กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

กรรมทันตา เวลามีน้อย

เวลามีน้อย

เมื่อคราวที่แล้ว ผมเล่าว่าทำไมถึงไปขายประกันชีวิต
แต่ลืมบอกไปว่า...ผมเลิกขายไปหลายปีแล้ว ครับ
สาเหตุน่ะเหรอ...

ตอนที่ยังเป็นตัวแทนฯ หน่วยงานก็จะอบรมด้านทัศนคติ
ให้เข้าใจถึงว่า...ทำไมคนเราต้องทำประกันชีวิต
แนวคิดนี้มันจะเน้นถึง...ความไม่แน่นอน
เมื่อวานนี้ดี วันนี้สุข...แต่พรุ่งนี้
ไม่มีอะไรยืนยันได้ว่า จะยังดี จะยังมีความสุขเหมือนเดิม
ชีวิตมันพลิกผันได้ตลอดเวลา

วันนึงผมต้องไปออกไปแจกเอกสารโฆษณาที่โรงพยาบาล
เลยต้องไปอยู่ที่โรงพยาบาลทั้งวัน หลายวัน
ไปแล้วก็ได้สัมผัส ได้เห็นถึง...ความทุกข์ทรมานจากการเจ็บป่วย
ขนาด รพ.ที่ผมไปเป็น รพ.เอกชนที่ออกจะหรูหรา
คนที่มารักษาไม่ต้องพูดถึง เศรษฐีมีสตางค์ทั้งนั้น
แต่...ไอ้ความเจ็บป่วย ยังไงๆ มันก็ทุกข์ทรมานไปซะทุกคน
ยิ่งสมัยนี้ มีโรคแปลกๆ โรคที่ไม่รู้สาเหตุที่มาที่ไป
มะเร็ง เนื้องอก ไวรัสที่ยังไม่รู้สายพันธุ์
อยู่ดีๆ มีความสุข ก็เป็นได้
รวยเงินทองมากมาย...เป็นเบาหวาน เป็นโรคไต โรคตับ
อะไรก็กินไม่ได้ สแลงโรคไปหมด
เงินทองที่หามาได้มากมายทั้งชีวิต...มันไร้ค่า
หลายคนเลย...รักษาดูแลสุขอนามัยอย่างดี กลัวโรค กลัวโน่น กลัวนี่
ก็ยังเป็นสารพัด อะไรก็กินไม่ได้
ไม่ต้องพูดถึง...ข้าวขาหมู เป็ดพะโล้ พิซซ่า เค็กช๊อคโกแลต พายแอ๊ปเปิ้ล ฯลฯ
ซึ่งมากด้วย คอเรสตอรอล นม เนย น้ำตาล
บางคนที่ผมเห็น น้ำอัดลม เป๊ปซี่ โคล่า กาแฟ....
ก็กินไม่ได้....อยากกิน แต่ก็กินไม่ได้
มีเงินเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน...แต่อดอยากปากแห้ง
อยากกิน อยากลิ้มรส แต่...กินไม่ได้

บางคนอยู่ห้องพิเศษ...คืนละเป็นหมื่น
โปรดฟังอีกครั้ง...คืนละเป็นหมื่น
มีเงินจ่ายสบายมาก
แต่...นอนอยู่คนเดียว เหงาหงอย
ร่างกายก็ทรุดโทรม เริ่มหมดสภาพ...มองไปรอบตัว
...ไม่มีใครเลย ไม่มีเลย
นอนอยู่คนเดียว...ห้องสุดหรู แต่นอนอยู่คนเดียว
ลูกหลานไม่มีใครมาหา หรือมาก็แป๊ป..ป...เดียว
มาดูว่าเป็นยังไงแล้ว
ผมนึกว่าคนที่ร่ำรวยเงินทองมากมาย
จะมีแต่คนมาห้อมล้อม เอาอกเอาใจ
แต่ความเป็นจริง ไม่ใช่...ไม่มีใครมาเลย..ย...
เหงา...หงอย ห่อเหี่ยว อย่างที่สุด

หลังจากนั้นอีกไม่กี่วัน ผมไปแถวพุทธมณฑล
เอ๊ะ...วิ่งมาดีๆ ทำไมรถติด
พอเข้าใกล้ต้นเหตุ ถึงได้เห็น
มอเตอร์ไซค์...ออกจากปากซอย
รถยนต์มองไม่เห็น ชนอย่างแรง
มอเตอร์ไซค์ยับเยิน...คนนอน นิ่ง..ง...อยู่ข้าง ๆ
ใช่ครับ...คนขี่ ตายแล้ว...เพิ่งสิ้นใจไม่ถึง 15 นาที
ยังไม่ได้หาอะไรมาคลุม...นอนหงาย นิ่ง..ง...
ไม่หายใจ...ไม่รู้สึกรู้สา อะไรอีกต่อไป

รถก็ติดมาก ผมก็ยังไปไหนไม่ได้
เลยได้ดูอย่างเต็มตา เต็มความรู้สึก
แล้วมันก็เกิดคำถามขึ้นในใจ...มากมาย
เขาเป็นใครกันนะ...
มีครอบครัวมั๊ยนะ...
เป็นหัวหน้าครอบครัว หรือเปล่า...
ยังมีพ่อ แม่ ที่แก่เฒ่า หรือเปล่า...
แล้ว มีลูก มีเมีย ด้วยมั๊ย...
เขาคงเป็นที่รักของคนหลายคน
ตอนที่ออกจากบ้านมา เขาจะคิดมั๊ย...ว่าวันนี้...จะไม่ได้กลับมาบ้านอีกแล้ว
ทั้งพ่อ แม่ ลูก เมีย จะรู้มั๊ยว่าตอนนี้...คนที่เค้ารัก...นอน นิ่ง..ง...อยู่ตรงนี้
จะรู้มั๊ย เย็นนี้เขาจะไม่ได้กลับมา...ยิ้ม...กลับมา...หัวเราะ...กับพวกเค้าอีกแล้ว
นาทีสุดท้าย ก่อนสิ้นใจ...เขา จะคิดถึงใครบ้างนะ
เขา ยังห่วงอะไรอีกบ้าง...

ตอนขับรถกลับมาตลอดทาง ผมคิดอะไรมากมาย
คิดเรื่องชีวิต คิดเรื่อง...เวลา
เวลา ในชีวิตที่หมดไปแล้วเท่าไหร่
เวลา ของชีวิตที่เหลือเรายังมีอีก เท่าไหร่...
...ใครบอกได้บ้าง
แล้อยู่ดีๆ ผมก็คิดถึง คุณพ่อ คุณแม่ ภรรยา และลูกสาว 2 คน อย่างจับใจ
กลับถึงบ้านรีบเข้าไปกอดภรรยา กับลูกทันที
แล้วเล่าเรื่องที่เห็นให้ฟัง
คุณหม่อง ภรรยาของผมก็ปลอบใจ บอกขับรถก็ให้ระวังหน่อยก็แล้วกัน

แต่ผมอดคิดไม่ได้ คิดเรื่อยเลย คิดไปอีกหลายวัน
ขับรถไปก็คิดไป...แล้วผมก็ได้ยินเพลงจากวิทยุ
เพลง...รักเธอสุดหัวใจ

..... เหลืออีกกี่วัน..อีกกี่คืน ที่จะมีเธอ
เหลืออีกกี่ลมหายใจ ที่จะได้เจอ...กับความสดใส
เวลามีน้อย...เหลือเกิน ที่ให้ฉันได้เตรียมหัวใจ
ว่าภาพที่เคยเห็น..ไม่นาน จะเป็นแค่ความหลังไป...
~ต่อจากนี้...นาทีนี้ จะนับทุกลมหายใจ
เก็บเอาวัน...เวลา แต่ละหยดหยาดไว้...ข้างใน
จากวันนี้...คนๆนี้ จะรักเธอสุดหัวใจ
และจะย้ำซ้ำๆ จากวันนี้..จนถึงวันไกล...ว่ารักเธอ....
.....เสียไปมากมาย..กับเวลา ที่มันเลยผ่าน
เสียดายที่วันเมื่อวาน ที่ทำให้เธอ...มันยังน้อยไป
เวลาที่เหลือ...ทุกนาที จากวันนี้จนวันสุดท้าย
ฉันจะเฝ้าทำ...ทุกทาง ทุ่มเทให้สุดหัวใจ.......
(ซ้ำ~)
ถึงแม้ในวันนั้นที่เราไกลห่าง
ในคืนที่อ้างว้างก็จะมีแต่เธอ...................

