำเภอเชียงคำจังหวัดพะเยา เรื่อยลงมา ผ่าน อ.สองแคว จังหวัดน่าน ตามเส้นทางลอยฟ้ที่ค่อนข้างสวยงามอีกเส้นทางหนึ่งของไทย....
เข้าถึงจังหวัดน่านช่วงบ่าย ขับไปเรื่อยๆโดยหาจุดแลนดิ้งก่อน พอถึงวัดภูมินทร์เราเห็นรถป้ายแปลกๆจอดเยอะ ก็เอาบ้างโดยเริ่มกันที่นี่แหละ สำหรับการมาเยือนน่านวันแรกของเรา..... บล๊อกนี้เลยพาคุณๆออกชมวัดและตัวเมืองน่านกันเสียเลย

วัดภูมินทร์
เพื่อนๆหลายคนเคยบอกเราว่าการได้มาเที่ยวเมืองน่าน ก็เสมือนหนึ่งเราได้เห็นเมืองหลวงพระบางของลาว เพราะน่านและหลวงพระบางมีอะไรคล้ายๆกันและยังเป็นเมืองพี่เมืองน้องกันด้วย.... หลวงพระบางนั้นเราเคยไปเยี่ยมเมื่อหลายปีก่อน แต่น่านนี่สิแม้จะอยู่เมืองไทยแท้ๆทำไมเราไม่เคยไปซักที... สาเหตุหลักเพราะเราจินตนาการว่าน่านเป็นแค่เมืองเล็กอยู่ชายแดนแสนไกล ไม่มีอะไรน่าชื่นชม....แต่พอได้ฟังหลายปาก ชักอยากเห็นไวๆ เลยตัดสินใจเอาเสียหนาวนี้เลย
ทริบเชียงรายของเราเที่ยวนี้จึงเลือกน่านเป็นอีกที่ที่ต้องแวะให้ได้ อีกอย่างหลังๆมานี่พอใครๆพูดถึงเรื่องไหว้พระชมวัด เขาก็มักจะบอกเราให้ไปที่น่าน... จริงๆแล้วตอนนี้จังหวัดน่านได้พัฒนาแหล่งท่องเที่ยวขึ้นมาอีกหลายแห่ง และมีเส้นทางเชื่อมต่อไปทางตะวันออกของอุตรดิตถ์ เพื่อเข้าชมเขื่อนสิริกิติ์และภูสอยดาวได้ด้วย.

พระประธานในโบถส์
เริ่มกันที่ วัดภูมินทร์
เดิมชื่อ วัดพรหมมินทร์ เป็นวัดหลวง ตั้งอยู่ในเขตพระนครดังปรากฏชื่อ ตำบลในเวียงในปัจจุบัน เจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ สร้างเมื่อปี พ.ศ. 2139 ต่อมาอีกประมาณ 300 ปี มีการบูรณะครั้งใหญ่ ในสมัยเจ้าอนันตวรฤทธิ์เดช เมื่อ พ.ศ.2410 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 4) ใช้เวลาซ่อมแซมนานถึง 7 ปี
ความสวยแปลกของวัดภูมินทร์ ที่เป็นหนึ่งเดียว คือ เป็นวัดที่สร้างทรงจัตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย ที่ดูคล้ายตั้งอยู่บนหลังพญานาคขนาดใหญ่ 2 ตัว แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว ตรงใจกลางพระอุโบสถจัตุรมุข ประดิษฐานพระพุทธรูปขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพรพักตร์ออกด้านประตูทั้งสี่ทิศหันเบื้องปฤษฏาค์ชนกัน ประดับนั่งบนฐานซุกชี เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย
อาคารนี้เป็นทั้งพระอุโบสถ พระวิหาร และพระเจดีย์ในหลังเดียวกัน โดยใช้อาคารในแนว ตะวันออก-ตะวันตก เป็นพระวิหาร และอาคารแนว เหนือ-ใต้ เป็นพระอุโบสถ รัฐบาลไทยเคยพิมพ์รูปวัดภูมินทร์ ในธนบัตรใบละ 1 บาท ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2
ภายในมีภาพจิตรกรรมฝาผนัง แสดงเรื่องราวชาดก วิถีชีวิตตำสนานพื้นบ้าน และความเป็นอยู่ของชาวน่านในอดีต ได้แก่ การแต่งกายคล้ายผ้าซิ่นลายน้ำไหล การท่อผ้าด้วยกี่ทอมือ การติดต่อซื้อขายกับชาวต่างชาติ สิ่งน่าสนใจอีกอย่างหนึ่ง คือ บานประตูแกะสลักลึกเป็น 3 ชั้น บนไม้สักทองแผ่นเดียวขนาดใหญ่ ความหนาของไม้ประมาณ 4 นิ้วสลักเป็นลวดลายเครือเถา ที่ทั้งดอกและมีผลระย้า รวมทั้งสัตว์นานาชนิด ฝีมือช่างเมืองน่าน
หอไตรวัดภูมินทร์ ลักษณะ สร้างขึ้นใหม่เลียนแบบของเดิม เมื่อ 5 มีนาคม 2537 อาคารสี่เหลียมทรงสูงสองชั้นก่ออิฐถือปูน มีบันใดภายในตัวอาคาร ชั้นบนมีระเบียง หลังคามีช่อฟ้าใบระกา
ที่มา : www.nan.go.th
มีเรื่อเล่ากันในหมู่นักท่องเที่ยวว่า คุณๆไม่สามารถปิดทองหลังพระได้ที่นี่ เพราะพระประธานได้สร้างเป็นสี่องค์ หันหลังชนกัน... ถ้าจะปิดทอง ก็ปิดทางด้านหน้าได้อย่างเดียว

