The Wayward Cloud เมฆจ๋า...ฉันว้าเหว่ใจ
The Wayward Cloud เมฆจ๋า...ฉันว้าเหว่ใจพล พะยาบ คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 13, 20 พฤศจิกายน 2548 (1) หยิบยืมท่อนหนึ่งของเนื้อเพลง บ้านเรา ประพันธ์คำร้องโดย ชาลี อินทรวิจิตร มารับกับชื่อหนัง The Wayward Cloud เพราะเห็นว่าเข้ากันและสอดคล้องกับเนื้อหาของหนัง ว่าด้วยอารมณ์ล่องลอยไร้หลัก และการโหยหาความรัก... The Wayward Cloud เป็นผลงานลำดับล่าสุดของ ไฉ้หมิงเลี่ยง ผู้กำกับฯชาวไต้หวันรุ่นถัดจาก โหวเสี่ยวเสียน(Café Lumiere) และ เอ็ดเวิร์ด หยาง(Yi Yi) แต่ไฉ้หมิงเลี่ยงดูจะยืนอยู่ล้ำหน้ากว่ารุ่นพี่เล็กน้อยในระดับนานาชาติ ทั้งด้วยรางวัลและการยกย่องยอมรับ จากผลงานเพียง 6 เรื่อง ได้แก่ Rebels of the Neon God(1992) Vive L'Amour(1994) The River(1997) The Hole(1998) What Time Is It There?(2001) และ Goodbye, Dragon Inn(2003) ไฉ้หมิงเลี่ยงเป็นคนจีนที่เกิดและเติบโตในมาเลเซีย ก่อนจะย้ายมาไต้หวันเมื่ออายุ 20 ปี ความเป็นคน 2 ถิ่นฐานทำให้เขารู้สึกเสมอว่าตนเองไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทั้งแผ่นดินมาเลเซียและไต้หวัน รวมทั้งสถานที่อื่นใดในโลก นอกจากนี้ การที่บ้านเก่าอย่างไต้หวันเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสน และอยู่ในสภาพไม่อาจระบุ สถานะ อย่างแท้จริง ยิ่งทำให้ความรู้สึกแปลกแยกเข้าไปฝังแน่นในทัศนคติของไฉ้หมิงเลี่ยงโดยไม่อาจเลี่ยงพ้น กระทั่งถูกถ่ายทอดลงในหนังของเขาทุกเรื่อง เช่นใน Vive L'Amour ตัวละครแอบเข้าไปอาศัยในบ้านว่าง, The Hole คน 2 คนในห้องพักที่มีน้ำซึมผ่านเพดานถึงกัน, What Time Is It There? ตัวละครตกอยู่ในสภาพแปลกที่แปลกถิ่นในปารีส เหล่านี้คือฉากที่มีชีวิต มีเรื่องราว มีความหมาย ในหนังของไฉ้หมิงเลี่ยง นอกจากแก่นสารเกี่ยวกับความแปลกแยกในถิ่นที่อยู่แล้ว แก่นสารอีกประการหนึ่งที่สามารถพบได้ในหนังของไฉ้หมิงเลี่ยงคือ ความสัมพันธ์และระยะห่างระหว่างผู้คน ซึ่งไม่อาจระบุได้แน่ชัดว่าเท่าไรจึงจะเหมาะสม จนแปรเป็นความเหงาเข้าครอบงำจิตใจตัวละคร รวมทั้งซึมซาบสู่ความรู้สึกผู้ชมซึ่งสัมผัสได้โดยตรงด้วยภาษาหนังสไตล์ไฉ้หมิงเลี่ยง นั่นคือเงียบด้วยบทสนทนาเพียงน้อยนิด นิ่งโดยการแช่กล้องทิ้งไว้แบบลองเทค ไร้ความหวือหวา จนกลายเป็นการเล่าเรื่องด้วยภาพที่ต้องใช้ความอดทนพอสมควรในการรับชม แต่หากผู้ชมปล่อยใจไปกับภาพตรงหน้าได้ ความเหงา คืออารมณ์แรกที่จะสัมผัสรับรู้ สำหรับ The Wayward Cloud หนังเรื่องล่าสุดของเขา