the Fall กับความคลับคล้ายคลับคลากับ Pan's Labyrinth - แน่นอนว่าการตัดสินใจมาดูเรื่องนี้ เพราะชอบสวยๆ เหวอๆ surreal จาก the cell เรื่องก่อนของผกก. Tarsem Singh คนนี้ - ซึ่งเนื้อเรื่อง the cell ก็ไม่ได้มีอะไรมากกว่าตำรวจจับฆาตกรโรคจิต ที่มีช่องว่างของเนื้อเรื่องที่พอให้ใส่ภาพและเครื่องแต่งกายเหนือจริง(ที่งามจับจิต)ลงไปได้ - ก่อนเข้าโรงไปดูเรื่องนี้ก็ไ่ม่ได้คาดหวังว่าต้องเจออะไรที่มากกว่า the cell ....... - แต่คราวนี้พี่แกมาแปลก ตั้งแต่ขึ้น credit มาเลย .... Fincher และ Spike Jonze มา produce ให้ และตัวผกก. tarsem เองยัง produce และดัดแปลงบทเอง (ข้อมูลจาก yahoo คร้าบ... ดัดแปลงจากงานเรื่อง Yo Ho Ho อีกที) - ถ้าจะให้บอกอารมณ์หนัง ก็เหมือนที่ผมได้จั่วที่หัวเรื่องน่ะครับ กับความคล้ายๆกันกับ Pan's Labyrinth ของผกก.Guillermo del Toro ทั้งในด้านแนวและลายเซ็นของผกก.นั้นๆ - เช่น Guillermo จะเด่นที่งานสัตว์ประหลาดแปลกๆ กับกลิ่นอายเมกซิโก ส่วน Tarsem เด่นที่งานด้านภาพที่จัดวาง composition อย่างดี ,งาน costume อลังการ และสถาปัตยกรรมอินเดีย - และหลังจากที่ทั้งคู่ได้ปล่อยผลงานที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองออกมา (Tarsem อาจมีน้อยหน่อย) ก็ได้ปล่อยงานที่เข้าขั้นดีมากๆของตัวเองออกมา ของ Guillermo คือ Pan's และของ Tarsem คือ The Fall - ที่"คล้าย"(แค่คล้ายนะครับ)กันมากๆอีก คือ การเล่าเรื่องจินตนาการซ้อนทับเื่รื่องจริง ที่มีตัวเดินเรื่องเป็นเด็กเล็ก - และช่วงครึ่งหลังเรื่อง ที่เปลี่ยนเป็นแนว coming-of-age ได้บีบบังคับทั้งตัวละคร(และคนดู)ได้บีบหัวใจจริงๆ ใน Pan's จะเป็น coming-of-age ของเด็กสาว แต่ใน Fall จะเป็นของสตันแมนหนุ่ม - ชอบการเล่าเรื่องแบบนิทาน(แบบดั้นสด) มีตัวละครและสถานการณ์ตอนนั้นๆแทรกเข้าในการเล่านิทานไปอย่างเหมาะสม - เรื่องก่อนก็มีทะเลทรายกับต้นไม้แห้ง เรื่องนี้ตามมาอีกล่ะ - หน้ากากของพระเอกในนิทาน เป็นของชนเผ่าในแอฟริกาซะงั้นแฮ่ะ - แต่ the fall ยังไม่ค่อยลงตัวตรงที่บางช่วงยืดยาวไปหน่อย และเนื้อเรื่องที่ไม่ปะติดปะต่อนัก - เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผิดคาดอีกเรื่องของปีนี้ แต่ผิดคาดในแง่ดีนะครับ และเห็นความพยายามของผกก.คนนี้ให้การทำเนื้อเรื่องซ้อนๆกันให้ออกมาได้อารมณ์หม่นๆแบบนี้ครับ overall : B+ @ Scala   Create Date : 06 ตุลาคม 2551     5 comment Last Update : 6 ตุลาคม 2551 0:37:45 น.     Counter : 615 Pageviews.   Share Tweet