ภาพเขียนที่ผนังโบถส์ ที่รู้จักกันไปทั่วโลก

สถูปนี้มีเรื่องราวของนรกภูมิอยู่ด้านใน
เราเดินเที่ยวรอบวัดภูมินทร์เสร็จ พอออกมาด้านหน้าวัดข้ามถนนไปจะเห็นรถคล้ายๆตู้รถไฟจอดอยู่ ซึ่งเขาเรียกกันว่า "รถรางชมเมืองน่าน" และเจ้าหน้าที่กำลังเชิญชวนผู้คนไปเที่ยวชมเมืองน่าน โดยบอกว่ายังเหลือที่นั่งอยู่ 2 ที่.... เราไม่รอช้าทิ้งรถไว้บนถนนใกล้ๆทางเข้าวัดภูมินทร์ รีบไปที่รถและซื้อบัตรคนละ 30 บาท ขึ้นไปกับนักท่องเที่ยวอีกกลุ่มหนึ่งทันที....

เส้นทางรถรางชมเมืองน่าน ขอบคุณ NAN2DAYCOM
พอรถออกจากที่จอด สาวน้อยมัคคุเทสก์ก็เริ่มแนะนำตัว และบอกเล่าเรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับเมืองน่าน เริ่มจากสมัยเป็นนครรัฐเล็กๆอยู่ทางตะวันออกของล้านนา เรื่อยไปจนถึงประวัติต่างๆ ซึ่งน่านมีเรื่องราวเล่าขานกันมามากมาย รวมทั้ง "งาช้างดำ" ซึ่งมีอยู่แห่งเดียวในประเทศไทยที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่านนี่เอง

พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติน่าน
รถแล่นผ่านไปตามสถานที่สำคัญหลายที่ ส่วนมากจะเป็นวัดซึ่งมีมากมายและอยู่ไม่ไกลกันด้วย... กำแพงเมืองโบราณ บ้านโบราณ และอีกหลายแห่ง จนไปจอดที่วัดมหาโพธิ์ ซึ่งที่นั่นมีพระที่แกะสลักจากไม้ที่เป็นที่เคารพบูชาของชาวเมืองน่าน หลังจากที่นักท่องเที่ยวได้ไหว้พระแล้ว ก็จะได้รับการผูกข้อมือเป็นการให้พรจากผู้ใหญ่ที่คอยให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวที่นั่นด้วย...

