► ►► ..เ ป็ ด ส ว ร ร ค์ ไ ห ล อิ น เ ชี ย ง ใ ห ม่ ตอน 5 " . . ◄ ◄ ◄
18 มกราคม 2554 เป็ดดอย
นั่งรถขึ้นดอย คำแนะนำ : ใครไม่ชอบดมไอเสียรถยนต์ ควรเตรียมผ้าปิดจมูกไปด้วยนะครับ คำเตือน : ไม่ควรปิดจมูกซะแน่น จนตัวเองหายใจไม่ออก ไม่งั้นอาจจะเท่งทึงได้
ความจริง กะว่าจะเดินขึ้นดอย แต่ดูจากระยะทางกับความฟิตของสังขารตัวเองแล้ว คิดว่า พลังกระเพรากับผัดเปรี้ยวหวานแบบเชียงใหม่ คงจะไม่พอ อีกทั้งแดดยามเที่ยงของดอยสุเทพ ก็อาจจะทำให้เราหน้าดำกว่าลุงเทพเทือกแน่ๆ
ตาลุงขับซิ่งพอสมควร รู้สึกเหมือนกำลังขี่ม้าพยศ เหวี่ยงไปเหวี่ยงมาอยู่ในรถ อาจจะเป็นเพราะถนนมันโค้งด้วยล่ะมั้ง?
ยิ่งสูงขึ้นไปบนดอย อากาศยิ่งเริ่มเย็น เป็ดสวรรค์ดีใจ เหมือนปลากระดี่ได้น้ำตราสิงห์ วิวข้างทางเริ่มเปลี่ยนไป เห็นตัวเมืองเชียงใหม่อยู่ข้างล่าง
รู้สึกตื่นตาตื่นใจกับต้นไม้ขนาดใหญ่ ต้นไม้ใหญ่ที่แทบไม่มีให้เห็นในกรุงเทพฯ เพราะโดนตัดทิ้งไปทุกวัน น่าอิจฉาคนเชียงใหม่ แค่เดินขึ้นมาบนนี้ ก็รู้สึกมีพลังไปอีกหลายวันแล้ว การมีธรรมชาติอยู่ใกล้ๆแบบนี้ มันทำให้ชีวิตเมือง ไม่หยาบกระด้างจนเกินไป ไม่ไร้วิญญาณเหมือนมหานคร . . .

รถวิ่งถึงยอดดอย ทางขึ้นพระธาตุ มีบันไดกับลิฟต์ให้เลือกขึ้น มีของขายมากมายที่เชิงบันได ที่แปลกไปจากเมื่อสิบปีก่อน ที่เรามาครั้งแรก เห็นจะเป็นเจ้าตุ๊กตาหมีแพนด้าลายขาวดำ ที่กำลังฮอตฮิตอยู่ตอนนี้ละมัง
เดินขึ้นบันได เดินขึ้นไปจนถึงข้างบน เห็นพระธาตุสีทองเหลืองๆอยู่ภายในระเบียงคต แต่ก่อนจะขึ้นไปบนนั้น ต้องถอดรองเท้าก่อน บางคนถอดไว้เชิงบันได บางคนก็ถอดไว้ในล็อคเกอร์ มีล็อคเกอร์แบบนี้ไว้ให้ใส่รองเท้า สำหรับคนที่กลัวหาย
 มีกุญแจล็อคให้ด้วย แต่เหลืออยู่ไม่กี่ตู้ที่ยังมีกุญแจ รองเท้าเป็ด ราคาเก้าพัน แต่ก็ถือหลักว่า ที่ที่อันตรายที่สุด คือที่ ที่ปลอดภัยที่สุด ถอดไว้ข้างนอกนี่แหละ สรรพสิ่งมีเกิดย่อมมีดับ หากมันเป็นกรรม ที่เราจะต้องเดินเท้าเปล่าไปทั่วดอย ก็ให้มันเป็นไป . . .
