กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

กรรมทันตา ข้อสอบ 1

ข้อสอบ 1

เคยได้ยิน ได้อ่าน จากที่นั่น ที่นี่ หลายแห่ง
ผมไม่ค่อยได้จำว่า...จากที่ไหน...แต่เรื่องมันติดใจ
เลยอยากเล่าให้ฟังนะครับ

พระราชาองค์หนึ่งซึ่ง...เฉลียวฉลาดมาก
พระองค์มีลูกสาวแสนสวยคนหนึ่ง เป็นสาวแล้ว จึงประกาศหาคู่
แล้วจะยกเมืองนี้ให้เป็นของขวัญอีกต่างหาก
โดยให้ชายหนุ่มทั้งหลายสมัครมาได้...คุณสมบัติไม่จำกัด
คนไหนถูกใจ พระราชาจะตัดสินเอง
โอ้...ปรากฏว่า มีชายหนุ่ม และไม่ค่อยหนุ่มมาสมัครกันมากมายก่ายกอง มืดฟ้ามัวดิน
พระราชา จึงตั้งคณะกรรมาธิการ ขึ้นมาทำการคัดเลือกในเบื้องต้น....

เมื่อคัดไป คัดมา ในที่สุด...เหลือชายหนุ่มเข้าท่าอยู่ 2 คน
คนแรกรูปร่างบึกบึน...ล่ำบึ๊ก...แข็งแรง น้องๆ อาร์โนลด์ ชวาสเนกเกอร์
คนที่สอง ก็แข็งแรง ดูดี หน้าใส แต่ไม่บึ๊กเท่าไหร่
พระราชาก็เรียกทั้งสองเข้าเฝ้า เพื่อการคัดเลือกในขั้นสุดท้าย
แล้วพาทั้งสองคนเข้าไปในป่า แบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ฝาก
ให้ตัดไม้แข่งกัน โดยให้ขวานไปคนละด้าม
ให้เวลา 3 เดือน ใครตัดต้นไม้ ได้มากกว่า...คนนั้นชนะ...
ได้เจ้าหญิง และครองเมืองต่อไป

เมื่อเป่านกหวีด เริ่มการแข่งขัน...
ไอ้หนุ่มบึ๊ก คนแรก...ไม่รอช้า
คว้าขวานที่ได้มา ตัด...ตัด...ตัด...ฉับ...ฉับ...ฉับ
ฟันไม่นับ ตัดอุตลุต...ไม่สนใจใครทั้งนั้น ไม่พูดไม่จา ตัดต้นไม้อย่างเดียว
ในเวลาไม่เท่าไหร่ ก็ได้ไม้กองโตแล้ว....
ประชาชน ชาวบ้าน ก็ร้องเชียร์ พี่บึ๊ก คนนี้กันใหญ่

ส่วนไอ้หนุ่มหน้าใส คนที่สอง...กลับทำตรงกันข้าม แฮะ
เขาหยิบขวานขึ้นมา พิจารณา หยั่งน้ำหนัก ลองกำลัง
ตรวจดูคม...แล้วทดลองตัดเบา ๆ ก่อน
จากนั้น...ก็ไปเดินสำรวจป่า ดูภูมิประเทศ สังเกตุการณ์หลายอย่าง จนเป็นที่พอใจแล้ว
จึงเริ่มลงมือ ตัด...ฉับ...ฉับ...ฉับ...อย่างไม่รีรอ

หนุ่มบึ๊ก...โคตะระขยัน ตื่นแต่เช้ามืด ลุกขึ้นได้ก็รีบไป ตัด...ตัด...ตัด...ฉับ...ฉับ...ฉับ
จนมืดค่ำ...ก้มหน้าก้มตาทำอย่างนี้ทุกวัน...ตัดไปก็นึกถึง เจ้าหญิง ไป

ส่วนหนุ่มหน้าใส ก็ขยัน แต่ไม่เท่าคนแรก
ตื่นเช้ามา ก็พิจารณาดูท้องฟ้า อากาศ ดูลม ดูแล้ง...แล้วค่อยออกไปตัด
ตัด...ตัด...ตัด...ฉับ...ฉับ...ฉับ

หมดไป 1 เดือน...
ผลปรากฏว่า...หนุ่มบึ๊ก คนแรก ตัดได้กองบะเริ่มเทิ่ม มากกว่า...หนุ่มหน้าใส คนที่สอง เป็นเท่าตัว
ชาวบ้าน ชาวเมืองที่เชียร์คนแรก...เฮฮากันใหญ่ อัตราต่อรองพุ่งพรวด
พวกสาว ๆ ที่เชียร์ หนุ่มหน้าใส ชักใจไม่ดีแต่ยังเชื่อมั่นในความหล่อ

ในเดือนที่ 2 …
ไอ้เจ้าหนุ่มบึ๊ก ก็ยังทำเหมือนเดิม...ขยัน ตัด...ตัด...ตัด...ฉับ...ฉับ...ฉับ
พึมพัมแต่...เจ้าหญิง...เจ้าหญิง แสนสวย
แต่ทว่า...ไอ้หนุ่มหน้าใส...ทำพิลึก ยังไม่ยอมตัด มีวันหยุดไม่ทำอะไร แต่เอาขวานมาลับ....
แล้วก็ออกไปเดินสำรวจป่า...เดินคุยกับชาวบ้าน ชาวป่าแถวนั้น
สอบถามข้อสงสัย แถมยังให้สอนวิธีการตัดไม้ การดูไม้ให้อีกต่างหาก....
ผลออกมา ในปลายเดือนที่ 2
ปรากฏว่า ชักยังไง...ยังไงอยู่ เพราะกองไม้ที่รวมกันทั้ง 2 เดือนแล้ว
มันเท่ากัน...พอ ๆ กัน
เอ๊ะ...ไม่น่าเชื่อ
ชาวบ้าน ชาวเมืองที่เชียร์ทั้งสองคน เริ่มไขว้เขว อัตราต่อรองกวัดแกว่ง

ในเดือนที่ 3 ...
ไอ้หนุ่มบึ๊ก ชักออกอาการ เริ่มมีอ่อนล้าบ้าง แต่ยังขยันเหมือนเดิม
ตัด...ตัด...ตัด...ฉึก...ฉึก...ฉึก
ขวานมันชักจะไม่ค่อยคม ออกจะทื่อ ทื่อ แต่กลัวเสียเวลาไม่ยอมลับคมใหม่
ต้องหากำลังใจ มุ่งมั่น ท่องแต่...เจ้าหญิง...เจ้าหญิง แสนอึ๋ม...อึ๋ม...อึ๋ม

ส่วนไอ้หนุ่มหน้าใส ก็ยังทำเหมือนเดิม แฮะ
มีหยุดลับขวาน ออกไปสำรวจ ออกไปพูดคุยบ้าง
และก็ยิ่งตัดไม้ ได้มากขึ้น...มากขึ้น ทุกที
แม้จะเหนื่อยอ่อน...แต่ความชำนาญ...กลับมากขึ้น
เรียนรู้จากชาวป่า ว่าไม้แบบไหนแข็ง แบบไหนอ่อน
ต้องตัดยังไง ตัดตรงไหน...เทคนิคเริ่มแพรวพราว

ครบ 3 เดือน...
ผลออกมา...น่าจะเดาได้
ไอ้หนุ่มหน้าใส...ชนะขาด กองไม้รวม 3 เดือน มากกว่าของ หนุ่มบึ๊ก อย่างเห็นได้ชัดเจน
แถมยังหน้าใส ไม่อ่อนละโหยโรยแรงอย่างคู่แข่ง...ยังมีความรู้ด้านการเกษตร ตัดไม้ทำลายป่า อีกด้วย
ได้เจ้าหญิง และครองเมือง ตามความฝัน
แต่ยังใจดี แต่งตั้งให้ หนุ่มบึ๊ก ไปเป็นเจ้าหน้าที่ปลูกป่าทดแทน ป้องกันโลกร้อนตลอดไป...

