กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

กรรมทันตา หมอดู.ต่อ

หมอดู.ต่อ

คราวที่แล้ว เล่าเรื่องพระที่ตั้งตัวเป็นหมอดู จนรวย แล้วสึกออกมามีเมียน่ะครับ
ตัวผมเองไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้.........จนกระทั่ง

ตอนที่เป็นนักศึกษา ผมมีเพื่อนคนหนึ่งชอบเรียนวิชา หมอดู หรือโหราศาสตร์เอามากๆ ชื่อ เอื้อมจิตร
ปัจจุบันนี้ เธอเป็นผู้จัดการธนาคาร อยู่ในนิคมอุตสาหกรรม บางพลี ( น่าจะไทยพาณิชย์นะ ) ไม่เจอกันหลายปีแล้ว
ที่จริงเป็นเพื่อนแฟนผมน่ะ ก็ภรรยาคนปัจจุบันนี้แหละ
สนิทกันมาก แก็งค์เดียวกัน
ไอ้เอื้อม ชอบมาชวนไปดูหมอตามที่ต่างๆ ที่ไหนได้ข่าวว่าดี ก็มาชวนยิกๆ พวกสาวๆ ชอบดูหมอจริงๆ แฟนผมก็พลอยชอบไปด้วย
มักจะให้ผมไปด้วย เพราะใช้ง่าย คือตอนนั้นเพิ่งจีบใหม่ๆ ตามใจอุตลุต

ผมไปแล้ว มองๆ ดู ถ้ารายไหนไม่เข้าท่า ผมก็มักจะทำหน้าไม่เชื่อถือ....ทำหน้าดูถูก
ขนาดเคยโดนพระหมอดู ไล่ออกจากวัดแทบไม่ทัน......
จนทำงานแล้วสัก 2 ปี ไอ้เอื้อม ก็มาเล่าให้แฟนผมฟังว่า ไปเจอมารายหนึ่ง สุดยอด ม๊าก....มาก
แฟนผมก็คะยั้นคะยอชวน จนทนไม่ไหวไปกัน

ตอนนั้น บ้านท่านอยู่ในซอย ร.ร.ทิวไผ่งาม ฝั่งธนฯ
แฟนผมบังคับให้ผมพาไปครั้งแรกให้ดูดวงผม คือใช้ผมเป็นตัวทดลองน่ะ
คุณลุงหมอดู ท่านนี้ชื่อ สำเนียง พลอยโสภณ
เมื่อผูกดวง เขียนลงในกระดาษ แล้วคำนวนเสร็จ คุณลุงก็จะถาม 3 ข้อก่อน
ถ้าทายเรื่องในอดีต 3 ข้อนี้แล้วไม่ตรง ก็เลิกกันไม่ต้องดู ยังไงก็ไม่แม่น
ผมเคยถามทีหลัง ว่าทำไม
ท่านเมตตาตอบว่า การจะดูหมอให้แม่นนั้น ต้องมีชะตาต้องกัน ถึงจะดูกันได้
ถ้าทายแล้วไม่ตรงนอกจากเรื่องชะตาไม่ต้องกันแล้ว อาจเป็นได้ว่า วันเดือนปีเกิด อาจคลาดเคลื่อน งั้นก็อย่าดูเลย
ของผมท่านทายถูกหมด ท่านก็ว่างั้นมาเริ่มดูกัน
ในตอนนั้น บอกแล้วว่าผมไม่เชื่อหมอดู ผมก็ทำหน้าทำตาไม่เต็มใจ
ท่านมองๆ แล้วบอกว่า วันนี้ขอทายข้อเดียว
คือ คุณจะต้องแต่งงาน ภายใน 30 วัน ถ้าผิดให้มาด่าเลย
ผมหัวเราะแล้วกลับบ้านเลย แฟนก็งง คือสมัยนั้นผม ยวนตีนนน มาก ยังห้าว
อีกเหตุผลหนึ่งคือ ขณะนั้นผมกำลังไปติดพันสาวอีกคนได้ระยะหนึ่งแล้ว
คือแฟนผม เป็นอาจารย์สอนพวกปริญญาตรี แต่ งกมาก เลยสอนภาคค่ำด้วย.....ผมก็เลยมีเวลาเหลือเยอะ
ว่างมาก ก็เลยไปเจอสาวที่กลับทางเดียวกัน อาสาไปส่งนานเข้าชักยุ่ง
ตอนนั้น ผมยังหนุ่มโสด สนุกกับงาน ตื่นเต้น เลวโลดโผน เชียวละ
แต่ก็ยังไม่มีเงินเก็บ ที่สำคัญยังไม่เคยคิดจะแต่งกับใคร

หลายวันผ่านไป ผมก็ลืมคำทำนายไปแล้ว ไม่ใส่ใจเลย
อยู่ดีๆ สาวที่ไปติดพัน ไปให้เตี่ย กับอาม้า เค้าล๊อคคอคุยกับผม
บ้านเขาอยู่วงการรถเหมือนกัน แต่รวยเชียวแหละ
เตี่ย เขาจับตัวผมไว้แล้วถามว่า ลื้อจะแต่งเมื่อไหร่
ผมบอก ต้องสร้างตัวก่อน
เตี่ยเขาบอก ไม่ต้อง....อั๊วสร้างให้แล้ว
ผมก็บอก ไม่ได้ ผมยังไม่มีอะไรเลย ยังเป็นลูกจ้างอยู่เลย
เขาก็บอก ไม่เป็นไร อั๊วมีทุกอย่างให้ลื้อแล้ว......

