กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

กรรมทันตา youtube

youtube

เมื่อวันก่อน ผมร้องขอแรงท่านที่มีความสามารถ
โปรดช่วยเอาเทปรายการ...ธรรมะ บันดาลใจ
ของคุณ บัณฑิต ปิ่นมงคลกุล
ตอนละ 1 ชั่วโมง ทั้งหมด 5 ตอน
ไปหาวิธีลง youtube ให้หน่อยเถอะ

ปรากฏว่ามีท่านผู้ใจบุญ อาสาเข้ามาหลาย.ย..ราย
บังเอิญว่ามีคุณ...ขนม
ชื่อจริงว่า สุชาดา ไกรโชค
อยู่ไม่ห่างบ้านของผมเท่าไหร่...เลยไปขอพบ
ปรากฏว่า เธอไม่ค่อยสบาย...เดินเหินไม่ค่อยถนัด
แต่ยังยินดีที่จะทำให้ อย่างเต็มใจ เพราะปรกติก็ช่วยถอดเทปธรรมะเป็นประจำอยู่แล้ว
จากวันนั้น คุณขนม ก็รีบทำให้แบบไม่หลับไม่นอน
ลองเปิดดูนะครับ...

ลิงค์ตอนที่ 1
https://www.youtube.com/watch?v=2bCLqPWgELg
https://www.youtube.com/watch?v=xJMb-Ktind0
https://www.youtube.com/watch?v=zzu8HRJtBZw

https://www.youtube.com/watch?v=jroM8zNdbBI


ลิงค์ตอนที่ 2

https://www.youtube.com/watch?v=zj84WmvXye0

https://www.youtube.com/watch?v=nxyeENLqhZw

https://www.youtube.com/watch?v=-_msCPKs3kM

https://www.youtube.com/watch?v=DK_PVbg8pLM



ลิงค์ตอนที่ 3

https://www.youtube.com/watch?v=lX13O7p5iv8

https://www.youtube.com/watch?v=Ral9Zz78onk

https://www.youtube.com/watch?v=zJei_wtnoAk

https://www.youtube.com/watch?v=_AeInFPsKtc



ลิงค์ตอน 4

https://www.youtube.com/watch?v=jMmdPl47xrU

https://www.youtube.com/watch?v=-IrlECrB220

https://www.youtube.com/watch?v=3pRRwJSxt_Q

https://www.youtube.com/watch?v=ZMzY21zSpck



ลิงค์ตอน 5

https://www.youtube.com/watch?v=OHkiaP9S9hs

https://www.youtube.com/watch?v=pknL2MmuRoA

https://www.youtube.com/watch?v=WByr-WwvL8g

https://www.youtube.com/watch?v=rjCqSrCbGwM


หรือเสริชหาคำว่า...ธรรมะ บันดาลใจ กรรมทันตา ก็ได้
นอกจากนั้นแล้วก็ยังมีอีกหลายท่านอาสาเข้ามา...ผมละซาบซึ้งใจ จริง จริง
เช่น คุณ ตุ๊ดตู่ โอ้เย...นัดดา แซ่ลิ้ม
ก็รีบทำให้อย่างเร่งด่วน
เป็นแบบที่ไม่ต้องมีภาพ มีแต่เสียง
แต่ต้องไปดาวน์โหลดเอานะครับ
//www.4shared.com/folder/_HcOPZ44/_online.html

ยังมีอีกเช่นคุณ Ms. Browneyes...นวินดา
หรืออีกหลายท่านที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพันทิป แต่ก็ตามอ่านมาตลอด
อาสาเข้ามาเหมือนกัน...

แต่ผมว่ากล้องของทีมงานถ่ายทำ คงไม่ค่อยดี
ถ่ายออกมาแล้ว ผมที่น่าตาดี...มันกลับออกมา อืด...อืด
ออกแนวกว้างๆ ยังไงชอบกล

ลองเข้าไปดู ไปฟัง เอานะครับ
หรือถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็เผยแพร่ต่อได้นะครับ
คุณบัณฑิต เจ้าของบอกว่า ไม่สงวนลิขสิทธิ์

อันที่จริงเรื่องนี้ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า
คนในห้องศาสนา หรือผู้ที่ติดตาม...มีศักยภาพ ความสามารถมาก
ถ้าเราหยิบเอาสิ่งนี้มาจัดการให้ดี
ขอแรงคนละไม้ละมือ...ก็จะสร้างสิ่งที่ยิ่งใหญ่
สามารถจรรโลง พระพุทธศาสนา ให้ยั่งยืนต่อไป
โดยไม่ต้องใช้เงิน...หรือใช้ก็น้อยมาก
ผมว่าทุกคนในที่นี้ มี...ใจ อยากทำเพื่อศาสนาอยู่แล้ว
ผมชอบไอเดีย ของคุณบัณฑิต ที่อยากจะหาวิธีให้คนหันมาสนใจศาสนา
หันมาทำความดี ด้วยวิธีการแปลกๆ ใหม่ๆ
พวกเรามาช่วยกันคิด หาวิธีไหนที่ไม่ต้องใช้เงิน หรือเรี่ยไร
แต่ออกแรง ตามความสามารถของแต่ละคน
เหมือนกับ...ออกแรงขนหินแค่คนละก้อน สองก้อน ก็สร้างปิรามิดได้

ใครมีหัวคิด ทำกิจกรรม หรือโครงการดี..ดี...
ลองออกเสียงมาหน่อยนะ
เคยฟังนิทานจีน เรื่องหนึ่ง...

มีนายอำเภอ คนหนึ่งตายลง
วิญญาณถูกนำไปยืนต่อหน้า ท่านยมบาล
ท่านก็เรียกให้ ยมทูต ไปหยิบเอาบัญชี บาป ของนายอำเภอมาดู
ท่านยมทูต ก็ไปหอบเอาบัญชีบาปมาก่อน...กองพะเนิน
พอเปิดดูก็มีทั้ง ยิงนกตกปลา โกหก กินเหล้า เมายา เจ้าชู้ผิดลูกเมีย
คอรัปชั่น มัวเมาลาภยศสารพัด
พอเอาขึ้นตาชั่ง มันก็เอียงกะเท่เร่แทบจะหัก
ยมบาลท่านก็เรียกให้เอาบัญชี บุญ ออกมาดู
ยมทูตไปค้นอยู่พักนึง...ได้มาแผ่นนิดเดียว
เปิดออกดู ปรากฏว่าเป็นเรื่องที่นายอำเภอ เคยเสนอคำร้อง
ขอให้ทางรัฐบาล สร้างสะพาน ข้ามคลองแห่งหนึ่ง
ซึ่งจะทำให้ชาวบ้านไม่ต้องเดินอ้อมไปเป็นวัน ๆ
ถ้ามีสะพานแห่งนี้ ทุกคนจะมีความสุข มีความเจริญ
การค้าขาย การขนส่ง การพัฒนาก็จะตามมามากมาย

นายอำเภอ ที่มากด้วยบาป พอเห็นบัญชีบุญเรื่องนี้แล้วก็หน้าซีด.ด...
เพราะสะพานแห่งนั้น...ทางการยังไม่อนุมัติให้สร้าง
ถึงแม้จะพยายามวิ่งเต้นชี้แจงทุกวิธีแล้วก็ตาม
แต่พอท่านยมบาล สั่งให้เอาบัญชีบุญ...กระดาษแผ่นเดียว
ขึ้นตาชั่งด้วย
ปรากฏว่า...น้ำหนักของกระดาษบุญ แผ่นนิดเดียวนั้น
เท่ากับ กองบาปอันมโหราฬทั้งกอง
ท่านยมบาล มองแล้วก็ยิ้มมุมปาก หันมาจ้องหน้านายอำเภอ
...บาป บุญ มันหนักพอ ๆ กัน
เราจะให้โอกาสเจ้ากลับไปเข้าร่างเดิม เพื่อเร่งทำความดีเข้าล่ะ

นายอำเภอก็แสนจะดีใจ...แต่ก็ยังสงสัย
อดถามท่านยมบาลไม่ได้
...ทำไมกระดาษบุญ แค่แผ่นนิดเดียว และก็ยังไม่สำเร็จซะด้วย
ถึงได้มีน้ำหนักมากมายขนาดนั้น
ท่านก็อธิบายว่า
...ความตั้งใจทำความดี โดยบริสุทธ์ใจนั้น
เป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่
น่าเสียดายว่า มันยังไม่ได้สร้าง มันยังไม่สำเร็จ
ถ้ายิ่งทำสำเร็จเมื่อไหร่...ผลบุญนั้นยิ่งหนักหนามหาศาล
แล้วก็ให้ยมทูต รีบนำวิญญาณนายอำเภอมาส่งยังร่างเดิม...

