เสาร์อาทิตย์ที่ 14-15 กุมภาพันธุ์ ที่แล้วมีโอกาสเดินทางไปทำธุระที่จังหวัดนครพนม เลยถือโอกาสขับไปนมัสการพระธาตุพนมด้วย อันที่จริงงานนมัสการองค์พระธาตุในวันเพ็ญเดือนสามเพิ่งจะสิ้นสุดไปในวันที่ 10 กพ. ที่ผ่านมานี่เอง ร้านค้าที่มาออกร้าน ก็ยังเก็บกลับกันไม่หมด

เกือบทุกครั้งที่ผ่านมาทางนี้ จะขาดไม่ได้คือการได้มาไหว้องพระธาตุนี้แหละ วันนั้นขับออกไปถึง อ.ธาตุพนมก็สี่โมงครึ่งแล้ว แสงสีสำหรับถ่ายภาพก็กำลังจะลาลับไป พิพิธภัณฑ์ก็ปิดเรียบร้อยแล้ว เลยเก็บเอาภาพเฉพาะส่วนที่สามารถถ่ายได้มาฝากครับ







วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร

ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนชยางกูร บ้านธาตุพนม ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม มีลักษณะเป็นเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจตุรัสก่อด้วยอิฐ กว้างด้านละ 12.33 เมตร สูง 53.6 เมตร มีกำแพงล้อมองค์พระธาตุ 4 ชั้น องค์พระธาตุตั้งอยู่บนภูกำพร้า (เนินดินสูงจากพื้นธรรมดาประมาณ 3 เมตร) ภายในบริเวณมีบึงขนาดใหญ่เรียกว่าบึงธาตุพนม ในวันเพ็ญเดือน 3 ถึง แรม 1 ค่ำ เดือน 3 ของทุกปีจะมีงานประจำปีเพื่อเป็นการนมัสการพระธาตุพนม

งานนมัสการองค์พระธาตุพนมทุกปีจะจัดให้มีขึ้นช่วงวันเพ็ญเดือนสาม ซึ่งปี 2552 ได้จัดขึ้น ตั้งแต่วันที่ 2 - 10 กุมภาพันธุ์ มาแล้ว ซึ่งในวันที่ 9 กุมภาพันธุ์ คือวันมาฆบูชา







ประวัติ

ตามตำนานอุรังคธาตุ กล่าวว่า ท้าวพญาทั้งห้าผู้เป็นใหญ่ในอีสาน ได้แก่พญาสุวรรณภิงคาร เจ้าเมืองหนองหานหลวง พญาคำแดง เจ้าเมืองหนองหานน้อย พญาจุลณีพรหมทัต เจ้าเมืองตังเกี๋ย พญาบรมอินทรปัตถ์ กษัตริย์เขมร และพญาศรีโคตรนันทเสนา เจ้านครศรีโคตรบูรณ์อันเป็นที่ตั้งของพระธาตุ ได้สร้างพระธาตุพนมขึ้นเพื่อประดิษฐานพระอุรังคธาตุ ตามพุทธพยากรณ์ โดยก่อสร้างด้วยดินดิบ (อิฐดิบ) ฐานพระธาตุพนมได้ขุดลงไปจนเป็นอูบมุง (อุโมง) เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ กระดูกส่วนหน้าอก เมื่อก่อด้วยดินดิบเสร็จแล้ว จึงได้ก่อไฟเผาพระธาตุเป็นเวลากว่าหลายวัน อิฐจึงได้แห้งสนิทจรดกัน ในพระธาตุพนม บรรจุพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนหน้าอก) ของพระพุทธเจ้า ซึ่งประมาณ พ.ศ. 8 พระอุตรเถระและพระโสณเถระ สมรทูตของพระเจ้าอโศกมหาราช ได้อัญเชิญมา และพระมหากัสสปะเถระได้นำมาประดิษฐานไว้บนภูกำพร้า ได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ พระธาตุพนมได้รับการบูรณะและอุปถัมภ์โดยกษัตริย์แห่งล้านช้าง






ภาพซูมยอดพระธาตุ



พ.ศ. 2223-2225 และเป็นรูปแบบที่นิยมในอีสาน
พ.ศ. 2233 พระครูโพนเสม็ด (ญาคูขี้หอม) ปฏิสังขรณ์พระธาตุให้สูงขึ้น
พ.ศ. 2483 รัฐบาลได้บูรณะให้สูงขึ้น
พ.ศ. 2518 องค์พระธาตุพนมชำรุดล้มลง ทางราชการได้ดำเนินการก่อสร้างขึ้นใหม่ ให้คงสภาพเดิม
พ.ศ. 2522 การบูรณะโดยภาครัฐและเอกชน

เมื่อปี พ.ศ. 2485 วัดพระธาตุพนมฯ ได้รับการยกฐานะเป็น พระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดวรมหาวิหาร" ในวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2518 เวลา 19.38 น. ด้วยเหตุที่มีฝนตกพายุพัดแรงติดต่อมาหลายวันและความเก่าแก่ขององค์พระธาตุ พระธาตุพนมจึงได้ล้มทลายลงมาทั้งองค์ ประชาชนทั้งประเทศได้ร่วมบริจาคทุนทรัพย์และรัฐบาลได้ก่อสร้างองค์พระธาตุขึ้นใหม่ตามแบบเดิม

การก่อสร้างนี้เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2522 นอกจากจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในองค์พระธาตุดั่งเดิมแล้ว ยังมีของมีค่ามากมายนับหมื่นชิ้นบรรจุและประดับไว้ในองค์พระธาตุอีกด้วย โดยเฉพาะฉัตรทองคำบนยอดพระธาตุ ซึ่งมีน้ำหนักมากถึง 110 กิโลกรัม

ที่มา : วิกิพีเดีย




พระธาตุอีกมุม






พระอุโบสถ หน้าองค์พระธาตุ






ซุ้มประตูทางเข้าด้านหน้า






พระธาตุอีกมุม







มุมกำแพงด้านใน







หน้าพระอุโบสถ







ธาตุ (เจดีย์) พระครูโพนเสม็ดหรือโพนสะเม็ก ด้านข้างพระธาตุ







รอบกำแพงชั้นนอก







เสาหินอินทขีลที่พญาทั้ง 5 นำมาจากเมืองพารานาสี เมื่อ พ.ศ. 8 อยู่สี่มุมรอบนอกพระธาตุ







ซุ้มประตูด้านทิศตะวันตก (ด้านพิพิธภัณฑ์)








มีรูปนี้เฝ้าประตูอยู่







ด้านหน้าพระธาตุ มุมกว้าง







ซุ้มประตูทางเข้าด้านหน้า







พระพุทธรูปหน้าพระธาตุ








พระพุทธรูปด้านนอกกำแพงทางทิศตะวันตก








อาทิตย์อัสดง หลังต้นโพธิ์







วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ยามเย็น







สถูปอิฐพระธาตุองค์เดิม ตรงข้ามวัดพระธาตุพนม











อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : thatphanom.com



______END_____