ตักบาตรเทโวที่วัดพระบาท เขื่อนอุบลรัตน์
ตักบาตรเทโว..ที่วัดพระบาท
วันนี้เอาบรรยากาศวันออกพรรษา ตักบาตรเทโวที่ "วัดพระบาท" เขื่อนอุบลรัตน์มาฝากครับ ที่จริงวัดนี้มีประเพณีตักบาตรเทโวนี้ต่อเนื่องกันมาหลายปี แต่ยังขาดการประชาสัมพันธ์ ปีนี้ทางอำเภอและจังหวัดเขาติดป้ายเป็นปฏิทินท่องเที่ยวหนึ่งของการท่องเที่ยวในจังหวัด เลยมีผู้คนไปร่วมงานกันมากมายตามสองข้าทางที่ยาวประมาณครึ่ง กม. ประมาณการว่าน่าจะมีคนมาทำบุญร่วม 20,000 ถึง 30,000 คนเห็นจะได้ (โฆษกในงานเขาว่า)
ภาพไม่ค่อยสวย เพราะถ่ายยากมาก (มือไม่ถึงมากกว่า) ทั้งแสงทั้งโฟกัส หลุดโลกไปเลย...แต่จุดมุ่งหมายอยากเอาบรรยากาศมาฝากคุณๆครับ...วันนั้นช่างภาพเยอะมาก จขบ.เลยโชคดีได้เห็นกล้องดีๆ ราคาแพงๆด้วย
ส่วนเพลงที่เอามาประกอบ ใส่ไปเพราะใกล้วันลอยกระทง... ไม่เกี่ยวกับประเพณีนี้นะครับ...

ขบวนแห่ลงมาจากเขา...มีทั้งพระอินทร์..นางฟ้า..แลตามด้วยพระอีก 590 รูป
ตักบาตรเทโว
ตักบาตรเทโว หมายถึงการทำบุญตักบาตร ในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 เนื่องในโอกาสที่พระพุทธเจ้าเสด็จลงจากเทวโลก คำว่า เทโว เรียกกร่อนมาจากคำว่า เทโวโรหนะ (เทว+โอโรหน) ซึ่งแปลว่า การเสด็จลงจากเทวโลก
ความเดิมมีว่า ในพรรษาที่ 7 นับแต่วันตรัสรู้ พระพุทธเจ้าเสด็จไปจำพรรษาอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เพื่อเทศน์โปรดพระพุทธมารดา ที่ได้กำเนิดเป็นเทพบุตรอยู่ในชั้นดุสิต จนบรรลุโสดาปัตติผล ครั้นออกพรรษาในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 แล้ว จึงเสด็จลงจากเทวโลกที่เมืองสังกัสสนคร
ในกาลที่เสด็จลงจากเทวโลก ได้มีเนินเป็นอันเดียวกันจนถึงพรหมโลก เมื่อทรงแลดูข้างล่าง สถานที่นั้นก็มีเนินอันเดียวกันจนถึงอเวจีมหานรก ทรงแลดูทิศใหญ่และทิศเฉียง จักรวาลหลายแสนก็มีเนินเป็นอันเดียวกัน เทวดาก็เห็นพวกมนุษย์ แม้พวกมนุษย์ก็เห็นเทวดา สัตว์นรกก็เห็นมนุษย์และเทวดา ต่างก็เห็นกันเฉพาะหน้าทีเดียว ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงเปล่งฉัพพรรณรังสี ขณะที่พระองค์เสด็จลงมาจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
รุ่งขึ้นวันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ชาวเมืองจึงพากันทำบุญตักบาตรเป็นการใหญ่ เพราะไม่ได้เห็นพระพุทธเจ้ามาถึง 3 เดือน การทำบุญตักบาตรในวันนั้นจึงได้ชื่อว่า ตักบาตรเทโวโรหนะ ต่อมามีการเรียกกร่อนไปเหลือเพียง ตักบาตรเทโว
เพื่อระลึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น จึงนิยม ตักบาตรเทโว กันจนเป็นประเพณีสืบมาตราบเท่าทุกวันนี้
ที่มา : วิกิพีเดีย

ชาวพุทธรอใส่บาตร

นักเรียนแต่งชุดขาวสองฟากบันได เตรียมรับพระสงฆ์ที่จะเดินลงไปรับบาตร ส่วนด้านหลังคือหลวงพ่อพระใหญ่ (ชมภาพที่วัดจากบล๊อกนี้)

รอกันสองข้างทาง



คุณยาย 2 ท่านนี้รอใส่บาตร

บันทึกภาพเพื่อความทรงจำ

ทางที่จะผ่าน และยาวต่อเนื่องไปด้านล่างอีกประมาณครึ่ง กม.

