 |
|
รู้จักตนเองหรือไม่รู้อะไรเลย
คำง่ายๆอย่างคำว่า”รู้จักตนเอง” กลับกลายเป็นคำที่เข้าใจยากยิ่งและยากยิ่งขึ้นไปอีกกับการที่จะนำมาปฏิบัติให้เกิดผล ปัจจัยภายนอกของคนเราเป็นตัวกระตุ้นให้คนเราเดินออกห่างความเป็นตัวของตัวเอง ปัจจัยภายในก็ยิ่งไม่สามารถที่จะสนองตอบต่อความเป็นตัวเองได้ยิ่งขึ้นในสังคมปัจจุบัน
การรู้จักตนเอง ย่อมหมายถึงการที่เรารู้ซึ้งถึง ความหมายของตัวเราเอง การมีตัวตนอยู่ การใช้ชีวิต รู้ถึงสิทธิ หน้าที่ บทบาทต่างๆ การกระทำ ของตัวเอง ต่อการใช้ชีวิตในสังคม และต่อตัวของเราเอง แต่เราจะตอบคำถามเหล่านี้ได้อย่างไรว่า ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เราได้ตอบสนองสิ่งนั้นแล้วด้วยตัวของเราเอง
ตัวของเราเองในปัจจุบันนี้นั้น ถูก ริดรอนความเป็นตัวเองไปแล้วโดยสิ้นเชิง จนไม่อาจปฏิเสธ สิ่งที่เรียกว่า กฏหมายนั้น ได้กลายเป็นเครื่องมือของชนชั้นปกครองนำมาทำให้เราไขว้เขวต่อ ปฐมบทของความเป็นมนุษย์เราให้ถูกบิดเบือนไป
เมื่อคนเรายังไม่สามารถรู้จักตนเอง รู้ว่าตัวเองจะต้องทำสิ่งใด แล้วคนเราจะไปรู้ได้อย่างไรว่าชาติของเรา ซึ่งประกอบขึ้นมาด้วย สังคมของเรา และมีคนเราเป็นส่วนประกอบย่อยอีกที นั้นมีตัวตนเป็นเช่นไร หากเปรียบชาติเราเป็นคนแล้วนั้น ชาติเราไม่รู้ว่า ตัวเองมีความต้องการอย่างไร มีหน้าที่ทำอะไร ยิ่งทำให้ส่วนประกอบที่รวมอยู่ด้วยนั้น มืดมนหนทางก้าวเดินต่อไปจริงๆ
ชาติของเราถูกบังคับให้เดินไปให้ทางต่างๆ ไปทางซ้ายบ้าง ขวาบ้าง ขึ้นอยู่กับว่า ใครได้มาเป็นชนชั้นปกครอง สั่งอย่างนี้ซักช่วงเวลาหนึ่ง พอเป็นยุคก็เปลี่ยนแปลงไปอีกอย่างหนึ่ง จนหากเปรียบเป็นคนแล้ว คงกลายเป็นคนที่เอาแต่เดินไปเดินมาหาจุดยืนไม่ได้ เหมือนคนที่เป็นคนไร้เป้าหมายในชีวิต
ดังนั้นส่วนแรกที่สำคัญย่อมต้องมาจากการที่ ประชาชน รู้สำนึก รู้จักว่าตนเองมีสิทธิ หน้าที่ บทบาท ที่ต้องทำอะไรเพื่อตัวเอง เมื่อทำเพื่อตัวเองดีที่สุดแล้ว ผลที่ทำนั้นจะส่งผลไปถึงชาติบ้านเมืองได้ เปรียบเหมือนเซลต่างๆ ที่ทำหน้าที่ของตนเองอย่างดีที่สุดเพื่อมนุษย์มีชีวิตอยู่ได้