ตอนนั้นผมช๊อคไปเลย กลับไปนอนคิด......เอายังไงดีว่ะ
คิดไปคิดมาผมอยากแต่งกับ แฟนที่เรียนมา คบกันมานานดีกว่า
อีสาววงการรถ เธอก็มาอาละวาดวุ่นวายไปหมด......เรื่องมันยาว อย่ารู้เลย
สรุป ผมก็ไปหาพระดูฤกษ์แต่งงานกัน ท่านให้ฤกษ์มา..... อีก 7 วัน เท่านั้น
ไม่งั้นมีอีกทีปีหน้าโน้น
แฟนผมบอก ไม่ได้....แต่งกระทันหันอย่างนี้ ใครก็ต้องว่าท้องแน่นอน.....
ผมบอก รอไม่ได้แล้ว.....ไม่งั้นผมอาจตายได้
ไปเล่าให้พ่อแฟน ก็ท่านพ่อตานี่แหละ ท่านก็เข้าใจ เลยแต่งมันใน 7 วัน

หลังแต่งงาน ภรรยาชวนไปหา คุณลุงสำเนียง
ผมก็นึกได้ อยากไปขอโทษท่าน ทำทุเรศไว้แยะ
พอเจอหน้า ท่านหัวเราะ บอกแต่งงานแล้วใช่มั๊ย
ผมว่า รู้ได้ยังไงครับ
ท่านว่า ก็ดวงมันบอก....ชัดเจนมาก ดวงกำลังเจ้าชู้สุดๆ
จากนั้น ก็ขอให้ท่านทายเรื่องอนาคต เรื่องงานของทั้งสองคน
ท่านบอก ผมจะต้องเปลี่ยนงานภายใน 3 เดือน

ผมไม่ได้คิดเปลี่ยนงานเลยสักนิด แต่ไม่กล้าดูถูกแล้ว แต่ยังไงก็ยังไม่ค่อยเชื่อ......
กลับไปได้ประมาณ 2 เดือน เฮียเฮงแกเข้าใจผิดผมบางเรื่อง ด่าว่าไม่พอใจ
ผมก็เลย ต้องไปหาเต็นท์รถใหม่ แต่คราวนี้ทำเองเลย
ภายหลัง เฮียเฮงแกหายเข้าใจผิด ให้กลับไปทำงานอีก ผมก็กลายเป็นสาขาของแกไป ได้ทำบาปกันเต็มเม็ดเต็มหน่วย.

กลับมาเรื่อง คุณลุงสำเนียง ต่อ
หลังจากนั้นมา ผมก็นับถือท่านมาก มาหาเป็นประจำตลอด 20 ปี
ในแต่ละครั้งที่มีทุกข์ มีเรื่องลำบาก ก็ไปหาท่าน
คุณลุงท่าน ก็จะดูดวง แล้ว อธิบายพร้อมปลอบใจผมเสมอ
เท่าที่สังเกตุดู....ท่านทำนายตามโหราศาสตร์ทุกอย่าง
แต่สิ่งที่ทำให้แม่น ก็เพราะท่านมีประสบการณ์มาก บวกกับท่านใช้ธรรมะเข้าประกอบด้วย
ท่านจะเน้นเสมอว่า ดวงคนเรามันเปลี่ยนได้ตลอด ท่านเห็นมาเยอะ
เวลาที่ดวงตกมากๆ ท่านจะเตือนให้ไปถือศีล แล้วดวงชะตาจะเปลี่ยนแปลง
ผมก็ถาม ว่าจะเป็นไปได้ยังไง คนเรามันถูกกำหนดมาแล้วไม่ใช่เหรอ
ท่านก็จะบอกว่า ดวงชะตา คือแนวโน้มที่จะเป็นไป จะเห็นว่าเป็นคนแบบไหน เวลาเกิดมันบอก เช่นเป็นคนกล้าหาญ มุทะลุ ใจเย็น ละเอียดอ่อน
ซึ่งก็น่าจะเห็นได้ว่า เขาควรทำอาชีพอะไร อย่างผมท่านบอก ต้องหากินกับ ดิน หิน ทราย เครื่องเหล็ก เครื่องจักร
ถ้าภรรยาผม ต้องพวก ของสวยงาม เครื่องประดับ หรือ อาหาร
คนทีดวงตก มีเคราะห์....ศีล...เท่านั้น ที่ช่วยป้องกันได้.

ในตอนที่ผมทุกข์หนักจริงๆ ไปหาท่าน
ท่านบอก..........ให้ไปบริจาคโลหิต..........
การบริจาคโลหิต เป็นการเสียสละเลือดเนื้อ ร่างกาย อันเป็นส่วนสำคัญของชีวิตเรา อานิสงส์แรง.....แต่มีข้อแม้นะ...
ต้องบริจาค ด้วยความรู้สึกของ...ผู้ให้...ให้ด้วยเมตตา...ให้ด้วยปัญญา.