ฟังไปก็เห็นภาพไป...
คุณหม่อง เธอต้องหอบของไปส่งสำเพ็งทุกวัน
ของพะรุงพะรัง เต็มสองแขน
รถก็ติดมาก รีบก็รีบ มักจะซ้อนมอเตอร์ไชค์รับจ้างเกือบทุกวัน
ลูกสาวคนโตในตอนนั้น เรียนอยู่ธรรมศาสตร์ ปี 1
ไปด้วยรถเมล์บ้าง มอเตอร์ไชค์รับจ้างบ้าง
ขากลับรถติดมาก ก็ต้องนั่งเรือข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา
ลูกสาวคนเล็ก เรียนใกล้บ้านไม่ค่อยเท่าไหร่
ทั้งผม ทั้งภรรยา ก็พยายามทำมาหากิน หาเงิน...แต่
ถ้าคนใด คนหนึ่ง มีอันเป็นอะไรไป...
คนที่เหลือจะทำยังไง...
จะอ้างว้าง แค่ไหน...

ผมเลยตัดสินใจเดี๋ยวนั้น...เลิกแล้ว
เลิกขายประกันฯ เพราะงานประกันฯ มันต้องทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มี
จะทำแบบขอไปทีก็ไม่ได้ งั้นก็...อย่าทำซะดีกว่า
เอาเวลาที่เหลือ...ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีอีกซักเท่าไหร่
เอามาดูแลใกล้ชิด...คนที่เรารัก...คนที่เป็นดั่งแก้วตา ดวงใจ...ดีกว่า
รายได้ที่ขาดหายไป ก็หาชดเชยทางอื่นเอา
ถึงเงินจะหาได้น้อย...ก็กินน้อย ใช้น้อย เอาหน่อยดีกว่า
ดีกว่ามานั่งเสียใจ
ผมไม่อยากมีนาทีสุดท้ายของชีวิต...ที่ห่วงกังวล และเสียใจ

หลังจากตัดสินใจแล้วน่ะเหรอ....
ผมก็อยู่กับภรรยา ทุกวัน 24 ชั่วโมง
ช่วยกันทำงาน พาไปสำเพ็ง พาหุรัด ไปซื้อผ้า ซื้ออุปกรณ์
ไปซื้อก๋วยเตี๋ยว ไปตลาดซื้อกับข้าว
ตอนเช้าไปส่งลูก ตอนเย็นไปรับลูก
เรา 4 คน กินข้าวด้วยกัน คุยกัน หัวเราะกัน ถกเถียงกัน ทะเลาะกัน
เรื่องการเมือง เรื่องการบ้าน เรื่องละคร เรื่องดารา นักร้อง
เรื่องแต่งตัว เรื่องบ้า เรื่องบอ...ทู๊ก..ก...เรื่อง
รายได้น้อยลง แต่ค่าใช้จ่ายก็ลดลงหลายเท่าตัว
ใกล้ชิดกัน หัวเราะกันทุกวัน
ลูกก็ชอบมาเล่าเรื่องที่ ร.ร. เรื่องที่ทำงาน
วันนี้เป็นยังไง เรียนอะไร เพื่อนกวนประสาทแค่ไหน
เพื่อนร่วมงาน ปัญหาบ้าบอ เจ้านายเอาแต่ใจ
ตั้งเป้าสูงถึงสวรรค์ แต่ให้งบน้อยนิดติดดิน
แล้วก็...หัวเราะกันทุกเรื่อง ทู๊ก..ก...วัน

ทุกวันนี้ ลูกคนโตทำงานแล้ว...งานหนัก กลับมืดค่ำ
แต่ก็ขับรถไปเอง
ลูกคนเล็ก เรียน ราชภัฏสวนดุสิต...เรียนเป็น เชฟ
เรียนหนัก ฝึกหนัก
ตอนเช้าผมก็ไปส่งเกือบทุกวัน ใส่บาตรด้วยกันเกือบทุกวัน
ผมบอกกับลูกทั้ง 2 คน
...ลุยไปลูก ลุยไปให้ถึงที่สุด
อยากทำอะไร ก็ทำไป ทำให้เต็มที่ ทำให้ดีที่สุด
เวลามันมีน้อย ตอนสุดท้ายเราจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจ
ว่ายังไม่ได้ทำให้ถึงที่สุด...

.....เสียไปมากมาย..กับเวลา ที่มันเลยผ่าน
เสียดายที่วันเมื่อวาน ที่ทำให้เธอ...มันยังน้อยไป
เวลาที่เหลือ...ทุกนาที จากวันนี้จนวันสุดท้าย
ฉันจะเฝ้าทำ...ทุกทาง ทุ่มเทให้สุดหัวใจ.......

จะทำอะไร ก็รีบทำเข้านะครับ
เวลาที่เหลือ...มันน้อยเหลือเกิน


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com




 

Create Date : 19 มีนาคม 2554    
Last Update : 19 มีนาคม 2554 22:22:52 น.
Counter : 1067 Pageviews.  

กรรมทันตา น้ำใจคน

น้ำใจคน

...ระยะทางพิสูจน์ม้า กาลเวลาพิสูจน์คน
...คนเราจะเห็นน้ำใจกัน ก็ในยามยาก
...ยามมั่งมี มิตรมากมาย มุ่งหมายมอง
ยามมัวหมอง มิตรมอง เหมือนหมูหมา

ท่านที่ติดตามอ่าน ตามฟังเรื่องราวของผม
ก็จะทราบว่า ผมเคยทำงานในบริษัทรถยนต์นิสสัน
ผมค่อย ๆ เริ่มงานจาก พนักงานขายหรือที่เรียกว่า เซลส์ขายรถ ตัวเล็กๆ
อดทนบากบั่นจนได้เลื่อนขึ้นเป็น หัวหน้าขาย ผู้ช่วยผู้จัดการ
และได้เป็น ผู้จัดการ จากโชว์รูมเล็กที่สุดกระจอกที่สุด
จนเป็นผู้จัดการ โชว์รูมขนาดใหญ่ เรียกว่าที่สุดก็ยังได้...

ในตอนที่เรากำลังรุ่ง กำลังประสพความสำเร็จ
เราจะไม่รู้เลยว่า...คนรอบข้าง...ของเรา ไม่ว่าจะเป็นลูกน้อง
เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน รวมไปถึงคนที่มาติดต่องานกับเรา
ว่ามีใครจริงใจกับเราบ้าง...ไม่รู้เลยจริง ๆ ไม่มีทางรู้
ทุกคนที่เราสัมผัส เค้าดีไปหมดทุกคน...เพราะเราให้คุณให้โทษพวกเค้าได้
ให้ผลประโยชน์ต่างๆ ได้
พวกเซลส์ลูกน้อง ไม่ต้องพูดถึงต้องเอาใจเจ้านาย เอาใจผู้จัดการอยู่แล้ว
พวกร้านค้าประดับยนต์ เต็นท์รถมือสอง ก็ต้องเข้ามาหาประโยชน์
เพื่อนผู้จัดการด้วยกัน ก็ทำท่าทำทางสนิทสนมเป็นพวก ยึดโยงกันไว้

ที่นิสสัน มีการอบรมเซลส์ใหม่ทั่วประเทศที่ สนญ.ปทุมวัน ทุกปี
จะอบรมความรู้เรื่องตัวรถในเชิงช่าง และอบรมเทคนิคการขาย
ผมเป็นหนึ่งในวิทยากร สอนเรื่องเทคนิคการขาย
เลยทำให้ต้องหาความรู้อยู่เสมอ
จนวันนึงดันไปสนใจ...คนขายประกันชีวิต
เพราะผมมองว่า คนพวกนี้โคตะระเก่งเลย
แค่เดินมาพูดไม่กี่คำก็หยิบเงินในกระเป๋าเราไปเยอะแยะ
ไม่ต้องมีหน้าร้าน ไม่ต้องมีตัวอย่างสินค้า ไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย
มันช่างเป็นมนุษย์สุดยอด..ด...จริง ๆ ว่ะ
ผมก็เลยตามเซลส์ที่มาขายประกันฯ ไปฟังอบรมกับเขาด้วย
ไปฟังแล้วติดใจ...พวกนี้อบรมเก่ง สอนเก่ง เทคนิคการขายแพรวพราว
มีทั้งวิธีการเข้าหาลูกค้า การพูด การขาย ทั้งแบบเบสิคง่ายๆ
ไปจนถึงล้ำลึก ขนาดแฝงตัวเข้าไปเหมือนสายลับก็ยังมี