แน่นอนว่ายังพร้อมด้วยคุณสมบัติประทับลายเซ็นของไฉ้หมิงเลี่ยงทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นอาการไร้หลักล่องลอย แปลกที่แปลกถิ่น ระยะห่างของความสัมพันธ์ กับความเหงาของตัวละคร ทั้งยังมีนักแสดงเจ้าประจำ รวมทั้งภาษาภาพที่คุ้นเคย อย่างไรก็ตาม ยังมีส่วนที่ต่างออกไปอย่างชัดเจนจนแฟนๆ ของไฉ้หมิงเลี่ยงต้องแปลกใจ นั่นคือสีสันของหนังที่ดูสดใส การถ่ายภาพ-ตัดต่อในมุมและช็อตที่หลากหลายมากขึ้น ที่สำคัญคือเป็นหนังเพลงแฟนตาซีสีสันฉูดฉาดราวกับคาบาเรต์โชว์ ทั้งยังอุดมไปด้วยฉากเปลือยเพราะมีเนื้อหาเกี่ยวกับกองถ่ายหนังโป๊ The Wayward Cloud มีเรื่องราวต่อเนื่องจาก What Time Is It There? นั่นคือ ตัวละครชาย-หญิง เสี่ยงกัง (หลี่คังเซิง) และ เชียงชวี่ (เฉินเชียงชวี่) ที่เคยพบกันเพียงผิวเผินในครั้งนั้น แต่ใจโหยหากันมาตลอด ได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในคราวนี้ ใน What Time Is It There? เสี่ยงกัง พ่อค้านาฬิกาแผงลอยที่เพิ่งสูญเสียพ่อ ขายนาฬิกาข้อมือเรือนหนึ่งให้แก่เชียงชวี่ซึ่งกำลังเดินทางไปฝรั่งเศส หลังจากนั้น เขาและเธอซึ่งตกอยู่ในอาการเหงาจับจิต ต่างรำลึกถึงกันโดยมีนาฬิกาข้อมือเรือนนั้นเป็นสะพานเชื่อมโยงความรู้สึก มาถึง The Wayward Cloud เชียงชวี่กลับมาไต้หวัน อยู่ตามลำพังอย่างเปลี่ยวเหงาในอพาร์ตเมนต์ร้างผู้คน ส่วนเสี่ยงกังก็ไม่ได้ขายนาฬิกาแล้วแต่กลายเป็นนักแสดงหนังโป๊ ไต้หวันในวันนี้ขาดแคลนน้ำอย่างหนัก ถึงกับต้องรณรงค์กินแตงโมแทนน้ำ ไม่ต่างจากเชียงชวี่ที่อยู่ในห้วงอารมณ์แห้งแล้งห่อเหี่ยว เธอตัดสินใจจะไปจากที่นี่แต่กระเป๋าเดินทางเจ้ากรรมกลับเปิดไม่ได้ แต่แล้วเธอก็ได้พบเสี่ยงกัง ชายขายนาฬิกาที่เธอนึกถึงมาตลอด คำถามแรกที่เชียงชวี่ถามเสี่ยงกังคือเขายังขายนาฬิกาอยู่หรือเปล่า เสี่ยงกังส่ายหน้าแทนคำตอบ เขาปิดบังเธอเรื่องอาชีพเล่นหนังโป๊ ทั้งยังไม่บอกเชียงชวี่เรื่องกองถ่ายหนังที่อยู่ในตึกเดียวกับห้องพักของเธอ การพบกันทำให้คนเหงา 2 คนมีชีวิตชีวาขึ้นมา ถึงกระนั้น ในห้องพักที่มีชาย-หญิงอยู่ตามลำพัง คนหนึ่งเป็นนักแสดงหนังโป๊ อีกคนห่อเหี่ยวขาดรักมาเนิ่นนานและมีท่าทีเรียกร้องต้องการ แต่บทรักของเขาและเธอกลับไม่บรรเลงเสียที นั่นอาจเพราะเสี่ยงกังไม่อาจมอบร่างกายที่ใช้กับนักแสดงร่วมนับไม่ถ้วนครั้ง...ให้กับหญิงคนพิเศษ ไต้หวันกับชายหนุ่ม-หญิงสาวในเวลานี้จึงตกอยู่ในวิกฤตขาดแคลนน้ำหล่อเลี้ยงไม่ต่างกันเฝ้อรอคอยเมฆฝนที่เถลไถลไปจากฟ้าให้ย้อนคืนมา (2) ความต่อเนื่องที่แตกต่างระหว่าง What Time Is It There?