ตั้งแต่นั้นมา ผมกับครอบครัว ก็ไปบริจาคเลือด ที่สภากาชาด ตลอดมา จนได้เข็มมาหลายอันแล้ว
ผมเคยถามท่านว่า มีมั๊ยบางคนเกิดมาเป็นโจรโดยเฉพาะ
ท่านอธิบาย ว่า มันไม่ใช่อย่างนั้น
แต่ดวงจะบอกว่า คนนี้ เป็นคนจิตใจห้าวหาญ ไม่สะทกสะท้าน เป็นพวกมุ่งมั่น ปักใจเชื่ออะไร ก็ทุ่มเทไปหมดเต็มที่
บวกกับบอกว่า ดวงเกิดมาอาภัพ ไม่มีดวงทางการศึกษา หรือพลัดพรากจากพ่อแม่
แล้วยังบอกอีกว่า คนเดียวกันนี้ ราศีเมษ เป็นคนใจร้อน ถึงร้อนมาก ขาดความยั้งคิด
เมื่อเอาทุกอย่างมาประกอบกัน เราจะพอมองเห็นได้ลางๆ ว่าคนนี้มีธรรมชาติแบบไหน น่าจะเป็นอย่างไร
ถ้าคนนี้ หันมาตั้งใจทำเรื่องดีๆ ก็จะมุ่งมั่นไปไกล บวกกับความอาภัพทำให้มีปมอยากเอาชนะคนอื่น ยิ่งเป็นพลังส่งในทางดี
แต่ถ้าเขาไปในกลุ่มคนพาลชั่ว เขาก็จะได้เป็นหัวหน้าคนพวกนั้นเลยทีเดียว.

ผมไม่ได้พบคุณลุงท่าน เกือบ 10 ปี ได้แล้ว
ไปพบครั้งหลังๆ ท่านอายุมาก เกรงใจไม่กล้ารบกวน ดูแต่ละครั้งเหนื่อยมาก
ลูกชายท่าน เป็นกัปตันเครื่องบิน ด้วยนะ ดูเหมือนทั้งสองคนเลย ไม่อยากให้พ่อเหนื่อย ไม่ค่อยพอใจ
อีกอย่างท่านปรกติจะถือศีล สุดท้ายไปสร้างวัดไว้ที่เชียงราย มั๊ง
ท่านบอกจะไปอยู่ที่นั่นเป็นที่สุดท้าย....

ผมยังระลึกถึงบุญคุณ และคำสอน ของท่านเสมอ.

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 16:31:14




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:11:17 น.
Counter : 1350 Pageviews.  

กรรมทันตา หมอดู

หมอดู

โดยส่วนตัว ผมไม่ค่อยเชื่อถือหมอดู
คือไม่เชื่อ ตัวหมอดู เท่าไหร่ แต่เชื่อในเรื่องโหราศาสตร์ ในแง่สถิติหรือแนวคิดนะครับ

เมื่อ 27 ปีก่อน ตอนที่ผมยังทำงานกับ เฮียเฮง นายเก่า
ซึ่งมีสังคมที่รวมคนแปลกๆ ร้ายๆ ไว้ด้วยกันนั้น ( ไปอ่านกระทู้ก่อนๆ ดูนะครับ )
จะมีหมอดูคนหนึ่ง ซึ่งจะมาหาที่เต็นท์รถเป็นระยะ เฮียแกเรียกมาบ้าง มาเองบ้าง
ชื่อ อาจารย์คง เป็นคนมีอายุประมาณ 55 ผิวดำแบบคนไทยแท้
ตอนที่เจอแรกๆ แกยังแข็งแรง กระฉับกระเฉง ปรกติดี
แต่งเนื้อแต่งตัวสะอาดสอ้าน แกมาครั้งหนึ่ง ก็จะได้ลูกค้าดูหมอหลายราย
ผมเอง ด้วยความที่เป็นเด็กรับใช้ ก็วิ่งซื้อน้ำ ซื้อข้าว บุหรี่ คอยบริการแกสารพัด บางครั้งยังต้องไปส่งแกที่บ้าน แถวเจริญนคร
ความที่วิ่งบริการอย่างดี แกเลยเอ็นดูพูดคุยด้วยเสมอ

ต่อมาหลายๆ ปีเข้า แกก็เริ่มชราลงอย่างเห็นได้ชัดมาก แต่งตัวมอมๆ ไม่ค่อยมีสง่าราศี
ดูแกมีความทุกข์ มากกว่าความสุข ดวงตาหมองๆ
ยิ่งมาระยะหลัง เฮียเฮงแกไม่ค่อยชอบใจบางอย่าง ดูห่างๆ หมางเมินกันไป
จนครั้งสุดท้ายที่ไปส่งแกที่บ้าน ตอนนั้นแกเดินไม่ค่อยไหว บ่นปวดขามาก และยังมีโรคต่างๆ อีกหลายรายการ
วันนั้น ขับรถไปส่ง มีกันแค่ 2 คน แกก็ถอนหายใจบ่อยๆ ผมก็เลยถามว่าเป็นอะไร ทุกข์ใจอะไรเหรอ ผมช่วยได้มั๊ย....
แกขอบใจ แล้วก็เล่าประวัติของแกให้ฟัง