วัดช้างค้ำ....เห็นช้างยืนค้ำที่ฐานเจดีย์
วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร (วัดหลวงกลางเวียง)
อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เดิมชื่อ วัดหลวงกลางเวียง เจ้าผู้ครองนครน่าน พญาภูเข่ง เป็นผู้สร้างขึ้น เมื่อปี พ.ศ.1949 พระวิหารหลวงวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร เป็นวิหารขนาดใหญ่ รูปทรง สร้างตามสถาปัตยกรรม ทางภาคเหนือ ลักษณะภายในโอ่โถง ด้านหน้ามีสิงห์คู่ ยืนตรงเชิงบันได ด้านละตัว มีทางเข้า 3 ทาง ประตูกลาง ทำเป็นประตูใหญ่ และประตูเล็ก อยู่ด้านซ้ายและด้านขวา มีทางขึ้นเป็นประตูเล็ก ๆ ตรงข้ามพระประธาน ด้านทิศตะวันออกและตะวันตกอีก 2 ข้าง ทำหลังคาซ้อนกัน 2 ชั้น มุขลดด้านหน้า และด้านหลัง หน้าบัน ตีด้วยแผ่นกระดานเรียงต่อกัน แล้วประดับที่ขอบเสา ด้านหน้าทุกต้น ตามลักษณะ สถาปัตยกรรมล้านนาไทย ภายในพระวิหารกว้างขวาง มีเสาปูนกลมขนาดใหญ่ ขนาด 2 คนโอบรอบ จำหลัก ลวดลายปูนปั้นนูนสูงไว้ เหนือจากระดับพื้นพระวิหาร 1.50 เมตร เป็นลวดลาย กนกระย้าย้อย เหมือนลวดลาย ที่เสาในวิหารวัดภูมินทร์
ภายในวัดประดิษฐาน เจดีย์ช้างค้ำ ซึ่งเป็นศิลปสมัยสุโขทัย อายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 20 รอบเจดีย์ มีรูปปั้นช้างปูนปั้น เพียงครึ่งตัวประดับอยู่โดยรอบ นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทองคำปางลีลา คือ พระพุทธนันทบุรีศรีศากยมุนี ซึ่งเป็นทองคำ 65 % สูง 145 เซ็นติเมตร ยอดพระโมฬีทำเสริมเมื่อ พ.ศ. 2442 หนัก 69 บาท เจ้างั่วฬารผาสุม เจ้าผู้ครองนครน่าน องค์ที่ 14 แห่งราชวงค์ภูคา เป็นผู้สร้าง เมื่อวันพุธ เดือน 6 เหนือ พ.ศ. 1969 เป็นศิลปะสุโขทัย ประดิษฐานอยู่ที่หอพระไตรปิฎก ใหญ่ที่สุดในประเทศ (อ่านเพิ่มเติม)

บ้านโบราณ...ถ่ายจากรถราง

กำแพงเมืองเก่า

พระไม้ที่วัดมหาโพธิ์.
รู้จักวัดมหาโพธิ์กันหน่อย
ในรัชกาลที่ ๒ แห่งรัตนโกสินทร์ เกิดน้ำท้วมครั้งใหญ่บ้านเมืองเสียหา สมัย พญาสุมนเทวราช เจ้าเมืองน่าน ได้ยายเมืองไปอยู่บริเวณดงพระเนตรช้าง ซึ่งเป็นที่ดอนน้ำท่วมไม่ถึงอยู่ทางด้านทิศเหนือของเมืองเดิม ใช่เวลาสร้างเมือง อยู่ ๖ เดือน จึงได้ชื่อว่า เวียงเหนือ (พ.ศ. ๒๓๖๒ - ๒๓๙๗)
ปัจจุบันอยู่ในเขต บ้านสถารศ-มหาโพธิ์ และมี คุ้มวัดพระแก้ว (ต้นโพธิ์โรงเลี้ยงในค่ายสุริยพงษ์) ต่อมาได้เกิดเพลิงไหม้วิหารในคุ้มวัดพระแก้ว เมื่อเพลิงไฟได้สงบลง ชาวบ้านได้ช่วยกันคันหา ของมีค่าที่หลงเหลืออยู่ในวิหารที่มีแต่ซากปรักหักพัง และได้พบพระพุทธรูปไม้ แกะสลักทรงเครื่อง ลงลักปิดทอง ปางเปิดโลก สูง 2.83 ซ.ม. ได้ล้มอยู่หน้าฐานพระซึ่งมีซากเถ้าถ่านทับถมอยู่ เป็นอัศจรรย์ชาวบ้านได้ช่วยกันยกมาไว้ใต้ต้นโพธิ์ที่ซึ่งอยู่ใกล้วิหาร ช่วยกันทำความสะอาดแล้วนำไปฝากไว้ที่วัดเชียงแข็ง
ต่อมาเจ้าอาวาสวัดเชียงแข็งกลัวว่าจะถูกขโมย จึงได้นำพระพุทธรูปไม้องค์นี้มาคืนให้กลับวัดมหาโพธิ์ ดังนั้น จึงอยู่ที่วัดมหาโพธิ์ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา....(อ่านเพิ่มเติม)

