► ►► ..เ ป็ ด ส ว ร ร ค์ ไ ห ล อิ น เ ชี ย ง ใ ห ม่ ตอน 6 " . . ◄ ◄ ◄
18 มกราคม 2554 เตวลงดอย
หลังจากที่เดินตามหลวงพี่รูปนั้นลงมาไม่ถึงห้าสิบเมตร เราก็เข้าโค้ง หลวงพี่เข้าโค้งไปก่อนหน้านิดเดียว แล้วแกก็ หายไป... หลวงพี่หายไปไหน? เราพยามเร่งฝีเท้าให้ทันแก แต่ก็ไม่เป็นผล หลวงพี่หายไป
. . .
อาจจะเป็นจังหวะที่เราแวะดูน้ำตกตรงนี้ มันชื่อ "น้ำตกห้วยรับเสด็จ" ซึ่งเราคาดว่า มันคงจะเป็นน้ำตกสายเดียวกันกับน้ำตกขยะธาราเมื่อครู่แน่ๆ มีชายคนหนึ่ง กำลังตกแต่งสวนหย่อมอยู่ตรงนั้น เราอยากแนะนำให้เขาไปตกแต่งน้ำตกขยะธาราข้างบนมั่งจัง
 . . .
เดินเลยน้ำตกเล็กๆนั่นมานิดนึง เราก็เจอหญิงผู้กล้าสามนาง คาดว่าเธอทั้งสาม จะเดินขึ้นมาจากตีนดอยเป็นแน่แท้ ท่าทางเหนื่อยหอบเชียว เราพยายามเก๊กหน้า ว่าฉันก็เดินขึ้นมาเหมือนพวกเธอ เนี่ยขาลงของฉัน เรายิ้มให้ เธอสามคนก็ยิ้มให้ เป็นรอยยิ้มที่มีความหมายว่า “ พวกเธอเจ๋งมาก ขอให้หุ่นดีนะ” เราแอบถ่ายพวกเธอ ติดมาสองนาง

. . .
เดินมาอีกนิด เจอขี้ช้าง เป้นขี้ที่อายุประมาณใหม่ๆอยู่เลย พยายามคิดในแง่ดี ว่าหลวงพี่รูปนั้น คงจะไม่ได้ถูกช้างคาบไปกินหรอกนะ? แต่ก้ไม่แน่ หน้าแล้งอยากนี้ อาหารช้างขาดแคลน มันอาจจะเปลี่ยนพฤติกรรมมากินคนแทนอ้อยกับกล้วย ช้างกับผ้าสีๆ ก็ไม่ค่อยถูกกันซะด้วย ดูอย่างที่สเปนสิ เมื่อก่อนก็มีประเพณีนักสู้ช้างพลาย หลังๆช้างชักหายาก เลยเปลี่ยนมาเป็นวัวกระทิงแทนนั่นไง
 . . . .
เดินชมนกชมไม้มาเรื่อยๆประมาณโลนึง ก็มีจุดชมวิวให้ชม เราก็แวะชม มีแผนที่อธิบายเป็นป้ายโลหะ ว่าจุดไหนคืออะไร เสียดาย ดูไม่รู้เรื่อง เพราะมีแต่หมอกหม่นๆ เต็มเมือง
 . . .
เดินมาได้สามกิโล นึกขึ้นได้ ว่าเราควรจะโทรฯบอกเว็มมี่ไว้ ว่าเรากำลังอยู่ที่ไหน เผื่อว่าโดนผีบังตา โดนผู้หญิงหน้าตาดีหุ่นอึ๋มๆหลอกไปทำมิดีมิร้าย หรือไม่ ก็อาจจะโดนช้างผู้หิวโหยคาบไปกินเป็นอาหารว่าง น้องจะได้มาตามถูกที่ เว็มมี่พยามเกลี้ยกล่มให้เราโบกรถกลางทาง แล้วนั่งรถลงมาซะ แต่ก็ไม่อาจสั่นคลอนความอาจหาญอันกล้าแกร่งของเราได้ น้องรับปากว่าจะมาค้นหาเราให้เจอ ถ้าไม่ไหว ก็โทรบอก สบายใจแล้ว ก็เดินต่อ
แต่โทรศัพท์บนนี้ คลื่นมีมั่งไม่มีมั่ง แนะนำให้รัฐบาลไทยปล่อยให้มีสามจีซักที ประชาชนผู้เดินลงดอยอย่างเรา จะได้อุ่นใจ . . .
เดินมาเรื่อยๆเรียงๆ คนนั่งรถขึ้นดอยลงดอย พากันมองเราด้วยสายตาต่างๆกันไป คคงจะอิจฉา ที่เราเดินลงดอย ได้ค่อยๆละเมียดกับบรรยากาศบนดอย บรรยากาศที่กรุ๊ปทัวร์ให้ไม่ได้แน่นอน บางคนก็พยามจ้องมอง ว่าเราเป็นเพศไหนกันแน่? ผมยาวๆ มองไกลๆ คงจะเห็นหน้าหวานๆเหมือนแม่ของเรา บางคนคงคิดเลยเถิด ว่าถ้าเรามีน้องสาว เขาจะตามไปจีบล่ะมั้ง
เราเคยพยามจะไว้หนวด แต่ก็ดันเกิดมากำพร้าหนวด
เจอป้ายบอกทางป้ายนี้
 คิดอยู่ว่า มันน่าจะติดผิดทางนะ? หรือว่า ทางเล็กๆเส้นนั้น เป็นทางอีกเส้นที่ไปดอยได้ด้วย? . . . .
ป้ายข้างหลังเราเขียนว่า ห้วยแก้ว 6 กิโลเมตร ใส่เสื้อมาสองตัว เพราะคิดว่าบนดอยคงจะหนาวแน่ๆ ตอนนี้เริ่มร้อนแล้ว
ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมชอบทำหน้าแบบนี้เวลาถ่ายรูป? เป็นมาตั้งแต่สมัยประถม รูปถ่ายตอนจบปอหก ก็ทำหน้าแบบนี้