แต่เดิมแกบวชเป็นพระตั้งแต่รุ่นหนุ่ม ศึกษาเล่าเรียนพระธรรมตามแบบในสมัยนั้น
ต่อมาก็สนใจเรียนโหราศาสตร์ เพราะเห็นพระที่อื่นเขาทำกัน
แกก็ฝึกฝน จนกลายมาเป็นพระหมอดู
จากพระหมอดูธรรมดา เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้น ตอนนั้นถ้าเอ่ยชื่อ พระอาจารย์คง รับรองได้ แม่น
ผมก็ถามว่า แล้วแม่นจริงหรือเปล่า....
แกบอกสมัยนั้นแกศึกษาจริงจัง ทำให้ดูแม่นมาก แล้วอีกอย่าง คนมาดูกันเยอะ ทำให้เก่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ
ด้วยความดังของแก ทำให้มีรายได้จากการดูหมอเยอะมาก ลูกศิษย์ลูกหามากมาย เงินทองไหลมาเทมา
แกก็อยู่เป็นพระหมอดูมาเรื่อย แต่ก็ไม่ได้ปฏิบัติตามพระวินัยเท่าไหร่ กิจของสงฆ์ก็ละเลย เก็บแต่เงินลูกเดียว จนอายุ 50 ได้
คนที่มาดูหมอ ส่วนใหญ่เป็น สาว แก่ แม่หม้าย เต็มไปหมด
สุดท้ายไปชอบใจสาวคนหนึ่ง ก็ไม่สาวเท่าไหร่ เลิกกับผัวมา ชวนแกสึก
แกเห็นว่าเงินทองที่สะสมไว้ก็มากโข เลยเอาว๊ะ....น่าจะดี
จากนั้นก็สึกออกมา ตั้งตัวเป็นหมอดูเต็มตัว แถมพ่วงรับทำพิธี ยกเสา ตั้งศาล อะไรพวกๆ นี้แหละ
ปลูกบ้านด้วยเงินสดๆ ชีวิตสุโข

แต่แล้วในไม่กี่ปี ทุกอย่างที่ดีเลิศ เริ่มไม่ดี ลูกค้าหดหาย น้อยลงเรื่อยๆ
เมียก็หอบเงินไปกับไอ้หนุ่ม ก่อนไปเอาบ้านแกไปจำนองธนาคารไว้ด้วย...ดีจริงๆ
ผมถามว่าทำไมล่ะ แกบอก ตั้งแต่สึกออกมา วิชาดูหมอแกก็เสื่อม เริ่มไม่ค่อยแม่น แล้วก็ไม่แม่นขึ้นเรื่อยๆ
แถมเริ่มมีโรคภัยไขเจ็บแปลกๆ ถามหาอีก......ตอนนี้ธนาคาร ก็กำลังจะยึดบ้านแกแล้ว.....

สุดท้ายผมไม่เจอแกอีกเลย คงเป็นไปตามกรรมน่ะครับ...อาจารย์คง
แต่พวกคุณ คงสงสัยว่าผมให้แกดูหมอให้บ้างมั๊ย....

ไม่เคยครับ.....เพราะผมมีหมอดูในดวงใจอยู่แล้ว.

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 14:18:05




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:08:11 น.
Counter : 1226 Pageviews.  

กรรมทันตา เทวดาของผม ต่ออีกนิด

เทวดาของผม ต่ออีกนิด

หลังจากให้เงิน ให้ทอง คนขับแท๊กซี่ ที่ขาหักไปแล้ว ผมก็วิ่งวุ่นหาเงินเหมือนเคย
อีก 2-3 วัน ต่อมา จำได้แม่นว่า แทบจะไม่มีเงินเลย
เหลือรถอยู่คันสุดท้ายที่ต้องขับไปส่งให้ลูกค้า และเก็บเงินมาเลย
ที่แถวๆ สามพราน
อากาศช่วงนั้น ร้อนมาก ผมขับรถออกมาจนถึง หนองแขม แอร์ไม่เย็น ขีดความร้อนขึ้นสูงยันเกจ์เลย
ผมรีบจอดข้างทางทันที ลงไปตรวจดู.....โอ้ย..ตายแล้ว...ท่อยางหม้อน้ำแตกรั่ว...ต้องเปลี่ยนใหม่
กว่าจะถอดออกมาได้ มือไม้พองไปหมด
จากนั้นก็เดินหาร้านอะไหล่ จำได้ว่าแถวนี้เคยเห็นมีอยู่นะ
เดินหากว่าจะเจอ ลมแทบจับ แดดร้อนมาก..ก...
เจอร้านอะไหล่แล้ว เอาตัวอย่างของเดิมให้คนขายดู....ถามว่ามีมั๊ย