ยังมีข้อสอบ อีก 2 ข้อ
ให้โจทย์ก่อนก็ได้
มีบริษัทการค้าแห่งหนึ่ง ในเกาะฮ่องกง
ดำเนินธุรกิจด้านงานขาย
เป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าหลายอย่าง ทั้งสินค้าสิ้นเปลือง สินค้าทนทานใช้นาน
ของกิน ของใช้ สินค้าอุปโภค บริโภคมากมาย...
บอสส์ใหญ่ เจ้าของบริษัท ต้องการแต่งตั้งคนขึ้นมาเป็นเบอร์สอง
แต่มีปัญหาว่า...ในบรรดาผู้ช่วยของเขาแต่ละคน แต่ละแผนก ก็แสนเก่ง
มีความชำนาญกลยุทธ การตลาดอย่างเยี่ยมยอด พอ ๆ กันหมด
สุดท้าย...คัดมาได้ 3 คน ปลงไม่ตก ไม่รู้เอาคนไหนดี
ก็ตัดสินใจเรียกทั้ง 3 แคนดิเดท มาพบ แล้วให้โจทย์ไป

...ให้ไปขาย...หวี...ใช่ครับ...หวีที่ใช้หวีผม นี่แหละ
แต่ให้ไปขายกับ...พระ...ที่ไม่มีผมนี่แหละ
ในเวลา 7 วัน ใครทำยอดขายได้มากที่สุด...จะได้เป็นรองประธานบริษัท

ท่านผู้ฟังทั้งหลาย...ช่วยกันคิดหน่อย ครับ
เคสแรก ทำไมหนุ่มหน้าใสถึงตัดได้มากกว่า
ใช้หลักคิด หลักทำ...ธรรม...อะไร...ไม่ต้องบาลี ก็ได้ครับ

เคสที่ 2
ถ้าเป็นท่าน จะใช้วิธีไหน ถึงจะสอบผ่าน...ได้เป็นรองประธาน
ช่วยตอบด้วยนะขอรับ กระผม...

อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com

จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 1 ธ.ค. 53 17:46:19




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 23:43:26 น.
Counter : 934 Pageviews.  

กรรมทันตา ขอความช่วยเหลือ

ขอความช่วยเหลือ

สวัสดี อย่างยิ่ง ครับ
นาน ๆ จะได้คุยกันที...
มีเรื่องอยากจะรบกวนขอความช่วยเหลือ...อย่างแรง
คือ ผมเล่าเรื่อง มาตั้งแต่วันแรก 27 ก.ย. 2553
ด้วยเรื่อง...กฏแห่งกรรม ที่เห็นกับตา
ตามด้วย...กรรมทันตา
และ...รู้กรรม , เสียงเปรต
พอหลังจากนั้น ก็ค่อยคิดได้ว่า...น่าจะใช้เป็นซีรี่ส์
เลยต้องตั้งชื่อ ขึ้นต้นด้วยคำว่า...กรรมทันตา แล้วตามด้วยชื่อเรื่อง.....อีกที

อย่างที่เคยบอกไว้ เหตุที่ลงเบอร์โทร. เพื่อเป็นการยืนยัน กึ่งท้าทายว่า
ถ้าไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง...ก็โทร.มาสิ...ประมาณนี้
คือผมมันพวก ขวาง...ขวาง นะครับ
แต่ต่อมา กลายเป็นว่า หลายคนที่อ่านในกระทู้ ที่พันทิป นี้
ไม่ได้เป็นสมาชิก ไม่ได้ลงทะเบียน ทำให้ล๊อกอินไม่ได้...แสดงความเห็นไม่ได้
และติดต่อกับผมหลังไมค์ ไม่ได้
แต่...มีผู้ต้องการถามเรื่องบางอย่าง เช่น เรื่องของหมออดุลย์...หมอจัดกระดูก
หรือ บางคนก็อยากได้ยินกับหูตัวเอง ว่า...ถ้าขยันหมั่นเพียร แล้วจะหมดหนี้ได้จริง
อะไรอีกมากมาย อย่างที่ผมนึกไม่ถึง
หลายท่าน โทร.มาจากต่างประเทศ ไกล..ล...มาก
แต่ก็ดีนะ...ผมได้ทำบุญ ทำกุศล อีกแบบ หรือหลายแบบ
มันช่างดี จริง...จริง...เลย
ทำให้ ต้องลงเบอร์โทร.ต่อไปเรื่อยๆ
บางท่าน ไม่ชอบโทร. เพราะ...เรื่องยาว รายละเอียดเยอะ
ผมก็ขอฝากเมลล์
tobeteam@yahoo.com
อีกทางนะครับ

อีทีนี้...มาเรื่องที่จะขอรบกวนท่านทั้งหลาย คือ
ผมเล่ามาหลายเรื่อง...ค่อนข้างเยอะ
ผมอยากทราบ อย่างยิ่ง อย่างจริง จริง ว่า
แต่ละท่าน...ชอบเรื่องไหน...เพราะอะไร
อาจจะหลายเรื่องก็ได้นะครับ...ยิ่งดี
แต่อย่าบอกนะว่า...ชอบทู๊ก.ก..เรื่อง
หรือถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป อยากได้ความเห็นว่า
ได้หลักธรรม อะไรบ้างในเรื่องนั้น ๆ

บางเรื่อง ผมเล่าเอง ยังไม่คิดว่าจะสนุก...แต่กลับมีคนชอบหลายคน
ตัวผมเอง ชอบที่สุดก็เรื่อง...กรรมทันตา แรงฤทธิ์อธิษฐาน
เพราะมันเป็นครั้งแรก ๆ ที่ผมได้รับความ มหัศจรรย์ จากการตั้งจิตอธิษฐาน
จากการตั้งใจทำความดี
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยังมีรายละเอียดอีกหลายอย่างที่เหลือเชื่อ
เล่าไปก็ต้องว่าโม้...แต่มันเกิดขึ้นกับตัวเอง
ยิ่งความรู้สึกในช่วงที่ต้องหาเงินมาเป็นค่าซื้อ...โต๊ะหมู่ โต๊ะมุก
เวลามีนิดเดียว แต่รู้สึกได้เลยว่า มีอะไรบางอย่างที่คอยลุ้น คอยช่วยอุตลุตไปหมด
ในช่วงนั้น ทุก ๆ วันมีแต่เรื่องบังเอิญ...ประจวบเหมาะ ไปซะหมด
เสียดายผมจำชื่อวัดไม่ได้ จำได้แต่จังหวัด ชัยภูมิ
กำลังให้คนที่รู้จักวัดนั้น ไปตามดูชื่อ ที่อยู่วัดนั้นมาให้ที
ผมเองก็อยากไปกราบอีกซักครั้ง
ยิ่งเหตุการณ์ตื่นเต้น ในวันที่บรรทุกองค์พระไปถวายที่วัด....
มันยังมีมากกว่าที่เล่าเยอะแยะ
บรรยากาศ ของชาวบ้านทั้งหมู่บ้าน ที่กำลังดีใจ
หรืออารมณ์ ที่ก้มลงกราบพระพร้อมกัน ทู๊ก..ก...คน
มันไม่สามารถบรรยายออกมาได้
ความรู้สึกในตอนนั้น...ไม่ใช่มีแต่...คน...เท่านั้น
ที่ไม่ใช่คน ก็อีกมาก
สิ่งที่เหนื่อยมา ลุ้นกันมาตลอด 10 วัน มันถึงที่สุด ก็ตอนนั้นแหละ
ตอนที่ก้มลง...กราบ...กราบ...กราบ...นั่นแหละ
อู๊ย..ย...ย....ปิติ...ตื้นตัน ทะลักออกมาหมด

