Janji Joni อินโดนีเซีย พาราดิโซ่
Janji Joni อินโดนีเซีย พาราดิโซ่พล พะยาบ คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 26 มีนาคม 2549 หนังที่มีเนื้อหาเกี่ยวข้องกับหนังมีมาให้เราดูเสมอ เมื่อต้นปีผู้กำกับฯอย่างอังเคิลก็เพิ่งล้อเลียนตนเองกับอุตสาหกรรมหนังไทยใน วาไรตี้ผีฉลุย แม้จะไม่เต็มปากเต็มคำนักก็ตาม ดูที่ฝั่งอเมริกา หนังเกี่ยวกับหนังที่น่าจดจำพูดถึงมีไม่มากเท่าไรนัก ในจำนวนน้อยนี้ล้วนแต่เป็นผลงานของผู้กำกับฯที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง มีศักยภาพและอิทธิพลในงานของตนเอง เช่น The Player(1992) ของ โรเบิร์ต อัลต์แมน หรือ Full Frontal(2002) ของ สตีเวน โซเดอร์เบิร์ก นอกเหนือจากนั้นมักจะเป็นงานอินดี้ของคนทำหนังหน้าใหม่ เช่น Living in Oblivion(1995) ของ ทอม ดิซิลโล และ Barton Fink(1991) เกี่ยวกับนักเขียนบทหนังของพี่น้องโจลและอีธาน โคน เมื่อครั้งยังไม่เป็นขาใหญ่อย่างทุกวันนี้ ข้ามมาทางคนทำหนังฝั่งยุโรปจะเห็นความแตกต่างชัดเจน หนังเกี่ยวกับหนังมีให้ชมไม่ขาด หลายเรื่องเป็นงานขึ้นหิ้ง ไม่ก็เป็นงานของผู้กำกับฯที่มีชื่อเสียง อาทิ 8 ½(1963) ของ เฟเดอริโก เฟลลีนี งานครูที่ได้ชื่อว่าเป็นหนังเกี่ยวกับหนังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเรื่องหนึ่ง หนังชวนหัวซึ่งแสดงถึงความรักที่มีต่อหนังโดยผู้กำกับฯกลุ่มนิวเวฟฝรั่งเศสอย่าง Day for Night(1973) ของ ฟรังซัวส์ ทรุฟโฟต์ และ A Hundred and One Nights(1995) ของ อักเญส วาร์ดา ขณะที่ผู้กำกับอิตาเลียน แบร์นาร์โด แบร์โตลุคชี่ ก็มีหนังสุดฮือฮาเรื่อง The Dreamers(2003) Irma Vep(1996) ของ โอลิวิเยร์ อัซซายาส, Bad Education(2004) ของ เปโดร อัลโมโดวาร์ รวมถึงเรื่องอื่นของเขาที่มีตัวละครเป็นคนในวงการหนัง ไม่ว่าจะเป็น Law of Desire(1986) และ Tie Me Up! Tie Me Down!(1990) เหตุที่หนังเกี่ยวกับหนังทางฝั่งยุโรปมีคุณภาพและจำนวนมากกว่าฮอลลีวู้ด คงเป็นเพราะทัศนคติและสถานะของคนทำหนังชาวยุโรปที่มองว่าหนังเป็นงานศิลปะมากกว่าเป็นสินค้า การนำเสนอความรู้สึกนึกคิด และที่สำคัญคือตัวตนผ่านผลงานจึงเกิดขึ้นเสมอ ...