ความไม่รู้เป็นลาภอันประเสริฐ

รัฐโกลาหล Chaos State

ว่าด้วยเรื่องของ ทฤษฎีความโกลาหลที่ไม่อาจจะคาดเดาสิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งในที่นี้จะกล่าวถึงในเรื่องเกี่ยวกับรัฐ ซึ่งไม่อาจจะคาดเดาอะไรได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับรัฐนั้นๆ

ว่าด้วยรัฐ หรือ เขตปกครองหนึ่ง ประเทศหนึ่ง ที่มีการปกครอง อาณาเขต อธิปไตย เป็นของตนเอง ซึ่งตามปกติแล้วจะเป็นเรื่องของการจัดระเบียบต่างๆที่จะเกิดขึ้นภายในประเทศนั้นๆ และการจัดรูปแบบระเบียบต่างๆนั้น จะต้องเป็นมีข้อกำหนดต่างๆที่มั่นคงแน่นอน และมีแนวทางที่ชัดเจน มีรูปแบบที่ก่อให้เกิดความหนักแน่นของรัฐ

ถ้าหากข้อกำหนดต่างๆ เป็นไปในรูปแบบที่ไม่มีความแน่นอน ปราศจากทิศทาง นั่นย่อมหมายถึงความสะเปะสะปะของผู้จัดการในรัฐนั้น ซึ่งนั่นก็จะมีผลไปถึงประชากรที่อาศัยอยู่ในรัฐนั้นๆด้วย และหากเป็นเช่นนั้นนั่นย่อมหมายถึงความไร้ซึ่งเสถียรภาพของตัวรัฐนั้นเอง

โดยปกติแล้วรัฐนั้นย่อมต้องมีสิ่งที่ตายตัวไว้ อย่างเรื่องของอธิปไตยที่ต้องแน่ชัดว่ามีแนวทางแบบไหน ทั้งนี้เพื่อการพัฒนาของประเทศ ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่สามารถกำหนดเรื่องราวของเศรษฐกิจและสังคมได้เลย หากว่าตัวอธิปไตยเองยังคลุมเครือ การลงทุนย่อมไม่มีความปลอดภัยในเม็ดเงิน

หรืออย่างเรื่องของสิทธิและเสรีภาพ ที่จะเป็นเครื่องสะท้อนภาพลักษณ์ที่แท้จริงต่อผู้อื่นที่มองมาได้ เพราะเรื่องราวแบบนี้ไม่อาจปกปิดกันได้ง่ายๆ และก็ไม่ใช่เรื่องที่จะยอมรับกันได้ง่ายๆแล้วในยุคสมัยนี้

เมื่อรัฐไม่อาจจะกำหนดอะไร ได้ ตายตัวเลย นั่นย่อมหมายถึงสภาพของรัฐที่เหมือนเรือลอยเคว้งคว้าง ไร้จุดหมาย กระแสน้ำจะพาไปทางไหนก็ยอมจำนนแต่โดยดี

ตัวอย่างที่เกิดขึ้นนั้นมีให้เห็นไม่มากก็น้อย ในเรื่องของ สิ่งที่เป็นเรื่องที่ไม่อาจคาดเดาได้ และเป็นผลกระทบต่อเนื่อง
- ใครจะคิดว่ายุคสมัยนี้จะมีรถถังมาวิ่งเล่นได้
- ใครจะคิดว่าผู้คนไม่กลัวรถถังแต่กลับชื่นชม
- ใครจะคิดว่าผู้คนยอมเสียสิทธิ เสรีภาพ เพื่อให้มีการเลือกตั้ง
- ใครจะคิดว่า คนดีมีคุณธรรมจะ โกงกิน
- ใครจะคิดว่า เหตุการณ์รุนแรงจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
- ใครจะคิดว่า ระเบิดตามที่ต่างๆ ไม่เคยจับใครได้เลย
- ใครจะคิดว่า มีเทปลับ เอกสาร มากมาย ขนาดนี้ และถ้ามากมายขนาดนี้ ก็ไม่น่าจะลับแล้ว
- ใครจะคิดว่า จะมีการบิดเบือนเจตนารมของประชาธิปไตยมากมายขนาดนี้
- ใครจะคิดว่า จะมีการออกกฎหมายที่ละเมิดสิทธิเสรีภาพอย่างมากมายในยุคสมัยนี้
- และอีกหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่อาจจะคาดเดาได้

นั่นส่อให้เห็นถึงความโกลาหล ที่ไม่อาจจะคิดได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในภายภาคหน้า และนำพาไปสู่การให้ค่าความสำคัญต่อเพียงวันนี้ ตอนนี้เพียงเท่านี้ เพราะความไม่แน่นอนของวันรุ่งขึ้น

ประชาชนมากมาย เลือกที่จะใช้ชีวิตไปวันๆ ให้มันผ่านพ้นไปเพียงเพราะ พวกเขาไม่อาจจะรับรู้ได้เลยว่า ในวันพรุ่งนี้เหล่ารัฐจะมีอะไร แปลกๆประหลาดๆ ออกมาให้ประชาชนตื่นตาตื่นใจได้อีก

มันช่างเป็นความโกลาหล และระคนกับความตื่นเต้น ให้กับประชาชนทุกวันจริงๆ ซึ่งมันก็น่าจะยังเป็นอย่างนี้ไปอีกนานแสนนาน

ตราบเท่าที่ความโกลาที่คาดเดาไม่ได้ยังเป็นผลประโยชน์ที่ต่อเนื่องให้กับหลายๆฝ่าย ที่ได้ประโยชน์จากจุดนี้ไป และผลประโยชน์เหล่านั้นเองที่พวกเขาเก็บเกี่ยว ทำให้พวกเขายังคงไว้ซึ่งความโกลาหลให้กับเหล่าประชาชนสับสนกันต่อไปในชีวิต

กลายเป็นรัฐแห่งความโกลาหล ไม่อาจจะรับรู้ได้ว่าจะเกิดเหตุการณ์หรือสถานการณ์แบบไหน ต้องคอยเฝ้าดูไปตลอดเวลา และลุ้นกันอยู่เสมอๆไม่ให้มีอะไรที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น


Create Date : 04 มกราคม 2551
Last Update : 4 มกราคม 2551 15:55:53 น. 0 comments
Counter : 566 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

KongMing
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เล่าจื้อกล่าวว่า"ผู้รู้เขาคือปราชญ์"
และกล่าวอีกว่า"ผู้รู้เราคือปัญญาชน"
ณ ปากทางเข้าถ้ำวิหารเทพอพอลโล่แห่งเดลฟี
มีป้ายทองคำเขียนว่า "Know thyself" แปลว่า รู้จักตนเอง
"temet nosce" ภาษาลาตินที่Oracleกล่าวให้
Neo รู้จักตนเอง

สิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเราอยู่ที่ คำกล่าวเหล่านี้
[Add KongMing's blog to your web]