ที่บ้านผมนี่ก็แปลก...ไปทำบุญ ไปเที่ยว ตั้งมากมายหลายแห่ง
ไม่เคยถ่ายรูปซักที...ไม่รู้ทำไม
ไม่มีภาพถ่าย มีแต่ภาพจำ...คิดถึงเรื่องราว หรือภาพจำนั้นทีไร
ก็ให้ มีความสุข มีกำลังใจทุกครั้งไป

แต่ถ้ามีเรื่องไหน ที่...ไม่ชอบ...ก็ช่วยบอกผมด้วยนะครับ
ผมอยากรู้ จริง...จริง...และ อย่างมากด้วยครับ

สุดท้าย...ก็ต้องขอขอบพระคุณ ท่านทั้งหลาย
ที่ติดตามอ่าน ติดตามฟังเรื่องเล่าของผม...
โดยเฉพาะ ท่านที่ออกความคิดเห็นด้วย เสมอ ๆ หลายท่าน
ผม...ซาบซึ้ง...นะ...ซาบซึ้ง อย่างที่สุด
ยิ่งท่านที่เอาไปเผยแพร่ต่อ หรือทำบล๊อกต่อให้
ผมดีใจมากครับ...ได้บุญหลายต่อ หลายเด้ง
ผมเป็นพวก โลว์เทค อย่างแรง…
เพิ่งจะมารู้ว่า หลายเรื่องมันหายไปแล้วจากพันทิป ไม่สามารถตามได้
เลยพยายามจะทำบล๊อก รวบรวมเรื่องทั้งหมดไว้
แต่ยังมะงุม มะงาหรา อยู่
อีกทั้งพักนี้ งานยุ่งม๊าก...มาก หาเวลาไม่ค่อยได้
ภรรยาใช้งานตลอด...แถมคอยคุมใกล้ชิด แว่บ ไม่ได้เล๊ย.ย...
ถ้าสำเร็จเมื่อไหร่จะบอกอีกที

อย่าลืมนะครับ...ได้โปรดช่วยผมหน่อย
ช่วยบอกว่า...ชอบเรื่องไหน...เพราะอะไร...ได้หลักธรรมอะไรบ้าง
หรือไม่ชอบ...เพราะอะไร
จะเป็นพระคุณแก่กระผม อย่างที่สุด

อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com

จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 30 พ.ย. 53 22:40:10




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 23:41:39 น.
Counter : 1211 Pageviews.  

กรรมทันตา หนทางเศรษฐี

หนทางเศรษฐี

วันก่อนนั่งฟังวิทยุ ท่าน พระธรรมปิฎก (ป. อ. ปยุตฺโต)
เล่าเรื่อง ชาดกเกี่ยวกับ การใช้ปัญญาเพื่อไปสู่ทางเป็นเศรษฐี
ท่านเล่าว่า

ครั้งหนึ่ง พระพุทธเจ้า ได้เคยเกิดเป็นเศรษฐี ในเมือง พาราณสี ชื่อว่า จุลลกเศรษฐี
เป็นหนุ่มที่มีความเฉลียวฉลาด รอบรู้มาก
มีอยู่วันหนึ่ง...กำลังเดินทางไปเพื่อเฝ้าพระราชา
ระหว่างทาง มองไปมองมาเห็น...ซากหนูตาย ตัวหนึ่ง ถูกทิ้งไว้ข้างถนน
ท่านก็พูดขึ้นดัง ๆ ว่า
...ไอ้ซากหนูตายตัวนี้อ่ะนะ ถ้าใครฉลาดมีปัญญา ก็สามารถเอามันมาทำประโยชน์
เป็นทุนประกอบอาชีพ ได้ใหญ่โตเป็นเศรษฐีได้เลยทีเดียว...

รอบ ๆ ตัวท่านก็คงมีคนอยู่เยอะแหละนะ...แต่ มีไอ้หนุ่มยากจนกิ๊กก๊อก ชื่อ...จูฬันเตวาสิก
ไอ้หมอนี่ ได้ยินถนัดเหมือนกับคนอื่นๆ แล้วก็คิด...
ท่านเศรษฐี เป็นคนที่เฉลียวฉลาดอย่างยิ่ง แถมยังเป็นคนที่พิเศษมาก.ก...
ท่านพูดอะไรแล้ว ต้องไม่พลาดแน่...
คิดได้แค่นั้น ก็รีบโดดไปตะครุบซากหนูตัวนั้น ก่อนคนอื่น

พอได้มาแล้ว มานั่งนึกว่าจะเอา ไอ้หนูตาย ตัวนี้ไปทำมาหากินยังไงดีหว่า
สรุป ก็เอาไปเดินเร่ขาย...เร่ขายไอ้ซากหนูตาย ตัวเดียวนี่อ่ะนะ
ก็ไม่มีใครซื้อซักคน เลยต้องเอามานั่งตีโจทก์ หากลยุทธใหม่
ใครนะที่มันจะอยากได้ หนูตาย...คงจะมีแต่แมวเท่านั้น...เอ๊ะ ได้การ
เขาเลยเอาไปเสนอขายให้กับ พวกคนที่รักแมว ชอบเลี้ยงแมว...สุดท้ายก็ขายจนได้
ได้เงินมา นิ๊ด.ด...หน่อย...ก็อีแค่หนูตายตัวเดียว
ประมาณ 5 บาท

แล้วเขาก็เอาเงิน นิ๊ดเดียว ที่ได้ไปซื้อ งบน้ำอ้อย คือน้ำอ้อยที่เคี่ยวจนเป็นก้อน
แล้วเอาไปละลายกับน้ำสะอาด ทำเป็น...น้ำหวาน
จากนั้น...ไปยืนดักพวกคนเก็บดอกไม้ ที่ไปเก็บดอกไม้จากในป่า
พอเจอพวกนี้ก็บริการ น้ำดื่ม น้ำหวาน ฟรี...ฟรี...คนละถ้วย สองถ้วย
คนมาเหนื่อยๆ ได้น้ำหวานชื่นใจก็แสนสุข อารมณ์ดี...ขอบอกขอบใจ
แล้วก็แบ่งดอกไม้ที่เก็บมาให้คนละกำมือ เป็นการตอบแทน