นิทานเรื่องนี้ฟังผ่านๆ ตั้งเป็นสิบปีแล้ว
แต่ยังจำติดใจ
พวกเราลองมาออกไอเดีย...สร้างสะพานบุญ
กันนะ ครับ
ผิดถูกไม่เป็นไร แค่ช่วยกันคิด...ก็ได้บุญโขแล้ว

ตอนที่ไปยืนต่อหน้า ท่านยมบาล
จะได้ไม่...หน้าซีด.ด...ด.


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com




 

Create Date : 03 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 3 กรกฎาคม 2554 21:26:38 น.
Counter : 1252 Pageviews.  

กรรมทันตา ทำกรรมกับงู

กรรมทันตา ทำกรรมกับงู

มีคนขอให้ผมเล่าเรื่องนี้ให้คนอื่นฟัง...เป็นอุทาหรณ์

คุณ สมพงษ์ รักโคตร
เมื่อปี 2541 ขณะนั้นอายุ 31 ปี
มีภรรยา และลูกชายฝาแฝด ขวบกว่า ๆ
นอกจากทำนา ปลูกผักนิดๆ หน่อยๆ แล้ว
ก็ยังเลี้ยง...ไก่

กลางดึกคืนวันหนึ่ง ต้องตกใจตื่นด้วยเสียงร้องของไก่ที่เลี้ยงไว้
เมื่อวิ่งไปถึง สิ่งที่ได้เห็นคือ...งูเห่า 2 ตัวผัวเมีย
กำลังไล่ฉก และกินไก่อย่างไม่ได้เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น
ด้วยความโมโห และบวกกับความกลัวว่าจะเป็นอันตรายกับคนในครอบครัว
คุณสมพงษ์ คว้าได้เสียมขุดดินที่ใกล้มือที่สุดกวัดแกว่งเพื่อไล่ งูเห่า ทั้งคู่
สัญชาติญาณ งูผัวเมีย ก็พยายามทั้งชูแม่เบี้ยขู่ และเลื้อยหนี
งูตัวที่ใหญ่กว่า พยายามขู่ถ่วงเวลาให้อีกตัวหนึ่งหนีไปก่อน
เป็นจังหวะให้เขาใช้เสียมทิ่มเข้าไป หมายจะให้โดนหัวที่แผ่แม่เบี้ยอยู่
แต่มันเบี่ยงหลบ ทำให้เสียมแฉลบ
ไปปักเอา...กลางลำตัว ของงูตัวนั้น

ด้วยความแรง และความคมของเสียม
ทำให้กระดูกหลังมันหัก...ลำตัวเกือบขาด
งูเห่า โชคร้ายตัวนั้นดิ้นทุรนทุราย ด้วยความเจ็บปวดทรมาน
มันบิดตัวแล้ว บิดตัวอีก...มันบิดตัวแล้ว บิดตัวอีก
ดิ้นปั๊ด ๆ ด้วยความเจ็บปวด และโกรธแค้น

คนแทงเสียมเองก็ตกใจ ไม่นึกว่าจะเป็นแบบนี้
สยดสยองต่อสิ่งที่เห็น
แล้วทันใดนั้น
งูเห่า เคราะห์ร้ายตัวนั้นก็หยุดดิ้น
พยายามยกหัวแผ่แม่เบี้ย หันมาจ้องคนที่ทำกับมันอย่างอาฆาตแค้น
คุณสมพงษ์ ก็รู้แต่ว่าตีงูเห่าแล้ว...ต้องตีให้ตาย
เพราะมันเป็นสัตว์ที่ อาฆาตรุนแรง
แต่ความรู้สึกที่ถูกมันจ้องมอง ถึงกับ...
ขนลุกซู่ตั้งแต่ สันหลังไล่ขึ้นไปถึงกระหม่อมเลย
เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับตัวเองมาก่อน
รู้แต่ว่าสังหรณ์ใจบอกไม่ถูก
อึดใจใหญ่ ๆ มันถึงได้สิ้นฤทธิ์...ขาดใจตาย

ปรกติคนแถวนั้น ถ้าตีงูได้ก็จะเอาไปกินเป็นอาหาร
ยิ่งงูเห่าแล้ว ยิ่งถือว่าเป็นลาภปากเลยทีเดียว
แต่ด้วยเหตุการณ์ และความรู้สึกสยองในอก
ทำให้เขาตัดสินใจฝังมันแทน ด้วยเสียมด้ามนั้นนั่นแหละ
ในตอนเช้า ทุกคนที่รู้เรื่องก็เตือนให้ระวัง งูเห่า อีกตัวที่เป็นคู่ของมัน
มันต้องมาแก้แค้นแน่นอน...
เขาเลยต้องเอา จั่น มาดักเอาไว้ และมันก็มาจริง ๆ ด้วย
งูเห่า ตัวนั้นติดจั่นดิ้นไม่หลุดไปไหนไม่รอด...
เพื่อนที่ช่วยกันดักมาขอเอาไปกิน

ผ่านไปอีกเดือนกว่า ทุกอย่างก็ถูกลืมเลือนไป
ขณะที่ คุณสมพงษ์ กำลังตัดต้นไม้อยู่
ตัดจนใกล้ล้มแล้ว ก็รีบถอยออกมายืนตรงข้ามกับทิศทางที่ต้นไม้ค่อย ๆ ล้มลง
แต่จังหวะที่ต้นไม้ต้นกำลังเอนล้มลงเรื่อย ๆ นั้น ...
มันกระแทกเข้ากับยอดของต้นไม้ที่เตี้ยกว่าอีกต้นหนึ่ง
เป็นเหตุให้เกิด...แรงดีด
เหวี่ยงให้ต้นที่กำลังล้ม สวิงมาฟาดเข้ากับตัวเขา
แรงกระแทกมันมาก ก ก..ก.ก จนตัวคุณสมพงษ์ กระเด็นไปเกือบ 3 เมตร
...หัว และ คอ กระแทกกับเนินดินคันนาอย่างแรง ถึงกับสลบทันที
หลังจากเพื่อน ๆ ช่วยกันปฐมพยาบาลฟื้นแล้ว
เขาก็พยายามจะลุกขึ้น
แต่...ร่างกาย มันไม่ตอบสนองใด ๆ ทั้งสิ้น
ความรู้สึกมีแค่ที่ หัว เท่านั้น
ตั้งแต่คอ ลงมาทั้งตัว...ไม่มีความรู้สึกใดๆ เลย
เหมือนกับว่าทั้งตัวเขา...มีแต่ หัว เท่านั้น
ขณะที่กำลังตกใจ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่
ภาพ งูเห่า ที่แผ่แม่เบี้ยจ้องหน้าเขาก่อนตายก็พุดขึ้นมา
แล้วยังมีภาพจำ ที่ไม่เคยนึกถึงตามมาอีก...

