พระธาตุขามแก่น
พระธาตุขามแก่น (วัดเจติยภูมิ)
ต้นฝนเดือน พฤษภาคม หรือ เดือน 6 ตามการนับทางจันทรคติ จะมีงานนมัสการพระธาตุ ขามแก่นเป็นประจำ ปีนี้ทางสำนักพระพุทธศาสนา ขอนแก่น เขาจัดขึ้นช่วง 6-8 พฤษภาคม เลยทำให้สถานที่คึกคัก และมีผู้คนมากกว่าปกติ
ฝนทำท่าว่าจะตก เลยทำให้อากาศเย็นขึ้นบ้าง ยิ่งทำให้อยากขับรถไปนมัสการองค์พระธาตุขามแก่น ที่วัดเจติยภูมิ ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง เพราะไม่ได้มาที่นี่กว่าหนึ่งปีแล้ว.... ถือโอกาสนำมารีวิวให้ชาวบล๊อกแก๊งค์ และท่านที่สนใจได้อ่านกันครับ.
จุดประสงค์หลัก คืออยากให้ท่านผู้อ่านที่ผ่านมาทางขอนแก่น และพอมีเวลาบ้าง ได้ไปนมัสการองค์พระธาตุเก่าแก่แห่งนี้ ซึ่งเป็นสิ่งคู่บ้านคู่เมืองของชาวขอนแก่น ที่นอกจากจะมี "ขอนแก่น" ที่สถานีรถไฟ บึงแก่นนคร และไดโนเสาร์ที่ อ.ภูเวียงแล้ว ก็ที่แห่งนี้แหละเป็นที่เคารพบูชาของชาวเมืองนี้ แม้จะมีหลายเว็ป และหลายท่านเอามารีวิวบ้างแล้วก็ตาม แต่นี้คืออีกมุมมองหนึ่งที่อยากนำเสนอ..

ทุ่งนาปังที่กำลังออกรวงข้างทางไปวัด
การเดินทาง
ขับออกจากขอนแก่นไปตามถนนสี่เลนที่จะไปกาฬสินธุ์ พอข้ามแม่น้ำพองที่บ้านท่าหิน แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนธรรมดา 2 เลน ไปทางโรงเรียนกีฬาขอนแก่น ตามป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ ประมาณ 26 กม.(จากขอนแก่น) ก็มาถึง ตำบลบ้านขาม อำเภอ น้ำพอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระธาตุขามแก่น

ถนนที่จะไปวัด
ตำนานพระธาตุขามแก่น วัดเจติยภูมิ ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น
พระธาตุขามแก่น มีประวัติความเป็นมาเป็นเรื่องเล่าสืบขานกันมาช้านาน ว่าภายหลังจากที่องค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้เสด็จดับขันธ์ปรินิพานในวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีมะเส็ง ที่กรุงกุสินารา เมื่อพระองค์ดับขันธ์ปรินิพพานแล้ว พระมหาปัสสปเถระเจ้า พร้อมด้วยราชบริพาร ได้มานมัสการถวายพระเพลิง เมื่อถวายพระเพลิงแล้วก็ประกาศให้กษัตริย์ในชนบทต่างๆมารับแจกพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า กษัตริย์นครต่างๆ เมื่อได้รับแจกแล้วก็นำไปประดิษฐานไว้ในเมืองของตน เว้นแต่นครที่อยู่ในปัจจันตประเทศ (ประเทศที่อยู่ห่างไกลมัชฌิมประเทศ) จึงมิได้รับแจก

พอถึงวัดก็ถ่ายมุมที่เห็นตอนแรกไว้
ครั้งต่อมา โฆริยกษัตริย์ เจ้าผู้ครองเมืองโฆรีย์ ที่อยู่ในปัจจันตประเทศ อยู่ห่างไกลกรุงกุสินาราซึ่งได้นามเมืองว่าเมืองกัมพูชา (เขมรเดี๋ยวนี้) รับทราบข่าวมารับแจกพระสารีริกธาตุ (กระดูก)ไม่ทัน เพราะมีการแจกไปหมดแล้ว เหลือแต่พระอังคาร (เถ้าถ่านที่เผาศพ) จึงได้แต่พระอังคาร กษัตริย์โฆริยะจึงนำพระอังคารบรรจุไว้ในกระอูบทอง เพื่อจะนำกลับนครโฆรีย์ ไปสักการะบูชา
ครั้นกาลเวลาล่วงเลยไป 3 ปี พระมหากัสสปเถระเจ้า ประสงค์ที่จะนำเอาพระอุรังคะธาตุของพระพุทธเจ้าไปประดิษฐานไว้ในภูกำพร้า (คือ พระธาตุพนมปัจจุบันี้) จึงได้จัดการก่อสร้างพระธาตุพนมขึ้น

