+ + Small Trip (ทริปเล็กๆในความทรงจำ) + + ตอนที่ 1 อากาศบริสุทธ์คีรีวง+โลมาสีชมพูทะเลขนอม
+ + Small Trip (ทริปเล็กๆในความทรงจำ) + + ตอนที่ 1 อากาศบริสุทธ์คีรีวง+โลมาสีชมพูทะเลขนอม
สวัสดีค่ะ วันนี้พักนิยายเปลี่ยนแนวเป็นเรื่องเล่ายาวเป็นตอนๆ สักเรื่องช่วงนี้สมองตันคิดนิยายไม่ออก ไปเที่ยวพักสมองกันเถอะ กับทริปข้ามปีที่หาโอกาสเขียนมานานแต่ไม่ได้ฤกษ์สักทีตั้งใจเขียนแบบเล่าเรื่องราวมากกว่าโชว์ภาพสวยๆ เพราะภาพไม่สวยเท่าไหร่ถ่ายด้วยกล้องคอมแพ็คขนาดเล็กNikon Coolpix ธรรมดาเอง หลังจากถกเถียงกันอยู่นานว่าจะไปไหนดีในที่สุดก็สรุปได้ว่าทริปนี้ครอบครัวเราจะไปทะเลฝั่งอ่าวไทยกันแล้วจะไปไหนดีที่จะใช้เวลาไม่มากในเส้นทางเดียวกัน เดินทางไม่เหนื่อย และประหยัดงบ(อันนี้สำคัญสุด) ไปกันหลายคนต้องประหยัดกระเป๋าไว้ก่อนดีที่สุด วางโปรแกรมกำหนดเวลาเดินทางหกวัน เริ่มจากนครศรีธรรมราชหนึ่งคืนเกาะสมุยสองคืน และ เกาะเต่าสองคืน ครั้งนี้การเตรียมตัวค่อนข้างดีหลังจากครั้งแรกที่ไปเกาะเต่าเราเลือกที่พักหาดที่คนไม่พลุกพล่านซึ่งเดินทางโดยรถลำบากต้องใช้เรือเป็นส่วนมากขากลับพายุเข้าไม่สามารถนั่งเรือหางยาวไปท่าเรือได้ ต้องอาศัยรถกระบะเจ้าของรีสอร์ทข้ามเขาทั้งลูกไปส่งท่าเรือบอกได้เลยว่าเส้นทางหฤโหดสุดๆ ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเจอทางวิบากขนาดนี้มาก่อน ครั้งนี้จึงตัดสินใจเลือกเดินทางเดือนมีนาคมที่คลื่นลมค่อนข้างสงบกว่าช่วงปลายปีงวดก่อนที่ไปกัน เราเจาะจงเลือกที่พักหน้าหาดทรายรีที่หาของกินง่ายประหยัดงบ แต่จะลงจบในบล็อกเดียวเห็นท่าจะยาก จึงจะขอแยกเป็นตอนๆไปค่ะ การเดินทางของเราเริ่มต้นที่หมู่บ้านอากาศดีที่สุดในประเทศไทยนั่นคือ หมู่บ้านคีรีวง อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราชสำหรับที่นี่เราจะไม่ลงรายละเอียดมากนักเพราะเคยเขียนเป็นเรื่องสั้นไว้ในถนนสายนี้มีตะพาบเมื่อปีก่อนค่ะตามลิงค์ด้านล่างนี้เลย สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ที่สุดในประเทศไทยกับหมู่บ้านคีรีวง //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=lovereason&month=03-2013&date=26&group=4&gblog=2 เมื่อจัดแจงเตรียมตัว จองที่พักล่วงหน้าเป็นเดือนก็ได้เวลาล้อหมุนเราออกเดินทางจากสงขลาแปดโมงเช้า ใช้เส้นทางหลวงสายเอเชีย หมายเลข 4 ผ่านจ.