ตอนนั้น ที่ร้านมีลูกค้ายืนรออะไหล่ ก่อนผมอยู่หนึ่งคน
คนขายเอาไปเทียบเบอร์ดูแล้ว บอกว่า มี ราคา 250 บาท แล้วก็เดินเข้าไปหยิบอะไหล่ท่อยาง
ผมก็เปิดกระเป๋าสตางค์เตรียมจ่าย.....แต่..... มีแค่ 12 บาทเอง
มานึกดู....เออใช่....เราไม่มีเงินเลยนี่นา........
ในขณะนั้น ความรู้สึกคือ มันเหนื่อย...มันหมดแรง...หมดกำลังใจ...
ผมถอยออกมาจากหน้าร้าน มายืนที่ฟุตบาทริมถนน ทำเหมือนกำลังรออะไหล่อยู่
แต่ความจริง ตอนนั้นยืนหมดอาลัยตายอยาก.....หมดกำลังใจเลย......
ผมมองเข้าไปในร้าน.....ผมต้องใช้ท่อยางอันใหม่ ไม่งั้นไม่มีทางไปต่อได้แน่...กลับก็ไม่ได้....
แต่จะทำยังไงกันล่ะเนี่ย......มีแค่ 12 บาท เอง...โธ่ ชีวิต ทำไมมันจนตรอกอย่างงี้..............
ความรู้สึกที่ตามมา คือ ท้อใจ....น้อยใจ....น้อยใจตัวเอง....น้อยใจในโชคชะตา.....อยากจะร้องไห้ออกมาซะตอนนั้นเลย
ผมเงยหน้ามองฟ้าตอนแดดเปรี้ยงๆ นั่นแหละ นึกในใจ.........
......ผมอยากเป็นคนดี เหมือนคนอื่นเขา......แต่มันหมดแรงแล้วครับ
.....จะให้ทำยังไงต่อดีละครับ....ผมไม่อยากทำกรรมชั่วอีกแล้วครับ.

แล้วผมก็หมดอาลัยตายอยาก คอตก ถอนหายใจ.......เอ๊ะ....
โอ้..คุณพระช่วย......อะไรนั่นน่ะ......ตาฝาดมั๊ง
ผมมองเห็น แบงค์ 500 บาท ใหม่ๆ ......แบงค์ 500 จริงๆ หล่นอยู่บนพื้น
มันอยู่ห่างผมไป อยู่ตรงกลางระหว่าง ผม กับ คนที่รอซื้ออะไหล่อยู่ก่อน
มันอยู่ตรงนั้นจริง ๆ .........ผมแทบกระโดด ไปหยิบขึ้นมาดู
เฮ้ย.....มันของจริงนี่นา......แบงค์ 500 ใหม่ๆ จริงๆ ด้วย…
แล้วทำไมอยู่ตรงนี้.....แล้วทำไมเมื่อกี้นี้ ถึงมองไม่เห็นว่ะ....

ผมกำแบงค์ไว้แน่นเลย รอดตายแล้ว...เราไปต่อได้แล้ว.....
พอตั้งสติได้ มายืนคิดดู....สงสัยของคนนั้นแน่เลย คงจะหล่นลงมา...
จะคืนเขาดีมั๊ย.....
แล้วผมก็ยืนลุ้นว่า เขาจะรู้ตัวมั๊ย.....
ลุ้นไปก็พิจารณาเขาไปด้วย.....แต่งชุดหมี...เครื่องแบบช่างนิสสัน
แสดงว่า ต้องเป็นช่างประจำศูนย์บริการ ไม่ใช่ช่างตามอู่...เครื่องแบบมันบอก
จากนั้นผมก็ยืนกำแบงค์ 500 ใบนั้น คอยดูเขาจ่ายเงิน
เขาก็ควักกระเป๋า จ่ายเงินอย่างปรกติมาก ไม่ได้มีอะไรแสดงว่าเงินหายเลย แถมในกระเป๋ายังมีเงินตั้งเยอะ...
แต่ก็ไม่มีใคร มีกันแค่ 2 คน หรือจะเป็นคนก่อนๆ นี้...
แต่ทำไม ไม่มีใครเห็น เราเองก็ไม่เห็น เดินเข้า เดินออกตั้งสองรอบ

ช่างคนนั้นจ่ายเงินเสร็จก็หันมา ขึ้นรถขับไปพร้อมอะไหล่ของเขา
ผมจำเขาได้แม่น เพราะเขาจำง่ายมาก....ที่แก้มเขามีแผลเป็น
บุคคลิก ลักษณะดี หน้าตาท่าทางก็จำง่ายมากเลย
เมื่อเขาไปแล้ว ผมก็รีบเข้าไปจ่ายเงินค่าอะไหล่
แต่ก่อนออกจากร้าน ก็ถามถึงช่างคนเมื่อตะกี๊นั้น
คนขายบอก ลูกค้าประจำ เป็นช่างอยู่ที่ศูนย์หนองแขม....

ผมรีบเอาอะไหล่ไปใส่ประกอบ แล้วขับไป ก็นึกไป
โอ้...สวรรค์ช่วยแท้ๆ……แถมยังมีเหลืออีกตั้ง 250 แน่ะ...ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์จริงๆ
ผมส่งมอบรถให้ลูกค้า อย่างราบรื่น มีเงินไปต่อสู้กับชีวิตอีกหน่อย

หลังจากวันนั้นอีกหลายเดือน ผมได้ฝากเงินไปคืนกับช่างคนนี้....ไม่กล้าไปเอง....อายเขา
แต่กำชับคนที่ฝากไปนักหนา ว่า.....ให้ถามก่อนนะว่า ในวัน เวลานั้น เขาทำเงินหาย หรือเปล่า.....
ถ้าเขาบอกว่าใช่ ค่อยเอาคืนเขาไป.....
ต่อมาถึงได้รู้ว่า เขาเป็นเจ้าของเงินนั้นจริงๆ และก็แปลกใจมากที่มีคนรู้ว่าเขาทำเงินหายไป 500 บาท