ย้อนไปเมื่อ 16 ปี ก่อน
ขณะที่เขากับเพื่อน ๆ กำลังยิงหนังสติ๊กเล่นกัน
ก็มีคนชี้ให้ดู...งูทางมะพร้าว
ที่กำลังเลื้อยอยู่บนต้นไม้ห่างไปเกือบ 10 เมตร
พวกเขาก็หมายเอา งู ตัวนั้นเป็นเป้าซ้อมมือ
เพื่อน ๆ คนอื่นยิงไม่ถูก
แต่คุณสมพงษ์ ยิงถูกกลางหลังมันอย่างจัง
ตำแหน่งเดียวกันกับ งูเห่า ตัวนั้นเลย
มันตกลงมานอนบิดเป็นเกลียวด้วยความเจ็บปวด เพราะหลังหัก...
แล้วพยายามเลื้อยหนีรอดไปจนได้

และ...ยังมีอีกภาพที่แย่งผุดขึ้นมาในหัว อีกเหตุการณ์หนึ่ง
ก่อนเรื่องแรก ประมาณ 2 ปี
ตอนนั้นยังเด็กมาก ซัก 12 ขวบ ขณะที่เดินกลับบ้าน
ลุงของเขาที่แบกจอบมาด้วย เหลือบตาไปเห็น...งูสิง
ซึ่งลักษณะคล้ายงูเห่ามาก แต่ไม่มีพิษ
กำลังเลื้อยหนีหลบลงไปข้างทาง
ลุงบอกให้ช่วยกันวิ่งไล่กวด เพื่อจับมากิน
คุณสมพงษ์ ซึ่งยังเด็กก็ช่วยถือไม้วิ่งไล่ดักหน้า ดักหลังด้วย
จนมันกำลังจะหนีลงรูอยู่แล้ว
ลุงก็วิ่งมาทันพอดี
เหวี่ยงจอบฟันฉับเข้าให้กลางหลัง ตำแหน่งเดียวกันไม่มีผิด
ลำตัวขาดกลาง บิดเร่า ๆ ๆ ....ด้วยความเจ็บปวดทรมาน

เมื่อ คุณสมพงษ์ รู้สึกตัวที่โรงพยาบาลอีกครั้ง...
เขาก็กลายเป็น อัมพาต
กระดูกไปกดทับเส้นประสาทที่สันหลัง
ประสาทสัมผัสเสียหายตั้งแต่ คอ ลงมา
พูดได้ รู้สึกนึกคิดได้
สติสัมปชัญญะยังมีครบถ้วน
ยกเว้น...ความรู้สึกตั้งแต่ คอ ลงมา
ชีวิตที่เหลือหลังจากนั้น...
ก็ได้แต่ นอน นิ่ง ๆ อย่างเดียว...เป็น ปี
โชคยังดี ครอบครัวนี้เป็นครอบครัวใหญ่
อยู่กันหมดทั้งพ่อ แม่ พี่ น้อง
รวมทั้งคุณสมพงษ์ ที่แต่งงานจนมีลูกแล้ว
ก็ยังไม่ได้แยกเรือนไป
ญาติ ๆ ก็อยู่บ้านติด ๆ กันทั้งนั้น ทุกคนก็ให้ความเป็นห่วงเป็นใยจากใจจริง
พยายามพาไปรักษาตัวทั้งโรงพยาบาล ทั้งสถานที่ต่าง ๆ
ที่ไหนว่าดี ก็พากันไปหมด ทั้งบีบ ทั้งนวด
ทั้งยาสมุนไพรสารพัด หากันมามากมาย
แต่ที่สำคัญที่สุด...ภรรยา
ที่เอาใจใส่ประคบประหงม คอยพูดให้กำลังใจ
...อย่าคิดมาก ต้องหายได้แน่นอน อีกไม่นานก็หาย ไม่ต้องห่วง
อีกทั้งความที่ห่วงใยลูกแฝด ที่เพิ่งจะขวบกว่า ๆ
สิ่งเหล่านี้แหละ ที่ช่วยค้ำจุนให้เขามีกำลังใจอยู่มาได้
เขาพบว่ายาวิเศษ ที่ดีที่สุดคือ...ความรัก
ความเอื้ออาทร ความ....ห่วงใย

แต่ถึงแม้จะมี ความรัก ความอบอุ่น จากครอบครัวคอยหล่อเลี้ยง
ความที่ต้องกลายเป็นคนพิการ นอนหงาย...นิ่ง
กระดิกกระเดี้ย อะไรก็ไม่ได้
ต้องเป็นภาระของคนที่รักเขาทั้งหลาย...มันช่างกัดกร่อนจิตใจยิ่งกว่า
หลังจากที่ทุกคนพยายามหาวิธีรักษาสารพัดมา...ปีกว่า
จนลูกแฝดทั้งคู่อายุได้ 3 ขวบ เริ่มพูดเก่งแล้ว
การที่ต้องนอนหงาย ทำอะไรไม่ได้มานาน..น..ทำให้จิตใจทดท้อ
สงสาร พ่อ แม่ และ เมีย ที่ต้องคอยห่วงใย
...ต้องคอยอุ้ม คอยแบกไป แบกมา
บวกกับความผิดหวังจากการรักษาสารพัดวิธี แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
มันผิดหวัง มันท้อ....จนคิด อยากตาย
อยากตาย...อยากตาย
...ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว
จนใจแต่ว่าตัวเอง แม้แต่ความสามารถในการฆ่าตัวตาย...ก็ยังไม่มีปัญญา
ได้แต่บ่นน้อยใจชะตาชีวิตให้ภรรยาฟัง...ฉันอยากตาย จะได้ไม่เป็นภาระคนอื่น
บ่นเข้าหลาย ๆ ครั้ง จนภรรยาก็พลอยเครียดไปด้วย

กระทั่งคืนหนึ่ง เขาก็นอนบ่นให้ภรรยาฟังอีกเช่นเคย...
แต่เที่ยวนี้ ความอดทนอดกลั้นของภรรยาก็พังทลาย
...ร้องไห้โฮ ออกมา
ความรู้สึกของทั้งคู่ตึงเครียดอย่างที่สุด
ลูกชายฝาแฝด 3 ขวบที่กำลังน่ารัก ที่นอนรับรู้บรรยากาศความรู้สึกอยู่ข้าง ๆ
ก็พูดขึ้นว่า...
...ถ้าพ่อตาย หนูก็จะตาย ด้วย..ย...ย
ณ.นาทีที่ได้ยิน ลูกพูดออกมาอย่างนั้น ก็คิดได้ทันที
เขาไม่ได้มีชีวิตอยู่ตัวคนเดียว...แต่ยังมีอีกอย่างน้อย 3 ชีวิต
ที่ยึดโยงอยู่ด้วยกัน อย่างแนบแน่น
เขาจะตายไม่ได้...ตายไม่ได้...
เขาต้องมีกำลังใจ ต้องรักษาตัวให้หายให้ได้...
เพื่อคนที่รักเขา ห่วงใยเขา

ตั้งแต่นั้นมา คุณสมพงษ์ ก็มีพลังฮึดสู้ขึ้นมา...
นอนฮึดสู้นี่แหละ
ต้องหาย...ต้องสู้...ต้องมีกำลังใจรักษาตัวให้ หาย
เอาเทปธรรมะ มาเปิดบ้าง ฟังรายการธรรมะจากวิทยุบ้าง
ทำให้ได้คิดว่า...มันต้องเป็น กรรม ที่ได้เคยกระทำไว้มาสนองแน่นอน
ต้องหาวิธี...ขออโหสิ...ขอให้เจ้ากรรมนายเวร ยอมยกโทษให้
เขาเริ่มตั้งใจ นอนสวดมนต์ แผ่เมตตา
อุทิศกุศลให้ผู้เป็น เจ้ากรรม เจ้าเวร...ตลอดหลาย.ย..ย เดือน
แล้วปาฏิหาริย์ ก็เกิดขึ้น...
มีโครงการที่เป็นเงินทุนจากประเทศ เยอรมัน เข้ามาที่จังหวัดของเขา
ต้องการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการโดย...ชุมชน
คุณสมพงษ์ เป็นหนึ่งใน 10 กว่าคนที่ได้รับเลือก
ตลอดเวลาการรักษาหลาย..หลาย เดือน
เขาก็ยังไม่ทิ้ง...การสวดมนต์ แผ่เมตตา ขออโหสิกรรม
มันได้ผล...เริ่มมีความรู้สึกเพิ่มขึ้นที่ หลังมือ ทั้ง 2 ข้าง
มีกำลังใจมากขึ้น ประสาทสัมผัสก็ยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ
จนขยับมือได้
และขยับแขนได้บ้างนิดหน่อย
คนที่เข้าโครงการรักษาทั้งหมด...มีเขาคนเดียวเท่านั้น ที่มีอาการดีขึ้น
นอกนั้นไม่ได้ผลเลยซักคน