ผูกข้อมือ ให้พร

หน้าโบถส์วัดมาหโพธิ์

อนุสาวรีย์พระเจ้าสุริยพงษ์ผลิตเดชฯ บริเวณหน้าค่ายสุริยพงษ์

บ้านท่องเที่ยว

ซ้าย: รถรางชมเมืองน่าน ขวา: สาวน้อยที่พาเรารู้จักเมืองน่านจากบนรถ

น้องคนนี้ที่พาเราเที่ยวรอบเมืองน่าน

ถนนข้างวัดภูมินทร์ ที่นำเอาระบบสายไฟฟ้าลงไว้ใต้ดินแห่งแรกของจังหวัดน่าน

แม่น้ำน่านติดกับร้านอาหารเรือนแก้ว
ช่วงเย็นหลังได้อาบน้ำอาบท่าที่รีสอร์ท เราก็ขับรถออกตระเวณเมืองน่านอีกครั้ง ขับไปเรื่อยๆแบบไม่มีจุดหมาย คือเห็นอะไรสวยงามก็จอดดู ส่วนมากก็จะไปวัดที่เพิ่มสีแสงยามค่ำคืน...... แต่กองทัพต้องเดินด้วยท้องฉันใด เรานักเที่ยวพเนจรก็เช่นเดียวกันคือหาที่ทานมื้อเย็นก่อน
ร้านอาหารเรือนแก้ว เป็นร้านอาหารที่ได้รับการแนะนำจากคนที่เมืองน่าน ตอนเราเดินชมวัดภูมินทร์ ร้านเรือนแก้วอยู่ริมแม่น้ำน่าน ใกล้โรงพยาบาลน่าน....บรรยากาศดี นั่งทานมื้อเย็นชมแม่น้ำน่านไปเรื่อยๆ ซึ่งฝั่งตรงข้ามยังเจอชาวบ้านทำสวนริมน้ำกันอยู่ เสียดายว่าหน้านี้น้ำเริ่มแห้งลงไปมาก แต่วิวและทิวทัศน์ยังชวนให้เรานั่งดื่มอย่างมีความสุข
อาหารจานแนะนำที่นี่คือ "แกงส้มสูตรพระเทพฯ" เราสั่งมาลองเหมือนกัน เสียดายไม่ได้ถ่ายภาพมาให้ชม เพราะมัวแต่ดีใจที่คุณแฟนเจอน้องที่เคยทำงานด้วยกันที่ขอนแก่น ที่เธอมาเรียนต่อ ป.โท และเอกที่ มข. จากนั้นเธอก้กลับไปอยู่บ้านที่ใต้... เลยเม้าท์กันกระจาย สงสัยโลกจะกลมจริงแฮะ เพราะไกลแสนไกล ยังมาเจอกันที่นี่จนได้..

ร้านอาหารเรือนแก้ว

ยามค่ำที่ถนนหน้าวัดช้างค้ำ

วัดภูมินทร์ยามค่ำคืน

สิงห์ที่หน้าวัดภูมินทร์ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ บอกว่าปั้นได้สวยที่สุด