. . .
เดินไป ถ่ายข้างทางไป พอถึงกิโลเมตรที่ห้า ครึ่งทาง ก็จะมีศาลาให้เราชมวิว มีของกินขายด้วย เป็นจุดชมวิวที่สวยดี ตอนกลงคืน มองขึ้นมาจากตีนดอยจะเห็นแสงแฟลชกล้อง จากบนนี้ เราแวะถ่ายรูป และมองหาที่พักตัวเอง จนคิดว่าเจอแล้ว มันต้องเป็นตรงนี้แน่ๆ
 มีวัยรุ่นสองคน เล่นกีต้าร์เปิดหมวกอยู่ที่ศาลา ท่าทางสนุกสนาน รู้สึกว่าพวกเขาเท่ห์มาก นี่แหละ รสชาติของชีวิต
. . .
มีศาลเพียงตาข้างทางด้วย บอกให้รู้ว่า ตรงนี้ เคยมีอะไรลึกลับๆสยองขวัญซักอย่าง ใครซักคน หรือหลายคน อาจจะเอาชีวิตตัวเองมาทิ้งไว้ ตรงช่องเขาข้างทาง ข้างล่างนั่น ไม่รู้ทำไม บรรยากาศตรงนั้น ดูอึมครึมขึ้นมาทันทีที่เห็นว่ามีศาลเพียงตา
เราพยายามส่งกระแสจิตจากประสาทสัมผัสที่หกอันน้อยนิดของตัวเอง บอกว่าเรามาดี และเราก็ชอบน้ำแดงเหมือนกันกับท่านนะ

. . .
ลองมองกลับหลัง ว่ายอดดอยอยู่ตรงไหน? มองเห็นอยู่ตรงนู้นนนนนน ร้อน ขอเปลี่ยนสีเสื้อก่อนล่ะ
พยายามเก๊กหน้าแบบใหม่ จำท่าทางการเชิดคางมาจากคุณฉัตร ณ ปลายฉัตร เรายกให้เธอ เป็นผู้หญิงที่เชิดคางได้สวยที่สุดในสยามประเทศ ส่วนเป็ด ขอตำแหน่ง เชิดคางแล้วเห็นลูกกระเดือกน้อยที่สุด บนดอยสุเทพ
 . . .
เริ่มตกเย็น หลังจากที่เห็นฝรั่งบิดมอเตอร์ไซค์ขึ้นดอยลงดอยตลอดทาง ก็เริ่มเห็นคนเชียงใหม่ ปั่นจักรยานขึ้นดอยกันแล้ว คงเพิ่งจะเลิกงานกันสินะ ช่างน่าอิจฉา เลิกงานแล้วมาเติมพลังบนดอย อยากแบ่งดอยซักครึ่งดอย ไปวางไว้ที่กรุงเทพฯ
นักปั่นแทบทุกคน จะยิ้มให้เรา บ้างก็ทักทายด้วยคำว่า สวัสดี ทักกันแบบคนเผ่าเดียวกัน คอเดียวกัน ชอบธรรมชาติเหมือนกัน บางคนหลบตา คงนึกว่าเราเป็นกระเทยดอย เลยเขินอายไม่กล้าสบตา
คนเชียงใหม่ใจดีที่เขาว่ากัน เราว่า ไม่เกินจริงซักนิด รู้สึกดีชะมัด . . . .