ที่หมู่บ้านของเขานอกจากทำนาตามฤดูกาลแล้ว
ยังมีการประกอบอาชีพ ทอผ้า
ผ้าไหม ผ้าฝ้าย ผ้ามัดหมี่
เขาได้ขอให้คนที่บ้านช่วยเอาผ้ามา โยง กับขื่อบ้าน
แล้วช่วยพยุงตัวขึ้นนั่ง
โดยเอาผ้าที่ทำเป็นบ่วงไว้ สอดเข้าใต้รักแร้พยุงตัวให้นั่งได้
และขอทำหน้าที่...กรอด้าย
เพราะเห็นว่าน่าจะพอทำได้ พอจะเป็นประโยชน์บ้างแม้นิดหน่อยก็ยังดี
หลังจากพยายามอยู่นาน.น..น
คุณสมพงษ์ ก็มีหน้าที่ กรอด้าย
ให้กับภรรยา และคนในหมู่บ้าน
เขาทำหน้าที่นี้...ด้วยความยินดี ดีใจ พอใจ
และภูมิใจ ที่ยังทำประโยชน์ได้
คนอื่น ๆ ไม่รู้ไม่เข้าใจ หรอกว่า...
ในตอนแรกๆ นั้นเขาต้องพยายามพยุงตัวด้วยความยากลำบาก และอดทนแค่ไหน
ถึงขนาดที่ว่า ผ้าที่ใช้รัดพยุงตัวมันบาดรักแร้ และสีข้างถลอกจนเลือดออกทุกวัน
มันเจ็บปวดทรมาน มาก
แต่เขาก็ไม่ยอม ปริปากบอกใคร...กลัวเขาจะไม่ให้ทำ
กลัวที่สุดคือ เป็นคนไร้ประโยชน์

คุณสมพงษ์ ใช้งานเป็นการทำกายภาพบำบัด
ใช้การสวดมนต์ แผ่เมตตา เพื่อขอให้เจ้ากรรมนายเวร บรรเทาโทษให้
เขาแน่ใจ...มาถูกทางแล้ว ปฏิบัติถูกทางแล้ว
และจะต้องทำต่อไป

แล้วอยู่มาวันหนึ่ง เห็นภรรยามีปัญหาเรื่อง...ลายผ้า
เขาจึงอาสาลอกลายผ้าตัวอย่าง ที่เป็นลายดั้งเดิมของท้องถิ่นลงกระดาษ
ถือเป็นการฝึกการใช้มือ
แต่หลังจากลอกลายได้หลาย ๆ วันเข้า
จู่ ๆ ก็คิดว่า...เขาเข้าใจความซับซ้อนของลายพวกนี้อย่างทะลุปรุโปร่ง
มันแปลกมาก เพราะแม้จะเรียนจบ ม.6 กศน.
แต่ก็ไม่เคยมีหัวทางศิลปะเลย ซักนิดเดียว
คิดทบทวนแล้วยิ่งมั่นใจ
เขาเข้าใจ จนกระทั่งเห็นถึง ช่องโหว่ ข้อเสีย ของลายดั้งเดิมแบบนี้
มันเหมาะดีกับ ผ้านุ่ง แบบเดิม..เดิม
แต่ถ้าเอามาใช้กับเสื้อผ้าในปัจจุบัน ควรจะปรับปรุงซะหน่อยน่าจะดีกว่านี้
จากนั้นมาเขาก็ตั้งหน้าตั้งตา ออกแบบลายผ้า ลายมัดหมี่ แบบใหม่ ๆ
ถึงจะพิการ...เขาก็นอนหงาย คิดออกแบบลายผ้าอย่างไม่ย่อท้อ
แต่ก็ไม่เคยขาด การสวดมนต์ แผ่เมตตา ขออโหสิกรรม
ยิ่งโดยเฉพาะ วันพระ...จะเพิ่มการถือศีล 8 อย่างเคร่งครัดอีกด้วย
ผลที่เกิดตามมา...
ร่างกายค่อย ๆ มีความรู้สึกขึ้นมาทีละน้อย.ย..ย ทีละนิด.ด..ด
จนถึงช่วงเอว

คุณสมพงษ์ ได้คิดค้นออกแบบลายผ้า ลายมัดหมี่ ให้เหมาะสมสวยงาม
พัฒนาจนสามารถเป็นสินค้า โอทอป ประจำจังหวัดอุบลฯ
ปี 2545 กิจการดีขึ้นจนมีเงิน ปลูกบ้านชั้นเดียว หลังเล็ก ๆ แยกออกมาจากบ้านพ่อ แม่
ปี 2549 เขาได้เริ่มงานอาสาฯ ทำโครงการ…
ชมรมศูนย์การเรียนรู้โดยชุมชน
เพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาคนพิการโดยชุมชน ( CLC )
เคยได้รับเชิญออกรายการ...ยิ้มสู้
ได้เป็นบุคคลตัวอย่าง รับรางวัล และกำลังใจมากมาย
ได้เป็นตัวตั้งตัวตี ในสมาคมคนพิการแห่งประเทศไทย...
ต้องมาประชุมสภาฯ ด้วย
ปัจจุบันนี้ คุณสมพงษ์ ยังทำหน้าที่ วิ่ง.ง.ง..ไปให้กำลังใจและช่วยเหลือคนพิการที่ถูกทอดทิ้งทั่วประเทศ
ทำมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เท่าที่จะทำไหว...ด้วยทุนส่วนตัว
ด้วยรถโดยสารสองแถว รถบัส รถ บ.ข.ส.

ส่วนลุงที่เอาจอบฟัน งูสิง ขาดกลางหลัง
ทุกวันนี้ก็เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาต จากเส้นเลือดในสมองแตก
เพื่อน ๆ ที่เคยร่วมทำกรรม ก็มีอันชีวิตล้มเหลวต่าง ๆ กันไป

คราวหน้า ถ้าคุณไปเดินดูสินค้า โอทอป แถวๆ บู๊ทของจังหวัดอุบลฯ
อาจจะเห็น หนุ่มใหญ่หน้าตาสดใส นั่งรถวิลล์แชร์
คอยพรีเซนต์เสื้อผ้า และอวดลวดลายที่เขาออกแบบเอง
หรือ ถ้าสนใจลองเสริช ชื่อคน...คนนี้ดูซิครับ
โทร.ไปคุย ไปให้กำลังใจกับเขาก็ได้ นะ
082-862-5461
อ้อ...ทุกวันนี้ก็ยังขยัน สวดมนต์ อุทิศส่วนกุศล แผ่เมตตา
ขออโหสิกรรม...ถือศีล 8 อย่างสม่ำเสมอ
ทำอย่างง่ายๆ นี่แหละ...เปิดทีวีมีรายการทำวัตรเช้า ก็ตั้งจิตสวดตามไป
ก่อนนอนก็สวดบท อิติปิโสฯ บททั่วๆ ไปนี่แหละ
พิเศษก็เฉพาะ วันพระ จะตั้งใจปฏิบัติสมาธิ กรรมฐาน
เอาทุกข์ เอาร่างกายนี่แหละ มาพิจารณา...มันไม่ใช่ของเราเลย จริง จริง
ถ้าไปวัดใกล้บ้านได้ ก็จะไป
ถ้าไม่สะดวกก็ตั้งใจปฏิบัติฯ ที่บ้าน
ทำอย่างนี้สม่ำเสมอ...ทู๊ก.ก..ก วัน
ด้วยความหวังว่า...

...ซักวันนึง เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลาย คงจะเห็นใจ
และให้อภัย...


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com




 

Create Date : 30 มิถุนายน 2554    
Last Update : 27 เมษายน 2557 22:34:10 น.
Counter : 2339 Pageviews.  