เราพักกันที่นี่
คืนวันที่ 6 มกราคม 2554 เราพักกันที่ "น่านฟ้าใสรีสอร์ท" ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่ค่อนข้างใหม่ ต้องข้ามสะพานหน้าโรงพยาบาลน่านไปอีกฝั่งของแม่น้ำน่าน และขับเลี้ยวซ้ายเลยค่ายทหารขึ้นไปนิดหนึ่ง บรรยากาสเป็นแบบกลางป่าเขา เงียบสงบดี.... ไม่เชื่อก็ต้อง ตื่นเช้ามาทานมื้อเช้า จขบ. เจอน้องที่เคยทำงานด้วยกันมาเมื่อครั้งที่อยู่แถวๆพิษณุโลก เขาบอกว่าพาคุณพ่อและคุณแม่จากกรุงเทพฯมาไหว้พระที่น่าน และพักที่นี่ 3 คืนแล้ว.... ถึงตอนนี้ต้องบอกว่าน่านกำลังเป็นที่สนใจของผู้คนที่จะมาเยี่ยมที่นี่ โดยเฉพาะมาไหว้พระ

บริเวณรีสอร์ท อีกภาพ

โบถส์วัดศรีพันต้น
วัดศรีพันต้น
เป็นอีกวัดหนึ่งที่เรามีโอกาสเข้าไปชม และไหว้พระข้างในโบถส์ วัดศรพันต้นน้องคนสวยที่พาเราเที่ยวบอกว่ามาจากคำว่า "สี่พันต้น" คงหมายถึงต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่ในบริเวณนี้เมื่อก่อนนั่นเอง
วัดศีพันต้นตั้งอยู่ที่สี่แยกศรีพันต้น ถ้ามาจากเมืองแพร่ ขับตรงมาเรื่อยๆจะเจออยู่ทางมุมซ้ายมือ สีทองเป็นสง่า เห็นได้ชัด มีความสวยงามมาก เป็นอีกวัดหนึ่งในจังหวัดน่านที่มีจิตรกรรมปูนปั้นที่สวยงาม นอกจากที่ศาลหลัีกเมืองน่านแล้ว ฝีมือสวยงามมากเลยทีเดียวโดยเฉพาะพญานาค ที่เฝ้าบันไดหน้าวัด มีความสวยงามเป็นอย่างยิ่ง
วัดศรีพันต้น เป็นวัดที่มีภาพเขียนภายในพระอุโบสถแสดงประวัติศาสตร์เมืองน่าน ภายนอกมีการตกแต่งงดงาม และยังมีเรือจอดในโรงเรือบ้านศรีพันต้น เรือทุกลำมีลวดลายงดงาม มีเรือลำหนึ่งชื่อว่า "เรือ เลิศเกียรติศักดิ์ (พญาฆึ) "
ประวัติของเรือเลิศเกียรติศักดิ์ เป็นเรือต่อทั้งลำ โดยการนำของ ท่านพระครูวิสุทนันทกิจ เจ้าอาวาสวัดศรีพันต้น ได้ซื้อไม้มาจากป่าสุสานบ้านศรีนาป่าน ตำบลเรือง ได้ต่อเรือเมื่อปี พ.ศ. 2546 สำหรับเรือ เลิศเกียรติศักดิ์ (พญาฆึ) เป็นเรือที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดน่าน (และเรือแข่งที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย) สามารถ บรรจุฝีพายได้ 100 คน ในแต่ละปี ของงานนัดปิดสนาม ชิงถ้วยพระราชทานฯ เรือ เลิศเกียรติศักดิ์ (พญาฆึ) จะอันเชิญถ้วยพระราชทาน ทั้ง 3 ประเภท ถ้วยพระราชทานฯประเภทเรือเล็ก,ถ้วยพระราชทานฯประเภทเรือกลาง,ถ้วยพระราชทานฯประเภทเรือใหญ่ ,และถ้วยพระราชทานฯประเภทกองเชียร์..