ผมติดใจมากถึงขนาดมานอนคิดดูว่า ถ้าดั้นด้นทนทำงานเป็นผู้จัดการต่อไป
ก้าวที่จะต้องเดินต่อ คือ จีเอ็ม เจ็นเนอรัล แมเนเจอร์
ซึ่งในขณะนั้นมองไม่เห็นทาง
และถ้าไปฟังอบรมการขายประกันฯ เฉพาะวันอาทิตย์ก็ไม่ไหว
บวกกับความเบื่อหน่ายงานที่ทำจนจำเจ ไม่สนุกไม่ท้าทายแล้ว
เลยตัดสินใจลาออกจากนิสสัน ไปเรียนรู้เรื่องการขายประกันฯ อย่างเอาจริงเอาจังซะเลย
ผมเป็นผู้จัดการไม่กี่คนที่ลาออก โดยไม่มีเรื่องเสียหาย
ส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดจะออกเพราะถูกปลด ด้วยเรื่องทุจริต
เรื่องชู้สาว หรือมากที่สุดก็ผลงานไม่เข้าเป้า
ใครๆ ก็ว่า ผมบ้า ทิ้งตำแหน่งหน้าที่การงาน ที่ออกจะหรูหราโอ่อ่า
ไม่มีใครเชื่อว่าผมอยากจะไปเรียนเทคนิค...วิชาการขาย

แต่...พอออกมาเป็น ตัวแทนฯ หรือ คนขายประกันชีวิต อย่างเต็มตัวแล้ว
เทคนิคการขายเริ่มต้นก็ต้องกลับไปหาคนที่เรารู้จัก ญาติพี่น้อง
เพื่อนที่เคยร่วมงาน ลูกค้าเก่า ฯลฯ

แต่สิ่งที่เกิดกับผมมันไม่น่าเชื่อ
คนที่เคยอยู่รอบข้าง คนที่เราเคยช่วยเหลือ คนที่เรามีบุญคุณกับเขา
รวมไปถึงคนที่เราเคยให้ผลประโยชน์กับเค้ามากมายก่ายกอง
พอรู้ว่า ผมมาขายประกันฯ
...ทุกท่านก็มองผมเป็นเป็นหมูหมา เป็นแมลงสาบ เป็นขอทานผูกเนคไท

บางคนที่ผมเคยมีบุญคุญ ช่วยเหลือเขาไว้
กลับทำเหมือนผมจะมาขอยืมเงิน
มีทั้งที่ทำหน้าทำตารังเกียจ มีทั้งพูดจาเยาะเย้ยถากถาง...
โอ๊ย..ย..โดนมาสารพัด
มีอยู่วันนึงถึงกับน้ำตาตก เดินเงื่องหงอย หน้าเซียวกลับมาที่ตึกสำนักงาน
เจอรุ่นพี่ที่ขายประกันฯ อยู่ก่อนหลายปีแล้วท่านหนึ่ง ชื่อ...พี่แม๊ค
พี่เค้าเห็นหน้าผม ก็ถามว่าเป็นอะไรไป
พอเงยหน้ามาเห็นแววตาที่แสดงถึงความห่วงใยของเค้า
ผมก็พร่างพรูเรื่องราว ความคับแค้น ความน้อยใจต่างๆ
มันทะลักทะลายพรวดออกมาแบบยั้งไม่ทัน เหลือแต่ไม่ได้ร้องไห้เท่านั้นเอง

หลังจากที่ผมระบายจนหมดแล้ว
พี่แม๊ค ก็หัวเราะแล้วพูดกับผมว่า
...รู้มั๊ย โชคดีแค่ไหนที่มาทำอาชีพนี้
ผมก็งง อะไรกันวะ โดนดูถูกโดนรังเกียจเนี่ยนะโชคดี
แล้วพี่เค้าก็อธิบายให้ผมฟังว่า...
ถ้าผมไม่ได้มาขายประกันฯ ...ผมก็จะไม่รู้เลยว่าคนที่เราเคยดีกับเค้า
คนที่เคยห้อมล้อม ยิ้มแย้ม พูดจาเอาอกเอาใจเราสารพัด
จริง จริง แล้วเค้ารู้สึกยังไงกับเรา
เค้ารักเราหรือเปล่า หรือหน้าไหว้หลังหลอก คอยหาผลประโยชน์เท่านั้น
แต่ตอนนี้ซิ...เราได้รู้น้ำใจ ได้รู้เช่นเห็นชาติ แต่ละคนอย่างชัดเจน
ผมก็ถามว่า...แล้วผมจะทำยังไงต่อไป ผมเข็ดขยาดจิตใจคนซะแล้ว
พี่แม๊ค กลับบอกให้ผมกลับไปหาคนพวกนั้นอีก...
ไปหาคนที่เคยรู้จักทั้งหลายนั่นแหละ ไปให้เห็นจิตใจ ไปดูสันดานมัน
ไม่ใช่จะเจอแต่คนที่เคยหลอกเราเท่านั้น
แต่ก็จะเจอ...คนที่เค้ารักเรา คนที่อยากจะช่วยเรา ด้วยใจจริง

หลังจากวันนั้น ผมก็ขยันกลับไปหาคนพวกนั้นอีก
แต่คราวนี้ผมมีเกราะป้องกันจิตใจตัวเองอย่างดีแล้ว
ไปดูให้รู้ว่า ใครที่รังเกียจเรา ใครที่ดูถูกเรา...ผมอยากรู้
แล้วผมก็ได้เจอ...คนที่รักเรา ด้วยใจจริง...ตั้งหลายคน
เป็นคนที่นึกไม่ถึงตั้งมากมาย
อย่างเช่น...พี่นิมิต กระจ่างวัฒนะ ผู้จัดการศูนย์ซ่อม
เคยร่วมงานกันมา แต่ผมรู้พี่เค้าไม่ค่อยมีสตางค์ ภาระเยอะ
ผมเอารถไปเช็คตามระยะ
แกก็ถามว่า ไอ้ประกันชีวิตมันเป็นยังไง
ผมก็บอกว่า มันเป็นการเก็บออมเงินแบบหนึ่ง วันข้างหน้าจะได้มีเงินก้อน
แต่เกิดเราเป็นอะไรไปซะก่อน ทางบ้านก็ได้เงินไม่ต้องเดือดร้อน
พี่นิมิตร ก็ถามว่า แพงมั๊ย
ผมก็บอก ปีละแค่ 8,000 เอง
จากนั้นแกก็ชวนไปกินข้าวด้วยกัน แล้วแวะกดเงินให้ผม
ผมอึ้ง..ง..ไปเลย บอกพี่..ผมไม่ได้มาขายประกันพี่นะ
แกกลับบอกว่า...อยากก็อยากซื้อประกันฯ กับคุณน่ะ...
ตอนนั้นผมก็แต่นึกในใจว่า...นี่ไง เจอแล้ว คนที่เค้ารักเราน่ะ เจอแล้ว

อีกรายที่ผมนึกไมถึง เป็นผู้จัดการสาวสวย ชื่อ...คุณเล็ก รุ่งวิมล วินิจกุล
แต่ก่อนเป็นคู่แข่งกันมาตลอด แย่งรถ แย่งลูกค้า แย่งเซลส์กัน
พอผมมาขายประกันฯ ได้ประมาณ 1 ปีแล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดจะไปหา
เพราะไม่ค่อยชอบหน้ากัน...แต่อยู่ดี ๆ โทร.มาให้ไปหาที่โชว์รูมหน่อย
พอเจอหน้าทักทายกันดิบดี ก็บอกว่ามีตัวแทนขายประกันฯ มาตื้อ
แต่ไม่ค่อยเข้าใจ ให้ผมช่วยอธิบายให้ฟังหน่อย
ผมก็นึกว่า เออหยั่งงี้ก็มีด้วยแฮะ
พออธิบายรายละเอียดปลีกย่อย รวมทั้งหาแบบประกันฯ ที่เหมาะกับเธอ
พูดกันจนเหนื่อย ซักซะละเอียดยิบ
คิดว่าคงเข้าใจดีแล้ว ผมก็ลากลับ
คุณเล็ก เธอก็หยิบเงินให้ผม 50,000 กว่าบาท
บอกซื้อประกันฯ ให้เธอ กับลูกสาว รวม 2 ฉบับ
ผมก็ว่า อ้าว...ทำไมไม่ซื้อกับตัวแทนฯ คนนั้นล่ะ
เธอบอก...ตอนที่พี่ขายรถ หนูเห็นพี่ดูแลลูกค้าแต่ละรายดีมาก
เลยมั่นใจว่าพี่คงจะดูแลหนู กับลูกได้ดีมาก มาก เหมือนกัน
หนูอยากเป็นลูกค้าของพี่บ้างน่ะ....
ผมงี้ อึ้ง..ง...ไปเลย คิดในใจว่า
...นี่ไงเจออีกคนแล้ว คนที่รักเรา ไม่ใช่ซิ...คนที่แอบรักเรา ก็มีเหมือนกัน