กรรมทันตา รายการ ธรรมะ บันดาลใจ

รายการ ธรรมะ บันดาลใจ

ประมาณ 2 เดือนก่อน มีคนอ่านกระทู้ กรรมทันตา แล้วติดต่อหาผม
ชื่อ...คุณ บัณฑิต ปิ่นมงคลกุล
พร้อมแนะนำตัว ว่า เคยเป็นโปรดิวเซอร์รายการทีวีหลายแห่ง
เคยทำงานกับ คุณสรยุทธ์ อยู่พักหนึ่งแล้วก็โดดไปทำรายการให้กับ เอเอสทีวี
แต่สนใจในพระพุทธศานา เป็นทุนเดิมอยู่มาก
มีแนวทางอยากจะนำเสนอธรรมะ ในแง่มุมใหม่ๆ รูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะอยากชักจูงคนรุ่นใหม่ คนธรรมดาที่ไม่ค่อยสนใจในศาสนา
ต้องการนำเสนอ คนที่ได้แรงบันดาลใจจากธรรมะ หรือคนที่เปลี่ยนแปลงชีวิต ให้ดีขึ้นด้วยคำสอนของพระพุทธเจ้า
แต่อยากได้แบบ ฟังง่ายๆ บ้านๆ ไม่ต้องมีศัพท์เทคนิคมากนัก
ปัจจุบันนี้เพิ่งจะเริ่มทำรายการของตัวเอง ชื่อ...ธรรมะ บันดาลใจ
ป้อนให้กับทางช่อง...ธรรมะทีวี ของเครือ เนชั่น
และให้กับทางช่อง...โลกพระพุทธศานา ( WBTV ) วัดยานนาวา
ทั้งสองช่องเป็นเคเบิ้ลทีวี

สรุปแล้ว ก็ชวนให้ผมไปอัดรายการซักตอนหนึ่ง แค่ชั่วโมงเดียว
แต่ด้วยเรื่องมันเยอะ คุยกันถูกคออัดไปทั้งหมดรวม 5 ตอน 5 ชั่วโมง
ออกอากาศไปแล้วทั้งสองช่อง ซึ่งทางรายการขึ้นเบอร์โทร.และอีเมล์ ให้ด้วย
มีคนที่ดูรายการนี้ โทร.กลับมาหาผมหลาย ๆ คน จากหลายๆ จังหวัด
ระยอง กำแพงเพชร ไกลสุดดูเหมือน อ.เดชอุดม อุบลราชธานี แน่ะ
ทั้งยังบอกว่า...ฟังแล้วได้แนวคิด ได้กำลังใจในการทำความดีเพิ่มขึ้น
เลยทำให้รู้ว่า ยังมีคนที่นอกแวดวงพันทิปสนใจอีกเยอะ
หลายคนก็บอกว่า ใช้อินเตอร์เนตไม่เป็น แต่อาศัยดูทางเคเบิ้ลทีวี

หรือบอกว่า เพิ่งจะรู้ว่าการทำความดี ทำบุญกุศล ไม่ต้องใช้เงินก็ได้
ทำง่ายๆ อยู่กับบ้านก็ได้บุญหลาย ยู้...
ฟังเรื่องที่เล่าแล้ว คิดได้ว่า...มนุษย์เราไม่ได้ขึ้นอยู่กับ พรหมลิขิต เท่านั้นเราสามารถกำหนดชะตาชีวิต ว่ายทวนกระแสกรรม หักเหอนาคตได้ด้วยตัวเอง
ยังมีเทวดา ฟ้าดิน คอยช่วยเหลือคนตั้งใจทำความดี
มี กรรม ที่คอยติดตามเอาเรื่องคนที่ทำชั่วอย่างไม่ละเว้น
อ้อ...บางท่านก็โทร.มาเล่าเรื่อง กรรม ที่สนองการกระทำของเขาในรูปแบบต่างๆ ที่น่าสนใจมาก..ก...
และก็ทำผมให้ได้เรียนรู้อีกว่า ยังมีวิธีเผยแพร่ธรรมะได้อีกตั้งหลายรูปแบบ
แต่น่าสงสาร คุณบัณฑิต แกเหมือนกันนะ
ใจอยากจะทำ อยากจะนำเสนอ มีไอเดีย มีแนวทาง
แต่ไม่มีคนช่วย ที่สำคัญไม่ค่อยมีสตางค์...ยังหาสปอนเซอร์ไม่ได้
ยังดีที่ค่าใช้จ่ายในการถ่ายทำ ออกอากาศ ไม่แพงนัก
แต่ก็ควักประเป๋าจนแห้งแล้วเหมือนกัน

อีทีนี้...เทปรายการทั้ง 5 ตอน 5 ชั่วโมง
คุณบัณฑิต ส่งมาให้ผมแล้ว ในรูปแผ่นซีดี 5 แผ่น
แต่ละแผ่น เนื้อที่ประมาณ 3.3 GB
และอนุญาตให้ไปเผยแพร่ต่อได้
ประเด็นก็คือ...อยากจะเอาลง YOUTUBE
หรือทำเป็นคลิป ลงที่ไหนก็ได้...แต่ทำไม่เป็น อ่ะ
อยากจะขอแรง ท่านใดที่มีความสามารถทางด้านนี้ โปรดช่วยหน่อยนะครับ
เพื่อเอาบุญ
ผมจะส่งซีดีทั้ง 5 แผ่นให้ทางไปรษณีย์ ช่วยติดต่อมานะครับ
ทาง อีเมล์ tobeteam@yahoo.com ก็น่าจะดีกว่าทางอื่น
หรือ ท่านมีไอเดียที่ดีกว่านี้ โปรดชี้แนะด้วยนะครับ

คุณบัณฑิต ยังขอให้ผมช่วยนัด...น้องปาล์มมี่
จากเรื่อง กรรมทันตา เต้าหู้นมเด้ง มาให้สัมภาษณ์ด้วย
แต่เวลายังไม่ลงตัวกัน
ผมเห็นแกมีศรัทธาอยากเผยแพร่สิ่งดีๆ ในแนวทางใหม่ๆ แล้วอยากจะช่วย
แต่ก็ยังไม่รู้จะทำยังไง
ถ้าท่านใด มีศรัทธา และความสามารถ ก็ขอได้โปรดติดต่อมานะครับ
ช่วยๆ กันนะ...เอาบุญ


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com




 

Create Date : 28 มิถุนายน 2554    
Last Update : 29 มิถุนายน 2554 7:53:08 น.
Counter : 2099 Pageviews.  

กรรมทันตา สวดมนต์

สวดมนต์

ผมมีหลานสาว ลูกของน้องภรรยา ชื่อ...น้องนิน
หลานคนนี้เป็นประเภทเอาแต่ใจพอสมควรเชียวแหละ
พ่อแม่ก็แสนดี พอเข้ามหาวิทยาลัยก็ซื้อรถเก๋ง มาสด้า 3 ใหม่เอี่ยมป้ายแดงให้ใช้
จนเมื่อปลายปีที่แล้ว
ค่ำวันหนึ่งประมาณ 3 ทุ่ม น้องนิน ขับรถอยู่บน ถนนวิภาวดี ช่องทางด่วน
ขณะนั้นรถที่วิ่งอยู่บนถนนเส้นนี้ ขับกันเร็วทุกคัน เฉลี่ย 90 – 100 กม.ต่อชั่วโมง
มาถึงบริเวณใกล้วัดเสมียนนารี
ขณะที่ น้องนิน ขับรถวิ่งอยู่เลนกลางด้วยความเร็วสูงพอสมควร
ก็มีโทรศัพท์เข้ามา
เธอเอื้อมมือซ้าย คว้าโทรศัพท์ขึ้นมาพูด พร้อมกับชะลอเพื่อเบี่ยงรถเข้าเลนซ้าย
เธอมองกระจกหลัง ดูว่ามีรถหลังด้านซ้ายมาด้วยความเร็วหรือเปล่า
เพื่อจะเบี่ยงพวงมาลัย พารถเข้าเลนซ้ายสุด
ตา...ก็มองกระจกหลัง
มือซ้าย...ถือโทรศัพท์แนบกับหู
มือขวา...คอยหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าช่องซ้าย
ปาก...ก็พูดไปเรื่อยๆ