รองเอ๋ย รองเท้า หนาวไหม ของใคร บ้างหนา น่าขัน ถอดกอง กลาดเกลื่อน เกยกัน กลิ่นใคร กลิ่นมัน จำไป
ใครกลัว มันหาย ไปนู่น ซ่อนไว้ ล็อคเกอร์ มั่นหมาย เก็บเอา กุญแจ แล้วไป อย่าทำ มันหาย แล้วกัน
เป็ดน้อย ถอดเกือก ล่อฟ้า ท้าลม นั่นแหละ ของฉัน เท้าเปล่า เที่ยวไป กลางวัน ถ้าหาย คงคัน น่าดู
ว่าแล้วก็เดินไปบนลานพระธาตุ ( ยังอ่านเป็นกลอนอยู่ล่ะสิ ) ก่อนขึ้น ต้องซื้อดอกไม้ธูปเทียนไปไหว้พระบรมสารีริกธาตุบนนั้น ราคา 20 บาท ความจริงข้างล่างก็มีขาย โดยมีการโฆษณาว่า ข้างบนนี้ เป็นของที่ใช้แล้ว ข้างล่างของเขา เก็บมาใหม่ๆ คงจะให้คนเข้าใจว่า ของใช้แล้วนำไปไหว้ ทำให้ได้บุญน้อยสินะ
แต่เราว่า ของใช้แล้ว นำกลับไม่ใช้ใหม่ เป็นการรีไซเคิล ได้บุญสองต่ออีกต่างหาก แต่เราก็ซื้อไปสองชุด เผื่อแม่ค้าข้างล่างพูดจริงขึ้นมา เกิดของเก่า ทำให้ได้บุญน้อย คงไม่ดี ซื้อสองชุด ก็คูณสอง ได้บุญเท่าเดิมตามหลักคณิตศาสตร์ . . .
ขึ้นไปถึง พระธาตุสวยงาม ก้มลงกราบพระสามที หลังจากชั่งใจ ว่าจะกราบหกทีดีไหม? เพราะมีดอกไม้ สองชุด ระหว่างที่กราบครั้งที่สามอยู่ ก็ได้ยินเสียงกรอบแกรบตรงแท่นพระ เงยหน้าขึ้นมาดู ปรากฎว่าเป็นตาลุงคนนึง แกมาเก็บธูปเทียนที่คนมาจุดไหว้พระซึ่งเต็มกระถางแล้ว ออกไป เราเลยได้กราบทั้งพระ กราบทั้งตาลุงไปด้วย
ข้างๆที่ปักธูปเทียน มีหินสำหรับเอาเหรียญไปแปะ คงประมาณว่า ใครอธิษฐานอะไรไปเมื่อครู่ อยากรู้ว่าจะสำเร็จไหม ให้มาแปะเหรียญ ถ้าแปะแล้วเหรียญไม่ร่วง ก็แสดงว่าคำขอนั้น จะสำเร็จว่างั้นเถอะ มนุษย์นี่ ช่างเป็นสัตว์ที่อยากรู้อยากเห็นแถมใจร้อนด้วยนะ
 กราบพระและตาลุงเสร็จ เดินดูรอบพระธาตุ มีการรับจ้างถ่ายรูปกับพระธาตุแบบทันใจด้วย ถ่ายเสร็จ รอรับได้เลย ไม่พอใจ ถ่ายใหม่ได้ คิดร้อยนึง หรือร้อยห้าสิบ ไม่แน่ใจ? มีหลายเจ้าด้วย เราถ่ายภาพพระธาตุ ติดสองคนนี่มาพอดี
 . . . .
ลงมาชมวิว จุดชมวิวยอดฮิตของดอย ปรากฎว่าวันนี้ มีหมอกควันเต็มไปหมด มองแทบไม่เห็นอะไรเลย พยายามมองหาที่พักของตัวเอง จำได้ว่าอยู่แถวๆสนามบินเชียงใหม่ อยู่หลังมช. ก็ไม่เจอ
แต่ตอนนี้ไม่สำคัญเท่ากับว่า เมื่อสิบปีก่อนที่เรามา จำได้ว่า สนามบินมันไม่ได้อยู่ทางขวามือนี่นา มันอยู่ตรงกลาง เยื้องมาทางซ้ายนิดๆ เดี๋ยวต้องไปค้นภาพที่ถ่ายไว้ตอนนั้นมาดู ใครมาแอบย้ายสนามบินโดยที่ชาวเชียงใหม่ไม่รู้ตัวกันนะ?
 . . . .
เดินจนทั่ว ก็ไปเจอป้ายตลกๆ เป็นป้ายห้ามลูบฆ้อง แต่ให้ตีได้ แบบนี้
 เราพยายามจินตนาการ ว่าคนคิดป้าย กำลังคิดอะไรอยู่?