พอได้ดอกไม้สด ที่เพิ่งเก็บมา...คนอื่นเก็บ
ก็เอาไปขายที่ตลาด...ก็ได้เงินเพิ่มมากขึ้นอีกหน่อย
ประมาณ 30 บาท
หนุ่ม จูฬันเตวาสิก เอาดอกไม้ทั้งหมดนั้น ไปขายได้เงินมาอีกจำนวนหนึ่ง
ในวันรุ่งขึ้น... เขาก็นำค่าดอกไม้นั้นซื้อน้ำอ้อยอีก แต่คราวนี้ตรงไปยังสวนดอกไม้เลยทีเดียว
ให้พวกคนปลูกดอกไม้ ได้ดื่มน้ำอ้อย
พวกคนปลูกดอกไม้จึงตอบแทนน้ำใจเขา ด้วยการให้ดอกไม้ ที่เก็บแล้ว คนละครึ่งกอ
ในวันเดียวกันนั้น เขาจึงนำดอกไม้ไปขายหมดสิ้น ได้เงินมาเพิ่มขึ้นอีกมากพอสมควร
ทำหยั่งงี้หมุนวนไปเรื่อย ๆ ....เงินกองทุนก็เพิ่มมากขึ้นทุกที
จนเขาเองก็เริ่มรู้สึกว่า...เริ่มรวยแล้ว

วันหนึ่ง...มีฝนตกหนัก แถมมีพายุด้วย
ทำให้ต้นไม้ในอุทยานของพระราชา หักโค่นทั้งกิ่งแห้ง กิ่งสด มากมาย
ทำให้คนที่ดูแลเฝ้าสวนเหนื่อยใจเลยว่า จะทำยังไงต่อไป ต้องรีบเก็บกวาดให้เรียบร้อยซะด้วย
เจ้าหนุ่ม จูฬันเตวาสิก หัวใสที่เริ่มจะรวยก็รีบไปคุยกับคนเฝ้าสวนทันที
แล้วยื่นข้อเสนอ ว่าจะบริการเก็บกวาดกิ่งไม้หักโค่นทั้งหลายให้ ฟรี..ฟรี
ขอแค่ไอ้กิ่งไม้ทั้งหลายนั้นก็พอ...
คนเฝ้าสวนที่กำลังกลุ้มใจ ก็รีบโอเค ตกลงทันที

จากนั้น...เจ้าหนุ่มหัวใส ก็ขอแรงพวกเด็กวัยรุ่นแถวนั้น ให้ช่วยกันขนกิ่งไม้ออกมาทั้งหมดในเวลาแป๊ปเดียวเอง
เมื่อได้กิ่งไม้มามากมายแล้ว...เขาก็ไปหาคนที่ต้องการซื้อ
ตกลงก็ไปได้ ช่างปั้นหม้อ ที่กำลังต้องการฟืนไปเผาพวก เครื่องปั้นดินเผา
ถือว่าขายได้ราคามาก แสดงว่าเข้าใจเรื่อง ธุรกิจ เป็นอย่างดี ทั้ง ดีมานด์ ซัพพลาย ครบถ้วน
นอกจากได้เงินมากแล้ว ยังได้ขอแถม...ตุ่มน้ำ...มาด้วยอีกต่างหาก

แล้วก็จัดแจงเอา...ตุ่มน้ำ...ใส่น้ำดื่มเอาไว้ ในที่ใกล้ประตูพระนคร
คอยบริการแก่คนเดินทาง และพวกขนฟืน หาบหญ้า ให้ได้ดื่มกินกันดับความกระหายน้ำ...ฟรี...ฟรี
พวกผู้คนทั้งหลายที่ได้รับน้ำใจจาก หนุ่มจูฬันเตวาสิก ต่างก็ออกปาก ว่า
...ท่านได้มีน้ำใจ มีพระคุณ แก่พวกเรามาก แล้วพวกเราจะช่วยกระทำอะไรให้แก่ท่านได้บ้าง…
จูฬันเตวาสิก ยิ้มแล้วบอกว่า...เอาไว้ถ้ามีธุระแล้วค่อยรบกวนก็แล้วกัน

หลังจากนั้นแล้ว เขาก็เที่ยวไปข้างโน้นข้างนี้ ขยันตีสนิท ผูกสัมพันธ์กับคนอื่นไปทั่ว
ผูกมิตรไว้กับผู้คนที่ทำงาน ทั้งทางบก และทั้งที่ทำงานทางน้ำ

จนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง...คนทำงานทางบกผู้หนึ่ง ได้บอกแก่จูฬันเตวาสิกว่า
...พรุ่งนี้ จะมีพ่อค้าม้านำเอาม้า 500 ตัวมายังเมืองนี้
จากข่าวนี้เอง เขาจึงรีบไปบอกกับพวกคนหาบหญ้าทั้งหลายว่า
...ขอเหมาหญ้า ที่มีแต่ยังไม่จ่ายเงินนะ...ขอเอาตัวอย่างมาหน่อยนึงก่อน
คนหาบหญ้าทั้งหมดถึง 500 คน ต่างก็รับคำ...โอเค
ตกลงพากันนำหญ้าคนละกำมือ มาไว้ที่ประตูบ้านของ จูฬันเตวาสิก

พอวันรุ่งขึ้น เมื่อพ่อค้าม้าพาม้ามาถึงพระนครแล้ว แต่ไม่สามารถหาซื้อหญ้าให้ม้ากินได้เลย
จนมาเจอกองหญ้าที่หน้าบ้าน จึงต้องขอซื้อหญ้า กับจูฬันเตวาสิก
พ่อค้าม้านั้น ถึงได้หญ้าไปเลี้ยงม้าของตน
เคสนี้ ทำกำไรอีกอักโขเลย...

ต่อจากนั้นอีก ๒-๓ วัน สหายผู้ทำงานทางน้ำคนหนึ่ง ได้มาแจ้งข่าวกับจูฬันเตวาสิกก่อนใคร ๆ ว่า
...วันนี้ จะมีเรือสินค้าลำใหญ่มาจอดที่ท่าน้ำนี้เอง

ได้ฟังอย่างนั้น จูฬันเตวาสิก ก็คิดว่า
...เราน่าจะเอาเงินสักก้อน ไปเช่ารถ แล้วตระเตรียมพรรคพวกเพื่อนฝูงให้เพียบพร้อมไว้
จากนั้นก็นำ รถและผู้คนตรงไปยังท่าเรือ ด้วยมาดของพ่อค้าใหญ่
พอถึงแล้ว ก็เอาเงินที่มีไปมัดจำสินค้าบนเรือทั้งหมด กับเจ้าของเรือไว้
จากนั้นก็มานั่งพัก กางเต็นท์ทำเป็นออฟฟิซ รออยู่ในที่ไม่ไกลจากเรือนัก
โดยสั่งกับพรรคพวกทั้งหลายไว้ว่า
...ถ้าหากมีพ่อค้าคนอื่นๆ มาหาเรา พวกท่านจงบอกประวิงเวลาไว้ ให้รอคอยเราก่อน

ในวันนั้น เมื่อบรรดาพ่อค้าในเมืองพาราณสีประมาณ 100 คน
ได้ข่าวว่าเรือสินค้ามาจอดที่ท่าแล้ว ก็รีบพากันมาที่ท่าโดยเร็ว เพื่อหมายจะมาซื้อสินค้า
คงจะประมาณว่า...ใครเร็วใครได้
แต่พอมาถึงแล้ว เจ้าของเรือกลับบอกว่า
...พวกท่านมาช้าไปเสียแล้ว เพราะพ่อค้าใหญ่ชื่อ จูฬันเตวาสิก ได้มามัดจำสินค้าทั้งหมดไว้แล้ว
ถ้ายังไงเสียพวกท่านก็ลองไปถาม ที่เต็นท์ออฟฟิซตรงโน้น ดูเองแล้วกัน

