ความไม่รู้เป็นลาภอันประเสริฐ

เอาใจเขามาใส่ใจเรา

การรู้จัก "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" หมายถึง รู้จักคิดถึงใจคนอื่น เห็นใจคนอื่น และคิดเปรียบเทียบดูว่า ถ้าเราเป็นเขา เราจะรู้สึกอย่างไรถ้ามีคนมาปฏิบัติหรือพูดกับเรา ในแบบที่เรากำลังจะทำหรือพูดออกไป

ในสังคมปัจจุบัน ผู้คนมีความคิดความเห็นแตกต่างกันออกไป จนไม่อาจจะจำแนกแนวความคิดต่างๆได้อย่างชัดเจนอีกต่อไป เพราะต่างคนก็ ต่างพื้นเพ ร้อยพ่อพันแม่ กันมา จะให้ คิดเหมือนๆกันไปหมดคงจะเป็นไปไม่ได้

ถึงแม้ว่าการศึกษาที่พยายามจะปั๊มเด็กและเยาวชนให้เดินไปตามทาง เดินอันแสนสวยงาม ที่เหล่าผู้ใหญ่พากันหวังดีพยายามขีดเส้นให้เดินไป แต่ด้วยระบบการศึกษาที่ยอดเยี่ยมที่สุด(ในการสร้างนกแก้วนกขุนทอง) ตามคำกล่าวอ้างที่เวลาปฏิรูปการศึกษาหนึ่งครั้งก็มักจะได้ยินเสมอๆ นั้น กลับได้เหล่าเด็กและเยาวชนที่มีบางคน บางส่วนคิดแตกต่างกันออกไป โดยรวมส่วนใหญ่อาจจะได้ บุคลากรที่มีคุณภาพ(ตามสายตาเหล่าผู้ใหญ่) แต่นั่นก็ไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันว่า ส่วนใหญ่นั้นๆ จะไร้ซึ่งความคิดไปซะทีเดียว และแน่นอนด้วยว่าย่อมมีความคิดที่แตกต่างกันออกไป

เมื่อความคิดติด ตัวที่มีความหลากหลายและแตกต่างกัน ย่อมเกิดการถกเถียง โต้แย้ง ไม่มากก็น้อย ไม่แยกแยะสถานที่ไม่ว่าจะตามสภาสูง สภาล่าง ยันสภาโจ๊ก และสภากาแฟ

คำพูดหนึ่งที่กล่าวคือ เอาใจเขามาใส่ใจเรา จะทำให้ เข้าใจอะไรได้ ดีขึ้น แต่ทว่าแท้ที่จริง การที่คนๆหนึ่งพยายามที่จะบอกว่า เอาใจซึ่งในที่นี้หมายถึงความคิดความรู้สึก ของคนอีกคนหนึ่งมาคิดนั้น ผลลัพธ์มันย่อมได้ไม่เท่ากันแน่นอนด้วยปัจจัยต่างๆ

คำกล่าวนี้ อาจจะใช้ได้ ในช่วงหนึ่งๆ ที่คนเรามีความคิดแบบเดียวกัน สังคมที่มีความหลากหลายน้อย ผู้คนมองภาพแล้วเห็นเป็นภาพเดียวกัน และย่อมนำไปสู่ผลลัพธ์เดียวกันได้ เกิดเป็นความเห็นอกเห็นใจกันเพราะ มีจุดร่วมความคิดความรู้สึกเดียวกัน

แต่เมื่อยุคสมัยใหม่ที่ผู้ คนเต็มไปด้วยความหลากหลายทางความคิด ความรู้ รูปแบบการใช้ชีวิต คำกล่าวนี้อาจจะต้องปรับเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

ในสมัยใหม่นี้ ด้วยปัจจัยที่แตกต่างกันที่กล่าวมาข้างต้น ถึงแม้ว่าเราจะเอาใจของคนอื่นมาคิด มาใส่เท่าไรก็ตาม แต่เราไม่ได้ ขจัดใจหรือความคิดของเราออกไป นั่นย่อมหมายถึงการพาไปสู่การพยายามคิดว่าถ้าเป็นเขา เราจะรู้สึกเช่นไร ด้วยความคิด ความรู้สึกและเหตุผลของเรามากกว่า และนั้นก็มีให้เห็นอยู่เสมอๆ เพราะคนมัก เอาใจ(ความคิด)เราไปใส่ตัวเขา มากกว่า ซึ่งมันไม่เหมือนกัน

