ความไม่รู้เป็นลาภอันประเสริฐ

ความอดทนสัมพัทธ์อำนาจ

อดทน หมายถึง ความสามารถทางร่างกาย ความคิด จิตใจ ที่จะปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ ให้สำเร็จลุล่วงตามเป้าหมายที่กำหนด ไม่ย่อท้อต่อปัญหาอุปสรรค มีความเข้มแข็ง พยายามเอาชนะปัญหาอุปสรรคโดยไม่ย่อท้อ มีจิตใจหนักแน่น สามารถควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมให้เป็นปกติเมื่อพบ กับปัญหาหรือสิ่งยั่วยุต่าง ๆ

ความหมายของความอดทนที่ เคยเป็นมานั้นก็ยังคงอยู่ไม่เปลี่ยนแปลงไปไหน หากแต่ว่า ผู้คนเป็นผู้เปลี่ยนแปลงไปเองมากกว่า ไม่ใช่ ความหมายของคำนี้เปลี่ยน

ยุคสมัยนี้ผู้คน มีความอดทนเปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อน เนื่องจากสภาพสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป จากสังคมชนบทแปรสภาพเป็นสังคมเมือง ลามไปทั่วทุกพื้นที่ และด้วยความเปลี่ยนแปลงทางสภาพสังคมย่อมมีผลกระทบต่อ การดำรงชีวิตของผู้คนให้เปลี่ยนไปไม่มากก็น้อย

ความอดทน เริ่มมีภาพที่แตกต่างจากอดีตที่พบเห็น และรับรู้

ผู้คน มีความอดทนต่ำลงมาก ในการประกอบกิจกรรมต่างๆ เพื่อการดำรงค์ ชีวิต
- คนขับรถไม่สามารถอดทนอดกลั้นในการจราจรที่ถูกต้องได้ ก่อให้เกิด การขับรถที่เรียกว่าซิ่ง เพื่อสนองตอบต่อความใจร้อนของตน
- เหล่าสาวกแห่งแฟชั่น ไม่อาจอดทนต่อความอินเทรนด์ต่างๆได้ ไม่อาจระงับจิตใจให้หยุดการชอบปิ้งได้
- ผู้คนไม่อาจอดทนยับยั้ง ความสะดวกสบายแห่งการใช้บัตรพลาสติกรูดซื้อสินค้าได้ (จนบางคนเป็นหนี้บัตรไม่รู้กี่ใบต่อกี่ใบ)
- ผู้คนไม่อาจอดทนต่อความเย้ายวนของ เสน่หา ความลุ่มหลงในเรื่อง ของความรัก ความชอบพอ ได้(แน่นอนเซ็กซ์ด้วย)
- และผู้คนก็ไม่อาจอดทนได้ต่อไปเช่นกันเมื่อ ต่อมาความรักนั้นมันจืดจางลง เพราะเป็นความรักที่ไม่อดทนเพียงพอ ก่อให้เกิดการเลิกรา หย่าร้าง เต็มบ้านเมือง
- ผู้คนมีดีกรีความอดทนต่ำ ยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อก้าวเข้าสู่ไซเบอร์สเปซ เห็นได้จากแทนที่ผู้คนจะแลกเปลี่ยนข้อมูล ข่าวสารกันอย่างมีอารยะ กับกลายเป็นเพียงสนามรบของตัวอักษร ที่เอามาด่าทอ กันอย่างสนุกสนาน เมื่อ มีผู้อื่นไม่เห็นด้วยกับ ข้อความ หรือ ความเห็นของตนเอง
- ฯลฯ

แน่นอน ความอดทนอดกลั้นที่ต่ำลงนั้น จะเห็นได้ว่า มักที่จะเป็นเรื่องของส่วนตัว และการที่ความอดทนต่ำนั้น มันสัมพันธ์ไปถึง อำนาจด้วย เพราะ เมื่อใดก็ตาม ความอดทนที่ผู้คนมีต่อผู้ที่มีอำนาจมากกว่านั้น จะไม่ต่ำแบบเดียวกัน ในตอนที่มีความอดทนต่อ อำนาจที่น้อยกว่า

กล่าวคือ กับตนเอง และกับผู้มีอำนาจน้อยกว่าหรือเท่ากัน ผู้คนมักมีความอดทนต่อ สิ่งเหล่านั้นได้ต่ำ
แต่หาก กับผู้มีอำนาจมากกว่าแล้ว ความอดทน จะมีมากขึ้นผิดหูผิดตา เทียบกันไม่ได้ เลย ถึงแม้หลายๆ ครั้งจะเป็นกรณีเดียวกันก็ตาม

ผู้คนที่มีความอดทนสูงขึ้น
- ผู้คนอดทนได้มากกับพฤติกรรม อุบาทว์ โกงกินบ้านเมืองของเหล่านักการเมืองผู้เสียสละตัวเองมาทำผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร โกงกินกันแต่ไหน กินตามน้ำ กินทวนน้ำ ผู้คนก็ จะมีความอดทนสูงมากกับพฤติกรรมของคนพวกนี้
- นายจ้าง เจ้านาย CEO CFO Cอะไรต่อมิอะไรตามแต่จะหามาได้ ทั้งหลายแหล่นั้น ต่อให้ แย่แค่ไหน ด่าว่าลูกน้องแค่ไหน เลวร้ายต่อลูกน้องแค่ไหน ก็มักจะได้รับการอดทนอดกลั้นจากลูกน้องมาก เสมอๆ
- ฯลฯ

