กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 
กรรมทันตา โอ้..อินเดีย 16

โอ้..อินเดีย 16

ดังที่เคยเล่าท่านผู้อ่าน ผู้ฟังทั้งหลาย แล้วว่า...
ผมเดินทางไปแสวงบุญที่ อินเดีย ในครั้งนี้
ด้วยความเมตตาจาก คุณสุเมธ โสฬศ ที่ผมนับถือเป็นครูบาอาจารย์
ท่านได้แนะนำให้ผมเดินทางไปกับ กลุ่มลูกศิษย์ของท่าน
ซึ่งเป็นหมอจากโรงพยาบาล บางบ่อ
และต่อมาได้กลายเป็น...กัลยาณมิตร อันประเสริฐ
ผมได้ขอร้องให้แต่ละท่านช่วยเขียนบอกเล่า ความในใจ
ถึงเหตุผลที่ไป อินเดีย รวมถึงว่าไปแล้วได้อะไรกลับมาบ้าง
วันนี้ คุณหมอปุ๊กกี้ ชาราล่า หมอฟันผู้มีความสามารถพิเศษบางอย่าง
ทนผมรบเร้าไม่ไหว เขียนมาเล่าเรื่องให้ฟัง
พวกหมอ...หมอ นี่ความรู้เยอะ ความคิดแยะ
ถูกสอนและฝึกวิธีคิดแบบเป็นวิทยาศาสตร์ เป็นขั้นเป็นตอน
ค่อย ๆ เรียงลำดับ...น่าเหนื่อย
เราลองมาฟังกันดูนะครับ

เรียนคุณอนณ ( สมาชิกบางบ่อแกงค์ )
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่ามิได้ลืมคำกึ่งสัญญาที่ให้ไว้.....
แม้จะเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับปากเต็มคำก็ตาม....
เมื่อมีเวลาเหมาะ...จึงขอส่งการบ้านตามสัจจะวาจาที่ให้ไว้ค่ะ...
สำหรับคำถามประกอบด้วยหัวข้อ

1.แรงบันดาลใจที่ไปอินเดีย

2.สิ่งที่ได้รับกลับมาจากการไปอินเดีย

ก่อนจะมีแรงบันดาลใจให้เลือกมาอินเดียนั้น......

คงต้องเริ่มต้นจากทำไมถึงสนใจเริ่มมาปฏิบัติธรรมก่อนมั้งคะ
สำหรับตัวเองนั้นถือว่าค่อนข้างโชคดีทีเดียว
เกิดมาก็พอใจในทุกสิ่งอย่างที่ตนเองมี ตนเองเป็น...
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องครอบครัว พี่น้อง มารดา
แม้บิดาจะเสียชีวิตไปตั้งแต่ข้าพเจ้าอายุเพียง 5 ขวบ
แม้แต่เรื่อง รูปร่างหน้าตา (ที่หมวยเกินใคร) การศึกษา หน้าที่การงาน...รวมถึงความสามารถต่างๆ ที่หล่อหลอมรวมเป็นตัวของข้าพเจ้า
ถึงกับเคยบอกกับตัวเองว่า...
" แม้เราจะไม่ใช่คนที่สมบูรณ์แบบอย่างใคร ๆ ...
แต่ก็ชอบ และพอใจในทุกอย่างที่เป็นตัวเอง "
นั่นหมายความว่าข้าพเจ้านั้น แม้จะเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดมากนัก...
แต่มันเต็มในตัวเองจนล้นคือ ตัว ...อัตตา... นั่นเอง