และก็น่าแปลกนะ......อีก 4 ปีต่อมา ผมก็มาเป็นผู้จัดการ ที่นิสสัน หนองแขม นี่แหละ......
ผมรักช่างคนนี้มากเลย.....นิสัยใจคอดีมาก ......ผมชอบไปคุยกับเขาเป็นประจำ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจว่า ทำไม.........
ช่างคนนี้ ชื่อ คุณสายัณห์ แย้มยี่สุ่น ปัจจุบันนี้ เป็นระดับหัวหน้าช่างไปแล้ว

ผมเชื่อในตอนนั้นแล้วว่า.....เรามีสิ่งศักดิ์สิทธิ์...จับตามองอยู่เสมอ
แต่....ก็ทำให้ผมเกิดความกลัวขึ้นมาเหมือนกัน ว่า....
เมื่อเราทำความดี.....ท่านคอยช่วย
ถ้าเราทำความชั่วล่ะ......

หลังจากเหตุการณ์นี้ ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะมาก....ก....ก.
แต่ชีวิตก็ไม่ได้ รุ่งโรจน์ กระฉูด ปรู๊ดปร๊าด ทันทีหรอกนะครับ
ยังลุ่มๆ ดอนๆ ผจญเรื่องราวอีกมากมาย....ทุกข์ทน แสนสาหัสเหมือนกัน
แต่ก็รอดมาได้.....อาจจะด้วยมั่นใจว่า มีพี่เลี้ยง เทรนเนอร์ คอยแนะนำ แก้ทางมวยอยู่ข้างๆ ตัว
รวมถึงช่วยชี้แนะช่องทางหาเงิน ให้สารพัด......อยากฟังมั๊ย
ถ้าอยากฟัง.......วันหลังจะเล่าให้ฟังนะครับ.

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam

เขียนเมื่อ : 6 ต.ค. 53 08:35:54




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:07:01 น.
Counter : 1831 Pageviews.  

กรรมทันตา เทวดาของผม ต่อ

เทวดาของผม ต่อ

เรื่องนี้ คิดอยู่นานว่าจะเล่าดีมั๊ย เพราะมัน....เหลือเชื่อ
มันเกิดขึ้นหลังจากวันที่ ผมจุดธูปอธิษฐาน เพียง 2-3 วัน
ต้องอ่าน อธิษฐานหนีกรรม ก่อนนะครับ....ถึงจะเข้าใจ

ค่ำวันหนึ่ง ประมาณ 2 ทุ่ม ผมกำลังจะกลับบ้านที่ปากเกร็ด
วันนั้นผมค่อนข้างเหนื่อยมาก ทั้งกายทั้งใจ
ยืนเรียกรถแท๊กซี่ใกล้ๆ เซ็นทรัลปิ่นเกล้า เพราะวันนั้นเพิ่งจะขายรถไป
จำได้แม่นว่าฝนตกด้วยแต่ไม่หนักมาก รอเรียกอยู่นานพอควรก็ได้คันหนึ่ง
คันนี้ขับแปลกๆ กระตุกๆ นิดหน่อย คิดว่าคงอาจเพราะฝนละมั๊ง
ผมขึ้นนั่งด้านหน้า ข้างคนขับ เมื่อแล่นมาได้ไม่ไกล คนขับคนนั้นก็ขออนุญาตแวะเข้าห้องน้ำ
เขาแวะจอดที่ปั๊ม ปตท.เล็กๆ เลยเซ็นทรัลมาหน่อย
รถแล่นไปจอดหน้าห้องน้ำ ซึ่งคนขับพยายามจอดให้ใกล้ที่สุด ทำให้รู้สึกผมผิดสังเกตุ จึงระวังตัวมากขึ้น
คนขับแท๊กซี่เปิดประตูลงไปจากรถอย่างทะลักทุเล แล้วกระโดดกระต่ายขาเดียวไปห้องน้ำ คงเคยเล่นกันนะครับ กระต่ายขาเดียวน่ะ
ผมก็ เอ๊ะ...ทำไมต้องทำอย่างนั้นล่ะ......ประหลาดดีว่ะ
ผมจับตาสังเกตุคอยดู ตอนเขาจะเดินกลับมา
ไฟหน้ารถส่องสว่างมาก ทำให้เห็นได้ชัดว่า คนขับแท๊กซี่คนนั้น....กระโดดกระต่ายขาเดียวกลับมาที่รถ อย่างช้าๆ เพราะพื้นค่อนข้างลื่น
ตอนขึ้นกลับเข้ามาในรถก็ทุลักทุเลพอสมควร.....
ผมก็ถามไปว่า ขาเจ็บเหรอ
เขาตอบอ้อมๆ แอ้มๆ ว่า เอ้อ....ครับ
ผมอดถามไม่ได้ว่า มันเป็นอะไรเหรอ
เขาก็อ้อมแอ้มตอบมาว่า ขาหักครับ
ผมนึกว่า หมายถึง เพิ่งจะหาย เลยถามว่า อ้าวเหรอ แล้วขับได้เหรอ
เขาว่า ได้ครับ....ได้ครับ.....ต้องขอโทษด้วยนะครับ
แล้วก็ค่อยๆ ถอยรถแล่นออกไป ด้วยคิดว่าคงจะ ขาหักมาแต่ถอดเฝือกแล้ว
หรือ อาจจะเคยหัก แล้วมันเกิดเจ็บขึ้นมาละมั๊ง......ไม่คิดมาก...อยากกลับบ้าน
เมื่อรถแล่นมาเรื่อยๆ ซึ่งไม่เร็วนัก เพราะฝนตกถนนลื่น
แต่เขาขับได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควร เวลาเบรคจะหัวทิ่ม หัวตำ
ซึ่งผมสังเกตุดู เป็นเพราะเขาเหยียบเบรคด้วยเท้าซ้าย.....ซึ่งมันผิดปรกติมากๆ
ปรกติเท้าซ้าย เราจะใช้เฉพาะเหยียบครัช อย่างเดียว
เราจะใช้เท้าขวา เยียบคันเร่ง และเบรค......แต่นี่เขาใช้ขาขวา วางไว้ที่คันเร่งอย่างเดียวเลย
ไอ้ผมก็อดถามไม่ได้ว่าทำไมต้องทำอย่างนั้น
ซึ่งคำตอบของเขาคือ ..... ขาหักครับ
ผมก็ถามว่ามันอักเสบเหรอ ที่คำตอบน่าตกใจมาก....ก.
.......ขาผม มันยังหักอยู่ครับ.....
ผมไม่เข้าใจคำตอบ เขาเลยค่อยๆ จอดรถเข้าข้างทาง
แล้วเอามือ ประคองขาขวาให้ดู…………
ขามันหักจริงๆ ขาขวาท่อนล่างมันหักเป็นสองท่อนเลย
คือกระดูกข้างในมันหัก แต่มันอยู่ได้ด้วย กล้ามเนื้อเท่านั้น
ขาขวาท่อนล่าง มันขยับได้ มันห้อยต่องแต่ง เพราะกระดูกมันหักจากกันอ่ะ....น่าสยองมาก....ไม่เคยพบ ไม่เคยเห็น
ผมอึ้งไปเลย...งง มาก แต่เขาก็ขับต่อไปหน้าตาเฉย
ผมสงสัยมากว่า ทำไมเป็นอย่างงี้ล่ะ เขาก็เลยเล่าให้ฟังว่า

เขามีอาชีพขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างอยู่แถวบ้าน แต่เกิดอุบัติเหตุรถล้ม
ทำให้กระดูกหน้าแข้ง ขาขวาหัก เพราะรถมันล้มทับ
ต้องใส่เฝือกประมาณ 4-5 เดือน แต่อยู่บ้านได้แค่ประมาณเดือนกว่าๆ เงินที่มีอยู่นิดหน่อย ก็หมด ซึ่งเขาเพิ่งจะมีลูกอ่อนอายุ 3 เดือนเอง
เมียเขาก็ไม่ได้ทำงานอะไร เพราะต้องเลี้ยงลูก
หยิบยืมเงินเพื่อนฝูงมาจนเพื่อนก็ไม่มีจะให้แล้ว เป็นหนี้ไปทั่ว อยู่ได้อีกแค่ 1 เดือน เลยตัดสินใจกลับมาขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่วินอีก...แต่ไม่มีใครกล้าขึ้นเพราะ แกเล่นมาทั้งเฝือก ใครจะกล้า.....
เขาคิดเองว่าขามันไม่เจ็บแล้ว ตั้ง 2 เดือนน่าจะหายแล้ว.....
เลยตัดสินใจผ่าเฝือกเองเลย แล้วก็มาขับมอเตอร์ไซค์ต่อ
เพื่อนๆ ที่วินฯ ก็สงสารช่วยกันประคับประคอง ไม่ให้ผู้โดยสารสงสัย

ขับได้ไม่กี่วัน เจ้ากรรมเอ้ย เก้ๆ กังๆ สุดท้ายรถล้มอีกจนได้........
กลับไปหาหมอ เอ็กซ์เรย์แล้ว คุณหมอบอกว่า เขาถอดเฝือกก่อนกำหนด กระดูกยังติดไม่สนิทดี
แล้วยังไปออกแรงอีก ทำให้มันติดแบบเยื้องกัน ต้องผ่าตัดกระดูกใหม่ แล้วดามเหล็กยึดด้วยหมุด
ที่สำคัญกว่านั้น คือ อีทีนี้ต้องนอนนิ่งๆ ห้ามใช้ขาอย่างน้อย 3 เดือน

แล้วหมอก็ใส่เฝือกมาให้ใหม่ก่อนชั่วคราว
เขากลับมานอนคิดที่บ้าน
....แล้วจะเอาเงินที่ไหน .... จะเอาอะไรกิน
….เขาน่ะอดทนหิวได้ แต่ลูกกับเมียล่ะ...ยังดีที่ลูกกินนมแม่
สุดท้ายไม่รู้จะทำยังไง คิดไปคิดมาปรึกษากับเพื่อนที่เช่าขับแท๊กซี่ขับ
เพื่อนก็สงสารจับใจ เลยช่วยด้วยการเช่าแท๊กซี่แบบขับตลอดวัน ที่เรียกว่า กะเดียว เพื่อนเขาจะขับตอนกลางวัน
แล้วแบ่งให้เขาขับตอนกลางคืน เพราะรถไม่ติด พยายามใช้ขาซ้ายให้มาก ขาขวาที่มีเฝือกเอาวางไว้ที่คันเร่งอย่างเดียว
แต่เมื่อเอาเข้าจริง ขาที่มีเฝือกมันเหยีบคันเร่งไม่ได้
เลยตัดสินใจ เพื่อลูก เพื่อเมีย ผ่าเฝือกเองอีกรอบ.