(2001) กับเรื่องราวบทต่อมาใน The Wayward Cloud คืออาการยึดมั่นกับอะไรบางอย่างของตัวละครที่ย้อนทวนเปลี่ยนทิศทาง ใน What Time Is It There? เสี่ยงกังสูญเสียพ่อ เขาตกอยู่ในสภาพหลงคว้างไร้สิ่งยึดเหนี่ยว อาศัยอยู่กับแม่ที่เอาแต่หมกมุ่นครุ่นคิดว่าพ่อจะกลับมา การได้พบและขายนาฬิกาข้อมือของตนเองให้แก่เชียงชวี่ ก่อนที่เธอจะเดินทางไปปารีส ประเทศฝรั่งเศส ทำให้ เวลา ในไต้หวันสำหรับเสี่ยงกังหมดลง เขาปรับเปลี่ยนเวลานาฬิกาทุกเรือนให้เป็นเวลาปารีส หันเหความสนใจทั้งหมดของตนเองไปที่นั่นโดยหาวิดีโอหนังฝรั่งเศสมาดู ซึ่งเรื่องที่เขาซื้อหามาได้คือเรื่อง The 400 Blows ของ ฟรังซัวส์ ทรุฟโฟต์ ผู้กำกับฯหัวก้าวหน้า หัวหอกกลุ่มคลื่นลูกใหม่ของฝรั่งเศส(French New Wave) ช่วงปลายทศวรรษ 50-60 ขณะที่เชียงชวี่ซึ่งตกอยู่ในสภาพแปลกแยกในปารีส ได้พบกับ ฌอง-ปิแอร์ เลอด์ ในสุสาน เขาคือผู้แสดงเป็นเด็กชายอังตวนผู้แปลกแยกโดดเดี่ยว ผู้ปฏิเสธวิถีทางที่ถูกกำหนดไว้ แล้วเลือกใช้ชีวิตตามที่ตนเองต้องการ ในหนังเรื่อง The 400 Blows ความตาย และ ความเปลี่ยวเหงาแปลกแยก ที่เสี่ยงกังและเชียงชวี่เผชิญ จึงต่างมี วิถีแห่งการแสวงหา เข้ามาเยียวยา เป็นการเลือกทางออกของชาวไต้หวัน 2 คนโดยมองออกไปนอก ที่ทาง ของตนเอง ทั้งที่ช่วงเวลานั้นคือวาระเฉลิมฉลองครบ 50 ปี ของไต้หวัน ภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีเจียง ไค เช็ก(ปี 2000) แก่นสารดังกล่าวนอกจากจะแสดงการคารวะครูด้านภาพยนตร์ชาวฝรั่งเศสอย่างทรุฟโฟต์แล้ว ยังแสดงให้เห็นว่า ไฉ้หมิงเลี่ยงไม่ได้ผูกพันกับดินแดนไต้หวัน ตรงกันข้าม..เขารู้สึกแปลกแยกด้วยซ้ำ ด้วยเหตุที่เขาไม่ได้เกิดและเติบโตในไต้หวันนั่นเอง มาถึง The Wayward Cloud ไฉ้หมิงเลี่ยงปูพื้นเรื่องให้ไต้หวันตกอยู่ในสภาพวิกฤตขาดแคลนน้ำ ตัวละครที่เคยแปลกแยกเปลี่ยวเหงาแม้ว่ายังคงตกอยู่ในอาการเดิม แต่ทั้งสองเลิกเยียวยาตนเองด้วยวิธีเดิมไปแล้ว เชียงชวี่อยู่ตามลำพังในอพาร์ตเมนต์ แห้งแล้งห่อเหี่ยวอย่างหนัก เธอตัดสินใจหาทางออกให้ตนเองด้วยการหนีไปเหมือนที่เธอเคยทำ แต่กลับไม่สามารถเปิดกระเป๋าเดินทางได้ เชียงชวี่โมโห เขวี้ยงกุญแจห้องเก็บของออกไปนอกหน้าต่าง หล่นลงไปในไซต์งานก่อสร้างและถูกลาดยางมะตอยทับ กระนั้น ความโชคร้ายหรืออุปสรรคของการตัดสินใจครั้งนี้คือโชคดีที่ทำให้เชียงชวี่ได้พบเสี่ยงกัง เสี่ยงกังหากุญแจจนเจอ เขาแงะมันออกจากพื้นยางมะตอยแล้วหันหลังเดินผละไป ภาพมุมสูงที่ยังจับค้างไว้ที่พื้นแสดงให้เห็นน้ำผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วจากจุดที่กุญแจถูกแงะ ฉากถัดมาเป็นฉากร้องเพลงของเชียงชวี่กับคอรัสสาว 3 คน หน้าพิพิธภัณฑ์แห่งชาติ(National Palace Museum) คลอเคลียรูปปั้นชายวัยกลางคนยืนยิ้ม ภาพสุดท้ายของฉากนี้ กล้องซูมเข้าจับที่ใบหน้ารูปปั้น เห็นรอยยิ้มเด่นชัด จะลืมวันแรกที่เราพบกันได้อย่างไร... ฉันจะยอมเป็นทุกอย่างที่เธอต้องการ...