Familia Rodante อลหม่าน‘บ้าน’สัญจร



Familia Rodante
อลหม่าน‘บ้าน’สัญจร

พล พะยาบ
คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 23 เมษายน 2549


ลักษณะเฉพาะของ “สัญจรภาพยนตร์” หรือ road movie คือตัวละครจะมีพัฒนาการไปตามระยะทางที่ทอดขนานกับเรื่องราว จะเป็นการค้นพบ-เข้าใจตนเอง ตัวตนของคนร่วมทาง หรือต่างค้นพบ-เข้าใจกันและกัน ก็ตามแต่หนังเรื่องนั้นๆ จะนำเสนอ

นอกจากนี้ การเดินทางในโรด มูฟวี่ มักจะเกี่ยวพันกับบ้าน พื้นเพที่มา หรืออดีตของตัวละคร ขณะที่บางเรื่องไม่เพียงย้อนถึงพื้นเพที่มาของตัวละครเท่านั้น หากเป็นเหมือนการค้นหา “รากเหง้า” ทางเชื้อชาติเผ่าพันธุ์ของตัวละครเลยทีเดียว โดยเห็นได้ชัดในหนังจากละตินอเมริกา

ยกตัวอย่างหนังดังอย่าง The Motorcycle Diaries(2004) ว่าด้วยการเดินทางสู่รากละตินของเช เกวารา โดยผู้กำกับฯบราซิเลี่ยน วอลเตอร์ ซาลเลส ที่เคยทำ Central Station(1998) เกี่ยวกับเด็กชายผู้ออกตามหาครอบครัว

และ And Your Mother Too หนังเม็กซิโกของ อัลฟองโซ คัวรอน ถ่ายทอดความสัมพันธ์ของคนพื้นเมืองกับคนยุโรปเจ้าอาณานิคมผ่านตัวละครวัยรุ่นชาย 2 คน ที่ในหัวมีแต่เรื่องเพศ

เหตุที่โรด มูฟวี่ จากละตินอเมริกามักจะมีภาพที่เชื่อมโยงถึงรากเหง้าทางประวัติศาสตร์ของดินแดนแห่งนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง น่าจะเป็นเพราะความแตกต่างอันกลมกลืนระหว่างเรื่องราวดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็นอารยธรรมโบราณ คนพื้นเมือง ขนบประเพณี กับเรื่องราวใหม่ซึ่งหยั่งรากลงในดินแดนแห่งนี้นับตั้งแต่การค้นพบของชาวยุโรปมาจนถึงยุคอาณานิคม โดยเห็นได้จากอารยธรรมตะวันตก และคนเชื้อสายยุโรปที่มักจะเป็นคนชั้นกลางในเมือง

*ความแตกต่างสองอย่างนี้จะเห็นภาพเปรียบเทียบชัดยิ่งขึ้นในหนังโรด มูฟวี่ ซึ่งเคลื่อนเปลี่ยนฉากหลัง ทั้งสถานที่และผู้คนไปตามเรื่องราวที่ว่าด้วยการเดินทางของตัวละคร กระทั่งทำให้มองเห็นลักษณะอันแตกต่างที่ผสมกลมกลืนกันอยู่

เมื่อตัวละครมาถึงจุดสิ้นสุดของระยะทาง และได้ค้นพบอะไรบางอย่างจากการเดินทางครั้งนี้ จึงราวกับว่านั่นเป็นเพราะรากเหง้าทางประวัติศาสตร์สอนให้ตัวละครเข้าใจตนเองมากยิ่งขึ้น

Familia Rodante(2004) หรือในชื่อภาษาอังกฤษว่า Rolling Family หนังจากอาร์เจนตินาของผู้กำกับฯ ปาโบล ตราเปโร ก็เป็นสัญจรภาพยนตร์จากแดนละตินอีกเรื่องหนึ่ง ที่หยิบเอาเรื่องพื้นเพรากเหง้าของผู้คนเข้ามาเกี่ยวข้อง

หนังเล่าถึงครอบครัวในกรุงบัวโนสไอเรสซึ่งมี เอมิเลีย หญิงชราเป็นศูนย์กลาง และกำลังมีความสุขอย่างมากในงานวันเกิดครบ 84 ปี ที่ลูกหลานร่วมกันจัดให้ เมื่อเธอทราบข่าวงานแต่งงานของหลานสาวคนหนึ่งในจังหวัดบ้านเกิด เอมิเลียจึงบอกลูกหลานว่าเธอจะไปร่วมงานนี้ และทุกคนในครอบครัวต้องไปกับเธอ

การเดินทางอันทุลักทุเลด้วยรถเชฟโรเล็ตโบราณซึ่งดัดแปลงเป็นที่พักในตัวจึงเริ่มต้นขึ้น นอกจากเอมิเลียแล้ว สมาชิกคนอื่นประกอบไปด้วยครอบครัวของลูกสาวสองคนของเธอ นับรวมทั้งสิ้น 11 คน โดยสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดคือทารกแรกเกิด ผู้เป็นเหลนของเอมิเลีย