เหล่าพ่อค้าจึงพากันไปที่เต็นท์เพื่อหา จูฬันเตวาสิก
แล้วทั้งหมดก็เจรจาตกลงทางการค้ากัน
โดยพ่อค้าทั้ง 100 คนนั้น ซื้อสินค้าต่อจาก จูฬันเตวาสิก คนละ 8,000 บาท
ในการค้าขายคราวนั้น จูฬันเตวาสิกจึงได้เงินมากมายถึง 800,000 บาท
พอกลับไปที่บ้านแล้ว ก็เกิดสำนึกขึ้นว่า
...เราควรเป็นคนกตัญญู รู้จักตอบแทนบุญคุณของผู้มีคุณต่อเรา
จึงได้เอาเงินครึ่งหนึ่งของตนที่มี นำไปมอบให้แก่ จุลลกเศรษฐี ที่บ้าน
ทำเอา จุลลกเศรษฐี งุนงง สงสัยนัก ต้องสอบถามว่า
...นี่พ่อหนุ่ม เธอทำอะไรจึงได้เงินนี้มา แล้วเอามาให้เราทำไมกันล่ะ

จูฬันเตวาสิก ตอบว่า
...ได้ตั้งใจทำอย่างที่ท่านบอกไว้ จนกระทั่งได้เงินมามากมาย ภายใน 4 เดือนเท่านั้นเอง
จึงอยากนำเงินครึ่งหนึ่งที่กระผมมีอยู่ มาตอบแทนบุญคุณของท่าน...
แล้วบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องซากหนูตาย จนถึงสินค้าที่ท่าเรือให้ทราบ

ฟังแล้ว จุลลกเศรษฐี ก็ชื่นชมในใจว่า
...เด็กหนุ่มคนนี้ทั้งขยันขันแข็ง ทั้งเฉลียวฉลาดหลักแหลม
ทั้งเป็นคนดีมีน้ำใจงาม มีมิตรมาก เราน่าจะได้เขาไว้ เป็นลูกเขย…
จึงยกเงินที่ได้มาให้แก่บุตรสาวของตน แล้วให้บุตรสาวแต่งงานเป็นคู่ครองกับจูฬันเตวาสิก
จนกระทั่งเมื่อจุลลกเศรษฐีล่วงลับไปแล้ว จูฬันเตวาสิก จึงได้ครอบครองสมบัติทั้งหมด
ได้ชื่อว่า เป็นเศรษฐีใหญ่ อยู่ในพระนครพาราณสีนั้น

พระพุทธองค์ ได้ตรัสคาถาธรรม สำหรับชาดกเรื่องนี้ไว้ว่า…
" คนผู้มีปัญญาเฉลียวฉลาด ย่อมตั้งตนได้ด้วยต้นทุนแม้น้อย
ดุจคนก่อไฟกองน้อย ให้เป็นไฟ กองใหญ่ได้ ฉะนั้น "

ผมจำได้ว่า เคยฟังเรื่องนี้ เมื่อหลายปีก่อน
ตอนนั้นฟังแล้วชอบมาก
เอาเป็นแนวคิด ทำการค้า หาทุกช่องทาง ทำเงินใช้หนี้...ได้เยอะ
เลยอยากเล่าให้ฟังกันต่ออีกที...เผื่อบางคนอาจมีแรงบันดาลใจ
ต้นทุน...หนูตายตัวเดียว
ค้าขาย ลุยแหลก ภายใน 4 เดือน
กลายเป็น เศรษฐี ได้
ผมว่า ชาดกเรื่องนี้ น่าคิดนะ

อนณ 089-995-9377

ขอเพิ่มเติมนะครับ...
อยากถามว่า ในเรื่องนี้ หนุ่ม จูฬันเตวาสิก
ได้ใช้หลักธรรมอะไร ในการสร้างเนื้องสร้างตัวขึ้นมาเป็นเศรษฐีได้ในเวลาอันรวดเร็ว
เช่้น อย่างแรก มีศรัทธาในตัว ท่านจุลลกเศรษฐี ขนาดว่ายอมเก็บซากหนูไปด้วยความเชื่อมั่น
หรือมีวิชั่นกว้างไกล...

ท่านที่ไม่ได้ล๊อคอินในพันทิป ส่งมาที่ E-mail
tobeteam@yahoo.com
ก็ได้นะครับ หรือสะดวก แมสเสจก็ได้แต่มันเสียดายสตางค์
ขอบพระคุณครับ
อนณ.
แก้ไขเมื่อ 30 พ.ย. 53 08:33:30
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 29 พ.ย. 53 22:47:30




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 23:40:01 น.
Counter : 1143 Pageviews.  

กรรมทันตา คนกวาดถนน

คนกวาดถนน

แต่ก่อนผมไปไหนมาไหน ก็ขับรถเก๋งไป
รีบไป รีบมา รีบไปหมดทุกอย่าง...พรวด ๆ พราด ๆ
ไม่ได้มองดูผู้คนข้างทาง หรือสิ่งละอันพันละน้อยเท่าไหร่
ชีวิตมีแต่ต้องรีบ...รีบ...รีบ....เร่ง...เร่ง...เร่ง แหมมันช่างทุกข์เหลือเกิน
หาแต่เงิน...ลืมหาความสุข
จดจ่อแต่กับเงิน มันเลยวุ่นวายแต่เรื่องเงิน
แต่...ทุกวันนี้ ผมตั้งหลักใหม่ได้แล้ว...จดจ่อแต่ ความสุข
ใช้ชีวิตให้ช้าลง พิจารณามากขึ้น สงบมากขึ้น
เดี๋ยวนี้ใช้รถยนต์น้อยลง เพราะแถวบ้านรถมันติดมาก เลยขี่มอเตอร์ไซค์สบายใจ
ประหยัดดี แถมได้ดูโน่น ดูนี่ไปเรื่อย
เคยอ่านคอลัมน์ คุยกับประภาส ของคุณ ประภาส ชลศรานนท์
เจออันหนึ่ง...ชอบม๊ากมาก..ก...

เดินขึ้นภูเขาใช่มองแต่จุดหมาย
เมฆหมอกดอกไม้ก็ใกล้กัน
สิ่งที่สวยงามเกิดขึ้นทุกวัน
สำคัญที่เราได้หันไปมองดู

เมื่อ วันพุธ ที่ 24 พ.ย. 53 นี้เอง
ผมขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งลูกสาวคนเล็ก
ขากลับก็ขี่มาเรื่อยจนถึงสี่แยกพรานนก...รถติดค่อนข้างมาก
ด้วยความที่เป็นรถมอเตอร์ไซค์ ผมก็เลาะเลื้อยไปจนอยู่คันหน้าสุด...แต่ยังติดไฟแดงอยู่
ตรงหัวเกาะกลางถนน หน้าสุดเลย...รถก็ติดชุลมุน รีบกันทุกคัน

ทันใดนั้น ก็มีผู้หญิงอายุซัก 30 ได้มั๊ง อยู่ในชุดพนักงานกวาดถนน
เดินเลาะเกาะกลางมา เดินมาตัวเปล่า...ไม่มีไม้กวาดอุปกรณ์คู่ชีพ
แต่แปลก...ทำกิริยา ก้มๆ เงยๆ
จนถึงตรงผม เธอก็ก้มลงไปเอามือหยิบเศษพลาสติก เศษขยะที่มันติดอยู่ริมหัวเกาะกลาง
แต่การที่เธอมัวแต่ก้มลงไปแคะ ไปหยิบเศษขยะ มันน่าหวาดเสียว
กลัวเธอจะถูกรถเฉี่ยว...