อะไรจะชัดเจนและบ่งบอกถึงตัวตนของคนทำหนังได้เท่ากับการพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับหนัง ขณะที่สตูดิโอฮอลลีวู้ดซึ่งเป็นนายทุนไม่ได้มองเช่นนั้น หากผู้กำกับฯไม่ใหญ่จริงก็ยากจะมีโอกาส ตัวตนของคนทำหนังอเมริกันที่ต้องการอยู่รอดจึงมักจะถูกเคลือบคลุมบดบังด้วยเปลือกของสินค้าสำเร็จรูป จะมีแค่เพียงสไตล์เฉพาะตัวเท่านั้น(ถ้ามี) ที่ยังพอแสดงออกมาได้ อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่หนังเกี่ยวกับหนังมักจะมีความเป็นส่วนตัวสูง จึงยากเข้าถึงและสร้างความประทับใจแก่คนทั่วไป แต่ก็มีอยู่บ้างที่สามารถข้ามกำแพงดังกล่าวและกลายเป็นหนังเรื่องโปรดของใครหลายคน ดังเช่นหนังอิตาเลียนของ จุยเซปเป้ ตอร์นาโตเร่ เรื่อง Cinema Paradiso(1989) เรื่องราวย้อนรำลึกความผูกพันระหว่างเด็กน้อยกับคนฉายหนังสูงอายุในโรงหนัง ซินีมา พาราดิโซ ดูอ่อนโยน อบอุ่น และให้ความรู้สึกดีๆ จนทำให้ใครต่อใครหลงรักหนังเรื่องนี้ กระทั่งกลายเป็น หนังอ้างอิง ให้แก่หนังอีกหลายเรื่องตามมา โดยเฉพาะหนังในคอนเซ็ปต์ โรงหนังแห่งความทรงจำ เช่น โรงหนังหลอนๆ ใน Goodbye, Dragon Inn(2003) ของไฉ้หมิงเลี่ยง และหนังจากจีนแผ่นดินใหญ่เรื่อง Electric Shadows(2004) ซึ่งถูกนำไปเทียบเคียงกับ Cinema Paradiso มากที่สุดในด้านอารมณ์ความรู้สึก ล่าสุด Janji Joni(Jonis Promise) หนังจากอินโดนีเซีย งานกำกับฯครั้งแรกของ โจโก อันวาร์ เมื่อปีกลาย ทำให้ชื่อ Cinema Paradiso ถูกนำมากล่าวถึงอีกครั้ง Janji Joni ไม่ใช่หนังย้อนยุคอบอุ่นอ่อนโยนที่มีตัวละครเป็นเด็กน้อย แต่เป็นหนังเกี่ยวกับหนุ่มนิสัยดีวัย 22 ทำงานพาร์ทไทม์เป็นคนส่งฟิล์มหนัง โดยมีมิตรต่างวัยเป็นคนฉายหนัง หนังเปิดเรื่องด้วยคำบอกเล่าของโจนี่ ว่าคนส่วนใหญ่แทบจะหายใจเป็นหนัง จากนั้นเขาลำดับเส้นทางของหนังเรื่องหนึ่งๆ ว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ไล่ตั้งแต่คนเขียนบท นายทุน จนถึงขั้นตอนฉายในโรงหนัง ซึ่งคนส่งฟิล์มหนังอย่างเขามีความสำคัญยิ่งยวด เสียงโจนี่อธิบายต่อว่าฟิล์มหนังเรื่องหนึ่งๆ ซึ่งมีทั้งหมด 6 ม้วนจะใช้ร่วมกัน 2 โรง เขาจึงมีหน้าที่รับฟิล์มจากโรงหนึ่งไปส่งอีกโรงหนึ่งให้ทันโดยไม่ให้หนังขาดช่วงจนทำให้ผู้ชมต้องหงุดหงิดเสียอารมณ์ โจนี่สัญญากับตนเองว่าเพื่อความสุขของคนดูหนัง ไม่ว่าอย่างไรเขาต้องส่งฟิล์มให้ทัน โดยที่ผ่านมาเขาก็ไม่เคยพลาดแม้แต่ครั้งเดียว แต่ในวันที่เขาเกิดประทับใจสาวสวยคนหนึ่งหน้าโรงหนัง และเธอสัญญาว่าจะบอกชื่อของเธอถ้าเขาส่งฟิล์มหนังเรื่องที่เธอดูได้ทันตลอดทั้งเรื่อง กลับเกิดอุปสรรคมากมายระหว่างส่งฟิล์ม 2 ม้วนสุดท้าย ราวกับเมืองทั้งเมืองรุมกลั่นแกล้ง จนดูเหมือนว่าสถิติที่ผ่านมาและคำสัญญาของโจนี่จะหมดความหมาย และความรักครั้งแรกของเขาจะต้องจบลงก่อนเวลาเหมือนหนังที่เขาส่งฟิล์มไม่ทัน งานกำกับฯครั้งแรกของโจโก อันวาร์ เห็นได้ชัดว่าได้รับอิทธิพลด้านสไตล์การเล่าเรื่องแบบหวือหวามาจากกลุ่มผู้กำกับฯหัวก้าวหน้าจากฝั่งอเมริกาและอังกฤษหลายคน เช่น ซีเควนซ์แนะนำตัวที่เป็นเสียงวอยซ์โอเวอร์เล่าเรื่องพร้อมภาพแซมอารมณ์ขัน ทำให้นึกถึงงานแสบๆ อย่าง Three Kings(1999) ของ เดวิด โอ.