ปัญหาในการเดินทางไม่เพียงสภาพแวดล้อมทั้งความแออัดและอากาศอบอ้าวเท่านั้น การเดินทางยังมีอุปสรรคให้ต้องล่าช้าโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นตำรวจที่เรียกตรวจละเอียดยิบ เครื่องยนต์เสียกลางทางจนเกือบต้องค้างคืนกลางทุ่ง หรือสมาชิกคนหนึ่งปวดฟันอย่างรุนแรง

ยังไม่นับเรื่องวุ่นวายยุ่งเหยิงของสมาชิกในครอบครัว เมื่อลูกเขยเอมิเลียคนหนึ่งเกิดอยากสานต่อความสัมพันธ์ในอดีตกับพี่สาวภรรยา ขณะที่ลูกสาววัยรุ่นของบ้านหนึ่งถูกใจญาติกันเองซึ่งเป็นลูกชายของป้า แต่ฝ่ายชายกลับไปชอบเพื่อนของญาติสาวแทน นอกจากนี้ ระหว่างทางยังมีสมาชิกเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคน เป็นสามีติดยาของหลานสาวเอมิเลีย โดยได้รับหมัดชุดของพ่อตาเป็นการต้อนรับ

การรวมญาติครั้งใหญ่จึงมีทั้งความสุขและความเศร้า กว่าที่ครอบครัวอลหม่านจะถึงจุดหมายปลายทางในที่สุด

หนังเปิดเรื่องด้วยภาพเอมิเลียรื้อดูรูปถ่ายเก่าๆ เธอมีสีหน้าเศร้าสร้อย นั่งนิ่งตามลำพังในห้องนอน ก่อนจะเอื้อมมือไปปิดไฟหัวเตียง เสียงเพลงแทงโก้ที่เปิดคลอฉากนี้ให้ความรู้สึกถึงคืนวันหอมหวานในอดีต

หากนับจากอายุของเอมิเลีย แสดงว่าเธอเกิดในยุคทศวรรษที่ 20 ซึ่งอาร์เจนตินายังเป็นหนึ่งในประเทศที่มั่งคั่งที่สุดในโลก ปัจจุบันเธอเพิ่งผ่านช่วงที่ประเทศประสบภาวะเศรษฐกิจล่มสลาย และกำลังอยู่ระหว่างการฟื้นตัว ชีวิตของเอมิเลียจึงวางทาบทั้งบนจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของประเทศ

จุดหมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้คือบ้านเกิดของเอมิเลียชื่อ มิซิโอเญส ซึ่งเป็นจังหวัดชายแดนติดกับบราซิล แน่นอนว่าที่แห่งนี้ไม่ใช่เมืองหลักของอาร์เจนตินา ไม่มีร่องรอยของชาติอาณานิคมแบบเมืองใหญ่ และเป็นพื้นที่ชนบทที่ได้รับผลกระทบโดยตรงในช่วงทศวรรษที่ 90 ที่การบริการรถไฟถูกลอยแพและสินค้าท้องถิ่นถูกแทนที่ด้วยสินค้านำเข้าราคาถูก สภาพดังกล่าวจึงแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับกรุงบัวโนสไอเรส ซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศ

*หากวางจุดเริ่มต้นไว้ที่บัวโนสไอเรสสู่ปลายทางที่มิซิโอเญส การเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการเดินทางยาวไกลจากเมืองสู่ชนบทเท่านั้น เมื่อระยะทางเพิ่มขึ้น ได้พบชนพื้นเมืองตลอดรายทาง บางแห่งผู้คนใช้ม้าเป็นพาหนะ การเดินทางจึงเหมือนย้อนสู่อดีต และไม่ใช่อดีตของหญิงชรา แต่เป็นอดีตของประเทศอาร์เจนตินา

ทั้งการตรวจค้นของเจ้าหน้าที่และการได้พบกลุ่มชายฉกรรจ์ขี่ม้าโบกธงชาติทำให้นึกถึงยุค “สงครามสกปรก” (Dirty War) ซึ่งรัฐบาลทหารปราบประชาชนที่ต่อต้านรัฐบาล(ปี 1976-1983) หรือเมื่อครอบครัวแวะชมพิพิธภัณฑ์ในเมืองยาเปยู ซึ่งเป็นเมืองเกิดของโฮเซ่ เดอ ซาน มาร์ติน วีรบุรุษแห่งอเมริกาใต้ ผู้ปลดปล่อยอาร์เจนตินา ชิลี และเปรู จากสเปน

เรื่องวุ่นวายของคณะเดินทางโดยเฉพาะความสัมพันธ์อันไม่เหมาะสมจนทำให้เกิดความบาดหมางในครอบครัว จึงเป็นภาพสะท้อนถึงรอยด่างพร้อยที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับผู้คนที่อยู่ร่วมแผ่นดินเดียวกัน

