ความไม่รู้เป็นลาภอันประเสริฐ

ลัทธิบูชากระดาษ

กระดาษ คือ เป็นวัสดุที่ผลิตขึ้นมาสำหรับการจดบันทึก มีประวัติศาสตร์ยาวนาน เชื่อกันว่ามีการใช้กระดาษครั้งแรกๆ โดยชาวอียิปต์โบราณ และชาวจีนตั้งแต่สมัยโบราณ แต่กระดาษในยุคแรกๆ ล้วนผลิตขึ้นเพื่อการจดบันทึกด้วยกันทั้งสิ้น จึงกล่าวได้ว่าระบบการเขียน คือแรงผลักดันให้เกิดการผลิตกระดาษขึ้นในโลก ปัจจุบันกระดาษไม่ได้มีประโยชน์ในการใช้จดบันทึกตัวหนังสือ หรือข้อความ เท่านั้น ยังใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้มากมาย เช่น กระดาษชำระ กระดาษห่อของขวัญ กระดาษลูกฟูกสำหรับทำกล่อง ฯลฯ

กระดาษได้นำมาใช้ประโยชน์ในรุปแบบต่างๆ ซึ่งสร้างสรรค์ประโยชน์นานัปการต่อสังคมและชีวิตมนุษย์ หากจะกล่าวถึงประโยชน์ของกระดาษ คงยกมาได้นับไม่ถ้วน และอาจเขียนไปไม่จบ

แต่ในที่นี้ ตัวผู้เขียนจะกล่าวถึง กระดาษในเชิงสัญลักษณ์ที่ผู้คนในสังคม เลือกยอมรับ และนับถือ กระดาษเหล่านั้นเป็น เครื่องมือ ที่ใช้ในวัตถุประสงค์แห่งความเข้าใจร่วมกัน

กล่าวคือ ในปัจจุบัน มีการใช้กระดาษเชิงสัญลักษณ์ เพื่อให้ผู้คนเข้าใจถึงความหมายของตัวกระดาษเหล่านั้นว่า มันไม่ใช่เป็นเพียงกระดาษ แต่มันคือตัวแทนของความหมายที่อยู่ในกระดาษนั้นๆ และก็เป็นสิ่งที่กำหนดความเข้าใจร่วมกันที่ไม่ว่าใครก็เข้าใจในรุปแบบนั้นๆ

กระดาษแห่ง ความมั่งมี คือ กระดาษที่ใช้เป็นตัวแทนเงินตรา หรือ ธนบัตร เพื่อใช้เป็นสื่อกลางการซื้อขายแลกเปลี่ยนของผู้คนในสังคม และนั่นก็คือ สิ่งที่ผู้คนใคว้คว้าหามันเพื่อความมีของชีวิต เพราะ หากขาดกระดาษนี้ ก็ไม่สามารถก้าวไปสู่ปัจจัยแห่งการดำรงชีพได้

และการใคว้คว้าหา กระดาษธนบัตร ก็ ตามมาด้วยความมุ่งมั่นความสนใจนั้นๆไปสู่ กระดาษอีกแผ่น นั่นก็คือ กระดาษเสี่ยงโชค หรือ หวยและลอตเตอรี่ ซึ่งกระดาษเสี่ยงโชคเหล่านี้ เป็นเครื่องปูทางของเหล่าผู้คนส่วนใหญ่ของสังคมที่ ต้องการให้กระดาษเสี่ยงโชคใบนี้ นำไปสู่กระดาษแห่งความมั่งมี แล้วก็กลายสภาพเป็นความบ้าคลั่งกระดาษเสี่ยงโชค ที่ทำให้เห็นภาพความพยายามให้กระดาษเสี่ยงโชคนั้นสัมฤทธ์ผล ไม่ว่าจะเป็นการบนบานสานกล่าว การขอเลขเด็ด การตีความฝัน ฯลฯ

นั่นคือ กระดาษที่ใช้แทนเงินตราของเหล่าชนชั้นผู้ช่วยเหลือตนเองมิได้ แต่กระดาษของเหล่าชนชั้นสูงทั้งหลาย ก็จะเป็นเงินตราแต่พวกเขาจะ บูชาเหล่ากระดาษแห่งทุน มากกว่า เพราะมูลค่าที่มากกว่า กระดาษธนบัตร กระดาษเหล่านั้นก็คือ กระดาษหุ้น หนังสือสัญญา พันธบัตรต่างๆ สิ่งเหล่านี้คือ กระดาษของเหล่าชนชั้นสูงที่พวกเขาเฝ้าใคว่คว้า ซึ่งในทางพฤติกรรมแล้วมันก็ไม่ต่างจากความบ้าคลั่งกระดาษเสี่ยงโชคของเหล่าผู้ยากไร้อำนาจ ไม่ว่าจะเป็นกลยุทธ์ทางธุริกิจต่างๆ การหลบเลี่ยงภาษี การปั่นหุ้นฯลฯ

กระดาษอีกใบที่สังคมยอมรับ กระดาษที่เป็นตัวบ่งชี้ บอกว่า คนๆนี้เป็นคนที่ผ่านการตีตรามาแล้วว่าได้ผลิตออกมาสนองตอบต่อโครงสร้างทางสังคม กระดาษที่เหล่าผู้คนใคว้คว้ามาประดับ เพี่อการยกระดับฐานะของตน เพื่อความสะดวกในการก้าวเข้าหากระดาษแห่งเงินตรา กระดาษปริญญา กระดาษหนึ่งใบที่มีค่ามากกว่าตัวตนของผู้ถือครอง กระดาษแห่งการการันตี จากแหล่งผลิต ว่านี่คือผลผลิตคุณภาพจากอุตสาหกรรมการศึกษา ที่สังคมจะยอมรับนับถือ ยิ่งหากว่ากระดาษใบนี้ออกมาจากโรงงานการศึกษาที่มีแท่นพิมพ์กระดษาใบนี้ ดีกว่าโรงงานอื่นๆ นั่นก็คือ การยอมรับว่า กระดาษใบนี้คุณค่ามากกว่า กระดาษที่ผลิตจากโรงงานไร้ชื่อ

