Happily Ever After เทพนิยาย ชู้รัก และจอห์นนี่ เดปป์
Happily Ever After เทพนิยาย ชู้รัก และจอห์นนี่ เดปป์พล พะยาบ คอลัมน์อาทิตย์เธียเตอร์ มติชนรายวัน 2 เมษายน 2549 วลี มีความสุขตราบนี้นานเท่านาน ซึ่งเราคุ้นเคยกันตั้งแต่ยังเด็ก ในนิทานหรือเทพนิยายต่างๆ ถูกนำมาตีความกล่าวถึงอีกครั้งในหนังฝรั่งเศสปี 2004 เรื่อง Happily Ever After(Ils se marierent et eurent beaucoup denfants โดยบางแห่งใช้ชื่อภาษาอังกฤษว่า ...And They Lived Happily Ever After) ว่าด้วยชีวิตคู่ของชาย-หญิงวัยสี่สิบ บนความจริงกับความฝัน นำเสนอด้วยอารมณ์ขัน เพลงไพเราะมากมาย และความวุ่นวายของเรื่องราว เรียกว่าเป็นหนังฝรั่งเศสจ๋า...ในแนวทางที่คุ้นเคยอีกเรื่องหนึ่ง Happily Ever After เป็นผลงานของ อีวอง อาตาล หนุ่มใหญ่นักแสดงที่หันมาจับงานกำกับฯเป็นเรื่องที่สอง ต่อจาก My Wife Is an Actress เมื่อปี 2001 โดยทั้งสองเรื่องเขาแสดงคู่กับ ชาร์ลอตต์ เกนสเบิร์ก ดาราสาวชาวอังกฤษ ผู้เป็นภรรยาของอีวองในชีวิตจริง แวงซองต์(อีวอง อาตาล) เซลส์ขายรถวัยสี่สิบผู้มีภรรยาแสนสวยดีพร้อมอย่าง กาบริแอลล์ (ชาร์ลอตต์ เกนสเบิร์ก) กับลูกน้อยวัย 5 ขวบ กำลังหวั่นไหวสับสนกับชีวิตคู่แสนสุขสันต์ของตนเอง บางทีเขาอาจจะคิดว่ามันราบเรียบเกินไปก็ได้ แวงซองต์กับเพื่อนสนิทอีก 2 คนคือจอร์จและเฟรด มักจะพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องสถานภาพที่ไม่น่าพอใจของตนเอง จอร์จกำลังเบื่อภรรยาที่ชอบเจ้ากี้เจ้าการและแสดงอำนาจของผู้หญิง ขณะที่เฟรดเป็นหนุ่มโสดที่มีสาวมาติดพันยุ่งเกี่ยวไม่ซ้ำหน้า แต่กลับอิจฉาชีวิตครอบครัวอันเพียบพร้อมของเพื่อนทั้งสอง แม้ต่างคนต่างไม่พอใจสถานภาพของตนเอง แต่จอร์จและเฟรดก็ยังใช้ชีวิตเช่นเดิมต่อไป มีเพียงแวงซองต์คนเดียวที่หาทางออกโดยแอบไปมีเมียน้อย แล้วปิดเป็นความลับไม่ยอมบอกแม้แต่เพื่อนสนิท อย่างไรก็ตาม กาบริแอลล์รู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนั้น เธอเลือกที่จะเงียบ ไม่โวยวายหรือแสดงออกให้แวงซองต์รับรู้ อาจเพราะเธอหวังว่าสักวันสามีจะกลับมาเป็นคนเดิมของครอบครัว... เพราะเรื่องราวของหนังอ้างถึงเทพนิยาย ซึ่งเป็นเรื่องชวนฝัน เกี่ยวพันกับจินตนาการและการหลีกเร้นจากโลกแห่งความจริง หนังจึงอุดมไปด้วยเทคนิควิธีการนำเสนอที่สื่อไปในทางนั้น รวมทั้งเรื่องราวในหนังเองก็รองรับแก่นสารนี้อยู่หลายจุด หลายภาพหลายฉากใช้วิธีถ่ายตัวละครผ่านกระจกใสซึ่งมีเงาสะท้อนทาบทับ หรือถ่ายตัวละครในเงาสะท้อนในกระจกใส บางครั้งไม่ใช่กระจก แต่เป็นวัสดุโปร่งแสงที่สามารถมองเห็นตัวละครอยู่ด้านหลัง ไม่ว่าจะเป็นกระจกร้านอาหาร กระจกลิฟต์ พลาสติกใสกั้นทางขึ้น-ลงรถเมล์ ม่านพลาสติก ฯลฯ ภาพเงาเหล่านี้บางครั้งสวยงาม บางครั้งหม่นมัว