อารมณ์โดยรวมของ Familia Rodante คือความหรรษา สนุกสนาน มีกลิ่นอายแบบละตินซึ่งมีชีวิตชีวาเป็นเอกลักษณ์ ช่วงแรกของการชมอาจจะสับสนกับลำดับเครือญาติพอสมควรด้วยจำนวนตัวละครกว่า 10 ตัว และไม่มีบทสนทนาแนะนำว่าใครเป็นใครโดยตรง แต่เมื่อจับทิศจับทางถูกและชมจนจบแล้ว จะพบว่าหนังทำให้ตัวละครทุกตัวโดดเด่นเท่าเทียมกันได้อย่างน่าทึ่ง ทั้งนี้ก็ด้วยฝีมือของ ปาโบล ตราเปโร ซึ่งทั้งกำกับฯและเขียนบทนั่นเอง

ใครชอบโรด มูฟวี่...หนังจากอาร์เจนตินาเรื่องนี้คงไม่ทำให้ผิดหวัง



Create Date : 24 ตุลาคม 2549
Last Update : 24 ตุลาคม 2549 0:14:05 น. 8 comments
Counter : 1659 Pageviews.

 
อ่านเจอคำว่า The Motorcycle Diaries ก็ขนลุกไปทีนึง แล้วยังมาเจอคำว่า And Your Mother Too อีก ขนลุกเกรียวเลยค่ะ หุ หุ

ประเทศทางอเมริกาใต้ ดูมันมีเสน่ห์ยากเกินจะบรรยาย หนังที่มาจากประเทศทางแถบนี้ก็เลยน่าสนใจและน่าดูทั้งน๊าน

แต่เรื่องนี้ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ อ่านแล้วสนุกดี ล้งเล้งตามแบบฉบับคนละตินอเมริกาที่เป็นครอบครัวใหญ่ญาติเยอะ ไว้จะหามาดูนะคะ



โดย: renton_renton วันที่: 24 ตุลาคม 2549 เวลา:8:08:29 น.  

 
เพิ่งรู้ว่า road movie ภาษาไทยเรียก "สัญจรภาพยนตร์" เก๋จริง ๆ เลยค่ะ

เคยดูแต่ Motorcycle Diaries ค่ะ อ่า...เรื่องนี้มีหลับด้วย ตรงกลาง ๆ เรื่อง เพราะตอนดูมันดึกมาก

เรื่องนี้น่าสนุกนะคะ แต่ท่าทางจะหายากจัง


โดย: unwell วันที่: 24 ตุลาคม 2549 เวลา:8:51:04 น.  

 
ยังไม่เคยดู อยากดูมั้ง


โดย: somnumberone วันที่: 24 ตุลาคม 2549 เวลา:12:09:00 น.  

 
เรื่องนี้น่าดูแฮะ

ปกติผมค่อนข้างเฉย ๆ กับหนังแนว Road Movie นะครับ (แต่ก็ดูได้ ไม่ได้ตั้งแง่อะไรกับมันนัก)

ป.ล. เห็นจากเรทติ้ง ผมพลาดการไปดู Battleship Potemkin ในโรง เพราะไม่สบายกระทันหัน (เคยดูแต่แบบวิดีโอนะครับ) เป็นหนังที่ฉลาดและลุ้นระทึกดีจริง ๆ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 24 ตุลาคม 2549 เวลา:19:10:32 น.  

 
เรื่องนี้ก็ชอบครับ

ชอบ Road Move ทั้งสามเรื่องที่เจ้าของบล็อกพูดถึงครับ อเมริกาใต้บรรยากาศมันคล้ายประเทศเราดี ทำให้รู้สึกเข้าถึงได้ง่ายอ่ะครับ


โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 24 ตุลาคม 2549 เวลา:23:47:20 น.  

 
บรรยากาศอเมริกาใต้ดูมีเสน่ห์ดีครับ
เริ่มติดใจตั้งแต่เช เกวาร่าขี่มอไซด์เรื่องนั้นแล้ว
แต่อีกเรื่องที่บรรยากาศตรงข้ามกันมากๆก็คือ city of god แต่ก็ชอบทั้งสองเรื่องนะ


โดย: keano (jonykeano ) วันที่: 25 ตุลาคม 2549 เวลา:11:55:12 น.  

 
y tu mama tambien (คุ้นชื่อนี้มากกว่าอ่ะ)
จนป่านนี้ก็ยังไม่ได้ดูเลย งึมๆ


โดย: ทะเลอาบแสงจันทร์ วันที่: 27 ตุลาคม 2549 เวลา:2:26:49 น.  

 


โดย: renton_renton วันที่: 3 ตุลาคม 2550 เวลา:21:10:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แค่เพียงรู้สึกสุขใจ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]




บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน
ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549

..............................








พญาอินทรี




ศราทร @ wordpress
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2549
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
24 ตุลาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แค่เพียงรู้สึกสุขใจ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.