พัทลุงเลี้ยวขวาเข้าแยกสวนผักใช้เส้นทางหมายเลข 403 เลี้ยวซ้ายเข้า ถ. หมายเลข 4238มุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงใต้ รวมแล้วระยะทางประมาณ 205 ก.ม. ภายในเวลาสามชั่วโมงเราก็มาถึงที่หมายหมู่บ้านคีรีวงในเวลาประมาณสิบเอ็ดโมงเวลาอาหารเที่ยงพอดีซึ่งมื้อนี้เราชิลมากเพราะแม่ทำอาหารมาจากบ้านเป็นเสบียงระหว่างทาง หมู่บ้านคีรีวง ตั้งอยู่ในอ.ลานสกา เป็นหมู่บ้านที่ได้ชื่อว่าอากาศดีที่สุดของประเทศไทย ท่ามกลางธรรมชาติของผืนป่าไม่ไกลจากเทือกเขาหลวงเพียงแค่มาถึงก็จะพบป้ายคำว่า หมู่บ้านที่อากาศดีที่สุดในประเทศไทย ติดอยู่หน้าบ้านทุกหลังเป็นจุดขายแม่บอกร้อนจะตาย เอิ่ม..แม่ขา มากลางวันแดดเปรี้ยงๆ ก็เป็นฉะนี้แล จะให้สดชื่นเหมือนยืนอยู่ท่ามกลางแมกไม้และสายน้ำได้อย่างไรเห็นถนนที่นี่นึกถึงเขื่อนบางลาง จ.ยะลา ทำไมให้ความรู้สึกคล้ายกันได้ก็ไม่รู้โดยเฉพาะตอนขับรถเข้าไปหมู่บ้านหลังเขื่อน สวยมากน่าเสียดายที่ตอนนี้ค่อนข้างอันตราย นอกจากอากาศบริสุทธิ์กว่ามาตรฐานแล้วคีรีวงยังมีสวนสมรมที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่ง อุดมไปด้วยผลไม้นานา ถ้ามาช่วงฤดูผลไม้จะสามารถทัวร์ชมและเก็บผลไม้จากไร่ได้หมู่บ้านนี้ยังเป็นแหล่งหัตถกรรมขึ้นชื่อ งานฝีมือหลากหลาย ทั้งมีโฮมสเตย์หลายแห่งที่ราคาไม่แพงและมีวันเดย์ทริปราคาถูกอีกด้วยถ้าใครชอบบรรยากาศชิล น้ำตก แมกไม้ สายธาร สวนผลไม้ ที่นี่ไม่ผิดหวัง
อาหารเที่ยงฝีมือแม่ในศาลาริมทางกับวิวข้างทางดูวัวดูปลา และสายน้ำเพลินๆ เราไม่ได้ขึ้นน้ำตกเพราะเวลาไม่ทัน สุดท้ายก็ต้องรักษาเวลาเราออกจากหมู่บ้านคีรีวงประมาณบ่ายสามโมง โดยใช้เส้นทางเดิมออกมาถึงปากทางถ.หมายเลข 4015 เส้นทางหลัก เลี้ยวซ้ายเข้าถ.หมายเลข 4103 ก่อนถึงทางแยกเข้าตัวเมืองนครศรีธรรมราชเป้าหมายคือที่พัก อ.ท่าศาลา ระยะทางประมาณ 69 กม.ในเวลาหนึ่งชม. เราก็มาถึงที่พัก ศิริพรเพลส โรงแรมขนาดเล็กราคาหลักร้อยคือที่พักในคืนแรกใช้เวลาเดินทางจากตัวเมืองท่าศาลาลัดผ่านตลาดระยะทางกว่า 6 กม. ก่อนทะลุถนนสายหลักสุราษฏร์-นครฯ จะเจอโรงแรมอยู่ด้านขวาตรงข้ามการประปาท่าศาลา เราเช็คราคาจากอโกด้าเพื่อหาที่พักแล้วก็พอใจกับราคาห้าร้อยกว่านิดๆ ของที่นี่จึงโทรสอบถาม ปรากฏว่าได้ราคาถูกกว่าในเว็บอีกเพราะจองโดยตรงกับโรงแรมสามารถเลือกห้องพักได้อีกต่างหากสบายกระเป๋ากันไป ซึ่งราคานี้กับขนาดห้องพักขนาดใหญ่ค่อนข้างใหม่ สะอาดสะอ้านมาก สำหรับคืนแรกของการเดินทางค่อนข้างพอใจมากทีเดียว