ก. ตุ่มของฆ้อง มันนูนๆคล้ายเต้านม การเอามือไปลูบ ผู้ลูบอาจจะกำลังคิดอกกุศลกับ” ตุ่มฆ้อง”อยู่ก็ได้ ยิ่งถ้าลูบถูกจังหวะ มันจะเกิดเสียงดังจากการสั่นสะเทือนอันเกิดจากแรงเสียดทาน ผู้ลูบอาจจะคิดไปอีกว่าฆ้องชอบอีกต่างหาก
ข.ตุ่มฆ้องมันโล้นๆคล้ายหัวพระ การเอามือไปลูบ จึงถือเป็นการลบหลู่ (แต่การตีหัวพระ ก็บาปอยู่ดีแหละ)
ค.บนตุ่มฆ้อง มีการฉาบสารสำหรับกระจายคลื่นเสียงแห่งที่เป็นมงคลเอาไว้ การเอามือไปลูบ อาจจะทำให้สารนั้นติดมือ เสียงฆ้องจะกระจายตัวไม่สม่ำเสมอ
ง.ความจริงป้ายเดิมเขียนว่า “ห้ามจูบฆ้อง” เพราะมีแขกอินเดียชอบมาจูบฆ้อง แสดงความรักความศรัทธาประจำ แต่ป้ายเดิมหลุดหาย ภายหลังเพี้ยนมาเป็น “ห้ามลูบฆ้อง”
ส่วนตัว คิดว่าเป็น ข้อ ก.ไก่ . . . .
เดินลงมาจากวัด เจอแมวตัวนึง กำลังจ้องจะกัดนกพิราบ มันจู่โจมหลายที แต่ก็ไม่เคยทัน ท่าทางมันสนุก นกก็ด้วย เห็นมันบินลงมาเดินล่ออยู่ที่เดิม มันอาจจะกำลังหาความตื่นเต้นท้าทายให้กับชีวิตนกของมันอยู่
 . . .
เดินวนเวียนอยู่แถวนั้นซักพัก เพื่อตัดสินใจบางอย่าง การตัดสินใจนั้นก็คือ เราจะนั่งรถลงไปแบบสบายๆ หรือจะเดินลงไปแบบชิลชิลดี?
นั่งรถ: เดี๋ยวเดียวถึง เหม็นควันรถ
เดินลง: ถึงตอนห้าโมง ขณะนี้บ่ายสอง แต่ได้แวะจุดที่อยากแวะ ได้ซึมซับบรรยากาศ อาจจะได้เจออะไรที่อยากเจอ ได้เรื่องมาเขียนบล็อก แต่คงเหนื่อยหน่อย สำหรับมนุษย์เมืองที่วันๆนั่งอยู่แต่ในห้องแอร์ เพราะระยะทางจากยอดดอยถึงที่พักประมาณ 15 กิโลเป็นอย่างต่ำ
คิดไปคิดมา ไหนๆ ก็ไม่ได้เดินขึ้น เดินลง น่าจะง่ายกว่าเดินขึ้น เห็นหลวงพี่รูปนึง เดินดุ่มๆนำหน้าไป คาดว่า แกคงจะเดินลงเหมือนกัน แถมมองกลับหลังมา เหมือนจะหาพวกไปด้วย เลยตัดสินใจเดินลงก็เดินลง
 . . . .
ก่อนเดินลง เราได้เห็น ว่าทางขึ้นวัดตรงนี้ มีน้ำตกด้วยนะ เราขอตั้งชื่อว่า “น้ำตกขยะธารา” เพราะข้างล่าง เต็มไปด้วยขยะ เป็นที่น่าเสียดายยิ่ง ทำดีๆหน่อย เป็นแหล่งท่องเที่ยวได้สบายๆ
 . . . .
ลงนาม เป็ดสวรรค์
โปรดติดตามตอนต่อไป

ช่างมาซ่อมให้วันเสาร์ครับ จะไปเยี่ยมถึงเรือนเชียว
         
Create Date : 27 มกราคม 2554 |
|
34 comments |
Last Update : 27 มกราคม 2554 1:25:52 น. |
Counter : 2261 Pageviews. |
|
 |
|
นั่งรถขึ้นดอย ได้อารมณ์เหวี่ยงมากเลย อิอิ
แต่ควันดำเยอะไปก็ไม่ไหวค่ะ
เรื่องฆ้อง ตัวใครตัวมัน อิอิอิ คนเขียนคิดลึกรึป่าว 555
ขอให้เน็ตใช้งานได้เร็วๆ นะคะ