อ่านประวัติซะก่อน
เมื่อกษัตริย์โฆริยะพร้อมด้วยพระอรหันต์ในเมืองโฆรีย์ทราบข่าว จึงมีศรัทธาที่จะนำพระอังคารของพระพุทธเจ้าที่ได้รับมา ไปบรรจุไว้ในพระธาตุพนมร่วมกับพระอุรังคะของพระพุทธเจ้า จึงได้อัญเชิญพระอังคารของพระพุทธเจ้ามุ่งหน้าไปพระธาตุพนม พร้อมด้วยพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ และยังมีพระยาหลังเขียว เจ้านครพร้อมด้วยราชบริพารอีก 90 คน ออกเดินทางไปยังภูกำพร้าสถานที่ประดิษฐานพระธาตุพนม การเดินทางได้พากันมุ่งหน้ามาทางทิศเหนือ แต่พอมาถึงดอนมะขามแห่งหนึ่ง (ที่ตั้งพระธาตุขามแก่นปัจจุบัน) เป็นเวลาค่ำพอดี ประกอบกับภูมิประเทศที่ราบเรียบ มีห้วยสามแยก น้ำไหลผ่านรอบๆดอน ภายในบริเวณนั้นมีต้นมะขามใหญ่ต้นหนึ่งตายล้มลงแล้ว เปลือกกะพี้กิ่งก้านสาขาไม่มี เหลือแต่แก่นข้างในเท่านั้น จึงได้ใช้เป็นที่เก็บรองรับพระอังคารของพระพุทธเจ้า ครั้นรุ่งเช้าก็ออกเดินทางต่อ แต่เมื่อไปถึงปรากฎว่าการก่อสร้างพระธาตุพนมได้เสร็จเรียบร้อยแล้วจะเอาอะไรเข้าบรรจุอีกไม่ได้ คณะจึงได้แต่เพียงพากันนมัสการพระธาตุพนม แล้วเดินทางกลับถิ่นเดิม แต่เมื่อเดินทางมาถึงดอนมะขาม ที่เคยพักแรมเดิม (ที่ตั้งองค์พระธาตุขามแก่นปัจจุบัน) เห็นต้นมะขามที่ตายล้มแล้วนั้น กลับลุกขึ้นผลิดอกออกผล แตกกิ่งก้าน สาขา มีใบเขียวชะอุ่มแลดูงามตายิ่งนัก จะเป็นด้วยนิมิตหรืออำนาจอภินิหารของพระอังคารพระพุทธเจ้าก็มิทราบได้ คณะพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์และพระยาหลังเขียว จึงได้ตกลงเห็นดีในการก่อสร้างพระธาตุครอบต้นมะขาม บรรจุพระอังคารของพระพุทธเจ้าไว้พร้อมด้วยเงินทอง แก้วแหวนแสนสารพัดนึก โดยทำเป็นพระพุทธรูปแทนพระองค์ เข้าบรรจุไว้ในพระธาตุนี้ เมื่อการก่อสร้างเสร็จ พระยาหลังเขียวก็จัดการสร้างบ้านสร้างเมืองขึ้น บริเวณใกล้ๆกับพระธาตุนั้น มีกำแพงทั้ง 4 ทิศ ( ซึ่งซากศิลากำแพงที่หักพังยังมีหลักฐานอยู่ห่างจากองค์พระธาตุประมาณ 25 เส้น ) ส่วนพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ ก็จัดการสร้างวัดวาอารามขึ้น คือ วิหารและพัทธสีมา เคียงคู่กับพระธาตุ

เข้าไปกราบตรงนี้ ว่าตามคำที่เขียนไว้
เหตุการณ์เป็นดังนี้ จึงปรากฎนาม "พระธาตุขามแก่น" และเมื่อกาลเวลาล่วงเลยมา พระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ ได้ดับขันธ์ปรินิพพานในสถานที่นี้ทุกองค์ สรีระธาตุของท่านทั้ง 9 ก็ได้บรรจุไว้ในพระธาตุองค์เล็ก ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระธาตุใหญ่
ด้วยเหตุนี้ประชาชนจึงนิยมเรียกพระนามพระธาตุบ้านขามว่า "ครูบา ทั้ง 9 เจ้ามหาธาตุ" จนถึงปัจจุบัน