ผมงี้ชอบจริง ๆ นะ เวลาที่บอกใคร ๆ ว่า...ผมเป็นตัวแทนขายประกันชีวิต
แล้วคอยจ้องดูปฏิกิริยาของเค้า...สนุกจะตาย
คิด คิด ไปแล้วก็น่าสงสารพวกคนรวย พวกเศรษฐีทั้งหลายนะ
ทั้งชีวิตจะไม่มีทางรู้เลยว่า...ไอ้คนที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัว
รู้สึกยังไงกันแน่ ประจบประแจง หน้าไหว้หลังหลอกกันแค่ไหน
มีใครจริงใจบ้าง
อย่างนี้เองละมั๊ง เราถึงเห็นพวกเศรษฐีเค้าไม่ไว้วางใจใคร
มองโลกในแง่ร้าย ประสาทผวาตลอดเวลา...น่าสงสาร

ว่าแต่พวกเราเฮอะ จะรู้ได้ยังไงว่า คนรอบข้าง
...รู้สึกยังไง กับเราบ้าง


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com

ขอเพิ่มเติม

เดี๋ยวจะเข้าใจผิดกันหลายคน
ผมเลิกขายประกันชีวิตไปหลายปีแล้ว ครับ
เพราะต้องมาช่วยภรรยาทำกิจการส่วนตัว
ทำชุดตุ๊กตาบาร์บี้น่ะครับ

อนณ




 

Create Date : 17 มีนาคม 2554    
Last Update : 18 มีนาคม 2554 21:11:42 น.
Counter : 1347 Pageviews.  

กรรมทันตา รพ.รามา

รพ.รามา

เมื่อเดือนที่แล้ว คุณพ่อของผมไม่สบายมาก
ท่านอายุเกือบ 80 แล้ว มีโรคเบาหวานเป็นโรคประจำตัว
แต่ตอนนี้มีโรคไต เข้ามาเพิ่มด้วย...ก็ธรรมดาของสังขาร
แต่อีทีนี้ อยู่ดีๆ ก็เท้าขวามีอาการบวมแดง สีจากแดงเป็นปื้นกลายเป็นคล้ำ
ปวดจนเดินไม่ไหว

พอน้องสะใภ้โทร.มาบอก ก็รีบพาท่านไปหาหมอที่ รพ.รามา
ซึ่ง รพ.นี้ผูกพันกับครอบครัวผมมาตั้งแต่เด็กๆ เรียกว่าเป็น รพ.ประจำครอบครัวยังได้
พอแต่งงาน ภรรยาของผมก็มีญาติค่อนข้างสนิทเป็นเจ้าหน้าที่อยู่คลังเลือด
ลูกสาวทั้งสองคน ก็คลอดที่นี่
ผมกับครอบครัวเป็นหนี้บุญคุณ รพ.แห่งนี้อย่างยิ่ง

ตอนเด็ก ๆ ผมเบื่อการมา รพ.นี้มาก...
คนไข้เยอะ แน่นไปหมด ซึ่งก็คงเยอะทุก รพ.ของรัฐน่ะแหละ
มาแต่ละที รอแล้ว รออีก
คุณแม่ผมเคยผ่าไทรอยด์ ต้องนอนอยู่หลายวัน
รพ.รัฐเตียงว่างยากมาก ในสมัยก่อนเห็นเขาว่าต้องใช้เส้นหาเตียงเชียวแหละ
คุณแม่ผมนอนห้องรวม ท่านเคยเล่าว่า...
คืนที่สองหลังจากผ่าแล้ว นอนพักฟื้นอยู่
ตกดึกขณะกำลังหลับ...รู้สึกว่ามีใครเขย่าเตียง..ง...
พอลืมตาดู....อู๊ยย.ย.ย...ยืนอยู่ปลายเท้า ออกปากไล่ให้ออกไป นี่เตียงช้าน.น.น...
วันรุ่งขึ้น ท่านสั่งให้คุณพ่อไปขอหมอกลับบ้านด่วน...

ตอนที่ คุณหม่อง ภรรยาผมไปคลอด ก็อาศัยญาติคนที่ว่าช่วยยื่นบัตร จองคิว
หรืออื่นๆ ให้ตลอด แถมยังมากุลีกุจอคอยมาดูแลอยู่เสมอ
พวกพยาบาล เจ้าหน้าที่ คงจะเห็นว่าเป็นคนกันเอง ก็ยิ่งดูแลดีไม่มีปัญหา
ลูกคนแรกต้องผ่าออกโดยไม่ได้ตั้งใจ ต้องอยู่ห้องรวม 4 - 5 เตียง นี่แหละ
ก็ไม่มีปัญหาใดๆ ราบรื่นดี
พอคนที่สองก็เลยต้องผ่าด้วยเหมือนกัน อยู่ห้องรวม 4 - 5 เตียงเหมือนเดิม
หลังจากผ่าแล้ว คืนแรก คุณหม่อง บอกแทบไม่ได้หลับ เพราะมีอยู่เตียงหนึ่งยังไม่คลอด
แต่เจ็บท้องมาก..ก...ร้องทั้งคืน ร้องไป ด่าผัวไปตลอดเวลา
ต้องนอนเจ็บแผลทนฟัง...ทั้งคืน
ตอนเช้า แกก็ไปคลอดก็เลยเงียบเสียงไป คนในห้องทั้งหมดเลยได้นอนกลางวันกันทุกคน
แต่พอกลางดึกของคืนที่สอง ขณะกำลังหลับสบาย ๆ รู้สึกเหมือนเตียงมันสั่นเขย่า
พยายามลืมตาขึ้น ก็ไม่ไหว แต่ยังรู้สึกได้ว่า...เตียงมันวิ่งขึ้น วิ่งลง
ภรรยาผมเล่าว่าตกใจมาก พยายามลืมตาจนได้...แต่ไม่มีอะไร ทุกอย่างปรกติดี
มองไปรอบ ๆ ไฟก็สว่าง คนอื่น ๆ ก็นอนกันเงียบ
สุดท้ายเลยไม่กล้าหลับ ลุกขึ้นเดินไปเดินมา ทั้งๆ ที่เจ็บแผล...แต่ก็ดีกว่าอ่ะนะ
พอเช้า ก็แอบถามเตียงข้างๆ ...อู๊ย..ย...โดนเหมือนกัน
พอเจอหน้าผม เธอบอกคำเดียว...กลับบ้าน ไม่อยู่แล้ว

โอ๊ย..เลยไปซะไกล
จะเล่าว่าพอรีบพาคุณพ่อไปส่งตอนค่ำ ที่แผนกฉุกเฉินหน้า รพ.
ตั้งแต่นาทีแรกที่ไปถึง รู้สึกได้เลยว่าได้รับการดูแลอย่างดี
เจ้าหน้าที่คนแรกที่คอยจัดการโบกรถให้จอดกระฉับกระเฉง
จากนั้นก็จะมี อีกคนเอารถเข็นพุ่งปร๊าด..มารับถึงประตูรถ
ช่วยประคับประคองอย่างดี แล้วเข็นเข้าไปยื่นบัตรที่โต๊ะพยาบาล
ก็วุ่นวายกันไปจนกระทั่งต้องรอพบคุณหมอ
พอหายวุ่นวาย ผมก็ได้แต่นั่งรอ และก็ดูนั่นดูนี่ไปตามประสา