ที่นี่ใช้ระบบคีย์การ์ดตั้งแต่ประตูหน้าภายในห้องมีเครื่องอำนวยความสะดวกครบเหมือนโรงแรมทั่วไป เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายกับราคาเบาๆแต่ที่นี่ไม่มีอาหารเช้าให้ เวลายังเหลือเฟือดูเวลาแล้วไม่เย็นมากนัก เราตัดสินใจว่าจะฆ่าเวลาด้วยการไปเที่ยวชายทะเลที่ใกล้ที่สุดกันออกจากที่พักไปตามถนนสายหลัก สุราษฏร์-นครฯ หมายเลข 401เลี้ยวขวาเข้าทางหมู่บ้านชาวประมง ระยะทางประมาณ 12 กม. ก็จะเจอกับหาดทรายทอดยาวตลอดแนว เราจอดรถไว้บริเวณวัดแล้วเดินลัดลงชายหาด หาดทรายแก้ว ค่อนข้างเงียบสงบ ทรายละเอียดเนียนนุ่มแต่ไม่ขาวมากนักไม่มีร้านอาหารบริการเลย ยังนึกเสียดายกะจะมานั่งกินบรรยากาศเคล้าอาหารชิลๆเราก็เลยได้แต่เดินเล่นนั่งเล่นอยู่ครู่ใหญ่ แล้วก็เกิดความสงสัยเมื่อเห็นพ่อแม่ลูกเดินมาแต่ไกลดูไปก็น่ารักดีแต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าระหว่างทางพวกเขาทำอะไร ลักษณะเหมือนกำลังทอดแหริมชายหาดเราได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจ พอลับสายตาไป ก็ลงไปดูบริเวณที่พวกเขาเทบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ต้องการจากการทอดแหทิ้งลงบนหาดทรายตลอดทาง ภาพที่เห็นทำเราอึ้งด้วยจำนวนกุ้งตัวเล็กตัวน้อยที่ทางใต้นิยมเอามาทำกะปิ หรือเรียกอีกอย่างว่า เคย กองเต็มบนหาดตลอดแนว ลักษณะใสแทบจะดูไม่ออกว่าเป็นกุ้งถ้าไม่สังเกตไม่นับรวมไปถึงแมงกะพรุนและหอยขนาดเล็ก ที่ถูกทิ้งเอาไว้เกลื่อนหาด จนน้ำทะเลก็ซัดขึ้นมาไม่ถึงพวกเขาเก็บเอาแต่ลูกปลาเล็กปลาน้อยกลับไปแล้วทิ้งบางสิ่งให้ตายอยู่ตรงนั้นอย่างน่าเสียดายหรือนี่เป็นวัฏจักรของวงจรชีวิตสัตว์ทะเลชายฝั่ง? ออกจากหาดทรายแก้วก็พลบค่ำแล้วกลับไปหาอะไรกินดาบหน้ากันที่ตลาดโต้รุ่ง มื้อง่ายอย่างส้มตำยำลาบไม่มีอาหารมื้อพิเศษ เพราะเหนื่อยจนอยากพักและต้องเดินทางเช้าต่อไปให้ถึง อ.ขนอมเพื่อดูโลมาสีชมพูในเวลาไม่เกินแปดโมงเช้า เหตุผลที่เลือกพักอ.ท่าศาลา แล้วค่อยเดินทางไปขนอมในตอนเช้า คือราคาที่พักถูกถึงถูกมาก อาจจะเพราะที่พักแถวขนอมแพงได้ใจที่ราคาถูกก็ดูจะไม่สมกับราคาเท่าไหร่ ที่สวยน่าพักก็แพงลิบลิ่วตามลำดับความนิยม แลดูไม่คุ้มกับราคาอีกก็เราจะต้องไปอีกหลายวันประหยัดไว้ก่อนเป็นดี เราจึงเลือกที่จะเดินทางแต่เช้าจากท่าศาลาที่ค่าครองชีพถูกกว่าเพื่อที่หลังจากเสร็จจากการดูโลมาในช่วงเช้าแล้วจะได้เดินทางต่อไปสมุยได้ทันทีในช่วงบ่ายไม่ให้เสียเวลามากนัก เช้าออกเดินทางประมาณหกโมงครึ่ง กับระยะทาง 85 กม.