ตาที่จ้องกระจกหลัง สมองที่คอยสั่งการทั้งการขับ การพูดโทรศัพท์
พอรถหลังว่าง...
มือก็หักพวงมาลัยเลี้ยวเข้า...เลนซ้าย ทันที
เท้าขวา ยกขึ้นผ่อนคันเร่ง
แต่...รถก็ยังพุ่งไปด้วยความเร็วกว่า 90 กม.ต่อ ชั่วโมง
ปากก็ยังพูดโทรศัพท์...
พอมองกระจกหน้า ก็ต้องตกใจสุดขีด...
...มีรถเก๋งจอดนิ่งสนิท เปิดไฟกระพริบฉุกเฉินอยู่ในเลนซ้ายสุด
ตกใจ...ตกใจ...ความตกใจมันมากมายเหลือเกิน.น..น
เกินกว่าที่เคยตกใจ...สมองค้างไม่สั่งงาน รู้เพียงแต่ ตกใจ...ตกใจ
สมองไม่สั่งงานว่าจะต้องทำยังไงกับสิ่งที่เห็นไปชั่วขณะ
แค่...เสี้ยววินาที ที่สมองหยุดนิ่ง
ร่างกายค้าง...แข็ง
ชน...ชน...ชน...ต้องชนแน่นอน
แล้วรถมาสด้า 3 ที่มาด้วยความเร็วประมาณ 90 กม.ต่อชั่วโมง
ก็พุ่งเข้าใส่ รถเก๋ง ที่จอดเปิดไฟกระพริบ...โดยไม่ได้แตะเบรก สักนิด

ขอหยุดไว้แค่นี้...ก่อนนะครับ
เพราะเรื่องที่อยากจะเล่า ไม่ใช่เรื่องที่เกิดกับ น้องนิน
แต่เป็นเรื่องของรถที่จอดนิ่งสนิทอยู่เลนซ้ายสุด...
ถึงจะซ้ายอย่างที่สุด แต่ก็ยังอยู่ในช่อง...ทางด่วน

สาวน้อย อายุ 25 เบญจเพสพอดี
สมมุติว่าชื่อ...น้องเบญ
เธอกำลังจะไปเรียนต่อที่ อเมริกา ในอีกแค่ไม่กี่วันเอง
ครอบครัวของเธอ เป็นพวกที่เคร่งครัดในศาสนาพอสมควรเชียว
ศาสนาคริสต์...
เมื่อรู้ว่าได้ทุนไปเรียนต่อแน่นอนแล้ว ก็วิ่งวุ่นทำเรื่องต่างๆ
เธอใช้รถเก๋ง ฮอนด้า ซีวิค คันเล็กๆ รุ่นค่อนข้างเก่าหลายปีแล้ว
แต่สภาพก็ยังดีอยู่มาก แต่ก็ด้วยความที่ผู้หญิงใช้รถอ่ะนะ
ภายนอกแม้จะดูดี แต่เครื่องในไม่ค่อยได้ดูแล
วันนี้...กว่าจะทำธุระต่างๆ เสร็จก็ 2 ทุ่มกว่าแล้ว
รีบขับรถกลับบ้าน โดยใช้ ถนนวิภาวดี เข้าช่องทางด่วนเหมือนเคย
วิ่งมาถึงวัดเสมียนนารี รถก็มีอาการสะอึก วิ่งกระตุก...กระตุก
น้องเบญ รีบหักรถเข้าช่องซ้ายสุด...เครื่องยนต์กระตุกดับไปเอง
หันรีหันขวางอยู่ในรถด้วยความงุนงง อยู่อึดใจ
รีบโทร.ไปหาพี่ชายที่บ้าน บอกอาการ
โดยสรุป พี่ชายให้รออยู่ในรถโดยไม่ลืมให้เปิดไฟกระพริบฉุกเฉินไว้ด้วย
แล้วจะรีบเอารถไปรับ พร้อมลากกลับมาที่อู่ใกล้บ้าน

หลังจาก น้องเบญ นั่งฟังวิทยุรอพี่ชายอยู่ในรถด้านคนขับ
เพราะข้างนอกมันมืด ไม่มีคน
มีแต่รถวิ่งกันด้วยความเร็วค่อนข้างสูงมาก
เธอก็เกิดเบื่อขึ้นมา
ด้วยความที่เป็นครอบครัวที่เคร่งศาสนา ก็ให้นึกอยากจะ...สวดมนต์
น้องเบญ เอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักด้านซ้ายหยิบหนังสือสวดมนต์ออกมา
แล้วนั่งสวดไปตามที่เคยปฏิบัติ
สักพักนึง พอสวดไปเรื่อยๆ ใจก็เต้นแรง...แรงขึ้น แรงขึ้น
จนลมหายใจเริ่มขัด กระชั้นถึ่ รู้สึกใจหาย แว๊บ ๆ สวดมนต์ต่อไม่ถนัด
เธอหยุดสวด...ตั้งสติ พยายามนึกว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองนะ...แปลก
แล้วทำไมพวงมาลัยรถมันช่างชิดเข้ามามาก จนอึดอัด

น้องเบญ ตัดสินใจปีนไปนั่งเบาะหน้า...ด้านซ้าย แทน
ด้วยหวังว่าน่าจะสบายขึ้น สวดมนต์ได้สะดวกกว่า
พอนั่งได้ที่ดิบดี หยิบหนังสือขึ้นมาสวดมนต์ต่อไป
เพียงแค่อึดใจ เธอรู้สึกว่ามีแสงไฟส่องจ้า...มาจากด้านหลัง
ยังไม่ได้ทันได้คิดอะไรต่อ...
โครม.ม..ม...ม
เสียงดังสนั่นหวั่นไหว
รถที่เธอนั่งอยู่สะเทือนอย่างที่ไม่อาจจะเข้าใจได้
รู้สึกแต่ถูกกระแทกจากด้านหลังอย่างแรง
หน้าคะมำ หัวโขกกระจกหน้าอย่างแรง...มึน งง วูบ.บ.บ..บ

ภาพที่คนอื่นๆ รวมทั้งหน่วยกู้ภัย กู้ชีพได้เห็นคือ...
รถมาสด้า 3 พุ่งเข้าชน รถฮอนด้า อย่างแรงโดยไม่ได้เบรก
ลักษณะการชน เอาด้านหน้าเข้าชนด้านหลัง...เบี่ยงมาทางขวาเล็กน้อย
รถมาสด้า พังยังตั้งแต่หน้ารถจนถึงห้องโดยสาร
เครื่องยนต์ หลุดกระเด็นออกมาจากตัวรถ
หน่วยกู้ภัยช่วยคนขับ ออกมาได้อย่างปลอดภัย
เพราะถุงลมนิรภัยป้องกันไว้เต็มที่

รถฮอนด้า ซีวิค ด้านหลังพังยับตั้งแต่ท้ายรถ ห้องโดยสาร
เบาะหลังยุบบี้แบน อัดดันเบาะหน้า
โดยเฉพาะเบาะหน้าขวา บี้แบนกับพวงมาลัยจนผิดรูปร่างไปหมด
แผงหน้าปัดตรงกลาง รวมทั้งวิทยุถูกกระแทกยับเยิน
เบาะหน้าซ้ายบิดเบี้ยว แต่...ยังตั้งตรงอยู่
ประตูหน้าด้านซ้าย เปิดอ้าบิดเบี้ยว
ไม่พบคนขับ หรือใครอยู่ในซากรถ...