ให้ดูภาพทางคดเคี้ยวและยอดดอยอีกซักภาพ เป็ดสวรรค์ถ่ายรูปไม่สวย ต้องบอกไว้ก่อน ยังหาความสามารถในการถ่ายภาพของตัวเอง ไม่เจอ . . .
ถ่ายรูปกับป้ายบอกทางอีกซักภาพ ก่อนจะถึงป้าย รู้สึกจะมีหน้าผา ชื่อผาลาด เดินลงไป เจอเด็กวัยรุ่นกลุ่มนึง กำลังมั่วสุมเล่นน้ำกันอยู่ รู้สึกว่าตัวเองเป็นสิ่งแปลกปลอมที่แต่งตัวเขียวๆ เลยออกมา
 . . . .
แล้วก็มาถึง วังบัวบาน
 เป็นจุดชมวิวอีกจุด ที่วิวสวยกำลังดี แวะชักภาพตามระเบียบ เห็นอ่างแก้วในมช.อยู่ตรงนู้น คาดว่าจะไหลลงไปจากน้ำตกห้วยแก้ว ที่เราเพิ่งผ่านมาเมื่อครู่ ถ้ามีเวลาอีกวัน คงได้ไปน้ำตก เรากะว่าจะเดินเข้าไป แต่ระยะทาง 20 กิโลเมตร ก็เตือนสติเรา ว่าให้คิดให้ดีนะ ไอ้หนุ่มผมยาว
 ที่วังบัวบาน เป็นเส้นทางเดินป่าด้วย เดินไปได้ถึงวัดตรงเชิงดอยเลย เราอยากเดิน แต่มันค่ำแล้ว เอาไว้คราวหน้า
มีป้ายบอกประวัติความเป็นมาของวังบัวบาน เราขอแนะนำ ให้เขียนเป็นภาษาอังกฤษด้วยหน่อยก็จะดี สงสารฝรั่งกลุ่มข้างล่างนั่น เผื่อจะมีคนกลัวผี
มีสาวเชียงใหม่กำลังพรอดรักกับหนุ่มด้วย หวังว่า คงไม่ใช่หนุ่มกรุงเทพแบบในตำนานนะ เป็ดเกรงประวัติศาสตร์จะซ้ำรอยเข้าให้
แต่คิดในแง่ดี เธออาจจะกำลังเจรจาซื้อขายยาบ้าอยู่ก็ได้ ดี จะได้ไม่ต้องอกหักรักคุด
 . . .
ในที่สุด ขาหนึ่งคู่ของเรา ก็พาลงมาถึงตีนดอย แวะไหว้รูปปั้นเหมือนครูบา
 เดินผ่านสวนสัตว์เชียงใหม่ ที่อยู่ถัดจากตรงนั้นมานิดนึง ได้กลิ่นแพนด้าโชยมาตามลม
จากนั้น ก็เดินโด่ยๆเข้าไปในมช. เดินเข้าไป เจอความสดใสของชีวิตนักศึกษา ดูเด็กหอ ดูดอกไม้ มีดอกไม้เต็มไปหมด เพราะวันที่ 24 นี้ จะมีงานรับปริญญาของน้องๆ
โดนหมาไล่เห่า เราไม่แปลกใจซักนิด ถ้าเราเป็นหมา เราก็จะเห่าไอ้เสื้อเขียวคนนี้
มันเห่าพร้อมกันสองตัว คงจะกำลังเรียกพวกมาดู ว่า “ เฮ่ยๆ มาดูไอ้เขียวขนยาวนี่สิ”
หมาเชียงใหม่ จะมีอยู่ชนิดนึง ไม่เคยเห็นทั่วไป คงเป็นพันธุ์เฉพาะถิ่น ขนสีนำตาลแดงเข้มๆ เหมือนสีทองแดง เสียดาย ไม่ได้ถ่ายรูปมา
. . . .
เดินหลงอยู่ในมช.
ความจริงก็ไม่ได้หลง แค่งงๆ ว่าทำไมมันกว้างอย่างนี้ เดินจนขาลาก หกโมงเย็นพอดี มีเสียงเพลงชาติบรรเลง เป็ดสวรรค์ยืนรักชาติ แบบขาสั่นๆ