พญานาคที่หน้าโบถส์

เจดีย์ที่วัดต้นตาล
วัดสวนตาล
อยู่ที่ถนนมหายศ สร้างขึ้นโดยพระนางปทุมมาวดี เมื่อ พ.ศ.1770 เจดีย์มีสัณฐานงดงาม ชั้นล่างมีซุ้มประตูทั้งสี่ทิศ จากภาพถ่ายในหอจดหมายเหตุแห่งชาติ รูปเจดีย์วัดสวนตาลก่อนการบูรณะในสมัยพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดชฯ (ตรงกับรัชกาลที่ 5) เป็นเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมองค์พระเจดีย์เป็นทรงดอกบัวตูมหรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ สะท้อนให้เห็นอิทธิพลศิลปะสมัยสุโขทัย
ภายในวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปที่สำคัญคือ พระเจ้าทองทิพย์ ซึ่งพระเจ้าติโลกราชแห่งนครเชียงใหม่ โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ.1992 เป็นพระพุทธรูปทองสำริดองค์ใหญ่ปางมารวิชัย หน้าตักกว้าง 10 ฟุต สูง 14 ฟุต 4 นิ้ว มีงานนมัสการและสรงน้ำเป็นประจำทุกปี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์และมีการเฉลิมฉลองทั้งกลางวันและกลางคืน

ด้านหน้าโบถส์

โบถส์วัดเขาน้อย
ก่อนออกจากเมืองน่านวันนี้ เราไม่ลืมที่จะขึ้นไปชมวิวของเมืองน่านบนวัดพระธาตุเขาน้อย วัดนี้มีโบถส์เก่าแก่คล้ายๆทางหลวงพระบาง และมีระบียงยื่นออกไปจากบริเวณวัด สู่ไหล่เขาด้านตัวเมือง ทางวัดยังสร้างพระยืนองค์ใหญ่หันหน้าไปทางตัวเมืองน่านด้วย

พระยืนที่วัดพระธาตุเขาน้อย หันหน้าไปทางเมืองน่าน
ยังมีอีกหลายวัดที่เรายังไม่มีโอกาสไปเยือน เพราะเวลาที่ไม่อำนวยนัก แต่ยังมีอีกวัดหนึ่งที่ทุกท่านเมื่อมาเมืองน่านแล้วต้องไปเยือนให้ได้นั่นคือ "วัดพระธาตุแช่แห้ง" ซึ่งเราจะพาท่านไปเยือนในบล๊อกต่อไป
เมืองน่านซึ่งเมื่อก่อนถ้าใครมาชวน เราจะรีบบอกว่าไม่มีอะไร ไปทำไม....แต่ ณ วันนี้ วันที่เราได้มาเยือนจังหวัดเล็กๆที่ชื่อว่า "นันทบุรี ศรีนครน่าน" แล้ว เรามีความสุขกับการได้สัมผัสกับความเป็นอยู่ที่สมถะ งามแบบที่เมืองแห่งพุทธศาสนาที่ควรจะงาม แม้น่านจะไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไรใหญ่โตให้ได้ชมนัก แต่น่านก็เป็นแบบที่น่านควรจะเป็น..... รู้สึกว่าตัวเองมีความสุขอย่างประหลาดเมื่อได้มาเยือนที่นี่.

เมืองน่าน จากจุดชมวิววัดพระธาตุเขาน้อย
ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ
___________ END ___________
|
Create Date : 27 มกราคม 2554 |
Last Update : 16 สิงหาคม 2555 16:51:37 น. |
|
26 comments
|
Counter : 6388 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ลุงเมืองบี่ IP: 24.94.67.117 วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:5:52:07 น. |
|
|
|
โดย: Nongpurch วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:6:55:59 น. |
|
|
|
โดย: nLatte วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:10:07:26 น. |
|
|
|
โดย: babyL' วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:11:08:31 น. |
|
|
|
โดย: NET-MANIA วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:11:14:53 น. |
|
|
|
โดย: JinnyTent วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:12:29:52 น. |
|
|
|
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 27 มกราคม 2554 เวลา:23:21:44 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 28 มกราคม 2554 เวลา:8:29:25 น. |
|
|
|
โดย: เศษเสี้ยว วันที่: 28 มกราคม 2554 เวลา:9:29:30 น. |
|
|
|
โดย: nLatte วันที่: 28 มกราคม 2554 เวลา:13:16:23 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 28 มกราคม 2554 เวลา:20:59:35 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 28 มกราคม 2554 เวลา:22:35:24 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 29 มกราคม 2554 เวลา:10:08:05 น. |
|
|
|
โดย: nLatte วันที่: 29 มกราคม 2554 เวลา:13:45:29 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]

|
...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......
อยากจะบอกว่า
@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว
@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.
@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...
ด้วยจริงใจ นาย wicsir.
|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|