รัสเซลล์ หรือฉาก คนดูหนัง 10 ประเภท ซึ่งเป็น long take หรือถ่ายแบบต่อเนื่อง ประกอบเสียงเพลงอิเล็กโทรนิค คลับคล้ายงานมิวสิควิดีโอของ Fatboy Slim เช่นเพลง Weapon of Choice โดย สไปค์ จอนซ์(Being John Malkovich-1999) ผสมกับ Right Here, Right Now ของ Hammer&Tongs (นามแฝงร่วมของ กราธส์ เจนนิงส์ และ นิค โกลด์สมิธ โดยรายแรกเป็นผู้กำกับฯ The Hitchhiker's Guide to the Galaxy) ผู้กำกับฯหนุ่มหน้าใหม่กับการลองวิชาเช่นนี้ หากวัดจากผลลัพธ์ที่ทำให้หนังดูน่าสนใจ ก็นับว่าสอบผ่าน แต่หากดูที่ความราบรื่นของหนังและจังหวะจะโคน จะเห็นว่าหนังยังขาดๆ เกินๆ โดยเฉพาะหนังที่ต้องเล่นกับ เวลา เช่นนี้ ถือว่ายังมีจุดที่ต้องปรับปรุงอยู่หลายจุด Janji Joni เน้นความสนุกสนานเป็นหลัก สอดแทรกด้วยมุขตลกจากตัวละครหลากหลาย และเพลงประกอบไพเราะจำนวนมากที่คัดมาสอดคล้องเหมาะเจาะกับอารมณ์ของหนัง ตัวละครโจนี่ซึ่งแม้เป็นเพียงคนส่งฟิล์ม แต่ก็ภูมิใจและมีความสุขกับงานที่ทำ ที่สำคัญคือตั้งใจทำงานตนเองให้สำเร็จเพื่อความสุขของคนอื่น แม้ว่าต้องพบและฝ่าฟันอุปสรรคขัดขวางมากมาย คือตัวแทนของคนทำหนังที่ต้องต่อสู้กับปัญหานานัปการกว่าที่ผลงานจะออกสู่สายตาผู้ชม อุปสรรคที่โจนี่พบเจอ ไม่ว่าจะเป็นการถูกขโมยมอเตอร์ไซค์เพราะมัวแต่ช่วยคนตาบอดข้ามถนน เป็นกำลังใจให้เมียแท็กซี่คลอดลูก เข้าฉากถ่ายหนังเพราะเห็นแก่นักแสดงหน้าใหม่ และช่วยตีกลองให้วงดนตรีจนผ่านการคัดเลือก จึงล้วนแต่เป็นการเสียสละเพื่อให้คนอื่นมีความสุขทั้งสิ้น อย่างไรก็ตาม มีอุปสรรคหนึ่งที่แตกต่างออกไปและดูว่ายากลำบากที่สุด นั่นคือ เมื่อกระเป๋าฟิล์มถูกขโมยเพื่อให้ศิลปินสติแตกจอมขมังเวทย์ใช้ในการแสดงงานศิลปะชื่อ ของโจร เหตุการณ์นี้ผู้สร้างน่าจะต้องการสื่อถึงปัญหาการละเมิดลิขสิทธิ์ที่น่ากลัวกว่าปัญหาอื่นๆ โดยก่อนหน้านี้มีฉากที่แสดงให้เห็นการลักลอบบันทึกภาพในโรงหนัง ดูเหมือนว่าแผ่นผีซีดีเถื่อนจะหลอกหลอนคนทำหนังทั่วโลกจนยากจะเยียวยา ไม่แน่ว่าอีกไม่นานคงมีหนังเกี่ยวกับหนังที่สะท้อนปัญหานี้โดยตรงถ้าไม่กลัวว่าตนเองจะถูกก๊อปปี้ขายเสียก่อน!
Create Date : 23 พฤษภาคม 2549
2 comments
Last Update : 21 สิงหาคม 2549 2:28:56 น.