เมื่อชีวิตได้ดำเนินผ่านมาเรื่อยๆอย่างเรียบง่าย
....คิดดี..ทำดี...พูดดี....
ชีวิตที่โลดแล่นควรเป็นเส้นตรงตามที่ข้าพเจ้าวาดหวังวางกำหนดไว้อย่างเหมาะสม
ดังความคิดที่ว่า ทุกอย่างต้องดีซิ.....ก็เราเป็นคนดี
แต่ชีวิตมันหลากหลายกว่านั้น...มันไม่ใช่เรื่องตรงไปตรงมา...
อะไรคือตัว เหตุปัจจัย แทรกซ้อนที่ทำให้ข้าพเจ้าต้องเริ่มหาคำตอบใหม่ว่า....ทำไมจึงเกิดอุบัติเหตุในการดำเนินชีวิตของข้าพเจ้าได้?....
อะไรที่วาดหวังวางไว้...ไม่ได้เป็นเส้นตรงอย่างที่คิด....
ความสับสนพรั่งพรูเข้ามามากมาย...พร้อมทั้งน้ำตาแห่งความเสียใจ
ใช้เหตุและผล ตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ตนเองคุ้นเคย...ก็ดูไม่สมเหตุ สมผล เสียเลย....
ความจริงคืออะไรกันแน่...คิดวนไปวนมาหลายรอบ
ได้คำตอบแค่ว่า...ถ้ามันไม่เป็นตามเหตุและผล....แล้วอะไรล่ะที่อยู่เหนือเหตุเหนือผล.....

ข้าพเจ้าจึงเริ่มหาคำตอบจากหนังสือ และตำรามากมาย
ทั้ง ตำราโหราศาสตร์ ฮวงจุ้ย โหงวเฮ้ง ลายมือ กราฟชีวิต
รวมถึง เครื่องรางของขลังต่าง ๆ
เพื่อพยายามหาคำตอบให้กับตัวเอง...
จนข้าพเจ้าได้พบกับ ผู้มีพระคุณท่านหนึ่งสอนว่า
ตัว...ที่ข้าพเจ้าขาดหายไปในช่วงที่พบแต่ความผิดหวัง
คือตัว...สติ ที่ใช้ต่อสู้กับความจริงบนโลกใบนี้
อีกทั้งสิ่งที่อยู่เหนือเหตุเหนือผล...
คือ...กรรม....นั่นเอง

ตกลงชีวิตนี้ไม่ใช่พรหมลิขิต หรือ เราลิขิตหรอกหรือ !!!
ความจริงแล้ว...ชีวิตมีกรรมเป็นตัวกำหนดต่างหาก...อ้าว
งั้นก็...กรรมลิขิต...น่ะซิ เนี่ยะ
พร้อมกับให้หนังสือเรื่อง...อำนาจอันยิ่งใหญ่แห่งกรรม
ของสมเด็จพระสังฆราชมาศึกษาเล่มหนึ่ง....
อ่านแล้ว เหมือนโลกหยุดหมุน...
เพิ่งเริ่มเข้าใจ...ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นบ้าง
แต่ก็ยังมีตัวสงสัยอยู่ คือ
ถ้ากฎแห่งกรรมทำงาน บันดาลให้ทุกสิ่งเป็นไป
แล้วถ้าเราไม่ได้ทำ ล่ะ...
ทำไมจึงเกิดผลอย่างนี้ได้

เริ่มทำความเข้าใจใหม่กับการ...เวียนว่ายตายเกิด
จึงเริ่มทำใจได้..ว่าอะไรที่เกิดขึ้น เพราะเราเคยกระทำเช่นนั้นไว้ในภพก่อนๆ...
เริ่มอยากรู้อดีตชาติ เริ่มอยากรู้มากจนอยากฝึก...มโนมยิทธิ
ต้องเห็นกะตาให้ได้ว่าเราทำอะไรไว้.....
สุดท้ายไม่ได้เรียนอะไร...เพราะจบตรงประโยคที่ว่า
...จะเสียเวลารู้อดีตไปทำไม
ทำกรรมดี (บุญ) ใหม่ ๆ ในวันนี้เตรียมไว้ดีกว่า มั้ง
อะไรจะเกิดก็ต้อง เกิด...
ยอมรับมันด้วย...สติ...ก็พอ