รักนิรันตร์ครั้งนี้ ช่างเป็นรักที่ลืมไม่ลงจริงๆ เนื้อเพลงที่เข้ากับเนื้อหาของเรื่อง เกี่ยวกับความรักระหว่างเสี่ยงกังกับเชียวชวี่ ดูไม่ได้เข้ากันกับรูปปั้นชายวัยกลางคนนี้เลย แต่หากทราบว่ารูปปั้นดังกล่างคือเจียง ไค เช็ก อดีตท่านผู้นำของไต้หวัน เนื้อเพลงข้างต้นย่อมมีความหมายอีกแง่มุมหนึ่งทันที จากที่เคยให้ตัวละครเป็นตัวแทนแสดงออกถึงความแปลกแยกของเขาต่อไต้หวัน หันออกไปพึ่งพิงเบื้องนอก คราวนี้ไฉ้หมิงเลี่ยง ได้สะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติใหม่ที่เปลี่ยนแปลงไป นั่นคือ สุดท้าย...ไม่มีที่ไหนเปรียบเหมือนบ้าน และเขาเริ่มรู้สึกถึงความเป็นส่วนหนึ่งของไต้หวัน น้ำที่ผุดขึ้นมาจากพื้นโดยไม่มีที่มาที่ไปในช่วงเวลาที่ไต้หวันขาดแคลนน้ำอย่างหนัก หลังจากที่ตัวละครได้มาพบกัน จึงเป็นเช่นความหวังที่ไม่มีวันแห้งหาย...และชาวไต้หวันต้องร่วมมือร่วมใจกัน นี่อาจเป็นทัศนคติเกี่ยวกับสังคม-การเมืองเชิงกว้างที่จับต้องได้ชัดเจนครั้งแรก หลังจากที่ไฉ้หมิงเลี่ยง วนเวียนอยู่กับทัศนคติเชิงปัจเจกนิยม และภาพย่อยของความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนมาตลอด แม้จะเชื่อมโยงไปถึงบ้าง แต่ก็เพียงผาดแผ่วผิวเผินตามแต่การตีความของผู้ชม อย่างไรก็ตาม แม้จะขยับขยายเข้าไปแตะต้องประเด็นที่กว้างขึ้น แต่สารที่เราพบเห็นคุ้นชินในหนังของเขาก็ยังอยู่ครบถ้วน โดยเฉพาะเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน ความเหงา และเซ็กซ์ น้ำ-แตงโม-ความรัก-เซ็กซ์ คือสัญลักษณ์ที่สอดประสานกัน ภาพร่องรอยผืนดินแตกแยกในข่าวโทรทัศน์มองผ่านขาของเชียงชวี่จึงมองคล้ายอวัยวะของเพศหญิง เมื่อขาดแคลนความรักก็เหมือนขาดแคลนน้ำ การทดแทนด้วยสิ่งอื่นเช่นน้ำแตงโมย่อมไม่อาจชุบชูได้เต็มใจ ฉากที่เชี่ยงชวี่แอบดื่มน้ำจากขวดของเสี่ยงกังตอนได้มาพบกัน กับภาพสุดท้ายที่เชียงชวี่ดื่มน้ำจาก ขวดส่วนตัว ของเสี่ยงกังจึงมีความหมายเดียวกัน แต่ให้คุณค่าทางความรู้สึกต่างกันชุ่มชื่นฉ่ำเย็นโดยไม่ต้องเฝ้ารอเมฆฝนหลงฟ้าอีกต่อไป
Create Date : 11 มิถุนายน 2549
6 comments
Last Update : 14 ธันวาคม 2549 19:00:21 น.
Counter : 4666 Pageviews.
โดย: nanoguy (nanoguy ) 6 มกราคม 2550 0:28:50 น.
โดย: Raccimosa IP: 61.90.249.248 2 พฤษภาคม 2551 0:12:05 น.
