ความไม่รู้เป็นลาภอันประเสริฐ

หลอกตัวเอง

หลอกตัวเอง คือ การที่คนเราไม่พูดไม่บอกความจริงแก่ตัวเราเอง ซึ่งความจริงที่หมายถึงเรื่อราวต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมแวดล้อมของตัวเอง การโกหกต่อตนเอง ความไม่จริงใจต่อตัวเราเอง

ชีวิตท่ามกลางสังคม ปัจจุบันนี้ ผู้คนแสวงหาเป้าหมายของชีวิตที่หมายมั่นกันไป แต่หลายๆครั้งการกระทำของผู้คนในสังคมมักเต็มไปด้วยการหลอกลวงซึ่งกันและ กัน

การหลอกกันกลายเป็นเรื่องของ คนฉลาดสามารถกระทำได้ ต่อคนที่ไม่รู้เท่าทันตนเอง การหาช่องว่างของกฎหมาย การหาช่องทางที่จะทำให้ตนเองได้เปรียบกว่าผู้อื่น ส่วนผู้ที่ไม่รู้เท่าทันก็ ได้แต่เป็นผู้ต้องรับชะตากรรมนั้นๆไปโดยไม่อาจโต้แย้งอะไรได้

การ หลอกกลวงกันไปมา ที่หาได้ไม่ยากในสังคม ที่เริ่มแพร่ขยายไปเรื่อยๆ จนจะกลายเป็นเรื่องปกติสุข ว่าผู้คนสามารถแข่งขันกันหลอกลวงได้ หลอกลวงกันระหว่างบุคคลต่างๆ นั้นแฝงด้วยผลประโยชน์นานับประการ ความแยบยลของความหลอกลวงที่คืบคลานมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่หาได้ ง่ายๆ

นักการเมืองมักกล่าวคำลวงออกมาเพื่อสร้างมูลค่าความน่าเชื่อ ถือให้ตน ยิ่งใครคนไหนหลอกลวงคนอื่นๆ หลอกลวงประชาชนได้ มากเท่ายิ่งกลายเป็นเรื่องชอบธรรมมากเท่านั้น เพราะว่า ยิ่งคนเชื่อตามนั่นหมายถึงคะแนนเสียงตามหัวที่นับได้ตามหลักประชาธิปไตยแบบ นับปริมาณที่นิยมเอามาวัดกันมากกว่าตัว เนื้อหาจริง

สื่อต่างๆไม่ ว่าจะสื่อหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ก็ แข่งกันหลอกคนดู ผู้ฟัง มากกว่าว่าใครจะมีศิลปะในการหลอกลวงที่ดีกว่ากัน เพื่อผลพวงที่จะได้รับกลับมาในค่าโฆษณา ค่าสปอนเซอร์


เมื่อ สังคมหลอกกันไปมา ผู้คนที่เริ่มที่จะคุ้นชินกับการหลอกลวง ก็ เริ่มที่จะไปไกลกว่าการหลอกกันระหว่างบุคคล ซึ่งนั่นก็ คือ การเริ่มที่จะครอบงำไปสู่การหลอกตัวเอง ของผู้คนที่โดนกล่อมประสาทอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน จากฝีมือของเหล่าผู้ครอบครองอำนาจ