แต่การรู้จักตนเองนั้นก็ยากยิ่ง เพราะความเจริญของสังคมที่เป็นพ่อค้านิยม ไม่ใช่บริโภคนิยมเพียงอย่างเดียว บริโภคนิยม คือสังคมที่เน้นการจับจ่ายใช้สอยต่างๆ อันเป็นมูลเหตุแห่งความเสื่อมทราม ก่อเกิดความโลภ ความอยากได้สิ่งต่างๆมาเป็นของตนเอง ความอยากเป็นอย่างคนอื่น พฤติกรรมเลียนแบบที่แพร่ขยายไปทั่วสังคม แต่ตัวการที่แท้จริงมันคือพ่อค้านิยม มิใช่บริโภคนิยม เพราะการที่คนเราอยากที่บริโภคสิ่งต่างนั้น มันย่อมต้องมีขอบเขตอยู่ แต่ขอบเขตนั้นได้พังทลายลงด้วยความเป็นพ่อค้าที่เป็นตัวการของการแพร่ขยายความโลภของตัวเองให้ไปสู่คนอื่น การกำหนดกรอบของสังคมกลายๆ ด้วยการโฆษณาต่างๆ ละคร เพลง แฟชั่น ฯลฯ สิ่งเหล่านั้นแท้จริงแล้วตอบนองต่อตัณหาของเหล่าพ่อค้าโดยตรง ให้พวกเขาเหล่าได้กินความสุขบนกองเงินกองทองของเหล่าผู้รู้เท่าไม่ถึงการณ์
และเมื่อพ่อค้านิยมบวกเพื่อเข้าไปด้วย การปกครองที่ริดรอนความรู้ของประชาชน ด้วยระบบคิดแทน ยิ่งทำให้ผู้คนออกห่างจากตัวเองไปมากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดประชาชนเหล่านั้นก็เป็นเพียงส่วนประกอบที่ไร้สมรรถภาพ ก่อผลไปยังชาติที่ไร้ความสามารถตามต่อมา
ปัจจัยภายนอกก่อเกิดปัจจัยภายใน ที่คนเราไม่มีทางรู้ตัวเองเลยว่าหลงงมงายไปกับสิ่งที่ผู้อื่นหยิบยื่นให้ด้วยความหวังดีต่อพวกเขาเองไปตอนไหน และเมื่อจมลงสู่วังวนนี้ไปนานๆ คนเราก็จะปล่อยเลยตามเลยไปในลักษณะสังคมแบบไทยๆที่ไม่ “รู้จักตนเอง” กลายเป็นวัฏจักรที่เลวร้ายต่อไปไม่สิ้นสุด
การรู้จักตนเอง จึงเป็นคำง่ายๆ แต่ปฏิบัติยาก ถึงอย่างไรก็ยังอยากที่จะบอกว่า
คนเรามันก็แค่เดินทางไปสู่ความตายเหมือนกัน และเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งในหลายสิบปีของประวัติศาสตร์ชาติ เฝ้าคอยความหวังเหมือนดั่งแสงหิ่งห้อยที่ปลายอุโมงค์
Create Date : 05 พฤษภาคม 2549 |
Last Update : 5 พฤษภาคม 2549 17:05:52 น. |
|
3 comments
|
Counter : 753 Pageviews. |
|
 |
|
|
โดย: PADAPA--DOO วันที่: 5 พฤษภาคม 2549 เวลา:20:26:28 น. |
|
|
|
โดย: keyzer วันที่: 5 พฤษภาคม 2549 เวลา:21:04:51 น. |
|
|
|
โดย: zzz IP: 61.19.54.238 วันที่: 6 พฤษภาคม 2549 เวลา:0:45:16 น. |
|
|
|
| |
|
 |
KongMing |
|
 |
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

|
เล่าจื้อกล่าวว่า"ผู้รู้เขาคือปราชญ์" และกล่าวอีกว่า"ผู้รู้เราคือปัญญาชน" ณ ปากทางเข้าถ้ำวิหารเทพอพอลโล่แห่งเดลฟี มีป้ายทองคำเขียนว่า "Know thyself" แปลว่า รู้จักตนเอง "temet nosce" ภาษาลาตินที่Oracleกล่าวให้ Neo รู้จักตนเอง
สิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเราอยู่ที่ คำกล่าวเหล่านี้
|
|
|
ใจคนยากแท้หยั่งถึงเนอะ
ใจตัวเองยังไม่รู้เลย