เท่าที่สังเกตดู คนป่วยเป็นคนแก่สูงอายุที่มาเพราะอาการกำเริบ กว่าครึ่ง
ห้องฉุกเฉิน จะมีคนไข้มาเยอะเหมือนกันเชียวแหละ
จนต้องมีกฎว่า ต้องมีญาติอยู่กับคนป่วย 1 คน ที่เหลือให้ไปรอนอกห้อง
เหตุที่ต้องให้มีญาติอยู่ด้วย 1 คน ก็คงเพราะเนื้อที่ห้องไม่พอ พยาบาลก็ไม่พอ
เราต้องช่วยกัน อะไรที่ญาติพอทำได้ก็ช่วยกัน เช่น พาคนป่วยไปห้องน้ำ
หรือประคองขึ้น ประคองลง
แต่พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ที่ผมเห็น...ทุกคน
กระฉับกระเฉง สนใจทำหน้าที่ของตัวอย่างดี...เต็มที่
ซึ่งก็แน่นอน พวกเค้าเห็นความเจ็บปวด ทรมาน ของคนป่วยเป็นประจำอยู่ทุกวัน
ก็คงต้องจะชาชิน แต่ก็ไม่เพิกเฉย เฉื่อยชา
เพียงแต่ไม่ได้อย่างใจ พวกญาติๆ ที่กำลังร้อนใจไปบ้าง...เท่านั้นเอง
พวกพยาบาล และเจ้าหน้าที่ก็ต้องเสียงดัง ฟังชัด เพราะมันวุ่นวาย อุตลุดตลอดเวลา
ถ้าไม่ทำอย่างนี้ ก็คงคอนโทรลระบบระเบียบ ของคนทั้งหมดไม่ได้
พูดจริง จริง นะ...พวกเค้าทำงานอย่างดี น่าประทับใจเกินความคาดหมายของผมไปเยอะที่เดียว
ดูแล้วก็ออกจะชื่นชมทุกคนเลย

พอคุณหมอมาถึง ก็รีบตรวจอาการดูอย่างรวดเร็ว และเอาใจใส่
ไม่ได้ปล่อยผ่าน แม้แต่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ
มองไปรอบๆ สังเกตดู มีแต่หมอที่ ออกจะหนุ่มสาวทั้งนั้น อายุไม่เยอะ
แต่มีไม่พอ...คุณหมอทุกท่าน ต้องวิ่ง..ง...ไป วิ่ง..ง...มา
คอยดูเตียงโน้นเตียงนี้ ไม่ได้หยุด....เห็นแล้วเหนื่อย เห็นแล้วท้อใจแทน
แต่แววตา คุณหมอ ทุกท่านทุกคน มีแต่ความมุ่งมั่น ไม่ได้อิดโรยเหนื่อยอ่อนสักนิด
ผมว่าคนพวกนี้...ต้อง บอร์น ทู บี ตั้งใจมาเกิดเป็นหมอ เพื่อช่วยคนโดยเฉพาะ
ลูกสาวคนโตของผม เรียนเก่งตั้งใจเป็นหมออย่างมาก
แต่พออยู่ ม.4 รพ.ศิริราช เค้าจะให้พวกที่สนใจไปฝึกงานได้
ลูกผมไปฝึกห้องฉุกเฉิน ได้ 2 วัน...เจอหมอเจาะไขสันหลังคนไข้เท่านั้น
เป็นลมล้มอยู่ข้างเตียง พยาบาลต้องมาช่วยกันใหญ่
จากวันนั้น บอกไม่ไหว ยอมแพ้...มันน่ากลัวมาก

พอคุณหมอ ตรวจแล้วก็สั่งให้ไปซื้อยา
ผมก็วิ่งไปที่แผนกยาด้านหลัง ซึ่งตอนนั้นก็ดึกมากแล้ว
แต่สิ่งที่เจอ...เจ้าหน้าที่ น่ารักมาก กระตือรือร้น สนใจบริการอย่างที่สุด
และทำงานอย่างกระฉับกระเฉงตลอดเวลาที่เห็น...ผมละออกจะแปลกใจ
ดึกก็ดึก คนไข้ก็เยอะ ดูเอกสาร จัดยา ไม่ได้หยุด
แต่ก็ยังรักษาอารมณ์ให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพมาก

คืนนั้น คุณหมอ ให้ยาและรอดูอาการอีกสัก 2 – 3 ชั่วโมง ก็ให้กลับบ้านได้
แต่ก็ต้องพามาให้ตรวจอีก 2 – 3 ครั้ง
บางครั้งต้องพาไปที่แผนกเจาะเลือด ฉีดยาทางสายน้ำเกลือ
ทำให้ผมได้สัมผัสกับแผนกอื่นๆ อีก
ซึ่งก็เหมือนกันหมด...ทุกท่านน่ารักมาก
เอาใจใส่ในหน้าที่ ทำงานอย่างเกินความคาดหมายยิ่ง

ขณะนี้ คุณพ่อผมอาการดีจนเกือบหายจากการติดเชื้อแล้ว
แต่...ผมยังระลึกถึง เจ้าหน้าที่ พยาบาล และคุณหมอ ทุกท่าน
ไอ้เราน่ะกลับบ้านแล้ว สบายแล้ว
แต่พวกเขาล่ะ
ยังต้องทำหน้าที่อย่างเต็มเหนี่ยว...วิ่งไป วิ่งมา
รับผิดชอบชีวิตคน
ยังต้องทนต่ออารมณ์ ความรุ่มร้อนใจ ความวิตกกังวล สารพัดของมนุษย์
แล้วก็ไม่ใช่น้อย ๆ ...กลับบ้านไป 1 มาอีก 3 อย่างนี้ทุกวี่ ทุกวัน...เฮ้อ
บอกตรง ๆ ครับ....ประทับใจ และรู้สึกขอบคุณเป็นอย่างมาก
ยังแอบคิดอยู่เลยว่า สักวันจะซื้อขนมไปฝากท่านเหล่านั้น
และบอกดังๆ เลยว่า...ทุกคนทำหน้าที่ได้ยอดเยี่ยมมาก...ขอบคุณ ครับ
พวกเราต้องช่วยกันให้กำลังใจคน ดี ดี กันนะ

อยากรู้จริง จริง คนเหล่านั้น
มีอะไรเป็นแรงบันดาลใจ ให้ยืนหยัดทำหน้าที่ไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อย
มันต้องมีอะไรเป็นจุดยืนที่มั่นคงอยู่แน่ แน่
ในใจพวกเค้า คิดอะไรอยู่นะ
อยากรู้จริง จริง....


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com


มีผู้อ่านตอบมาในกระทู้...โดนใจมาก
อยากให้อ่าน
--------------------------------------

เท่าที่ผมพอจะตอบ ได้ ก็คือ พวกเค้ามี
จิตเป็นโพธิสัตว์ ไง ล่ะครับ ....

ก็คือ มีจิต ที่จะให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน

ถ้าจะมีสิ่งตอบแทน นั่น ก็คือ ความสุขจาก
การให้ ไง ล่ะครับ ...

trialuck

---------------------------------------

ความคิดเห็นของคุณ trialuck

พอผมจบอ่าน...
รู้สึกจุกอก ตื้นแน่น...น้ำตาไหลเลย
ขอบคุณครับ...ขอบคุณ
ผมเพิ่งจะเข้าใจ คำว่า
พระโพธิสัตว์...จิตเป็นโพธิสัตว์...
เดี๋ยวนี้เอง
เพิ่งประจักษ์ว่า...คนเราธรรมดา ธรรมดา ทั่วๆ ไป
ก็เป็นพระโพธิสัตว์ได้ในทุกขณะ เป็นได้เรื่อยๆ
เติมบุญกุศลจากสิ่งรอบๆ ตัว...จากงานที่ทำ
แค่พลิกเปลี่ยนความน่าเบื่อ ความน่าอึดอัดรำคาญ
ให้กลายเป็นบุญกุศลมหาศาลได้เลย
โอ้...มันแค่นิดเดียว นิดเดียวเอง นะ

คิดอีกที...คงเหมือนที่ท่านพุทธทาส บอกว่า
เราสามารถ...นิพพาน...ได้ทุกขณะจิต
นิพพานน้อย น้อย...ไปบ่อยๆ เรื่อยๆ
ซาบซึ้งแล้ว...เข้าใจแล้ว...

ขอบพระคุณอย่างที่สุด ครับ

อนณ




 

Create Date : 14 มีนาคม 2554    
Last Update : 15 มีนาคม 2554 19:24:58 น.
Counter : 1848 Pageviews.  