ผมก็ร้องบอกให้ระวัง...เดี๋ยวรถก็เฉี่ยวเอาหรอก
เธอคนนั้น...ก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มขอบคุณ
ดูในมือเธอ มีเศษขยะอยู่หลายชิ้น...คงเดินเก็บมาเรื่อยๆ
จนเธอมารอข้ามถนนอยู่ข้าง ๆ รถของผม...
ผมก็ถามว่า...ทำไมไม่หาที่คีบยาว ๆ ล่ะ ก้มหยิบแบบนี้มันอันตราย รถมันจะเฉี่ยวเอานะ
เธอก็หัวเราะ บอก...มีที่คีบ แต่ไม่ได้เอามา จอดรถเข็น กับไม้กวาดไว้ตรงโน้น....
แล้วก็ชี้ไปทางด้านหลังโน้น...รถเข็นที่มีเข่งขยะ ที่โกยผงขนาดใหญ่ และไม้กวาด
ตอนนั้นรถก็ยังติดไฟแดงกันอยู่หลายคัน ทั้งมอเตอร์ไชค์ ทั้งรถเก๋ง
แต่ผมหน้าด้านไม่อายใครอยู่แล้ว...อยากพูดคุยกับใคร ก็พูดเสียงดังไม่สนใคร
คงมีคนฟังผมคุยกับ...คนกวาดขยะ คนกวาดถนน...หลายคนแหละ
ตอนนั้นผมก็ยังสงสัย ถามต่อไป...อ้าวแล้วทำไมไม่เอามาด้วยล่ะ
เธอก็ยิ้มตาหยีเชียว บอก. อ๋อ...ตอนนี้เวลาพัก จะเดินไปกินข้าวน่ะ แต่เห็นขยะแล้วอดเก็บไม่ได้
ผมฟังแล้วบอกตรง ๆ ไม่เข้าใจ ถามว่า ทำไมล่ะ...
เธอยิ้มกว้าง แล้วตอบว่า...ก็ เป็นหน้าที่ นี่ค๊ะ.........

ผมได้ฟัง เธอคนนั้น ตอบแล้ว...อึ้ง...ทึ่ง...นับถือ อย่างที่สุด
ผมว่าคงมีคนที่อยู่ตรงนั้นได้ยินกันหลายคนแหละครับ
พอดีไฟเขียว รถคันหลังก็บีบแตรไล่
เลยต้องรีบออกรถไปทันที...เธอก็เดินข้ามถนนไปอีกทางเหมือนกัน
ต่างคนต่างไป
แต่...คำพูดของเธอ...คนกวาดถนน...คนนั้น มันยังติดที่ใจอยู่
....ก็ เป็นหน้าที่ นี่ค๊ะ...
ใช่...หน้าที่...เราทุกคนก็มีหน้าที่กันทั้งนั้น
หน้าที่...ที่แตกต่างกัน ของแต่ละคน แต่ละฐานะ แต่ละบทบาท
เอ๊...ผมเพิ่งได้ยิน หลวงพ่อพระอาจารย์ ตั๋น...วัดบุญญาวาส
บอกมาหยก ๆ นี่นา...เราต้องทำ...หน้าที่...ของเราให้ดีที่สุด
คนเป็น พ่อ...ก็ทำหน้าที่ พ่อ ให้ดีที่สุด
คนเป็น แม่...ก็ทำหน้าที่ แม่ ให้ดีที่สุด
คนที่เป็น ลูก...ก็ต้องทำหน้าที่ ลูก ให้ดีที่สุด

แล้วนี่ เธอ...คนกวาดถนน...ยังรู้เลยว่า
...ต้องทำ หน้าที่ ให้ดีที่สุด...
หน้าที่ของเธอ คือ รักษาความสะอาดบริเวณที่ได้รับผิดชอบ ให้สะอาดที่สุด...ดีที่สุด
แถมเธอยังทำด้วย...ใจ…ไม่ใช่สักแต่ว่าทำ
เพราะหากไม่มีใจซะแล้ว คงไม่ก้มเก็บขยะด้วยมือเปล่าๆ ได้
อีกทั้งเป็นเวลาพัก เดี๋ยวค่อยมากวาดก็ไม่มีใครว่า
แต่นี่เธอ...ทำไปด้วยใจ ทำด้วยความสำนึกรับผิดชอบ
ทำไปยิ้มไป...อารมณ์ดีเชียว

ผมขี่รถไปได้ซักหน่อย อดรนทนไม่ไหว...เราต้องให้รางวัลกับคน ดี...ดี จะได้มีกำลังใจ
แล้วก็รีบเลี้ยวกลับ ไปหาซื้อขนม ร้านที่อร่อยมาก...มาก แถวนั้นให้เธอ 40 บาท
แล้วรีบไปตามหาเธอ...แต่ หาไม่เจอ
ตลาดพรานนกมันใหญ่ไม่ใช่เล่น วนเวียนหาอยู่นาน ก็ไม่เจอ
ขี่รถไปทางที่เธอชี้ว่าจอดรถเข็น กับไม้กวาดไว้...เจอแต่รถเข็นไม่เจอตัว
ผมก็นั่งรอ

ระหว่างรอ...อดพิจารณารถเข็นของเธอไม่ได้
ก็เป็นรถเข็น มีเข่งขนาดใหญ่ไว้ใส่ขยะ มีไม้กวาด กับที่โกยผงอันยักษ์
แต่ที่รถเข็นของเธอ...มีพวงกุญแจอันหนึ่ง ไม่ใหญ่นักแขวนอยู่อย่าง...โดดเด่น
ท่าทางจะตั้งใจแขวนไว้ เหมือนที่เราแขวนที่กระจกมองหลังรถเก๋งน่ะ...
แขวนไว้เพื่อบูชา เพื่อเตือนสติ
แต่ที่เด่นชัด ยิ่งกว่า คือในพวงกุญแจเป็นรูป...ในหลวง
ใช่ครับ...ในหลวง พ่อหลวง...อันเป็นที่รักยิ่งของพวกเรา และคงจะของเธอด้วย
ผมรู้แล้วว่า...คนที่สอนเธอให้รู้จัก...หน้าที่ ก็คือ...ในหลวง พ่อหลวงของเรา
โธ่...ท่านทรงสอน พวกเรา มาช้านาน..น...จนท่านเหนื่อยแล้ว
ไม่รู้พวกเรา มีใครจำกันได้สักแค่ไหน...สักกี่คน
แต่...เธอคนนี้...จำที่ท่านทรงสอนได้แน่
และคงปฏิบัติตามจนเป็นนิสัย อันถาวรแล้ว

ผมมองรูป ในหลวง ที่พวกกุญแจนั้นอย่างแสนจะอาย...อายใจ อายท่าน
ลูกไม่รักดี สอนไม่รู้จักจำ
ก็...ผมยังทำหน้าที่ไม่ได้สมกับเป็น คนไทย เป็นลูกของท่านเลย
เธอคนนั้นซะอีก ถึงสมกับเป็นลูกของท่านได้อย่างเต็มภาคภูมิ
ผมได้แต่สูดหายใจลึก ๆ แล้วสัญญากับตัวเอง...กับรูป ในหลวง
ต่อไป จะทำหน้าที่...ให้ดี ให้เต็มที่ ให้สมกับเป็นลูกของท่าน ในทุก ๆ ด้าน...ครับ