และเมื่อเราเอาใจเราไปใส่ตัวเขาแล้ว มันก็ จะเป็นเรื่องของการคิดแทน คิดเอง เออเอง ว่าสิ่งนี้เราว่าดี ในสายตาเรา
เรากระทำแบบนี้เราก็เห็นว่าดี ดังนั้นเขาก็ต้องคิด ต้องรู้สึกเช่นเดียวกับเรา กลายเป็นอีหรอบนั้นไปมากกว่า

เหล่าผู้มีการศึกษามักจะคิดด้วยห้วงความคิดของเขา การจะเอาใจชาวบ้านมาใส่แล้วให้คิดเหมือนกันคงเป็นไปไม่ได้
มุมกลับกันชาวบ้านจะเอาใจนักศึกษามาคิดก็ไม่มีทางเหมือนกันได้

เหล่า นักการเมือง อำมาตย์ ผู้ปกครองประเทศ ก็ มักจะคิดแทนและไม่เคยเลยที่จะคิด เอาใจเขามาใส่ใจเรา ก็จะมีเพียงแค่การเอาใจเราไปใส่ตัวเขาบ้างเป็นครั้งคราว แต่ด้วยความรู้ความสามารถ ความมีคุณธรรมอันสูงส่งของคนเหล่านั้น
เราก็จะได้เพียง ความคิดของเขามากกว่าที่จะได้รับ ความคิดที่ส่งผ่านจากความต้องการของประชาชน

เหล่า ผู้เล่นอินเทอร์เน็ต(บางส่วน) ย่อมไม่ค่อยได้คิดถึงคำกล่าวนี้เท่าไหร่ ด้วยภูมิความรู้ที่อัดแน่นอยู่เต็มเปี่ยม ที่พร้อมจะระเบิดออกมาผ่านทางคีย์บอร์ด จึงไม่ค่อยมีเวลาพอที่จะมานั่งใส่ใจถึงความรู้สึกนึกคิดคนอื่นเท่าไหร่ กลายเป็นเรื่องราวของการแข่งขันประชันกันอวดความเก่งกล้าสามารถ ต่อว่า ด่าทอ โดยไม่แยแสใยดีต่อความรู้สึกผู้อื่น

ไม่ใช่ว่า การเอาใจเขาใส่ใจเรา มันผิด แต่ที่กล่าวคือ ในความเป็นจริงแล้วผู้คนทำเพียง เอาใจเราไปใส่ตัวเขา ไม่ได้ ก้าวพ้นกรอบจุดที่ว่าไป

การที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเรานั้นไม่ใช่ เรื่องที่ง่ายอย่างที่คิด เพราะว่าต้องอาศัยการเอาใจใส่ไปถึงพื้นฐานทางความคิด การตัดสินใจ พื้นเพการใช้ชีวิต สภาพแวดล้อมที่คนๆนั้นเป็นอยู่ ปัญหาต่างๆที่คนๆนั้นประสบอยู่ ไม่ใช่การมักง่ายเพียงแค่การคิดเอาใจไปคิดแทนแบบหยาบๆ แบบที่ผู้คนใช้กันอยู่ หรือ ในแบบที่คนรู้จักแต่ไม่ใช้และไม่เคยคิดจะใช้

คิด ให้ลึกกว่าแค่ที่ผิวนอก ปอกเปลือกที่เคลือบอยู่ออกไป ทำความเข้าใจถึงแนวความคิด ความรู้สึกความเป็นมาต่างๆของคนที่เราต้องการจะเอาใจของเขามาใส่ ถึงแม้ว่าจะไม่มีทางที่จะเหมือนกันไปได้ แต่ก็น่าที่จะทำให้เข้าใจและเข้าใกล้ความเป็นตัวตนของเขามากขึ้น แล้วถ้าถึงจุดนั้นก็จะนำพาไปสู่ คำว่า

เอาใจ(ทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของ)เขามาใส่ใจ(ความคิดความเข้าใจในความเป็นเขาของ)เรา

และย่อมทำให้เกิดจุดร่วมทางความคิด ทางความรู้สึกได้ดีขึ้นเป็นลำดับไป


Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2550 23:36:59 น. 0 comments
Counter : 20068 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

KongMing
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เล่าจื้อกล่าวว่า"ผู้รู้เขาคือปราชญ์"
และกล่าวอีกว่า"ผู้รู้เราคือปัญญาชน"
ณ ปากทางเข้าถ้ำวิหารเทพอพอลโล่แห่งเดลฟี
มีป้ายทองคำเขียนว่า "Know thyself" แปลว่า รู้จักตนเอง
"temet nosce" ภาษาลาตินที่Oracleกล่าวให้
Neo รู้จักตนเอง

สิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเราอยู่ที่ คำกล่าวเหล่านี้
[Add KongMing's blog to your web]