ดังที่กล่าว มา ผู้คนจะมีความอดทนต่ำมากๆ ในกรณี ทั่วไป และที่สำคัญกรณีที่เกี่ยวกับตนเอง แล้วตนเองมีอำนาจพอที่จะอ้าปาก มีปากมีเสียงได้ ยิ่งมีอำนาจมากแต่ไหน ความอดทนอดกลั้นจะยิ่งน้อยลงตามลำดับ แต่เมื่อใดก็ตาม ที่ตนเองไม่มีอำนาจพอทำให้มีปากเสียงแล้วละก็ คนจะมีความอดทนอดกลั้นได้มากขึ้นเป็นอย่างมาก

อย่างถ้ามองกลับไปที่ตัวอย่างแรกที่ยังไม่ได้ นำเอา เรื่องของอำนาจมาสัมพันธ์ด้วย จะเห็นได้ว่า มีบางอย่างเปลี่ยนแปลงไปได้
- อำนาจที่มากมาย ในอินเตอร์เน็ต ทำให้ เหล่าผู้คนที่อยากแสดงออกความคิดอ่าน และมีอำนาจให้แสดงสิ่งเหล่านั้นได้ ทำให้แสดงออกกันอย่าง ขาดซึ่งความอดทนอดกลั้น ยามคนอื่นไม่เห็นด้วยกับตน หรือ ตนไม่เห็นด้วยกับผู้อื่น
- เมื่อกลับมาอยู่ในสังคมแห่งความจริง หากคนเหล่านั้นไร้ซึ่งอำนาจแล้ว พวกเขาจะไม่ไร้ความอดทนเหมือน เวลาแสดงออกใน อินเตอร์เน็ต แตกต่างกันเป็นอย่างมาก

กลายเป็นเชิงสัมพัทธ์ ระหว่างอำนาจ กับ ความอดทนอดกลั้น
อำนาจยิ่งมากยิ่งทำให้คนมีความอดทนต่ำลง อำนาจที่น้อยลงเพิ่มความอดทนให้คน

แต่โดยส่วนตัวกลับคิด ว่า ความสัมพันธ์เชิงนี้ ไม่ดีเพราะ อำนาจเหล่านั้น ไม่ได้ ระบุ ถึงเรื่องราวที่ถูกต้อง รวมไปถึงที่มาที่ไปของอำนาจนั้นๆด้วย ซึ่งนั่นรวมไปถึงอำนาจเงินด้วย (จะ7หมื่น3พันล้านหรือเปล่า ไม่จำเป็น)

ความอดทนอดกลั้น เชิงสัมพัทธ์ กับความชั่ว น่าจะถูกนำมาใช้แทนที่ เพราะมันจะช่วยจรรโลงสังคมที่ผุกร่อนนี้ ให้ดีขึ้นมาได้ ความอดทนต่ำต่อความชั่วมาก อย่าง
- เหล่านักการเมือง อำมาตย์ กระฎุมพี ที่เปี่ยมไปด้วยศักยภาพแห่งความชั่ว ที่โกงกินบ้านเมือง กล่าวอ้างการทำเพ่อประชาชน เพื่อชาติ
- เหล่ากระฎุมพี ที่ครอบงำสังคมด้วย การมอมเมารูปแบบต่างๆ สินค้าใหม่ๆ บันเทิงรูปแบบต่างๆ
- ฯลฯ
ตามที่ยกตัวอย่าง สิ่งที่เหล่านี้น่าจะต้องได้รับความอดทนที่ต่ำกว่าเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้ เหล่าคนที่ทำชั่วไม่กล้าที่จะทำด้วยความกลัว ผู้คนอดรนทนไม่ได้

ยิ่งชั่วยิ่งเลว เราต้องยิ่งไม่อดทนกับสิ่งเหล่านั้น แล้วสังคมเราจะดีขึ้นได้ หากว่าเป็นเช่นนั้นได้





และขอบคุณครับสำหรับ คนอ่านที่ "อดทน" อ่านมาจนถึงบรรทัดนี้ได้


Create Date : 13 มกราคม 2550
Last Update : 13 มกราคม 2550 10:52:50 น. 2 comments
Counter : 691 Pageviews.  

 
มารายงานตัวว่า เราอดทน เป็นคนแรกอ่ะ หุหุ (ล้อเล่น)


โดย: รุ้งสีที่แปด วันที่: 18 มกราคม 2550 เวลา:16:19:35 น.  

 
อ่านแล้วก็เห็นด้วยบ้าง
ต้องคิดต่อเพิ่มอีกบ้าง
อาจจะเป็นคนหนึ่งที่มีความอดทนสัมพัทธ์อำนาจ
ตามที่คุณเขียน ยอมรับ
รู้สึกว่าเป็นข้อคิดที่ถูกต้อง และเห็นด้วย
(หมายถึงคุณเอามาเขียนอย่างตรงไปตรงมา)

ไม่ได้ต้องใช้ความอดทนในการอ่าน
แต่บางคนก็อาจจะต้องใช้




รู้สึกยินดีที่ได้อ่านบทความคุณ
ตามมาจากกระทู้ หลอกตัวเอง


โดย: kee (ปลุ่ย ) วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:13:56:52 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

KongMing
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เล่าจื้อกล่าวว่า"ผู้รู้เขาคือปราชญ์"
และกล่าวอีกว่า"ผู้รู้เราคือปัญญาชน"
ณ ปากทางเข้าถ้ำวิหารเทพอพอลโล่แห่งเดลฟี
มีป้ายทองคำเขียนว่า "Know thyself" แปลว่า รู้จักตนเอง
"temet nosce" ภาษาลาตินที่Oracleกล่าวให้
Neo รู้จักตนเอง

สิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเราอยู่ที่ คำกล่าวเหล่านี้
[Add KongMing's blog to your web]