คนเราหลอกตัวเอง ว่าถ้าเราขาว เราจะเป็นคนที่สวย
คนเราหลอกตัวเอง ว่าถ้าเราผอม เราจะเป็นคนที่หุ่นดี
คนเราหลอกตัวเอง ว่าถ้าเราแต่งตัวดี อินเทรนด์ เราจะเป็นที่ยอมรับ
คนเราหลอกตัวเอง ว่าถ้าเราหน้าใส เราจะเป็นที่หมายปอง
คนเราหลอกตัวเอง ว่าคนฟันธงขาดจะช่วยให้ชีวิตเราดีขึ้น
คนเราหลอกตัวเอง ว่าถ้าเราเรียนที่สถาบันที่มีชื่อเสียง เราจะสูงส่งกว่าคนอื่นๆ
คนเราหลอกตัวเอง ว่าถ้าเราจบจากสถาบันที่มีชื่อเสียงเราจะเก่งกว่าคนอื่นๆ
คนเราหลอกตัวเอง ว่าถ้าเราทำงานในบริษัทที่มีชื่อเสียง เราจะมีหน้ามีตากว่าคนอื่นๆ
คนเราหลอกตัวเอง ว่าถ้าเราได้เงินเดือนเยอะๆ เราประสบความสำเร็จกว่าคนอื่นๆ
คนเราหลอกตัวเอง ว่าถ้าเรามีตำแหน่งสูงๆ เรายิ่งใหญ่กว่าคนอื่นๆ
คนเราหลอกตัวเอง ว่าถ้าเรามีรถหรูๆ ป้ายแดง เราจะมีคลาสกว่าคนอื่นๆ
คนเราหลอกตัวเอง ว่าถ้าเรามีเครื่องประดับที่แพงกว่า เราอยู่เหนือ กว่าคนอื่นๆ
คนเราหลอกตัวเอง ว่าถ้าเราบ้านที่ใหญ่โตหรูหรากว่า เราสูงศักดิ์กว่าคนอื่น
คนเราหลอกตัวเอง ว่าคนที่หวังดีกับเรามีแค่บริษัทประกัน
คนเราหลอกตัวเอง ว่าถ้าคนแก่มา จะแก้ไขบ้านเมืองได้
คนเราหลอกตัวเอง ว่าคนมีคุณธรรมแค่กลุ่มเดียว สามารถช่วยให้บ้านเมืองดีขึ้นได้
คนเราหลอกตัวเอง ว่ารัฐธรรมนูญ ฉบับใหม่จะดีกว่าของเก่า
คนเราหลอกตัวเอง ว่ารัฐบาลก่อนหน้านี้ดีกว่า
คนเราหลอกตัวเอง ว่าถ้าคนทำผิด ถูกฝัง ปัญหาทุกอย่างจะจบ
คนเราหลอกตัวเอง ว่าการเร่ร่อนออกทีวีตามเมืองนอกจะช่วยสร้างคาให้ตัวเองได้
คนเราหลอกตัวเอง ว่าประชาธิปไตยเป็นเรื่องของผู้ปกครอง
คนเราหลอกตัวเอง ว่าเรากำลังปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย
คนเราหลอกตัวเอง ว่าเผด็จการไม่ใช่ เรื่องเลวร้าย
คนเราหลอกตัวเอง ว่าเราต้องไปดูหนังเพื่อแสดงออกถึงความรักชาติ
คนเราหลอกตัวเอง ว่าเราต้องไปเชียร์ฟุตบอลเพื่อแสดงออกถึงความรักชาติ
คนเราหลอกตัวเอง ว่าเราต้องไปต้องไปทำกิจกรรมที่เค้าบอกเพื่อแสดงออกถึงความรักชาติ
คนเราหลอกตัวเอง ว่าการปิดเว็บไซด์ลามกจะช่วยให้ลูกหลานเราดีขึ้นได้
คนเราหลอกตัวเอง ว่าการสอนลูกหลานเรื่องเซ็กซ์เป็นเรื่องที่ไม่ดี (จนทำให้เด็กต้องไปค้นหาเอง)
คนเราหลอกตัวเอง ว่าวันนี้พรุ่งนี้ จะถูกหวย
คนเราหลอกตัวเอง ว่าพรุ่งนี้ชีวิตจะดีขึ้นกว่าเดิม
คนเราหลอกตัวเอง ว่าละครทีวีมันช่วยให้สามารถพ้นจากความทุกข์ได้
คนเราหลอกตัวเอง ว่าการชอปปิ้ง สนองตัณหาได้
คนเราหลอกตัวเอง ว่าการตอบกระทู้ ที่ด่าว่าคนอื่น มันสะใจกว่าตอบดีๆ
คนเราหลอกตัวเอง ว่าการโพสกระทู้ล่อเป้า มันเท่ห์ เหลือหลาย
คนเราหลอกตัวเอง ว่าการตอบกระทู้ของตัวเองถูกต้องกว่าคนอื่นเต็มประดา
คนเราหลอกตัวเอง ว่าตัวเองเทพเหนือกว่าผู้อื่นไปซะหมด
คนเราหลอกตัวเอง ว่าฯลฯ

ที่ ยกมาก็แค่ตัวอย่างที่ผมเห็น ไม่จำเป็นว่า คุณต้องเห็นตัวอย่างนั้นๆ เหมือนกับผม ผมคิดว่า มันยังมีอีกหลายกรณีที่ ผมไม่เห็น อาจจะมีอีกหลายท่านคิดไปได้ต่างๆนานา

คนเราโดนสังคมกรอกหู ด้วยคำลวงทำให้คนเราเริ่มเชื่อตามในสิ่งที่กรอกหู จนเป็นเรื่องราวของการที่คนเราเริ่มหลอกตัวเอง ตามอย่างที่ผู้หลอกลวงอยากให้ เราเชื่อเช่นนั้น จนพัฒนาไปสูการเข้าทำนอง รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก

เมื่อสังคมหลอกลวง ตัวเราเองก็ต้องใช้ความคิดและเหตุผล เมื่อการหลอกลวงนั้นมากขึ้น เราก็ ต้องใช้ความคิดและเหตุผลให้มากขึ้น เพราะถึงแม้สังคมจะกรอกหูด้วยคำหลอกลวงเพียงใด หากเราแยกแยะได้ เราก็จะไม่ตกเป็นเหยื่อของคำลวงต่างๆ ที่ประเดประดัง เข้าหาตัวเรา

แต่การแยกแยะ ที่ต้องใช้ ความคิดและความมีเหตุผล มันอยู่ตรงไหน วันใด ผู้คนจะเดินไปถึงมันได้
กลายเป็นคำถามที่ถามว่า "วันนี้คุณหลอกตัวเองหรือยัง"


Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 11 กุมภาพันธ์ 2550 9:54:17 น. 0 comments
Counter : 701 Pageviews.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

KongMing
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เล่าจื้อกล่าวว่า"ผู้รู้เขาคือปราชญ์"
และกล่าวอีกว่า"ผู้รู้เราคือปัญญาชน"
ณ ปากทางเข้าถ้ำวิหารเทพอพอลโล่แห่งเดลฟี
มีป้ายทองคำเขียนว่า "Know thyself" แปลว่า รู้จักตนเอง
"temet nosce" ภาษาลาตินที่Oracleกล่าวให้
Neo รู้จักตนเอง

สิ่งที่สำคัญที่สุดของคนเราอยู่ที่ คำกล่าวเหล่านี้
[Add KongMing's blog to your web]