ตะไลยักษ์
ตะไล เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านแถวภาคอีสาน ชอบจุดและปล่อยกันในหน้ากฐินหรือออกพรรษา ปกติจะมีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ฟุต ใช้ไม้ไผ่บางๆขดรอบเป็นวงกลม ตรงกลางเป็นแท่งใส่ดินปืน (อีสานเรียก "หมื่อ") อัดแน่นเป็นเชื้อเพลิง (เมื่อก่อนใช้กระบอกไม้ไผ่ทำ แต่ปัจจุบันใช้ท่อพลาสติกก็มี... ส่วนตะไลยักษ์ที่เห็นนั้น เส้นผ่าศูนย์กลางเป็นเมตร .
เวลาจุดจะพุ่งขึ้นไปลักษณะควงสว่าน โดยทั่วไปมักผูกร่มชูชีพพลาสติกเล็กๆขึ้นไปด้วย ช่วงจะหมดเชื้อเพลิงไฟจะไหม้เชือกที่ผูกชูชีพ และจะกางออกพาตะไลลงสู่พื้นลดแรกกระทบได้ดี.

ปล่อยโคมลม 1
โคมลม นี่ก็ภูมิปัญญาชาวบ้าน ไม่ทราบว่าดั้งเดิมเกิดขึ้นที่ใดก่อนในเมืองไทย "โคม" ที่ใช้เล่น หรือลอยในงานออกพรรษาจะมีสองแบบ คือ "โคมไฟ" เห็นบ่อยมากในงานลอยกระทง ส่วนอีกอย่างคือ "โคมลม" เมื่อก่อนทำด้วยกระดาษเพื่อให้เบา ใช้ควันไฟใส่เข้าไป ชอบปล่อยหรือลอยกันในเวลากลางวัน เดี๋ยวนี้ (จขบ.ก็เพิ่งเห็นเช่นกัน) ใช้วัสดุอื่นคล้ายใยสังเคราะห์ทำกันแล้ว เหมือนบอลลูน (Balloon) ของฝรั่งเลย
เวลาปล่อยโคมลมไปเขาจะผูกจดหมายติดไปด้วย ว่าปล่อยมาจากที่ใด วันไหน.... ถ้าใครเก็บได้เอามาส่ง ก็จะได้รางวัลหลายพันบาทเช่นกัน โดยเจตนาคนทำอยากรู้ว่าโคมที่เขาทำไปได้ไกลแค่ไหนประมาณนั้น..แต่เดี๋ยวนี้เสริมด้วยการโฆษณาบ้านหรืองานตัวเองด้วย...
ท่านสามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้ที่ คลังปัญญาไทย เกี่ยวกับการลอยโคมครับ

ปล่อยโคมลม 2
ที่เห็นเป็นเครื่องบินผูกห้อยไว้ใต้โคมลมนั้น ก็เอาไว้เล่นบนอากาศเช่นกัน คือเมื่อโคมลมขึ้นไปได้ซักพัก เจ้าเครื่องบินนั่นก็จะลอยออกไป มีควันด้วย ทำให้ผู้ชมสนุกสนานไปด้วย อันนี้ จขบ. ไม่ทราบจริงๆ เขาทำกันอย่างไรในการจุดชนวน....ใครทราบบอกที่

นั่งรอพระกันตามถนนเลย

รอพระ 2
การเดินทาง
จากขอนแก่นไปตามถนนมิตรภาพ ประมาณ 25 กม. จะมีป้ายบอกทางไปเขื่อนอุบลรัตน์ทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้าไปอี 25 กม. ก่อนจะเข้าประตูเขื่อนอุบลรัตน์ ทางซ้ายมือจะเห็นองค์พระใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่บนเขาภูพาน...เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยครับ (ท่านสามารถขับรถขึ้นไปกราบหลวงพ่อใหญ่ และชมวิวเขื่อนอุบลรัตน์ด้านบนได้)

ลากันด้วยภาพ...ปล่อยโคมลม
ขอบคุณที่ตามอ่านครับ
___________ END _________
|
Create Date : 29 ตุลาคม 2553 |
|
22 comments |
Last Update : 3 กันยายน 2556 20:49:42 น. |
Counter : 6690 Pageviews. |
|
 |
|
เลยเอาบุญมาฝากครับ...
เดินทางไปไหน - มาไหน ก็ดูแลเรื่องความปลอดภัยนะครับ
"Engine on - Cell phone off"
หรือ
"ปิดโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่จะสตาร์ทเครื่องรถ"
ด้วยความปราถนาดี