บนเส้นทางหมายเลข 401 ตัดขวาเข้าถนนหมายเลข 4014 , 4042 เส้นตัดตรงไปถึง อ. ดอนสัก สุราษฏร์ธานีเลี้ยวขวาเข้าทางบ้านคลองเหลง ถนนหมายเลข 4044 สังเกตง่ายว่ามีรูปปั้นโลมาตั้งอยู่ปากทางเข้าขับมาเรื่อยๆ ตามทางหลักถึงสามแยกตลาดขนอมแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 3053มุ่งหน้าไปยังท่าเทียบเรือแขวงเภา หมู่บ้านแหลมประทับจุดที่นั่งเรือไปชมปลาโลมาสีชมพู เราเดินทางมาถึงแหลมประทับเกือบแปดโมงเช้าพอดีเพราะรู้มาว่าโลมามักจะมาให้เห็นในช่วงเช้าและไม่ใช่ว่าจะได้เห็นตลอดทั้งวันเราจึงต้องทำเวลา หลังจากจอดรถไว้ที่รับฝากแล้วก็เดินลงไปยังท่าเรือจะให้ดีควรพกหมวกและแว่นกันแดดไปด้วยเพราะเรือหางที่ใช้เดินทางไปดูโลมาสีชมพูไม่มีหลังคาแต่ช่วงเช้าแดดก็ไม่แรงนัก นั่งเรือออกจากฝั่งมาได้สักพัก เราก็พบกับเรือประมงลำหนึ่งพี่คนเรือที่นั่งกำกับหัวเรือบอกว่าวันนี้โชคดีรับรองได้เจอโลมาแน่ๆพวกเราตื่นเต้นกันใหญ่ ถามว่าทำไม พี่เขาบอกว่าเพราะโลมาได้กินปลากับเจ้าของเรือประมงบ่อยๆจึงชอบมาวนเวียนใกล้ๆ เรือประมงเวลาออกหาปลา เรือของเราจอดนิ่งๆเทียบข้างกับเรือประมงลำนั้น แค่เพียงเจ้าของเรือผิวปากสักพักโลมาก็ปรากฏตัวเข้ามาตรงกลางระหว่างเรือของเราและเรือประมงลำนั้นพวกเราตื่นเต้นกันใหญ่แบบว่าใกล้มากและคุ้นกับคนมาก ไม่มีตื่นกลัวเลย โลมาสีชมพู หรือชื่อทางวิชาการเรียกว่า โลมาขาวเทา หรือชาวท้องถิ่นเรียกว่า โลมาหลังโหนก จากที่เจอคาดว่ามีอายุมากพอสมควรเพราะสีจางจนเกือบจะขาวลักษณะผิวไม่เรียบเนียนออกจะขรุขระมากด้วย แต่ความน่ารักที่พบเจอคือคุ้นคนมาก พอได้รางวัลเป็นปลาเล็กปลาน้อยอร่อย โลมาก็พ่นน้ำบ้าง ว่ายฉวัดเฉวียนไปมารอบๆลำเรือ บางทีก็เบี่ยงออกนำหน้า เดี๋ยวก็กลับมาแทรกกลางลำเรือขอรางวัลอีกไม่นานก็มีเรือลำอื่นที่จะมาดูโลมาเหมือนกันมาจอดเทียบใกล้ๆ พี่คนเรือบอกปลาเล็กหมดแล้วได้ยินเสียงร้องกันขรมของนักท่องเที่ยวอีกลำ โลมาคงตื่นเสียงเลยว่ายออกไปเลย เราได้แต่เสียดายแต่พี่คนเรือบอกว่าจะไปทัวร์ต่อเที่ยวชมเขาหินพับผ้าหรือชื่อเรียกภาษาอังกฤษเก๋ไก๋ชื่อว่าPancake Rock อืม..เข้าใจเรียกจริงๆ ลักษณะของภูเขาหินที่นี่จะเป็นแนวหินซ้อนกันซับซ้อนเรียงทับกันไปมาไม่เป็นระเบียบ เขาหินพับผ้าไม่มีหาด บางจุดคล้ายเป็นโพรงลึกเข้าไปใต้น้ำเหมือนมีถ้ำอยู่ใต้น้ำบางจุดโค้งวนไปมาเหมือนรูปก้นหอย ตลอดแนวซึ่งหาดูได้ยากมาก ถ้าอยากดูต้องที่นี่เลยค่ะ..