จากนั้น ผมก็ขี่รถไปตามหาเธออีก...เจอแล้ว
อยู่กับเพื่อนพนักงานกวาดถนนด้วยกันอีกคน
ผมก็ยื่นขนมให้ บอกให้เป็นรางวัล
ทั้งสองคนก็งง ๆ ...รางวัลอะไร
ผมก็ถามว่า จำได้มั๊ยตอนที่คุยกัน คำสุดท้าย คุณพูดว่ายังไง...
เธอคิดอยู่อึดใจนึง แล้วยิ้มกว้าง...ก็ เป็นหน้าที่ นี่ค๊ะ...
นั่นแหละ ผมชอบคำนั้น อยากให้รางวัล
เธอหัวเราะใหญ่เลย...ดีใจ...ดีใจใหญ่เลย
โถ...ขนมแค่กล่องเดียว 40 บาท แต่คงดีใจ...ทำดี มีคนเห็น
แถมยังได้รางวัล...เป็นกำลังใจ นะ
ก่อนกลับผมขอถาม ชื่อ และสังกัด เพื่อจะทำจดหมายชมเชย
แต่เธอ กลับไม่ยอมบอก...สั่นหัว บอกไม่เอ๊า...ไม่เอา...อายเค้า
ผมต้องถามอยู่นาน แต่ ยิ้ม แล้วสั่นหัวอย่างเดียว
เพื่อนเธอคงหมั่นใส้ รีบตอบแทน
ชื่อ...สำรวย โสภา หมายเลข 19 – 080
พนักงานกวาด สังกัด เขตบางกอกน้อย
เริ่มงาน ตีห้า จนถึง บ่ายโมง

นี่ว่าจะทำหนังสือสนเท่ห์...เอ๊ย...หนังสือชมเชย ส่งไปที่เขตบางกอกน้อย
หรือ กระทรวงมหาดไทย ดีนะ...ช่วยบอกหน่อย
เราต้องช่วยกันให้กำลังใจ คนดี ดี คนที่รู้จักหน้าที่
ไม่ต้องมาก ไม่ต้องยุ่งยาก แค่ขอบคุณ หรือพูดให้กำลังใจเค้า
ผมว่า พวกเค้าต้องดีใจ แน่เลย

ไม่มีละครบทไหนเหมาะกับเรา...มีแต่เราต้องให้เหมาะกับบทละคร
ไม่มีงานไหนเหมาะกับเรา...มีแต่เราต้องให้เหมาะกับงาน

ผมชื่นชม และนับถือคุณจากหัวใจ
...คุณสำรวย โสภา...


อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 53 09:29:53




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 23:28:28 น.
Counter : 1169 Pageviews.  

กรรมทันตา ผูกคอตาย

ผูกคอตาย

เรื่องนี้ ผมไม่รู้ว่าถูก หรือผิด เป็นความเห็นของผมในขณะที่ยังโง่อยู่มาก
ยังไม่เคยสนใจศาสนา ของผมคนเดียว
ต้องใช้วิจารณญานในการ ฟังมาก...มาก นะครับ

วันก่อนมีท่านผู้อ่านคนหนึ่ง โทร.มาหา...
เล่าให้ฟังว่ากลุ้มใจ หนี้สินเยอะ...ทุกข์เหลือเกิน แทบจะทนไม่ไหวแล้ว

ทำให้นึกย้อนถึงตอนที่ยังมีหนี้สินเยอะ ๆ
มันทุกข์ใจ เครียดเพราะไม่มีจ่าย ต้องโกหกอุตลุด
วิ่งกู้เจ้านี้ ไปจ่ายเจ้านู้น แล้วกู้เจ้านั้น ไปจ่ายเจ้านี้...เฮ้อ...
ตอนนั้นจำได้เลย โทรศัพท์ดังทีไร...โคตะระ เครียด
สมัยนั้น ต้องยกหูโทร.ออก ที่เครียดมากกว่าผมก็ภรรยานี่แหละ
ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ใช่คนก่อนหนี้ แต่ต้องมาทุกข์กับเราด้วย
ทุกข์เพราะหนี้ บวกกับทุกข์เพราะเห็นเราทุกข์
ไอ้ความละอาย ความเครียดมันช่างร้ายนัก...พาให้คุมสติ คุมอารมณ์ไม่ได้
มีปากเสียงทะเลาะกันตลอด ที่จริงผมนี่แหละหาเรื่องเขาก่อนทุกครั้ง
พอทะเลาะกันบ่อย ๆ เข้าก็ยิ่งแย่
เจ้าหนี้ก็บีบคั้นสารพัด

จำได้แม่น วันนั้นบังเอิญพี่ภรรยา กับพี่เขย เป็นครูอยู่ต่างจังหวัด
มาอบรมอะไรซักอย่าง เลยมาพักอยู่ด้วย
ช่วงนั้น ผมต้องยกหูโทรศัพท์ที่บ้านออก...
แต่วันนั้นพอวางเข้าที่ปุ๊บ...เจ้าหนี้โทรมาปั๊บเลย
ที่จริงเขาพยายามโทร.ตามเราตลอด...ความเครียดพุ่งปรี๊ด.ด..เลย
ภรรยาก็หน้าไม่ดี อายพี่สาวเขา
ผมเห็นแล้ว...สุดละอาย บอกไม่ถูกไม่รู้จะอธิบายว่ายังไง
เลยหันไปพาลกับภรรยาซะนี่...อีทีนี้ยิ่งแย่ ภรรยาก็ร้องไห้
ผมทนไม่ไหว ความคิดตอนนั้นมันสุดแสนละอาย บอกภรรยา...ไม่อยู่แล้ว ตายดีกว่า
ภรรยานึกว่าพูดประชด...แต่ผมเอาจริง มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ
คว้าเชือกขึ้นไปดาดฟ้า...ผูกคอตาย..ย...ย

ความรู้สึกตอนนั้น...มันวูบไปแล้ว...ไม่รู้สึกอะไรแล้ว
มันไม่ได้ทันคิดอะไร หรือ เจ็บปวดอะไรเลย...มันแค่นิดเดียวเอง...วูบ.บ..บ

มารู้ตัวอีกที นอนอยู่บนพื้น
ภรรยาได้แต่ร้องไห้...ร้องไห้อย่างเดียว...ไม่พูดอะไรเลย
มารู้ทีหลังว่า พี่เขยเค้าได้ยินผมกับภรรยา ทะเลาะกันก็เป็นห่วง
พอเห็นผมหุนหันขึ้นไปดาดฟ้าก็ตามไปดู เห็นอีกที...ผูกคอห้อยซะแล้ว
เกือบช่วยไม่ทัน ดีว่าพี่เขยคนนี้เขาแข็งแรง
แต่ที่คอเป็นรอยเชือกชัดเจน ไปกว่าอาทิตย์เลย

หลังจากนั้น...ผมได้คิดเลยนะ
ความตายมันเป็นอย่างนี้เอง
มันง่ายที่จะ...ตาย...ไม่ได้ยุ่งยาก ไม่ได้เจ็บปวดอะไร...มันนิดเดียวเอง
นิดเดียวจริง จริง ความเป็นกับความตายเนี่ยะ
ผมเลยได้คิด อ๋อ...ถ้ามันง่ายอย่างงี้ เก็บไว้เป็นทางเลือกสุดท้าย ท้ายสุดก็แล้วกัน
มันเป็นทางหนีที่ง่าย แต่ไปแล้วไปเลย ไม่รู้ต้องไปเจอกับอะไร...

