ด้วยความที่ประเทศไทยมีความอุดมสมบูรณ์ มีพืชพรรณธัญญาหารนานาชนิด
ผลไม้ก็มีมากตลอดปีวนเวียนให้ได้ลิ้มลองหลากหลายชนิด ช่วงไหนมีผลผลิตออกมามาก ก็นำมาถนอมอาหารแบบภูมิปัญญาชาวบ้าน เช่น ตากแห้ง ดอง และแช่อิ่ม
วิธีการแช่อิ่ม นับเป็นวิธีที่นิยมมากกว่าการถนอมอาหารวิธีอื่นๆ เพราะทำให้ผลไม้มีรสชาติหวาน และตามมาด้วยไม่เปรี้ยวจัด หรือเค็มจัดเหมือนวิธีการดอง
รสชาติความหวานนั้นเกิดจากน้ำตาลทรายที่นำมาเคี่ยวจนได้ที่แล้วนำไปแช่ในผลไม้ทิ้งไว้ 1 คืน ก็สามารถนำมาทานได้ และรสชาติจะดียิ่งขึ้นเมื่อนำไปแช่เย็นและทานในขณะเย็น
ที่กล่าวมานี้ เป็นกรรมวิธีการแช่อิ่มฉบับบ้านๆ แต่หากเป็นระดับอุตสาหกรรมที่ผลิตครั้งละมากๆนั้น การแช่อิ่มก็จะต้องใช้น้ำตาลทรายจำนวนมากตามไปด้วย แน่นอนว่าต้นทุนก็จะเพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
ผู้ผลิตบางรายจึงใช้สารให้ความหวานลงไปแทนน้ำตาล เพราะใช้ในปริมาณไม่มากก็ทำให้ผลไม้แช่อิ่มหวานได้ตามที่ต้องการ สารให้ความหวานที่นิยมคือ แซ็กคารินหรือขัณฑสกร ที่ให้ความหวานมากกว่าน้ำตาลทรายถึง 300700 เท่า
ขัณฑสกร เป็นสารให้ความหวานที่ให้รสหวานจัดและติดลิ้น และไม่ให้พลังงาน จึงใช้กันแพร่หลายในอาหารควบคุมน้ำหนัก ที่ให้พลังงานต่ำ รวมทั้งในน้ำอัดลมและน้ำหวานต่างๆ
ขัณฑสกร ถ้าใช้ในปริมาณจำกัดตามที่กฎหมายกำหนด และถูกวิธีก็จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย แต่หากใช้ในปริมาณมากๆ จะส่งผลเสียต่อร่างกาย เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน ปวดท้อง ซึมและชัก
สถาบันอาหารได้สุ่มเก็บตัวอย่างมะม่วงแช่อิ่ม จากย่านการค้าในเขตกรุงเทพฯ จำนวน 5 ตัวอย่าง เพื่อนำมาวิเคราะห์หาปริมาณแซ็กคาริน
ผลปรากฏว่าพบมะม่วงแช่อิ่ม 1 ตัวอย่าง ที่ใช้สารแซ็กคารินในการแช่อิ่ม
เพื่อความสบายท้อง ขอแนะว่าผู้ที่ชื่นชอบผลไม้แช่อิ่มควรทานแต่น้อย และทานอาหารให้หลากหลาย หากเป็นไปได้ควรทานผลไม้สดตามฤดูกาล เพราะจะได้รับประโยชน์จากความสดตามธรรมชาติไปแบบเต็มๆ.
**
Cr: //www.thairath.co.th/content/543900