แต่ทุกภาพล้วนแต่ไม่ได้เป็นความจริงแท้ให้มองเห็น แต่เป็นความจริงที่ถูกอาบเคลือบ เป็นอีกด้านหนึ่งของความจริง เหมือนกับตัวละครทุกตัวที่ไม่พอใจกับชีวิตตนเอง ต่างหลงใหลกับจินตนาการและความคิดฝันอยู่ตลอดเวลา นอกจากสัญลักษณ์อย่างกระจกแล้ว เทคนิคที่หนังใช้บ่อยคือการตัดต่อแบบเฟด-อิน และเฟด-เอาท์ ให้ภาพซ้อนเหลื่อมนุ่มนวล รวมทั้งวิธีปล่อยภาพให้จางจนเป็นสีขาวราวหลงเข้าไปในความฝัน ตัวละครกาบริแอลล์คือคนที่หลีกเร้นจากโลกความจริงมากที่สุด เนื่องเพราะเธอยอมทนกับเรื่องที่สามีนอกใจ โดยหวังว่าตอนจบของชีวิตคู่ยังสวยงามเสมอ เราจึงได้เห็นเธอในเงาสะท้อนของกระจกบ่อยกว่าตัวละครอื่น นอกจากนี้ เรื่องราวยังแสดงให้เห็นว่ากาบริแอลล์เลือกที่จะหลีกเร้นตนเองจากโลกแวดล้อมอยู่เสมอ เช่น การไปตากอากาศต่างจังหวัด เป็นต้นคิดเรื่องย้ายบ้านไปอยู่ชนบท...สถานที่ในอุดมคติของชีวิตเงียบสงบ หรือการปล่อยให้ตนเองหลงเข้าไปในความคิดฝัน ในฉากที่เธอพบกับหนุ่มหล่อในร้านขายซีดีชื่อ เวอร์จิ้น ทั้งสองยืนอยู่ข้างกัน ฟังเพลงเดียวกัน ยิ้มให้กัน ราวกับโลกนี้มีเพียงเธอและเขา ทั้งที่ความเป็นจริงเธอไม่ได้อยู่ในโลกอัน บริสุทธิ์ ...และยังมีลูกกับสามี(ที่กำลังนอกใจ) รอเธออยู่ หนังตั้งคำถามมากมายเกี่ยวกับชีวิตคู่ ทั้งความสุขและการครองรักยาวนานควรจะเป็นอย่างไร ชีวิตคู่ควรจะเริ่มต้นและดำเนินไปสู่จุดใด ต้องประกอบด้วยการแต่งงาน มีบ้าน มีรถ มีลูก เช่นนั้นหรือไม่ การที่หนังให้แวงซองต์-กาบริแอลล์ ตัวละครสามี-ภรรยา คนหนึ่งเป็นเซลส์ขายรถ อีกคนเป็นตัวแทนขายบ้าน จึงมีความหมายโดยตรงถึงสิ่งที่ประกอบกันขึ้นเป็นครอบครัว(ขณะที่จอร์จซึ่งกำลังเบื่อภรรยา ทำงานโรงแรม) มาถึงตรงนี้คงสงสัยกันว่าหนังเรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับจอห์นนี่ เดปป์?! ก่อนอื่นขอเล่านิดนึงว่าเทศกาลหนังกรุงเทพฯที่ผ่านมา ผู้เขียนได้ดูหนังฝรั่งเศสเรื่อง Housewarming(2005) ตัวหนังไม่น่าประทับใจนัก แต่ในฉากสุดท้ายหนังเผยทีเด็ดจนผู้ชมในโรงพร้อมใจกันร้องฮือด้วยความแปลกใจ เซอร์ไพรส์นั้นก็คือ ฮิวจ์ แกรนต์ โผล่หน้ามาให้เห็นโดยไม่รู้ล่วงหน้า แม้ไม่ได้ชื่นชมเป็นพิเศษ แต่ก็อดแปลกใจไม่ได้เมื่อเห็นดาราดังปรากฏตัวในฉากเล็กๆ ในหนังต่างชาติต่างภาษา ซ้ำยังเหมือนไม่ได้เครดิต สำหรับ Happily Ever After ด้วยเหตุที่ผู้เขียนไม่ได้อ่านรีวิวจากที่ใดมาก่อน แม้กระทั่งบนกล่องดีวีดี จึงถือว่าเป็นเซอร์ไพรส์ในลักษณะเดียวกันอีกครั้งหนึ่ง และคราวนี้เป็น จอห์นนี่ เดปป์ เดปป์ในมาดสวมสูทเนี้ยบ ใส่แว่น ไว้หนวด แสดงเป็นหนุ่มหล่อในร้านเวอร์จิ้น และปรากฏตัวอีกครั้งในฉากสำคัญฉากสุดท้ายแฟนพันธุ์แท้ป๋าเดปป์ดูจบคงแฮปปี้ เอ็นดิ้ง กันถ้วนหน้า
Create Date : 17 มิถุนายน 2549
1 comments
Last Update : 21 สิงหาคม 2549 2:26:52 น.