เอาหล่ะ ถ้ากฎแห่งกรรมมันยิ่งใหญ่....
การเวียนว่ายตายเกิดมีจริง....
แล้วเราจะพ้นจาก วัฏสงสาร นี้ได้อย่างไรกัน

ถ้ากรรมลิขิต อยู่เหนือสิ่งอื่นใด... กรรมพยากรณ์ ของคุณดังตฤน...ก็คงจะจริง
รีบเตรียมเสบียงไว้เลี้ยงตัว ดีกว่ามั้ง.......@
เริ่มจาก เราจะสะสมบุญอย่างไร...
ท่านบอกว่าต้องทำ ทาน รักษาศีล และหมั่นภาวนา.....
คนจีนถนัดไหว้เจ้าอย่างข้าพเจ้า ไม่งงเรื่องทำทาน กับรักษาศีลหรอก...
แต่เจ้า ภาวนา เนี่ยซิเป็นยังไง ???

สวดมนต์ กับนั่งสมาธิ...ทำได้ไม่ขัดข้อง
แต่ตัวปัญญาอันเกิดจากภาวนาเนี่ยะ ยากจัง...

จนได้มีโอกาสได้เรียนรู้การ...ดูกาย...ดูจิต...
ด้วยจิตที่ตั้งมั่นและเป็นกลาง ลงสู่ปัจจุบัน...
สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันเนี่ยแหละ...เหมาะกับข้าพเจ้ามากที่สุด
จึงเริ่มปวารณาตนว่า จะปฏิบัติธรรมไปเรื่อย ๆ แบบนี้ดั่งเป็นหน้าที่หนึ่งในการดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่นั่นเอง....
และแล้วก็ต้องเพิ่มพลังเพื่อเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางถึงซึ่ง...พระนิพพาน
คือ พละ 5 อันเริ่มจากตัว ศรัทธา นั่นเอง.....
ข้าพเจ้ามีความศรัทธาในพระพุทธศาสนามาตลอด..
เชื่อว่า...พระพุทธเจ้า มีจริง และปฏิบัติตามคำสอนที่ว่า
ทำดีได้ดี..ทำชั่วได้ชั่ว...
จึงต้อง ทำดี...ละชั่ว และทำจิตใจให้บริสุทธ์มาตลอด....
แต่เมื่อเกิดอุบัติเหตุในชีวิตครั้งนั้น...ศรัทธาที่ข้าพเจ้ามี มันเริ่มสั่นคลอนไปบ้าง....ข้าพเจ้าจึงเลือกที่จะมาอินเดีย
เพื่อเติมพลังตัวศรัทธา ให้เต็มร้อย...อีกครั้ง
เพิ่มพลังในการปฏิบัติธรรมให้กับตนเอง ต่อไป...
เนี่ยะแหละแรงบันดาลใจของข้าพเจ้าในการมา อินเดีย ครั้งนี้...ด้วยศรัทธา
แทนการเลือกไป ยุโรป...ตามแรงกิเลสจูงใจ

สิ่งที่ข้าพเจ้าตั้งใจก่อนไปอินเดียนั้น นอกจากเติมศรัทธาให้เต็มร้อยแล้ว
ก็ตั้งใจแบบไม่บอกใครว่าหลายวันในอินเดียนี้...ข้าพเจ้าละงาน ทางโลก ไว้...
มีหน้าที่ ทางธรรม เป็นหลัก
จึงควรภาวนาตลอดทุกขณะจิต...ทุกลมหายใจเข้าออกนั่นเอง
อิ...อิ