โดย: SUYU IP: 125.24.28.205 22 มกราคม 2552 17:46:17 น.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................select movie / blog ....... --international-- ....... The Walking Dead I Wish I Knew 127 Hours The Expendables vs. Salt No puedo vivir sin ti Bright Star The World is Big and Salvation Lurks Around the Corner Sin Nombre Invictus Afghan Star Moon Gigante The Promotion An Education Up in the Air Snow (Snijeg) Liverpool Tahaan Lion's Den Tulpan Everlasting Moments Absurdistan Topsy-Turvy Ramchand Pakistani The Pope's Toilet Antonio's Secret พลเมืองจูหลิง Flashbacks of a Fool And When Did You Last See Your Father? The Boy in the Striped Pyjamas Gran Torino Departures Gomorra Abouna + Daratt Grace Is Gone The Road to San Diego Into the Wild Slumdog Millionaire The Silly Age The Year My Parents Went on Vacation It's Hard to Be Nice Ben X Caramel The Class Kings จาก Kolya ถึง Empties The Unknown Woman Dokuz Heima Cocalero The Blood of My Brother & Iraq in Fragments 12:08 East of Bucharest Rescue Dawn Mongol 6 : 30 Something Like Happiness To Each His Cinema The Counterfeiters ข้างหลังภาพ Lions for Lambs + Michael Clayton Father and Daughter Possible Lives กอด The Buried Forest รัก-ออกแบบไม่ได้ Lights in the Dusk The Piano Teacher Do You Remember Dolly Bell? Sisters in Law Al Otro Lado A Time for Drunken Horses Zelary Bug The Invasion The Science of Sleep Paris, I love you Still Life The Lives of Others Heading South Renaissance ABC Africa The Death of Mr. Lazarescu Maria Full of Grace The Last Communist Eli, Eli, lema sabachthani? 4 : 30 Late August, Early September The Circle The Cave of the Yellow Dog Italian for Beginners Love/Juice Your Name is Justine The Syrian Bride Dragon Head Reconstruction Eros The Scarlet Letter The Night of Truth Familia Rodante Bonjour Monsieur Shlomi Lantana Flanders Tokyo . Sora The World Whisky Buffalo Boy S21 : The Khmer Rouge Killing Machine Fire, Earth, Water C.R.A.Z.Y. All about My Mother Jasmine Women Battle in Heaven The Day I Became a Woman Man on the Train CSI : Grave Danger Innocence Life Is a Miracle Drugstore Girl Der Untergang The Bow Happily Ever After The Wayward Cloud The House of Sand Or, My Treasure Janji Joni Moolaade Vodka Lemon Angel on the Right Twentynine Palms The Taste of Tea ....... --independent-- ....... Goodbye Solo The Hurt Locker (500) Days of Summer Towelhead Kabluey Three Burials of Melquiades Estrada Titus Chuck & Buck The Woodsman Pollock Last Days The Limey Inside Deep Throat Coffee and Cigarettes Garden State My Name is Joe Sexy Beast Real Women Have Curves The Brown Bunny Before Sunset Elephant Bubble You Can Count on Me 9 Songs ....... --classic-- ....... Memories of Underdevelopment (1968) The Last Laugh The Snows of Kilimanjaro The Cabinet of Dr.Caligari Nanook of the North The Apu Trilogy ....... --หนังมีไว้ให้คิด-- ....... The Schoolgirl's Diary Long Road to Heaven The Imam and the Pastor Maquilapolis ....... --what a film!-- ....... Kabuliwala (1956) Macunaima (1969) Kozijat rog (1972) The Girl and the Echo (1964) Fruits of Passion (1981) Happy Gypsies (1967) ....... --introducing-- ....... Death Race 2000 (1975) ซอมบี้ปากีฯ+ผีดิบมาเลย์+ซูเปอร์แมนตุรกี Zinda Muoi Father and Daughter ....... --directed by-- ....... Ouran (1968) Pierwsza milosc (1974) Salome (1978) 4 หนังสั้น เคียรอสตามี recommended ....... - 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับภาพยนตร์ - เทมาเส็ก พิคเจอร์ส - Heading South - Still Life - The Apu Trilogy - The Day I Became a Woman - จาก Fire, Earth สู่ Water พญาอินทรี ศราทร @ wordpress
1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30
แต่เพลงประกอบเป็นสิ่งที่ชอบจริงๆ โดยเฉพาะเพลงที่ร้องอยู่ที่อนุสาวรีย์เจียง ไค เช็ก