ทันที่พี่ชาย ของน้องเบญ เจ้าของ ฮอนด้า มาถึง
เขาก็ต้องตกใจกับสภาพรถ ที่กลายเป็นซากไปแล้ว
แล้ว...น้องสาวของเขาล่ะ จะมีสภาพยังไง
มองหาในซากรถด้วยความตกใจ...ก็ไม่มี
รอบตัวมีแต่ความวุ่นวาย ทั้งหน่วยกู้ภัย ทั้งไฟไซเรน แถมไทยมุงอีกขโยง
มึนงงไปหมด
แต่แล้ว...น้องเบญ ก็เดินมาหาพี่ชาย
มายืนข้างๆ ทำตาปริบ...ปริบ

คนขับรถ ทั้งสองคันถูกนำส่งโรงพยาบาล วิภาวดี ทั้งคู่
แต่คนละห้อง
น้องชายของภรรยา ซึ่งเป็นพ่อของหลานสาว
รีบไปดูที่เกิดเหตุ แล้วโทร.มาหาผม ด้วยความตกใจถามว่าจะต้องทำยังไงต่อไป
ผมก็ให้คำแนะนำไปอย่างที่ควร แต่ที่สำคัญ...
ต้องรีบไปดูแล และขอโทษเจ้าของรถที่ถูกชนด้วยใจจริง
ไม่ว่าเรื่องจะเป็นยังไง ให้ขอโทษเค้า...อย่างจริงใจ

น้องนิน เล่าให้พ่อแม่ เธอฟังว่า
ขณะที่รถกำลังพุ่งเข้าชนด้านท้ายรถ ฮอนด้า อย่างเต็มที่
เหมือนมีใคร หรืออะไรซักอย่างกระชากพวงมาลัยไปทางขวา
ก่อนการชน...แค่เสี้ยววินาที เดียว
ทำให้ชนเบี่ยงไปทางขวานิดหน่อย...

ส่วน น้องเบญ เล่าให้ครอบครัวฟังว่า
ตอนที่รถ ฮอนด้า ถูกชนอย่างรุนแรงชนิดที่ไม่เคยพบเจอ
เสียงดังสนั่น...
ความแรงจากการกระแทกมันมากจนตัวเธอพุ่งเข้าหากระจกหน้า
มีแรงกระแทกมาจากด้านหลัง หน้าคะมำหัวเธอกระแทกกระจก
แต่...ในวินาทีนั้นรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่าง...ดึงรั้งทั้งตัว ทั้งหัวเอาไว้
แต่ก็ยังกระแทกอย่างแรงจน วูบบบ...ไป
มารู้สึกตัวอีกทีก็ยืนอยู่นอกรถแล้ว
เห็นคนมากมายเข้ามารุมล้อมที่รถ แต่ไม่ได้ยิน ไม่รู้สึก
จนกระทั่งเห็นพี่ชายวิ่งมาดูรอบรถ ถึงได้เดินมาหา

รถทั้ง 2 คันเสียหายมากซ่อมไม่ได้...ซ่อมไม่คุ้ม
บริษัทประกันฯ ยอมจ่ายเต็มจำนวนที่เอาประกัน
แต่ก็ยังไม่พอ
พ่อของหลานสาว ต้องจ่ายเพิ่มเติมอีกหลายแสนทีเดียว
ทั้งคู่ปลอดภัย ไม่มีการบาดเจ็บรุนแรง
มีเพียงแค่ หัวแตกเล็กน้อย รอยถลอก ฟกช้ำตามตัวเท่านั้น

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ เป็นสิ่งที่ฟังจากทั้งคู่
แต่เล่าคนละที ไม่ได้อยู่พร้อมกัน
ผมว่าหลานสาว รอดได้ก็เพราะ คุณภาพของรถ
แต่ น้องเบญ เจ้าของฮอนด้า
...รอดได้เพราะอะไรกัน
ใช่อานิสงส์ ปาฏิหาริย์การ...สวดมนต์...หรือเปล่า

ท่านทั้งหลายช่วยบอกผมด้วย นะครับ


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2554    
Last Update : 20 มิถุนายน 2554 22:56:31 น.
Counter : 1731 Pageviews.  

กรรมทันตา แต่งงานบานเบอะ

แต่งงานบานเบอะ

เห็นข่าวในหนังสือพิมพ์มากมายเกี่ยวกับ ดารา คนดัง ลูกไฮโซ
งานหมั้นงานแต่งยิ่งใหญ่สุดบรรยาย

ความรัก...ของหนุ่มสาวก็เหมือนนิยายโรแมนติก
มันตื่นเต้น น่าติดตามตั้งแต่แรกเจอหน้ากัน
ค่อยๆ สานความสัมพันธ์ทีละนิด ทีละน้อย
หลายคู่ก็ต้องเผชิญอุปสรรค ต้องต่อสู้มากมายกว่าจะพ้นขวากหนามมาได้
จนในที่สุดก็...แต่งงานกัน
แต่ความเป็นจริงการแต่งงาน คือ ตอนจบของนิยายรักโรแมนติก
พอวันรุ่งขึ้น มันคือ การเริ่มต้นของนิยายผจญภัย โศกสลด

ผมเองกับ คุณหม่อง ภรรยาที่เคารพ พบกันสมัยเป็นนักศึกษา ปี 1
เห็นครั้งแรก ก็ตั้งอกตั้งใจจีบอย่างหน้าด้าน..ด้าน
ได้ตัดสินใจเป็นแฟนเธอ แน่นอน
แต่กว่าเธอจะยอมตัดสินใจเป็นแฟนผม ก็โน่น..น..ปี 4 แน่ะ
จนเรียนจบออกมาทำงานได้ 2 ปี ก็ตัดสินใจแต่งงานกันซะดีกว่า

มายุ่งเอาอีตอนไปหา พระ เพื่อขอฤกษ์แต่งงาน
ท่านบอกว่า ดูตามดวงแล้วฤกษ์ดีในปีนี้มีแค่วันเดียวเท่านั้น
คือ...อีกแค่ 7 วันข้างหน้า
คุณหม่อง เธอบอกไม่ได้หรอก...เดี๋ยวคนอื่นจะคิดว่าท้องถึงต้องรีบแต่ง
ท่านก็ว่า...ถ้าไม่แต่งวันนี้ ตามดวงก็คงไม่ได้แต่งแล้วล่ะ
ไม่อย่างนั้นอีกทีก็โน่น...ปลายปีหน้านั่นแหละ
สรุปแล้ว ก็ต้องแต่งงานในอีก 7 วัน ตามฤกษ์
โชคดีที่ พ่อคุณหม่อง ท่านเข้าใจไม่ว่าอะไร
แต่ปัญหาคือ เรื่องเงินที่ต้องใช้มันมีนิ๊ดดดด..เดียว
มีแค่หมื่นเดียว เอง
เลยจัดงานแต่งงานอย่างง่ายๆ ที่บ้าน เชิญแขกที่สนิทๆ กันจริงๆ
ผู้ใหญ่ก็มีแค่ญาติๆ กับหัวหน้าที่ทำงานไม่กี่คน
ผมโชคดี คุณหม่อง เธอเป็นคนเรียบง่าย ไม่ชอบงานวุ่นวาย
ชุดเจ้าสาวก็ไปซื้อชุดไทยสำเร็จรูปที่ พาหุรัด..พันกว่าบาท
เครื่องประดับก็แค่สร้อยคอ เป็นพลอยราคาถูก ๆ
แหวนเพชร อะไรก็ไม่มี...ไม่มีปัญญา
พอจบงาน ปรากฏว่าได้เงินจากซองถึง 2 หมื่นบาท
มีกำไรตั้งหมื่น แน่ะ...
แต่ที่จริง ผมกลัวว่าคุณหม่อง เธอจะอายเพื่อนฝูงที่ทำงาน
ว่าแต่งงานทั้งที...กระจ๊อก..ก..ก กระจอก

แต่ที่อยากจะเล่าวันนี้ เป็นเรื่องของเพื่อนสนิทของ คุณหม่อง
ชื่อ...น้องดาว ( สมมุติ )
คุณหม่อง กับน้องดาว เป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม
แล้วยังตามกันมาเรียนที่เดียวกันอีก
ทำงานที่เดียวกัน ตำแหน่งเดียวกันด้วย
เป็นเด็กฝั่งธนฯ ลูกข้าราชการธรรมดา ๆ เหมือนกัน
ทั้งๆ ที่สนิทกัน แต่นิสัยลึกๆ กลับไม่เหมือนกันเลย
คุณหม่อง แกชอบโลว์โปรไฟล์ รักสงบ เงียบๆ ง่ายๆ ไม่ฟุ้งเฟ้อ
แต่น้องดาว ชอบอะไรที่มันหวือหวา ชื่อเสียง
อยากมีหน้ามีตา อยากได้อยากเด่น เป็นนางเอก
ซึ่งก็เป็นธรรมดาของเด็กสาว ที่มีฝันอันบรรเจิด.ด..
สมัยที่เรียน มีหนุ่มมาจีบเธอหลายคนเหมือนกัน
แต่ น้องดาว เธอหัวสูง ยังไม่ได้อย่างใจเท่าไหร่