นครศรีธรรมราชแล้วจะรู้ว่ามหัศจรรย์ของธรรมชาตินั้นมีหลากหลายรอให้เรามาพิสูจน์ ใช้เวลาไม่นานเราก็มาถึงเกาะนุ้ย ซึ่งเป็นเกาะที่มีตำนานหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด รายละเอียดหาได้ในวิกิและเว็บแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวมากมายลักษณะเป็นเกาะขนาดเล็กมีท่าเล็กๆ เทียบให้เรือจอด ไม่ไกลจากไฮไลท์ของเกาะ คือ บ่อน้ำจืด ที่มีลักษณะคล้ายรูปฝ่าเท้าขนาดใหญที่พอน้ำขึ้น น้ำทะเลจะบังบ่อน้ำจืดมิดมองไม่เห็นแต่ถ้าช่วงน้ำลงจะเห็นเป็นบ่อน้ำเล็กๆลึกลงไปและยังคงรสชาติจืดราวกับไม่เคยมีน้ำเค็มท่วมอยู่ เป็นเรื่องแปลกไม่น่าเชื่อว่ามีอยู่จริงแต่คนที่มาในช่วงน้ำลงมักจะมาลองพิสูจน์แล้วพบคำตอบจริงกันไปแล้ว ออกจากเกาะนุ้ย เรือก็พาเราแล่นกลับทางเดิมจะเห็นได้จากภาพด้านบนว่าเรือที่เห็นไกลลิบสุดลูกหูลูกตานั้นคือเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปเกาะสมุย เพราะอยู่ใกล้กันมากกับขนอมจนเราสามารถมองเห็นทั้งท่าเรือดอนสักและเห็นเกาะสมุยอยู่ไกลลิบระหว่างทางขากลับได้พบเจอกับโลมาอีกหลายตัวทั้งโลมาอิรวดีสีเทา แต่โลมาชนิดนี้มักปรากฏตัวให้เห็นไกลๆไม่เข้ามาใกล้ลำเรือเลย ภาพที่เห็นไกลๆพี่คนเรือบอกว่าโลมากำลังสอนลูกเกิดใหม่ให้หัดว่ายน้ำ พวกเราเห็นไกลๆยังนึกว่ามีด้วยหรือแบบนี้ น่าตื่นเต้น เราเฝ้ามองอยู่ห่างๆ จนลับสายตาก่อนจากลา เมื่อถึงท่าเรือแหลมประทับราวใกล้เที่ยงต้องรีบแล้วทำเวลาต่อเพื่อเดินทางไปท่าเรือดอนสัก สุราษฏร์ธานี เพื่อขึ้นเรือเฟอร์รี่ที่จองและโอนเงินมาให้ก่อนวันเดินทางกับระยะทางกว่า 30 กม. ไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไปนัก แต่ไม่มีเวลาแม้แต่จะแวะหาดไหนในขนอมได้อีกนอกจากรีบไปให้ถึงท่าเรือดอนสักให้เร็วที่สุด เอาเป็นว่าค่อยไปหามื้อเที่ยงแถวท่าเรือเฟอร์รี่ก็ยังทัน.. ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ เอาไว้ต่อตอน 2 ไปเที่ยว สมุย-หมู่เกาะอ่างทองกันค่ะ ขอบคุณของแต่งบล็อคสวยๆ จากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ค่ะ ขอบคุณเพลงเพราะๆ จากอินเตอร์เนตค่ะ ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ ค่อยตามไปเยี่ยมพี่ๆ เพื่อนๆ ที่บล็อคนะคะ ^_______^
Create Date : 15 พฤษภาคม 2558 |
Last Update : 15 พฤษภาคม 2558 1:46:50 น. |
|
31 comments
|
Counter : 3926 Pageviews. |
|
|
น่าไปจังเลย
ขอบคุณค่ะ คุณนุ่น