เดินเข้าไปด้านในหน้าพระธาตุ จะพบพระธาตุจำลอง

ลั่นฆ้องด้วย


สิมเดิม

ใบเสมา

พระธาตุอรหันต์ทั้ง 9

ยอดเจดีย์พระธาตุอรหันต์ทั้ง 9
การบูรณะปฎิสังขรณ์ พระธาตุขามแก่น วัดเจติยภูมิ ตำบลบ้านขาม อำเภอน้ำพอง จังหวัดขอนแก่น เป็นปูชะนียสถานคู่บ้านคู่เมืองขอนแก่น เป็นที่เคารพบูชาของชาวจังหวัดขอนแก่นและจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน อยู่ห่างจากตัวเมืองขอนแก่น ประมาณ 26 กิโลเมตร การบูรณะซ่อมแซม มีการเรียบเรียงในคราสมโภชการตั้งฉัตร พ.ศ.2499 ว่า ครั้งแรกในสมัยพระครูแพง พุทธสโร เจ้าอาวาสวัดเจติยภูมิ ระหว่าง พ.ศ.2459 - 2468 เนื่องจากยอดพระธาตุหักและแตกผุพัง การซ่อมแซมรักษารูปเดิมไว้มิเปลี่ยนแปลง ใช้เวลา 3 ปีสำเร็จ

ยอดพระธาตุ
การบูรณะซ่อมแซมครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2498 - 2499 พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระสารธรรมมุณี เจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น ใคร่รักษาไว้และปรับปรุงให้เป็นมรดกของบรรพบุรุษ สืบทอดเป็นมรดกทางศาสนามิเสื่อมสูญ จึงดำริจัดทำฉัตรพระธาตุขึ้น.. ในการตั้งฉัตรใหม่ครั้งนี้ได้มีการซ่อมแซมบูรณะยอดพระธาตุ และบูรณะองค์พระธาตุใหม่ด้วยโครงเหล็กและปูนซีเมนต์ และจัดงานตั้งฉัตรพระธาตุ ในวันอาทิตย์ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 ปีวอก ตรงกับวันที่ 11 มีนาคม 2499

สิม (โบถส์) ทั้งของเดิม และของใหม่ที่อยู่คู่กัน
ปี พ.ศ.2531 และปี พ.ศ.2534 - 2535 ดำเนินการบูรณะพระวิหาร อีกครั้งโดยงบประมาณจากกรมศิลปากร และ งบประมาณจากมูลนิธิพระธาตุขามแก่น และศรัทธาของพุทธศาสนิกชน ควบคุมโดยหน่วยศิลปากรที่ 7 ขอนแก่น มีการเสริมความมั่นคงแข็งแรงและความสวยงาม รวมทั้งเทพื้นคอนกรีตเสริมเหล็ก และอาคาร สถานที่โดยรอบๆ

การบูรณะปฎิสังขรณ์ครั้งใหญ่ คือเมื่อ พ.ศ.2544-2546 เป็นงานอนุรักษ์และพัฒนาโบราณสถานพร้อมกับงานปรับปรุงภูมิทัศน์ จนมีความสวยงามดังเช่นปัจจุบัน สมัยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย (พ.ศ.2548-2549) เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่นขณะนั้น กล่าวคือ การบูรณะปฎิสังขรณ์องค์พระธาตุขามแก่นด้วยวัสดุปูนหมักตามกรรมวิธีโบราณ งานลงรักปิดทอง งานซ่อมแซมฉัตร 5 ชั้น กำแพงแก้ว องค์พระธาตุอรหันต์ แนวกำแพง งานปรับปรุงภูมิทัศน์ ทำการรื้อถอนศาลารายทั้ง 4 ทิศที่เสื่อมสภาพ เพื่อก่อสร้างใหม่ และได้เปลี่ยนยอดฉัตรองค์พระธาตุขามแก่นจากโลหะที่ลงรักปิดทองมาเป็นยอดฉัตรทองคำ (น้ำหนักทอง 3,544.10 กรัม มูลค่า 1,536,731 บาท) พร้อมทั้งสร้างฉัตรประดับองค์พระองค์พระธาตุอรหันต์ เพื่อให้สวยงามกลมกลืนควบคู่กับองค์พระธาตุขามแก่น นอกจากนี้สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปรินายก ทรงประทานพระบรมสารีกธาตุ 9 องค์ ให้มาบรรจุใว้ที่องค์พระธาตุขามแก่นด้วย