เธอได้ทำงานพิเศษในสถาบันฝึกการพูด และบุคลิกภาพแห่งหนึ่ง
เจ้าของสถาบันนี้...โด่งดังเป็นที่รู้จักของเมืองไทย อย่างมาก
พอเอ่ยชื่อละก็ ทุกคนต้องเห็นเลยด้วยว่า...เป็นนักพูดที่ดัง.ง..ง ที่สุด
ในยุคนั้น คนดังๆ คนเด่นๆ ของเมืองไทยต้องมาเรียนการพูดที่นี่เยอะแยะ
ทำให้ น้องดาว ได้สัมผัสกับคนดัง คนเด่น นักการเมือง ไฮโซ มากมาย
อันเป็นที่ถูกกับจริตของเธอเป็นอย่างยิ่ง
ที่สำคัญที่สุดนักพูดระดับปรมาจารย์ท่านนี้ มีน้องชายคนสุดท้อง โสด สุดเนี๊ยบ
นิสัยเหมือนกันมาก พูดคุยกันถูกคอ
ไปกินข้าวที่หรูๆ ซื้อของแพงๆ ดูหนังฟังเพลง...โลกนี้มันช่างเป็นสีชมพูสดใส
เพียงไม่นานนักก็ตัดสินใจแต่งงานกัน ด้วยความเห็นชอบของผู้ใหญ่

แต่...ด้วยนิสัยชอบฟุ้งเฟ้อ รักในความเด่นดังของทั้งคู่
จึงตัดสินใจใช้บริการของ เว็ดดิ้งสตูดิโอ ที่ดีที่สุดในสมัยนั้น
เมื่อ 25 ปีก่อนน่ะ มีแค่แห่งเดียวแหละ
ใช้โรงแรมระดับ 5 ดาวที่แพงเกือบที่สุด
ซื้อชุดแต่งงาน ที่ใช้แค่คืนเดียว...หลายหมื่น
งานที่จัดก็สุดแสนเลิศหรู อลังการ จนพนักงานเสริฟบอกกับผมว่า...ใหญ่ที่สุดในรอบปี
น้องดาว ยืนเด่นสวยสง่า ให้ไฟส่องบนเวทีเหมือน...เจ้าหญิงในนิยาย
แขกเหรื่อมากมาย นักพูดมากันเกือบหมดประเทศไทย
ตามกำหนดงานจะเลิกแค่ 3 ทุ่ม แต่นักพูดทั้งหลายเรียงหน้าแย่งกันพูด
กว่าจะเสร็จงานเกือบเที่ยงคืน
น้องดาว ที่เป็นเพื่อนสนิทกับคุณหม่อง กระซิบบอกอย่างภาคภูมิใจ
ใช้งบประมาณทั้งหมดประมาณ... 3 ล้าน บาท
ใช่ครับ แต่งงานคืนเดียวเป็นล้าน.น..
เหตุที่กล้าลงทุนมากมายเป็นบ้าขนาดนี้ เพราะคำนวณแล้ว
ต้องได้กำไร...ซอง...จากคนดัง ไฮโซ ที่เป็นลูกศิษย์ของท่านปรมาจารย์นักพูดล้นหลาม
รุ่งขึ้นก็ไปฮันนีมูนกันอีกหลายวัน...
เป็นที่ล่ำลือชื่นชมของวงสังคม และเพื่อนที่ทำงานด้วยกันไปทั่ว
คุณหม่อง ยังพลอยเดือดร้อนต้องไปหาซื้อชุดราตรีอย่างแพงใส่ไปงานนี้ด้วย
บ่นใหญ่เลยว่าหมดไปเป็นพัน...แพงกว่าชุดแต่งงานตัวเองซะอีก
ผมเองรู้สึกอายอยู่ในใจ ว่าเรามีปัญหาแต่งงานแค่หมื่นเดียว แสนกระจอก
แต่เพื่อนสนิทของภรรยา แต่งทีตั้งหลายล้าน...สุดเริ่ดหรู
งานแต่งก็เวลาไม่ห่างกันมาก แต่บรรยากาศมันช่างต่างกันราว สวรรค์กับบ้านนอก
ผมกลัว คุณหม่อง แกจะอายเพื่อนและสังคมรอบข้าง

อีกไม่กี่เดือนต่อมา น้องดาว ก็พาหน้าตาอมทุกข์มาปรึกษากับคุณหม่อง
งานแต่งอลังการที่ผ่านไป เก็บซองได้แค่ไม่ถึง 2 ล้าน
ขาดทุนอย่างน้อยๆ กว่า 1 ล้าน
แล้วจะทำยังไงกันดี...หยิบยืมมาทั้งนั้น
แขกเหรื่อที่มามากมาย ช่วยเงินไม่ถึงตามเป้า
ที่เป็นเนื้อหนังหน่อยก็เงินรับไหว้จากญาติผู้ใหญ่ทั้งนั้น
ในที่สุด ก็ต้องไปขอที่ดินจากพ่อแม่ ไปขาย ไปจำนองธนาคาร
แล้วหลังจากนั้น ทั้งคู่ก็เร่งรีบทำงานหาเงินใช้หนี้ตัวเป็นเกลียว
ฝ่ายชายมีงานสถาปนิก รับเหมาตกแต่ง พอได้งานจากเส้นสายพี่ชายบ้าง
แต่...มันก็ยังไม่พอ
ผมกับภรรยา ได้รับฟังความทุกข์ จากการดิ้นรนหาเงินใช้หนี้
ได้เห็นความเครียด เถียงทะเลาะเบาะแว้ง หมดศรัทธาต่อกัน
ความรัก ความหลงที่เคยมี มันช่วยอะไรไม่ได้เลย
ชีวิตที่เหลือไม่ใช่...เจ้าชาย กับ เจ้าหญิง อีกต่อไปแล้ว
แต่เป็นชีวิตจริง แนว...น้ำตาลูกหนี้

5 ปีต่อมา...ก็ใช้หนี้เกือบหมด พร้อมกับมีลูก 1 คน
ทั้งคู่ตัดสินใจแยกทาง หย่าร้างกัน โดยที่ลูกอยู่กับแม่...

จากนั้นมา น้องดาว ก็เปลี่ยนนิสัยไปเยอะ
หายบ้า หายฟุ้งเฟ้อ แต่ก็ต้องเปลี่ยนงานและสังคมที่เคยอยู่
เพราะอายคนอื่น...คนที่เคยไปงานแต่งงานของเธอ
ปัจจุบันนี้ได้แฟนใหม่ ได้งานที่ดี เลี้ยงลูกอย่างสงบสุข
นึกถึงเรื่องนี้ทีไร ผมกับภรรยาก็ดีใจที่ตอนนั้นตัดสินใจจัดงานแต่งงานอย่างง่ายๆ
ไม่หรูหราอลังการ แต่ก็ไม่มีหนี้สินแบกไว้บนหลัง
จัดงาน 1 หมื่น กับ 3 ล้าน
ต่างกันแค่ 300 เท่า เอง
แต่...ก็ทุกข์มากกว่ากัน 300 เท่า

ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ก็เพราะอยากจะให้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจ
หนุ่มสาวทั้งหลาย...
เป็นเจ้าหญิง เด่น ดัง แค่วันเดียว คืนเดียว
แต่ต้องทนทุกข์แสนสาหัส หาเงินใช้หนี้ อับอายคนอื่นๆ ...หลายปี
สิ่งที่พวกเค้าแสดงให้เราดู มันแค่หน้าฉาก
คนที่สวยที่สุดในโลก...ผมเห็นแต่ ทุกข์ ที่สุดในหล้า
เหมือนคำพังเพยของไทยว่า...นารี มีรูปเป็นทรัพย์
แต่ของจีน ที่ว่า
...ความสวย นำมาซึ่งเภทภัย...

ท่านทั้งหลายเห็นด้วย มั๊ยครับ

อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2554    
Last Update : 20 มิถุนายน 2554 11:29:06 น.
Counter : 1344 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.