และนับวันธุรกิจกระดาษปริญญา จะยิ่งทวีคุณความรุนแรงขึ้น เพราะ การออกนอกระบบของโรงพิมพ์ปริญญา
ทำให้ ผู้คนจะยิ่งบ้าคลั่ง กระดษษแห่งความร็นี้มากขึ้นเรื่อยๆ และมูลค่าของกระดาษนี้ก็จะยิ่งสูงขึ้นตามความต้องการของสังคมที่นิยม กระดาษใบนี้

ดังที่กล่าวมาแล้วทั้งหมด นั่นคือ การยกตัวอย่าง ลัทธิบูชากระดาษ ที่ผู้คนให้ค่าความสำคัญเป็นอย่างมาก

ผู้คนในสังคมตีตราตีค่าสิ่งต่างผ่านกระดาษ ซึ่งการตีค่าเหล่านั้น อาจเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะว่า ตัวกระดาษเอง ก็เปรียบได้กับ ความไม่คงทนถาวร กระดาษง่ายต่อการเปียกน้ำเปื่อยยุ่ย กระดาษง่ายต่อการฉีกขาดได้ กระดาษ ง่ายต่อเผาไหม้ได้

เปรียบได้กับความไม่จีรังของความต้องการของมนุษย์ที่อิงกับกระดาษ ซึ่งมันจะเปลี่ยนแปลงไปได้ไม่จบไม่สิ้น มีแต่เรื่องราวของการใคว้คว้า ผู้คนต่างหาหนทางต่างๆนานา เพื่อการครอบครอบกระดาษทั้งหลาย ไม่เลือกวิธีและหนทางที่จะไปสู่การได้มาของกระดาษเหล่านั้น

จนหนทางที่เลวร้ายหนทางที่ อุบาทว์ ก็งัดกันออกมาใช้กันอย่างแพร่หลาย เพียงเพื่อกระดาษเหล่านั้น และที่แย่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ผู้คนยอมรับว่ากลายๆ ว่าการทำอย่างไรก็ได้ เพื่อให้ได้ กระดาษที่พวกเขาบูชานั้นมาครอบครอง เป็นเรื่องปกติสุข

ลัทธิบูชากระดาษ เป็นเรื่องของความบ้าคลั่งในสัญลักษณ์ที่กระดาษเหล่านั้น เป็นตัวแทนอยู่ ยิ่งคนเราให้ค่าความสำคัญต่อกระดาษเหล่านั้นมากเท่าไหร่ ก็คือการสะท้อนภาพกลับมาว่าคนเราก็คือความไม่แน่นอนเช่นตัวกระดาษเหล่านั้นเอง

จนในที่สุดมูลค่าที่แท้จริงที่อยู่ในกระดาษ ก็จะถูกมองข้ามไป เหมือนมูลค่าที่แท้จริงของผู้คนที่ครอบครองมัน ที่มองข้ามมูลค่าภายในไม่ต่างกัน


Create Date : 20 ธันวาคม 2549
Last Update : 20 ธันวาคม 2549 13:41:25 น. 1 comments
Counter : 639 Pageviews.  

 
"ผู้คนในสังคมตีตราตีค่าสิ่งต่างผ่านกระดาษ
ตัวกระดาษเอง ก็เปรียบได้กับ ความไม่คงทนถาวร

เปรียบได้กับความไม่จีรังของความต้องการของมนุษย์ที่อิงกับกระดาษ ซึ่งมันจะเปลี่ยนแปลงไปได้ไม่จบไม่สิ้น มีแต่เรื่องราวของการใคว้คว้า ผู้คนต่างหาหนทางต่างๆนานา เพื่อการครอบครอบกระดาษทั้งหลาย ไม่เลือกวิธีและหนทางที่จะไปสู่การได้มาของกระดาษเหล่านั้น "

^
^
เห็นด้วยค่ะ ทุกวันนี้ยังงงๆอยู่เลยว่าทำไมชีวิตตรูต้องขึ้นอยู่กับกระดาษหยั่งงี้(วะ) ไม่มีกระดาษเงินนี่เครียดเลย ชีวิตไม่เป็นสุข พ่อแม่ก็ไม่เป็นสุข
จะให้เดินเข้าหาเศรษฐกิจพอเพียงก็ไม่พร้อมอีก เดี๋ยวเจ้าหนี้กระดาษจะตามจับเอา

แต่ถ้าไม่มีกระดาษ=วาดรูปไม่ได้ นี่ ขอตายดีก่า



โดย: walk in dream (walkin ) วันที่: 20 ธันวาคม 2549 เวลา:22:02:33 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

KongMing
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เล่าจื้อกล่าวว่า"ผู้รู้เขาคือปราชญ์"
และกล่าวอีกว่า"ผู้รู้เราคือปัญญาชน"
ณ ปากทางเข้าถ้ำวิหารเทพอพอลโล่แห่งเดลฟี
มีป้ายทองคำเขียนว่า "Know thyself" แปลว่า รู้จักตนเอง
"temet nosce" ภาษาลาตินที่Oracleกล่าวให้
Neo รู้จักตนเอง

สิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเราอยู่ที่ คำกล่าวเหล่านี้
[Add KongMing's blog to your web]