กรรมทันตา คุณพ่อตา

คุณพ่อตา

มีคนถามว่า...
ภรรยา และคุณพ่อตาของผม ทำยังไงถึงสามารถดึงผมกลับมา
จากความเห็นผิด มุ่งหวังแต่เรื่องความรวย จ้องหาเงินโดยไม่สนใจวิธีการ
ทำมาหากินบนความทุกข์ของคนอื่น อย่างไม่สะทกสะท้าน

ต้องบอกก่อนว่าในตอนนั้น ผมยังเป็นเด็กหนุ่มหัวดื้อ อีโก้สูง
มีแรงมีพลังในการทำบาปชั่วได้เยอะ
แถมยังเห็นผิดเป็นชอบ เพราะได้รับการสั่งสอนจากเจ้านาย
ถูกสอนว่า...คนเราจะรวยได้ก็ต้องขยันหาเงิน จะหามาด้วยวิธีไหนก็ได้
ขอให้ได้เงินก็แล้วกัน
อยากได้เงินเยอะ และรวดเร็ว ก็ต้องใจกล้าหน้าด้าน
ต้องใช้ความฉลาด เล่ห์เหลี่ยม เพื่อเอาเปรียบคนที่โง่กว่า

คุณพ่อตาของผม ท่านเป็นนายทหาร เป็นอาจารย์สอนที่ ร.ร.นายร้อย จปร.
คุณแม่ยายเป็นครูสอน ร.ร.อาชีวธนบุรี แต่เสียชีวิตไปตั้งแต่พวกผมยังเรียนไม่จบ
คุณพ่อตาท่านคงจะมองออก และเป็นห่วงลูกสาวของท่านที่ต้องมีสามีเป็น มิจฉาทิฐิ
ท่านพยายามใช้วิธีการนุ่มนวล ชวนพูดคุยสนทนาในเรื่องของ...ชีวิต เป็นประจำ
ท่านจะชวนพวกผม อันได้แก่ ผม ภรรยา และลูกสาวทั้ง 2 คน ซึ่งก็คือลูกและหลานของท่านน่ะแหละ
ให้ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันเป็นประจำทุกเดือน ใกล้บ้าง ไกลบ้าง

แต่เดิมท่านใช้รถโฟล์คเต่า ซึ่งท่านชอบยี่ห้อนี้มาก
ด้วยเหตุผลที่ว่า...คนสร้างฉลาดมาก
ท่านพูดกรอกหูบ่อยๆ ว่า
รถโฟล์คมีเครื่องยนต์ และชิ้นส่วนน้อยชิ้นกว่ายี่ห้ออื่น แต่ทำงานได้เท่ากัน
ทรหดอดทน ต่อทุกสภาพถนน ระบายความร้อนด้วยอากาศ ไม่ต้องใช้น้ำ
ถ้าคนเราทำตัวเหมือนอย่างรถโฟล์คเต่า ก็จะเป็นคนที่ประเสริฐ
เรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ ขยัน อดทน เจียมเนื้อเจียมตัว
ซึ่งผมฟังแล้ว ไม่แน่ใจว่าถูกหลอกด่าหรือเปล่า
แต่รถคันนี้มันก็พาพวกเราไปร้อยเอ็ด เจ็ดย่านน้ำเหมือนกัน

แต่พอมีลูกเพิ่มขึ้น ก็ต้องมีพี่เลี้ยงไปด้วยอีก
เลยต้องเปลี่ยนเป็นประเภทรถกระบะแวน 5 ประตู
พ่อตาผมท่านใส่บาตรแทบทุกวัน วันละ 3 รูป
ผมเคยถามว่า...ทำไมต้องใส่บาตรทุกวัน
ท่านก็ว่า...อานิสงส์ของการใส่บาตรทำให้ มีกิน มีใช้ ...ไม่มีอด
ซึ่งผมก็เห็นจะจริง ท่านมีเงินใช้จ่ายสบายๆ ทั้งๆ ที่เป็นข้าราชการ
อาหารการกินอุดมสมบูรณ์
ท่านยังว่า...ทาน ส่งผลให้พอกพูน ยิ่งให้...ก็ยิ่งได้
แรก ๆ ผมไม่ค่อยเชื่อ

เวลาไปเที่ยวกัน นอกจากสเบียงอาหารจิปาถะที่เตรียมเป็นปรกติ
ยังมีลังกล่องโฟมใส่น้ำแข็ง ใส่น้ำอัดลมกระป๋อง กระทิงแดง กาแฟกระป๋อง... แช่เย็นไปอีกเต็มลัง
ระหว่างทางที่ขับรถไปกัน
พอเจอตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่ คนกวาดถนน ประมาณนี้ คนที่กำลังเหนื่อยล้า
พวกเราจะหันหัวรถเข้าไปหา แล้วยื่นน้ำอัดลมกระป๋อง กระทิงแดง เย็นเจี๊ยบให้เค้า
คิดดูซิครับ...คนที่กำลังทำหน้าที่กลางแดด หรือกำลังเหนื่อย ๆ
แล้วมีคนแสดงน้ำใจ ยื่นเครื่องดื่มเย็นเจี๊ยบ ให้พร้อมรอยยิ้มของคนทั้งรถ
พวกเค้าจะรู้สึก และสีหน้าเป็นยังไง...
แต่ที่รู้ ๆ พวกผมน่ะ...รู้สึกดี สุด สุด
โดยเฉพาะลูกสาวของผม จะชอบมาก หัวเราะชอบใจ แย่งเป็นคนให้เองทุกครั้ง
ปัจจุบันนี้ ถึงแม้ท่านจะจากพวกผมไปแล้ว...แต่พวกผมก็ยังทำทุกครั้งที่ไปต่างจังหวัด
หรือบางทีผมใส่บาตรตอนเช้า ก็จะแถมซื้อขนมให้คนจรจัด หรือคนกวาดถนนบ่อย ๆ...มันได้อารมณ์ดี
อารมณ์ของผู้ให้...ให้โดยไม่เคยสนสิ่งตอบแทน

ทุกครั้งที่ไปต่างจังหวัด พวกเราต้องทำสังฆทานด้วย
เรื่องนี้พวกเราก็ทำไม่ค่อยเหมือนใครเขา
จะเลือกซื้อของใช้ของกิน ที่คนอื่นไม่ค่อยได้ถวาย ประเภทไม้ถูพื้น น้ำยาล้างส้วม
ท่านบอก สังฆทานคือการทำบุญโดยไม่เจาะจงวัด เจาะจงพระ
พวกเราก็เลยใช้วิธีว่า...
ถ้าเจอที่เหมาะ ๆ เราก็จะนับไปอีก 5 วัด โดยเฉพาะถ้าวัดกันดาร ขาดความพร้อมก็ยิ่งดี
พอถึงวัดที่ 5 ก็เลี้ยวเข้าไปเลย...แทบจะไม่เคยดูชื่อวัดเลย
บางทีก็มีปัญหาเหมือนกันนะ
ถ้าเข้าไปแล้ว เจอวัดที่มีเทวรูปในศาสนาอื่น ๆ เยอะแยะไปหมด
พวกพะหมอดู หรือวัดที่สกปรก รกรุงรังจนรับไม่ได้ ก็ไม่เอา ไปวัดต่อไปแทน
เคยมีเหมือนกัน...วัดก็ดูดี แต่พอลงไปนิมนต์
เจอกำลังเชียร์มวยทางทีวีกันอุตลุด ก็ยกของกลับขึ้นรถเลย

คุณพ่อตา ท่านจะมีเรื่องการทำบุญใหญ่ นาน ๆ ครั้งคือ...ถวายพระประธาน
ท่านชอบมาก แต่ต้องรอรวบรวมเงินเพราะไม่ถนัดบอกบุญคนอื่น
ทำแต่ละครั้ง อุปสรรคก็มาก...ท่านบอก บุญใหญ่ ก็ต้องมีมารใหญ่มาผจญ
ท่านก็จะให้ไปจุดธูปอธิษฐานกับพระที่บ้าน ก็ผ่านไปได้
มักจะเจอปาฏิหาริย์แปลกๆ เหมือนที่เคยเล่าใน...กรรมทันตา แรงฤทธิ์อธิษฐาน
การทำทานอีกประเภทที่ท่านชอบทำ
คือเลี้ยวรถเข้าไปใน ร.ร.ประชาบาล หรือ ร.ร.มัธยม ที่ค่อนข้างกันดาร
จากนั้นก็ไปหา ครูใหญ่ แจ้งความประสงค์จะให้ทุนการศึกษา
ทุนละ 2,000 – 5,000 บาท ครั้งละ 2 – 3 ทุน แล้วแต่โอกาส
คุณครู ก็จะไปสอบถามครูประจำชั้นให้ไปพาเด็กนักเรียนที่น่าจะให้ทุนมาพบ
จากนั้นก็จะฝากเงินไว้กับคุณครู ต่อหน้าเด็กนักเรียน และครูคนอื่นๆ
ซึ่งเด็ก น.ร.พวกนั้นมักจะงง ๆ แต่ก็ดีใจกันมาก ส่วนใหญ่จะขาดแคลนแสนสาหัส
เงินเท่านี้ สำหรับเรามันไม่เดือดร้อน แต่กับพวกเขา...มันมากมาย
ทุกครั้งที่เห็นนะ คนที่ดีใจที่สุดจนตาเป็นประกาย คือครูประจำชั้นของเด็กที่ได้ทุน
เห็นแล้วเข้าใจเลย...ครูประจำชั้นทุกท่าน อยากจะช่วยเด็กใจจะขาด
แต่มันไม่มีสตางค์ พอมีใครซักคนหยิบยื่นให้ ก็ดีใจจนมือไม้สั่น
ไอ้ผมน่ะเหรอ...ต้องหันหน้าหนี น้ำตามันจะไหล
ให้แล้วให้เลย ไม่ถามชื่อเด็กนักเรียน และไม่ให้ชื่อ ที่อยู่ของเราด้วย
ท่านบอก...ทำแล้ว ให้แล้ว วางเลย