บอกตรง ๆ ตอนนั้นไม่รู้หรอกว่า คนที่ฆ่าตัวตายมันบาปมหันต์
วิญญาณต้องติดอยู่ที่ตรงนั้น ทุกข์ทรมานอีกนาน...
แล้วต้องไปเกิดเพื่อใช้กรรม…ต้องฆ่าตัวตายซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า อีกหลายร้อยชาติ
ยิ่งมาสนใจเรื่องศาสนามาก ๆ ยิ่งสยอง
เพราะกรรมที่ตามมาสุดแสน...ต้องเกิดมารับความเสียใจ เศร้าโศก ผิดหวัง ล้มเหลว จิตใจเศร้าหมอง
ซ้ำไปซ้ำมาเพื่อต้องไปฆ่าตัวตายอีกเรื่อย ๆ ตลอดไป
ลำพังชาตินี้ เสียใจ ทุกข์ใจก็เต็มทนจนไม่อยากเกิดอีกแล้ว
ยังต้องไปพบเจออย่างนี้ ตลอดทุกภพทุกชาติ....โอ๊ย.ย....
ผมนี่ฉิวเฉียด นรก อบายภูมิ ไปเส้นยาแดงผ่าแล้วผ่าอีก
แต่ที่มาคิดได้อีกอย่างคือ...ชีวิตภรรยา และลูกที่เหลือ
ต้องอับอาย...ที่มี สามี มีพ่อ...ขี้แพ้...ฆ่าตัวตายหนีไปอย่างขี้ขลาด
ต่อไปจะมองหน้าใครได้...ตลอดชีวิต
คิดแล้วหนาว

เหตุการณ์ครั้งนั้น มันกลับทำให้ผมใจเย็นลง แต่เหี้ยมขึ้น เข้มแข็งขึ้น
แต่สิ่งที่คิดในตอนนั้น คือ
ถ้าความตายมันง่ายอย่างงี้ ก็อย่างเพิ่งตายเลย
ลองลุยกับปัญหาให้ถึงที่สุดซะก่อน...หนี้สินอะไรก็เป็นเรื่องเล็กนิดเดียวแล้ว
กรูไม่กลัวมรึงอีกแล้ว...
ถ้ามันไม่ไหว อย่าให้ลูกเมียเดือดร้อนก็แล้วกัน
ตอนนั้น...คิดแค่นี้เอง
รุ่งขึ้น ผมไปหาเจ้าหนี้ทุกราย...บอก ผมเพิ่งผูกคอตายมา โชคดีที่มีคนช่วย
แล้วให้เขาดูรอยเชือกรอบคอ...
เจ้าหนี้ ตกใจทุกราย...ตกใจกันจริง ๆ
บอก...ใจเย็น เย็น ยังไม่ต้องคิดมากค่อย ๆ หามาผ่อนก็ได้
กลัวหนี้สูญกันทุกคน

ทุกวันนี้...ผมก็ยังรู้สึกเสมอว่า
ความตาย...มันใกล้นิดเดียว มันง่ายนิดเดียว
คนเรานี่อ่อนแอมาก..ก...ก นิดเดียวก็ตายแล้ว
เพราะฉะนั้น ก่อนตายต้องลุยให้ถึงที่สุด...เอาให้สุดจริง...จริง
หันหน้าสู้กับปัญหาทุกเรื่อง ทุกอย่าง
เพราะรู้แล้วว่า ถ้าสู้กับมันให้ถึงที่สุดแล้ว ไม่ไหวจริง ๆ ก็...หนีไปตายก็ได้
แต่เชื่อเหอะ...ถ้าสู้แค่ตาย มันไม่ได้ตายหรอก
ปัญหาที่ว่าใหญ่โตแค่ไหน...กลายเป็นเรื่องเล็กไปแล้ว
อะไรมันจะใหญ่กว่า...ความตาย

ทีนี้...พอไม่กลัวปัญหา ไม่กลัวหนี้ แม้แต่ความตาย...ก็ไม่กลัวแล้ว
ใจเลยเย็นลง มองทุกอย่างเป็นเรื่องเล็ก...เล็กนิดเดียว
จากนั้นก็อย่างที่เคยเล่าไปก่อน ๆ ...ท่านที่ยังไม่เคยอ่าน
ก็ลองไปหาอ่านดูนะครับ
พอใจเย็นมีสติ ก็ค่อย ๆ มองเห็นทางออก เห็นทางสู้...กรูไม่กลัวมรึง

เชื่อผมเหอะ...
สู้...สู้...สู้ แค่ไหน
สู้...แค่ตาย
ถ้าสู้ไม่ได้...ก็ตายไปเลย

แต่..แต่นะ...ที่สำคัญ สู้ให้ถึงที่สุดซะก่อน
แล้วก็ต้องสู้ อย่างใจเย็น...อย่างฉลาด...อย่างมีสติ.
เรื่องทั้งหลาย จะกลายเป็นเรื่องเล็ก...เล็ก.ก..ก..นิดเดียว
สู้แค่ตาย...มันจะไม่ตาย
แต่ถ้าไม่สู้...เอาแต่นั่งเศร้า งอมืองอเท้า โทษวาสนา ฟ้าดิน...ตายแน่นอน
ในเมื่อเราทำผิด ก็แก้ไขซะใหม่ ไม่เห็นเป็นไร...เริ่มต้นกันใหม่

ยิ่งเล่าก็ยิ่งนึกถึง เพลง รอยยิ้มนักสู้ ของเสก โลโซ
ท่อนฮุคมันฟังแล้ว...ให้กำลังใจ แบบสะใจดี...ออกแนวเย้ยหยัน ยังไงก็ไม่รู้
แต่ก็จริงนะ เรื่องราวร้ายๆ ที่เข้ามา ถ้าเราจิตใจแข็งแรงกว่า...มันก็ต้องแพ้ไปเอง
ลองเอาไปพิจารณาดูนะ
ฝากฟังกันด้วยนะ...

รอยยิ้มนักสู้ – เสก โลโซ
ศิลปิน : โลโซ อัลบั้ม : Loso Land

หากเหนื่อยนักขอจงหยุดพักเสียก่อน
อย่าใจร้อนรีบไปเดี๋ยวมันไม่เข้าที
หยุดเรื่องรักที่ทรมาน เรื่องงานเรื่องเงินก็ดี
พักซักทีเดี๋ยวค่อยไป

อย่าไปคิดเรื่องเดิมให้มันปวดใจ
ซ่อนเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นความพ่ายแพ้
เก็บให้ลึกลงข้างในหัวใจที่อ่อนแอ
เหลือเพียงแค่รอยยิ้มของนักสู้

* ฉันก็เคยเสียใจไม่น้อยกว่าเธอ
ฉันก็เจอเรื่องราวร้ายๆเข้ามา
แต่ทุกๆทีฉันก็ทำ ให้เป็นเหมือนดังว่าแข็งแรงกว่า
ไม่ยอมพ่ายแพ้มัน

กว่าจะถึงฝั่งฝันนั้นมันยากเย็น
อย่าพึ่งเห็นฉันเดินเข้ามาง่ายๆ
กว่าจะถึงที่ฉันยืน กล้ำกลืนฝืนทนเกือบตาย
น้ำตาผู้ชายเคยไหลไม่ใช่เรื่องแปลก

(ซ้ำ * , * , * , *)


อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 25 พ.ย. 53 09:19:12




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 23:26:04 น.
Counter : 1756 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.