Counter : 2652 Pageviews.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................select movie / blog ....... --international-- ....... The Walking Dead I Wish I Knew 127 Hours The Expendables vs. Salt No puedo vivir sin ti Bright Star The World is Big and Salvation Lurks Around the Corner Sin Nombre Invictus Afghan Star Moon Gigante The Promotion An Education Up in the Air Snow (Snijeg) Liverpool Tahaan Lion's Den Tulpan Everlasting Moments Absurdistan Topsy-Turvy Ramchand Pakistani The Pope's Toilet Antonio's Secret พลเมืองจูหลิง Flashbacks of a Fool And When Did You Last See Your Father? The Boy in the Striped Pyjamas Gran Torino Departures Gomorra Abouna + Daratt Grace Is Gone The Road to San Diego Into the Wild Slumdog Millionaire The Silly Age The Year My Parents Went on Vacation It's Hard to Be Nice Ben X Caramel The Class Kings จาก Kolya ถึง Empties The Unknown Woman Dokuz Heima Cocalero The Blood of My Brother & Iraq in Fragments 12:08 East of Bucharest Rescue Dawn Mongol 6 : 30 Something Like Happiness To Each His Cinema The Counterfeiters ข้างหลังภาพ Lions for Lambs + Michael Clayton Father and Daughter Possible Lives กอด The Buried Forest รัก-ออกแบบไม่ได้ Lights in the Dusk The Piano Teacher Do You Remember Dolly Bell? Sisters in Law Al Otro Lado A Time for Drunken Horses Zelary Bug The Invasion The Science of Sleep Paris, I love you Still Life The Lives of Others Heading South Renaissance ABC Africa The Death of Mr. Lazarescu Maria Full of Grace The Last Communist Eli, Eli, lema sabachthani? 4 : 30 Late August, Early September The Circle The Cave of the Yellow Dog Italian for Beginners Love/Juice Your Name is Justine The Syrian Bride Dragon Head Reconstruction Eros The Scarlet Letter The Night of Truth Familia Rodante Bonjour Monsieur Shlomi Lantana Flanders Tokyo . Sora The World Whisky Buffalo Boy S21 : The Khmer Rouge Killing Machine Fire, Earth, Water C.R.A.Z.Y. All about My Mother Jasmine Women Battle in Heaven The Day I Became a Woman Man on the Train CSI : Grave Danger Innocence Life Is a Miracle Drugstore Girl Der Untergang The Bow Happily Ever After The Wayward Cloud The House of Sand Or, My Treasure Janji Joni Moolaade Vodka Lemon Angel on the Right Twentynine Palms The Taste of Tea ....... --independent-- ....... Goodbye Solo The Hurt Locker (500) Days of Summer Towelhead Kabluey Three Burials of Melquiades Estrada Titus Chuck & Buck The Woodsman Pollock Last Days The Limey Inside Deep Throat Coffee and Cigarettes Garden State My Name is Joe Sexy Beast Real Women Have Curves The Brown Bunny Before Sunset Elephant Bubble You Can Count on Me 9 Songs ....... --classic-- ....... Memories of Underdevelopment (1968) The Last Laugh The Snows of Kilimanjaro The Cabinet of Dr.Caligari Nanook of the North The Apu Trilogy ....... --หนังมีไว้ให้คิด-- ....... The Schoolgirl's Diary Long Road to Heaven The Imam and the Pastor Maquilapolis ....... --what a film!-- ....... Kabuliwala (1956) Macunaima (1969) Kozijat rog (1972) The Girl and the Echo (1964) Fruits of Passion (1981) Happy Gypsies (1967) ....... --introducing-- ....... Death Race 2000 (1975) ซอมบี้ปากีฯ+ผีดิบมาเลย์+ซูเปอร์แมนตุรกี Zinda Muoi Father and Daughter ....... --directed by-- ....... Ouran (1968) Pierwsza milosc (1974) Salome (1978) 4 หนังสั้น เคียรอสตามี recommended ....... - 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับภาพยนตร์ - เทมาเส็ก พิคเจอร์ส - Heading South - Still Life - The Apu Trilogy - The Day I Became a Woman - จาก Fire, Earth สู่ Water พญาอินทรี ศราทร @ wordpress
1 2 3 4 5 6
7 8 9 10 11 12 13
14 15 16 17 18 19 20
21 22 23 24 25 26 27
28 29 30 31
Spoiler: ชอบฉากในถังขยะกับฉากจบมากครับ