Counter : 7215 Pageviews.
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [? ]
บทวิจารณ์ภาพยนตร์รางวัลกองทุน ม.ล.บุญเหลือ เทพยสุวรรณ ปี 2549 ..............................select movie / blog ....... --international-- ....... The Walking Dead I Wish I Knew 127 Hours The Expendables vs. Salt No puedo vivir sin ti Bright Star The World is Big and Salvation Lurks Around the Corner Sin Nombre Invictus Afghan Star Moon Gigante The Promotion An Education Up in the Air Snow (Snijeg) Liverpool Tahaan Lion's Den Tulpan Everlasting Moments Absurdistan Topsy-Turvy Ramchand Pakistani The Pope's Toilet Antonio's Secret พลเมืองจูหลิง Flashbacks of a Fool And When Did You Last See Your Father? The Boy in the Striped Pyjamas Gran Torino Departures Gomorra Abouna + Daratt Grace Is Gone The Road to San Diego Into the Wild Slumdog Millionaire The Silly Age The Year My Parents Went on Vacation It's Hard to Be Nice Ben X Caramel The Class Kings จาก Kolya ถึง Empties The Unknown Woman Dokuz Heima Cocalero The Blood of My Brother & Iraq in Fragments 12:08 East of Bucharest Rescue Dawn Mongol 6 : 30 Something Like Happiness To Each His Cinema The Counterfeiters ข้างหลังภาพ Lions for Lambs + Michael Clayton Father and Daughter Possible Lives กอด The Buried Forest รัก-ออกแบบไม่ได้ Lights in the Dusk The Piano Teacher Do You Remember Dolly Bell? Sisters in Law Al Otro Lado A Time for Drunken Horses Zelary Bug The Invasion The Science of Sleep Paris, I love you Still Life The Lives of Others Heading South Renaissance ABC Africa The Death of Mr. Lazarescu Maria Full of Grace The Last Communist Eli, Eli, lema sabachthani? 4 : 30 Late August, Early September The Circle The Cave of the Yellow Dog Italian for Beginners Love/Juice Your Name is Justine The Syrian Bride Dragon Head Reconstruction Eros The Scarlet Letter The Night of Truth Familia Rodante Bonjour Monsieur Shlomi Lantana Flanders Tokyo . Sora The World Whisky Buffalo Boy S21 : The Khmer Rouge Killing Machine Fire, Earth, Water C.R.A.Z.Y. All about My Mother Jasmine Women Battle in Heaven The Day I Became a Woman Man on the Train CSI : Grave Danger Innocence Life Is a Miracle Drugstore Girl Der Untergang The Bow Happily Ever After The Wayward Cloud The House of Sand Or, My Treasure Janji Joni Moolaade Vodka Lemon Angel on the Right Twentynine Palms The Taste of Tea ....... --independent-- ....... Goodbye Solo The Hurt Locker (500) Days of Summer Towelhead Kabluey Three Burials of Melquiades Estrada Titus Chuck & Buck The Woodsman Pollock Last Days The Limey Inside Deep Throat Coffee and Cigarettes Garden State My Name is Joe Sexy Beast Real Women Have Curves The Brown Bunny Before Sunset Elephant Bubble You Can Count on Me 9 Songs ....... --classic-- ....... Memories of Underdevelopment (1968) The Last Laugh The Snows of Kilimanjaro The Cabinet of Dr.Caligari Nanook of the North The Apu Trilogy ....... --หนังมีไว้ให้คิด-- ....... The Schoolgirl's Diary Long Road to Heaven The Imam and the Pastor Maquilapolis ....... --what a film!-- ....... Kabuliwala (1956) Macunaima (1969) Kozijat rog (1972) The Girl and the Echo (1964) Fruits of Passion (1981) Happy Gypsies (1967) ....... --introducing-- ....... Death Race 2000 (1975) ซอมบี้ปากีฯ+ผีดิบมาเลย์+ซูเปอร์แมนตุรกี Zinda Muoi Father and Daughter ....... --directed by-- ....... Ouran (1968) Pierwsza milosc (1974) Salome (1978) 4 หนังสั้น เคียรอสตามี recommended ....... - 'รงค์ วงษ์สวรรค์ กับภาพยนตร์ - เทมาเส็ก พิคเจอร์ส - Heading South - Still Life - The Apu Trilogy - The Day I Became a Woman - จาก Fire, Earth สู่ Water พญาอินทรี ศราทร @ wordpress
1 2 3
4 5 6 7 8 9 10
11 12 13 14 15 16 17
18 19 20 21 22 23 24
25 26 27 28 29 30
ว่าเคยดู ตอนเทศกาล
นึกออกก้อเพราะจอนนี่ เดปป์เนี่ยล่ะค่ะ
ที่มาแว๊บ ในร้านเทป