ที่เล่ามา ท่านจะให้ผมออกหน้าทุกครั้ง
ไม่ว่าจุดธูปเทียน กล่าวอาราธนาศีล กล่าวถวาย หรือให้ทุนการศึกษา
ผมว่า ท่านคงต้องการให้ผมได้รับถึงอารมณ์ ความรู้สึก และอานิสงส์ของ...บุญ
อุบายที่ท่านใช้ มันได้ผลนะ
พวกผมทุกคน เกิดความรัก การบุญ การกุศล
แต่ส่วนผมเอง...กลับมีปัญหา
มันอาย อายมาก ละอายใจ...อายพระ อายลูก อายเมีย
ตอนจุดธูปเทียน แทบไม่กล้ามองหน้าพระพุทธรูป...ไม่กล้าสบตาท่าน
ยิ่งอีตอน กล่าวรับศีล ยิ่งแย่หนักเข้าไปใหญ่
มุสาวาทาเวรมณี...กลั้นหายใจแทบตาย
แน่นในอกทู๊ก..ก...ที

พอนานๆ เข้า ก็ไม่ไหวต้องเลิกทำบาปทำกรรม อย่างที่ท่านทราบกันน่ะแหละ
ส่วนภรรยาของผม...เค้าใช้วิธีทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
และคอยประคับประคองให้กำลังใจ
ถือคติว่า...

ผัวเมียร่วมใจ ขี้ไก่ก็เป็นเงินเป็นทอง
ผัวเมียไม่ปรองดอง เงินทองก็กลายเป็น...ขี้ไก่


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com




 

Create Date : 13 มีนาคม 2554    
Last Update : 13 มีนาคม 2554 20:02:00 น.
Counter : 1198 Pageviews.  

กรรมทันตา พื้นที่ชีวิต

พื้นที่ชีวิต

พักนี้ไม่รู้ผมเป็นอะไร อ่อนไหวง่าย บ่อน้ำตาตื้น..น...น มีอาการซาบซ่าน..น... เหมือนสารเอ็นโดฟินหลั่ง
เอ...หรือจะเข้า วัยทอง ซะละมั๊ง

ตั้งแต่เกิดมา จนเข้าวัยรุ่น ผมเป็นคนใจร้อน เอาแต่ใจ แต่ค่อนข้างใจอ่อน พ่ายแพ้แก่ใจตัวเองได้ง่าย ๆ... พวกใจง่าย พ่ายแพ้ แก่อีโก้
พอเรียนจบ เริ่มทำงานก็ยิ่งไปกันใหญ่ ออกแนวเย่อหยิ่งจองหองพองขน
คิดว่าข้าแน่ ข้าเก่ง...มานั่งนึกย้อนดูตัวเองแล้วแสนจะอับอาย
ดูแล้วไอ้เราตอนนั้นมัน...กิ้งก่า...กิ้งก่าตัวใหญ่ ทั้งโง่ ทั้งเย่อยิ่ง ทำปากอ้าพองคอพองขน
อ๋อ...นึกออกแล้ว...กิ้งก่าอีกัวน่า ชัด ๆ อู๊ย...ย...น่าอายจริง จริ๊ง
ผมก็ทำยืดคอ วางท่า กางแผงคอเดินส่ายอาด ๆ ลงนรกไปเรื่อย ๆ
ท่านที่เป็นแฟนตามอ่าน ตามฟังคงจะทราบว่าผมเห็นผิดเป็นชอบ เห็นปีศาจเป็นฮีโร่
ทำบาปทำกรรมมหันต์ ตั้งอกตั้งใจทำ จนกว่าจะรู้ตัวก็ทุกข์ทน...แสนสาหัส
ก่อหนี้สินล้นพ้น
แต่...ยังโชคดี มีภรรยา และคุณพ่อตา ช่วย..ค่อย..ค่อย..ดึงกลับมาถูกทางทีละน้อย...ทีละน้อย...โดยไม่ให้รู้ตัว
แต่...ลูกสาว คนโตของผมนี่แหละ ที่กระชากดึงอย่างแรง...จนกลับหลังหัน เลย.
ลองกลับไปอ่านในตอน...กรรมทันตา จุดเปลี่ยน...ดูนะครับ
ถึงได้กลับมาเป็นผู้เป็นคน เต็มคน...ไม่ใช่ มนุษย์เดรัจฉาโน อย่างแต่ก่อน

ยังไงก็เถอะ ผมก็ยังไม่ใช่พวกอ่อนไหวง่าย จนกระทั่ง
วันหนึ่ง มีคนมาชวนให้ไปฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพกับกลุ่มคนที่เรียกว่า...นิวเวฟ
ก็แปลกดีนะ แค่ 3 วัน 2 คืน ผมได้อะไร...อะไร...มาเยอะ...เยอะ...เยอะ
ขากลับ ขับรถฝ่าสายฝนมาเกือบ 3 ชั่วโมง
...ร้องไห้...มาตลอดทาง ขับไป ร้องไห้ไป
ร้องไห้เพราะ เสียดายเวลาในชีวิตที่เสียหายไป 40 ปี...40 ปี เชียวนะ
มัวแต่โง่ มันแต่เป็น กิ้งก่าอีกัวน่า...
แล้วหลังจากนั้นมา จิตใจก็อ่อนไหวง่าย ไม่เร่งรีบ มองโลกมองชีวิตผิดแต่ก่อน
เวลากินอะไร มันก็อร่อยกว่าแต่ก่อนเยอะ
ดูอะไร มันก็สวยกว่าเดิม
มุมมองชีวิต มุมมองคน เปลี่ยนไปหมด

ต่อมา...มีบุญได้ไปปฏิบัติกรรมฐาน ที่วัดอัมพวัน ของหลวงพ่อจรัญ
อีทีนี้ ยิ่งหนัก...มุมมองชีวิตตัวเอง ดูตัวเอง พิจารณาตัวเอง เปลี่ยนไป มาก.
ออกแนว เบื่อหน่ายคลายจางซะมากกว่า
แต่ก็ทำให้เจอปาฏิหาริย์หลายอย่าง จนทำให้แน่ใจว่า...ทางนี้ ทิศนี้ ถูกต้องแล้ว
ค่อย ๆ เดินต่อไปนะ อย่าหลงลงไปข้างทางซะก่อนล่ะ
พอหมั่นขยันปฏิบัติ ได้บ้าง ขี้เกียจบ้าง จิตใจก็อ่อนไหวง่าย...ย...
ยิ่งมาหลัง ๆ นี่ บ่อน้ำตาตื้น มีซ่าน ๆ จนต้องรีบระงับ
ผมชอบใส่บาตร แต่ก็ยังมีกิเลสเยอะ...เลือกมาก
ชอบใส่แบบเอา ฟิลลิ่ง ...ยิ่งเห็นพระท่านสำรวม ยิ่งศรัทธาเกิด
อย่างเมื่อเช้านี้ ใส่บาตรเสร็จแล้ว อารมณ์ปลื้มมาก
หันไปเห็น พระท่านเดินแถวเรียงกันมา 4 รูป...สงบ สำรวม
ความรู้สึกมันก็ตื้นตัน ซ่าน บ่อน้ำตาแตกเลย