nightwatch - daywatch และ wanted กับความผิดหวังนิดๆ - ผมได้ดูทั้ง nightwatch และ daywatch มาก่อนที่จะดู wanted และ 2 เรื่องแรกนั้นดีมากๆ ในแง่ของความสดใหม่ ไอเดียบรรเจิด CG หลุดโลก และให้รู้ว่าวงการหนังรัสเซียก็มีดีเหมือนกันนะ - ฉะนั้นผมจึงให้ความหวังหนังเรื่องนี้ไว้มาก และหนังตัวอย่างก็ทำออกมาให้คิดไปว่าน่าจะมีฉากเหวอๆและเท่ๆ อย่าง NW&DW (ขอเรียก nightwatch และ daywatch อย่างย่อๆนะครับ) - แต่เมื่อดูจบแล้วผมว่าหนังไปอยู่ในกลุ่มเดียวกับ speed racer ของปีนี้ คือ น่าผิดหวัง (แต่ไม่มากเท่า speed racer ) - สิ่งที่ทำให้ wanted อ่อนกว่า NW&DW คือ โลกที่ตัวละครอาศัยอยู่ - ในโลกของ NW&DW นั้นใหญ่มาก ตัวละครหลักไม่ได้เป็นมนุษย์ปุถุชนทั่วไป เป็นอมนุษย์ หรือกึ่งๆมนุษย์ ซึ่งทำให้ใส่ความเป็น fantasy แบบเหวอๆ ได้เต็มที่ และโครงเรื่องหลักพูดถึงเหตุการณ์ใหญ่ๆ อย่างสงครามระหว่าง 2 เผ่าพันธ์ จึงมี sub-plot มากไปเบียดเนื้อหาหลัก (แต่หนักก็ยังสนุกอยู่ดี) - แต่โลกของ wanted กลับเป็นเรื่องราวที่เริ่มต้นจากมนุษย์ธรรมดา ซึ่งเกี่ยวข้องกับกลุ่ม anti-hero ที่มีความสามารถพิเศษไม่มากไปกว่าคนธรรมดามากนัก งานด้านภาพจึงไม่แปลกตาเท่า NW&DW ได้ - สิ่งที่ผมชอบทั้ง 3 เรื่องนอกจากภาพที่ตื่นตาตื่นใจแล้ว ก็คือ "บท"ที่ยอกย้อนและหักมุมได้พองาม (แต่ NW&DW ก็ยังหักมุมได้สนุกกว่า) - ผมดีใจที่เรื่องนี้กล้าทำออกมาให้เรต R ซึ่งเสี่ยงที่จะไม่จะกลุ่มเด็ก แต่ก็ได้ภาพ blood&gore ที่รุนแรงและสวยงาม เหมือนดู 300 ในฉากหลังโลกปัจจุบัน (หนังจากการ์ตูนที่รุนแรงและหม่นก็มีแค่ punisher, sin city และ spawn ... ออกมาน้อยจังง่ะ) - ผกก.ยังเอาตัวเอกจาก NW&DW มาเล่นเป็นตัวประกอบด้วยแฮะ - แองเจลิน่า ในเีืรื่องนี้เธอผอมไปมาก แต่ตอนจบเธจบได้เท่มากๆ - ผมผิดหวังจากเรื่องนี้นิดๆ หวังว่าหนังปิดไตรภาค watch ของผกก.คนนี้จะถูกใจผมมากนี้นะ overall : B (ผมให้ nightwatch และ daywatch ที่ B+ ทั้งคู่ครับ) @ EGV Metropolis - Screen 3 ปล. หนังเข้าใหม่วันพฤหัส-ศุกร์ ของโรงนี้ราคา 100 นะครับ เสาร์-อาทิตย์ถึงเป็น 120 (ตอนแรกเกือบเสียไป 140 กับ sf central world ซะแล้ว) ... โรงดี ราคาถูก เลยอยากบอกต่อครับ   Create Date : 27 มิถุนายน 2551     7 comment Last Update : 27 มิถุนายน 2551 11:34:04 น.     Counter : 630 Pageviews.   Share Tweet