สิ่งที่ข้าพเจ้าได้รับจากการไปอินเดียครั้งนี้...มีมากมาย
* ข้าพเจ้าได้เห็นถึงทุกข์ อันเกิดขึ้นทั้งต่อกายและใจ...
เช่น ปวดฉี่มากมาย...ท้องแข็งมากมายก็เป็นทุกข์....
ไม่มีห้องน้ำก็เป็นทุกข์....ห้องน้ำสกปรกก็เป็นทุกข์...
น้ำไม่ไหลก้อเป็นทุกข์..ที่นอนไม่สะอาดก็เป็นทุกข์..
แมลงเยอะก็เป็นทุกข์...ร้อนไปก็เป็นทุกข์..หนาวไปก็เป็นทุกข์...
เดินมากก็เป็นทุกข์..นั่งนานก็เป็นทุกข์...
ปวดขา ปวดเข่า ปวดหัว ปวดท้อง ท้องอืดก็เป็นทุกข์....
สรุปว่า ทุกข์ ล้วน ๆ คงจะจริงดังคำที่ท่านว่า...
" นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรเกิดขึ้น...
นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรตั้งอยู่...
นอกจากทุกข์ไม่มีอะไรดับไป "... เน้อ
และเมื่อรู้ทุกข์...เราคงเริ่มเดินตามหลักอริยสัจ 4 แล้วซิ....
ต่อไปก็รู้สมุทัย...เจริญมรรค....คงแจ้งนิโรธ...สักวัน....สักวัน....สักวัน

* ข้าพเจ้าได้เห็นถึง อัตตา ในตัวข้าพเจ้าที่คิดว่าลดลงแล้ว...
แต่กลับเห็นได้ชัดเจนว่า ยังอัดแน่นมากมาย...
ก็ตอนเด็ก ๆ ขอทานเหล่านั้น...ที่รุมล้อม...อ้อมหน้า...อ้อมหลัง...
แถมสะกิดตัว...จนเห็น อัตตา ตนเองชัดเจน

* ข้าพเจ้าซาบซึ้ง และมี ปิติ..ในการ ตามรอยพระพุทธบาท ครั้งนี้มาก...
ซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน...
เป็นแรงบันดาลใจ...เป็นพลังในการเดินทางทั้ง ทางโลก และทางธรรม...
อย่างไม่ประมาท...
ตามปัจฉิมโอวาท ที่ท่านทรงตรัสไว้...
เพราะใด ๆ ในโลกนี้ล้วน อนิจจัง....ตามกฏไตรลักษณ์จริงๆ

* การเดินทางสู่จุดหมายปลายทางดัง พระนิพพาน นั้น....
ไม่ว่าระยะทางจะยาวไกลสักเพียงใด...อยู่หลักกิโลเมตรที่เท่าไหร่...
มีกี่หลุม...มีกี่โค้ง....ข้าพเจ้าก็จะเพียรต่อไป..
เดินไปบ้าง...วิ่งไปบ้าง..หลงทางบ้าง...เหนื่อยก้อพักบ้าง...หนักก็วางบ้าง....
แต่ข้าพเจ้าก็จะก้าวต่อไป...
ด้วยวันหนึ่งคงถึงซึ่งจุดหมายปลายทาง....พระนิพพานโดยเร็วพลัน เทอญ.
สาธุ สาธุ สาธุ;

หมอปุ๊กกี้



อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com



Create Date : 23 เมษายน 2555
Last Update : 23 เมษายน 2555 23:27:56 น. 2 comments
Counter : 3416 Pageviews.

 
สาูธุ ๆค่ะ


โดย: AO IP: 101.51.129.131 วันที่: 2 พฤษภาคม 2555 เวลา:16:08:57 น.  

 
อ่านแล้วได้ข้อคิด บางครั้งก็เป็นแบบที่คุณหมอปุ๊กกี้บอก เรามีอัตตา คิดว่าตัวเองทำดีแล้วต้องได้ดีสิ แล้วทำไมมันไม่เป็นดั่งหวังล่ะ ชั้นทำดีแล้วนะ อ๋อ เรายึดมั่นในตัวเราเกินไปนั่นเอง ขอบคุณบทความดีๆที่ได้จากทั้งคุณอนณและกัลยาณมิตรทั้งหลายของคุณอนณค่ะ


โดย: Ju IP: 192.99.14.36 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2557 เวลา:1:38:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.