มุมกว้างบริเวณพระธาตุ
วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม 2546 สมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินทรงบรรจุพระบรมสารีกธาตุ และทรงยกยอดฉัตรทองคำองค์พระธาตุขามแก่น ตรงกับสมัยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พาณิช เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเจตน์ ธนวัฒน์ เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น
ที่มา : `สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดขอนแก่น

ศาลากลางน้ำ

หอสรงสมเด็จพระเทพฯ

ต้นสาละลังกา COUROUPITA GUIANENSIS AUBL ที่พระเทพฯทรงปลูกไว้ เมื่อ 12 ธค. 2546

ภาพที่ถ่ายจากศาลากลางน้ำเข้าไปที่บริเวณพระธาตุ

หอระฆัง

โปง

ประตูโขง

ถนนที่ผ่านหน้าวัด
เสร็จสิ้นจากการนมัสการองค์พระธาตุแล้ว ก็ขับรถย้อนออกมาทางเดิม แต่พอมาถึง 3 แยกบ้านตูม (จากพระธาตุมาประมาณ 3 กม.) คราวนี้ผมเลี้ยวขวาออกไปตามป้ายบอกทางที่บอกว่าไป อ.น้ำพอง และอีก 4 กม.ต่อมาก็มาถึงบ้านโคกท่า แล้วเลี้ยวซ้ายข้ามลำน้ำพองที่นี่ และวิ่งไปตามถนนไปเรื่อยๆ เพื่อดุความอุดมสมบูรณ์ของนาข้าว และสวนผลไม้ ที่ได้น้ำหล่อเลี้ยงจากคลองส่งน้ำเขื่อนหนองหวาย ทำให้การพืชพันธุ์ดูเขียวขจีดี การขับรถเลยเพลินไปด้วย...

ลำน้ำพอง ตรงสะพานบ้านโคกท่า
มาถึง 4 แยกที่ถนนเลี่ยงเมือง (วงแหวน) ถ้าตรงไปก็เข้าเมืองขอนแก่น เลี้ยวซ้ายไปกาฬสินธุ์ และเลี้ยวขวาไปถนนมิตรภาพ ซึ่งสามารถไปได้ทั้ง กรุงเทพฯและหนองคาย..... การขับกลับในเส้นทางนี้จะใกล้กว่าเล็กน้อย คือประมาณ 23 กม......โดยเส้นทางนี้จะผ่านหน้าค่ายศรีพัชรินทร์ มณฑลทหารบกที่ 23 ซึ่งก็สะดวกไม่แพ้ทางที่พาท่านไปในตอนแรก.....แต่ผ่านหมู่บ้านน้อยกว่า ขับสบายกว่า.
_______END______
|
Create Date : 12 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 16 สิงหาคม 2555 22:34:47 น. |
|
9 comments
|
Counter : 6850 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: nLatte วันที่: 12 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:41:36 น. |
|
|
|
โดย: wicsir วันที่: 13 พฤษภาคม 2552 เวลา:10:39:57 น. |
|
|
|
โดย: Pleja IP: 117.47.173.69 วันที่: 14 พฤษภาคม 2552 เวลา:18:56:01 น. |
|
|
|
โดย: wicsir วันที่: 17 พฤษภาคม 2552 เวลา:17:17:11 น. |
|
|
|
โดย: ปรีชา รัตนประสิทธิ์ IP: 125.24.248.146 วันที่: 23 พฤษภาคม 2552 เวลา:22:19:46 น. |
|
|
|
โดย: wicsir วันที่: 24 พฤษภาคม 2552 เวลา:8:08:11 น. |
|
|
|
โดย: กลุ่มเพื่อน 5.63 อ.ต. IP: 210.246.186.4 วันที่: 7 กรกฎาคม 2554 เวลา:6:48:27 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]

|
...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......
อยากจะบอกว่า
@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว
@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.
@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...
ด้วยจริงใจ นาย wicsir.
|
|
|
|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
เข้าบ้านนี้แล้วนอกจากภาพจะสวยสดงดงามแล้ว ความรู้ประกอบบล๊อกยังมีอีกเพียบเลยนะคะ ดีจัง