แวะกินข้าวหมกไก่ ตรงถนนคนกิน หลังมช. กินด้วยความหิวโหย น้ำต้มซุปเพิ่งตามมา หลังจากกินไปค่อนจาน
จะเรียกอย่างนั้น ก็ไม่เชิง มันควรจะเรียกว่า “น้ำต้มฟักกลิ่นไก่” มากกว่า ขนาดหิวๆ ยังไม่อร่อย แสดงว่าวิกฤต
หมาตัวนึงเดินมาทำตาหวานให้อยู่ข้างๆโต๊ะ เราให้กระดูกไก่มันหนึ่งชิ้น มันไม่กิน
เพิ่งรู้ว่าหมาเชียงใหม่ ไม่กินไก่
กินเสร็จ แม่ค้าถามว่าอร่อยไหม? เราบอกว่าอร่อย ตามมารยาท เรากำลังตอแหล ใช่แล้ว ผิดศีลข้อสี่ด้วย
ซื้อขนมอะไรซักอย่าง เหมือนขนมโตเกียว แต่เป็นแท่งๆเหมือนป่อเปี๊ยะ มีหลายไส้ อร่อยดี สี่อันยี่สิบ เราเลือกไส้วานิลลากับไส้ใบเตย . . . .
พรุ่งนี้มีนัดกับเฮียก๋า แห่งเชียงใหม่ จะไปถึงเรือนเยือนถึงถิ่น หลังจากพี่แกเพิ่งกลับจากเมืองกรุง . . .
โปรดติดตามตอนต่อไป
ลงนาม เป็ดสวรรค์ เขียนยาวๆ สาวได้สาวเอา

ใครก็ไม่รู้ มาขึ้นป้ายสดุดีไว้เรียบร้อยแล้ว

         

Create Date : 29 มกราคม 2554 |
|
30 comments |
Last Update : 30 มกราคม 2554 0:22:46 น. |
Counter : 2182 Pageviews. |
|
 |
|
..........................
กลบทกลบกลืนกลอน
แนวหลวงธรรมาภิมณฑ์ (ถึก จิตรกถึก)
สัมผัสความเงียบเงาร้อยเงาเงียบ
สัมผัสเปรียบท่องเดี่ยวเดินเดี่ยวท่อง
สัมผัสฝันจองจับคิดจับจอง
สัมผัสปองกุมรักหวังรักกุม
ระเบียงใจเหลือที่ให้ที่เหลือ
ระเบียงเอื้อกลุ้มห่างพาห่างกลุ้ม
ระเบียงรักชุมชื่นสร้างชื่นชุม
ระเบียงคลุมคอยเคลิ้มด้วยเคลิ้มคอย
ประหวัดถึงหนึ่งรักเล่ารักหนึ่ง
ประหวัดซึ้งถ้อยด่ำดื่มด่ำถ้อย
ประหวัดจินต์พลอยเพลินท่ามเพลินพลอย
ประหวัดลอยตามซึ้งละเมอซึ้งตาม
รัญจวนจำกลิ่นหอมรู้หอมกลิ่น
รัญจวนถวิลถามแผ่วใจแผ่วถาม
รัญจวนพริ้งยามรักเขียนรักยาม
รัญจวนความเมียงหมายเริ่มหมายเมียง
รักท่ามรักสองเราหวานเราสอง
รักท่ามครองเสียงสุขกู่สุขเสียง
รักท่ามลมเคียงไล้ถนอมไล้เคียง
รักท่ามเกี่ยงไกลห่างลืมห่างไกล
ร่องรอยแห่งหวิวไหวเสริมไหวหวิว
ร่องรอยริ้วใหม่ปลื้มเหลิงปลื้มใหม่
ร่องรอยกาลไร้กลัวลืมกลัวไร้
ร่องรอยไปงัน,เงียบรู้เงียบงัน
บันทึกเหลืองียบสุขเยี่ยงสุขเงียบ
บันทึกเลียบฝันเรื้อไร้เรื้อฝัน
บันทึกบอกรั้นรอยเคลื่อนรอยรั้น
บันทึกวันเคย,คุ้นคลายคุ้นเคย
หลับฝันดีค่ะ