ไอ้ที่เล่ามาตั้งเยอะแยะ เพราะจะบอกว่า
ผมได้ดูรายการ...พื้นที่ชีวิต...ทางช่องไทยพีบีเอส
ที่จริงเคยดูตอนแรกๆ ก็ชอบนะ แต่ไม่ค่อยได้ตาม
ชอบที่รายการแปลกดี...พิธีกร หรือคนเดินเรื่อง ก็ ดิบ ดิบ ดีแฮะ
เนื้อหาก็ยังงง ๆ ไม่ค่อยแน่ใจว่าเขาจะสื่ออะไร
แต่เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมา 10 มี.ค. 54 เปิดมาเจออีก แต่เป็นกลางรายการแล้ว
ดูแล้วติดใจ...ติดใจ๊...ติดใจ
ในรายการ คนเดินเรื่อง...วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล
ไปที่วัดพระธาตุดอยผาส้ม อ.สะเมิง...ไปคุยกับ หลวงพ่อโต้ง
ท่านเป็นพระหนุ่มอายุ 33 บวชมา 8 พรรษา
แต่ก่อนบวชท่านจบปริญญาโท ตอนอายุ 22 เท่านั้นเอง
ท่านบอก จบออกมาทำงาน อยากได้เงินเยอะๆ ...ซึ่งก็คงจะได้นะ
แต่ก็ทุกข์มาก...มากจนต้องหาทางดับความทุกข์
แต่ที่ผมฟังแล้ว จุกอก จุกใจ คือคำอธิบายเรื่องที่พระพุทธเจ้าท่านสอน ท่านบอก
ด้วยการใช้คำง่าย..ง่าย...ฟังง่าย เข้าใจง่ายมากเลย
อย่างเช่น ท่านอธิบายว่า คนเรามันทุกข์เพราะจะเอาให้ได้อย่างใจ
...อยากได้หวาน...ต้องได้หวาน...แล้วก็สุข
...อยากได้เค็ม...ต้องได้เค็ม...ถึงจะสุข
แต่ถ้า...อยากได้หวาน...แต่ไม่ได้หวาน...ก็ทุกข์ทันที
หรือดันไปได้เค็ม ยิ่งทู๊ก...ทุกข์

ผมฟังแล้วหูตาสว่าง เข้าใจเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าใจได้อีกเยอะ
อีกวันต่อมา เห็นมีกระทู้แนะนำให้ดู เลยเปิดดู...
แถมยังตามหาดูตอนก่อน ๆ อีกหลายตอน
ขอบอก...ชอบ ช๊อบ ชอบ ทุกตอนเลยอ่ะ
คนที่มาในรายการแต่ละคน แต่ละท่าน...สุดยอด...
ผมขอนับถือ จากหัวใจ
แต่ผมก็รู้สึกละอายยิ่งเลย อย่าง คุณป๊อด โมเดิร์นด๊อก
ผมเคยรู้สึกว่าเป็นแค่เด็กหนุ่ม นักร้องวัยรุ่น ธรรมด๊า ธรรมดา
แต่ที่ไหนได้...ล้ำลึก...ภูมิธรรม เหนือกว่าคนอย่างเรา...เรา...เยอะมาก
ยิ่งท่าน...ส. ศิวรักษ์...ด้วยแล้ว
ผมเคยไม่ชอบ เห็นว่าท่านเป็นพวกหัวรุนแรง...แต่ที่ไหนได้ โอ๊ย...ย
ผมต้องขอ กราบขอขมา ท่านๆ ทั้งหลายที่ผมได้เคยประมาท คิดเห็นท่านในทางที่ไม่ดีแต่ก่อน
ตอนนี้ผมรู้ตัวแล้วว่า ผมทำกรรม ทำผิดมหันต์...ขอกราบขอขมาท่านเหล่านั้น ไว้ ณ.ที่นี้
โปรด อโหสิ ให้ผมด้วย ครับ....

ผมยังดูไปได้ไม่หมด ยังไม่กี่ตอน แต่รู้สึกเป็นบุญมากมายที่ได้ดู
อย่างตอนที่ คุณป๊อด ไปคุยกับคุณ สุเมธ โสฬศ...
ซึ่งที่จริงผมได้รู้จักกับ คุณสุเมธ บ้างแล้ว...ท่านได้เมตตาให้ ใบโพธิ์พุทธคยา ซึ่งเป็นของหายากกับผมมา
แต่ก็ยังไม่ได้คุยกันมากนัก...
อ้อ...คุณสุเมธ นี่ได้จุดประกายพูดชวนให้ผมหาโอกาสเดินทางไปกราบ สังเวชนียสถาน ที่อินเดีย
โธ่...ผมกลัวความลำบาก ผมออกจะสำรวย
แต่ความคิดเรื่องนี้ ดันไปติดอยู่ในใจ จนอยากไปซะแล้ว...แต่ยังไม่มีสตางค์
ต้องหาทุนก่อน เห็นเขาว่าตั้งหลายหมื่น
อันที่จริง ก็มีเรื่องปาฏิหาริย์แปลกๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกันนะ...วันหลังค่อยเล่า

พอดูตอนที่ คุณสุเมธ อธิบายเรื่อง...ความทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ วิธีดับทุกข์ ฯลฯ
โอ้โฮ...ผมได้สติขึ้นมาอย่างแรง..ง...เข้าใจ และหายสงสัยไปมากมาย
แต่เดิมผมไม่ค่อยเข้าใจในพุทธศาสนา หรือคำสอนต่างๆ เพราะผมติดศัพท์
ฟังแล้วคล้าย ๆ จะเข้าใจ...แต่ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี โง่ โง่ งง งง ยังไงไม่รู้
ที่สำคัญ ผมจะเชื่อแต่พระ แล้วพระท่านก็ชอบใช้ศัพท์เทคนิค ที่ล้ำลึกซะด้วย
พอคนธรรมดาพูดเรื่องธรรมมะ...ผมก็จะไม่ค่อยจะเชื่อ
มีคนที่ผมฟังแล้วเชื่ออยู่บ้าง ก็น้อย เช่น ดร.สนอง วรอุไร หรืออีกไม่กี่ท่านเท่านั้น

แต่พอมาดูรายการนี้แล้ว...ผมอึ้ง หูตาสว่าง เกิดสติ เกิดความเข้าใจมากกว่า ที่ฟัง ที่อ่านมาทั้งชีวิตเชียวแหละ
เสียดาย...ยังไม่ค่อยมีเวลา ยังดูไปไม่กี่ตอนเอง
ผมรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณรายการนี้
เป็นหนี้คน หรือคณะที่ทำรายการนี้
อย่างที่คิดว่า...ชาตินี้จะใช้หนี้ท่านทั้งหลายได้หมดมั๊ยนะ...
ถ้านะ ถ้า ถ้าผมมีเงิน...ผมจะเดินไปหาคนทำรายการนี้ แล้วยื่นเงินให้สัก 1 ล้าน...ไม่เอาใบเสร็จด้วย
อยากจะตะโกนก้อง ร้องบอก ทุก ๆ คนว่า

...เร็ว..ว...มาดูกัน เร็ว เร็ว...มาดูกันเถอะ รายการอย่างนี้ มาดูกัน เร็ว เร็ว...ว...

อยากจะไปขึ้นเวทีม๊อบ เสื้อดำ เสื้อแดง เสื้อเขียว เสื้อเหลือง ชาวนา ชาวไร่ ชาวไทย ชาวโลก ทั้งมวล ให้รีบมาดูกัน เร็ว เร็ว..ว...
ดูแล้ว...ไม่ตกนรก แน่นอน...ผมยืนยัน
ดูแล้ว...ได้ขึ้นสวรรค์
ดูแล้ว... หมดหนี้ หมดสิน
ดูแล้ว... รวย..ย...
ดูแล้ว... ทำมาค้าคล่อง
ดูแล้ว... หล่อ
ดูแล้ว... สวย
ถ้าดูแล้ว ไม่เป็นอย่างที่ผมพูด ละก้อ...
ผมจะไปนอนให้เหยียบ...บ...ถึงบ้าน เลย

คำเตือน...ดูแล้วอาจมีผลข้างเคียง ทำให้ ตื้นตัน จุกอก
หัวใจพอง ซาบซ่าน บ่อน้ำตาตื้น...เหมือนผมก็ได้

อ้อ...เกือบลืม รายการนี้ ภาพสวยมาก มุมกล้อง เสียง ตัวบุคคล เยี่ยมสุดยอด
ถ้าท่านใดรู้จักพวกเค้า...ฝากชมด้วยนะครับ


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com




 

Create Date : 12 มีนาคม 2554    
Last Update : 12 มีนาคม 2554 21:29:27 น.
Counter : 1151 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.