แรกๆ ก็ค่อยๆ ขับได้อยู่
บังเอิญวันหนึ่ง....รับผู้โดยสารแล้วขึ้นทางด่วน ระหว่างทางรถตัดหน้า
ต้องเบรคกระทันหัน....ลืมตัวใช้ขาขวากระทืบเบรคอย่างแรง
ขาที่กระดูกติดกันไม่ค่อยดี เลยหลุดออกมาเลย......เจ็บปวดแสนสาหัสจนต้องเปิดประตู ลงมานอนดิ้นที่พื้นถนนเลย.....ผู้โดยสารตกใจหนีไปเลย
ผมก็เลยถามว่า แล้วไม่ไปหาหมอเหรอ
เขาเล่าว่า กลับไปอีกครั้ง หมอด่าซะยกใหญ่ แล้วให้รีบมาผ่าตัดซะก่อนที่มันจะแย่ไปกว่านี้ ตอนนี้ทำได้แค่ใส่เฝือกอ่อนมาให้ก่อน

แต่สุดท้าย ทนเห็นลูกเมียลำบากไม่ไหว.....เขายอมทนทรมานเอง
แล้วก็ถอดเฝือกออกมาขับรถแท๊กซี่อีก พอได้เงินบ้าง จะได้มีกิน...ไม่ขอมาก...ขอแค่ให้ลูกกับเมียมีกิน...
ถ้าต้องถูกตัดขาก็ถือว่าเป็นกรรมเก่า

ผมเห็นสภาพแล้วเศร้าเลย...
อาจเป็นเพราะ ผมเองก็กำลังอยู่ในช่วงลำบากเหมือนกัน....
กำลังนึกเป็นห่วงลูกเมียเหมือนกัน....
ทุกวัน ก็ทำงานไปผ่อนหนี้หัวหมุนอยู่เหมือนกัน
แต่ก็นึก.....เรายังโชคดีกว่าเขาเยอะนะ.....ยังมีมือมีเท้าครบ
เรายังมีโอกาส....ถึงมีหนี้ เราก็ยังพอมีแรงหมุนได้อีกหน่อย
.......แต่เขาล่ะ เพื่อลูก เพื่อเมีย...เจ็บปวดทรมานแทบตายก็ยอมสู้
ถ้าเป็นคนอื่น คงนอนรอโชคชะตา หรือยอมแพ้แล้ว....
เขาบอก ทุกครั้งที่เหยีบคันเร่ง มันเจ็บถึงหัวใจเลย

คุยกันมาตลอดทาง ด้วยความรู้สึกสงสาร หดหู่ แต่ก็นับถือน้ำใจนะ
ตอนรถเลี้ยวเข้าหมู่บ้าน ผมก็ตัดสินใจ ถามว่าถ้ากลับไปผ่าตัด ต้องใช้เงินเยอะมั๊ย
เขาบอกค่าผ่าตัด ค่ารักษาน่ะฟรี คุณหมอจะทำโอนเป็นคนไข้อนาถาให้
แต่ค่าเหล็ก ค่าหมุด ค่าอุปกรณ์บางอย่าง ต้องจ่ายเอง ก็ไม่มากประมาณ 3,000
ที่สำคัญคือ หลังจากนั้นต้องนอนนิ่งๆ ไม่ใช้ขาเลยอีก 3-4 เดือน
แล้วตอนนั้น จะเอาอะไรให้ลูกเมียกิน อย่างน้อยวันละ 100 บาท
ผมคุยกันแล้วคำนวนว่า สรุปต้องใช้เงิน ประมาณ 15,000 – 20,000
แล้วตัดสินใจเด็ดเดี่ยวเลย บอกเขาว่า ผมจะให้เงินคุณ 20,000
แต่ไม่ใช่ตอนนี้ เพราะไม่มีติดตัว และให้กลับไปคุยกับหมอให้แน่นอนก่อน ว่าไม่มีปัญหาแน่นะ เพราะแอบถอดเฝือกมาหลายวันแล้ว...เอาให้แน่

เขาก็มองหน้าผม....ถามว่า พูดจริงอ่ะ
ผมก็ตอบเสียงดังเลย....จริงซิ...ผมถือว่าทำบุญ
เขาบอก....เขารู้สึกเหมือนถูกล๊อตเตอรี่เลย....เหมือนต่อขาให้เขาเลย....

เหตุการณ์ก็เงียบไปหลายวัน จนผมลืมไปแล้ว
ที่ลืมก็เพราะทุกวันที่ตื่นมา ก็ต้องแก้ปัญหาเรื่องเงินเฉพาะหน้าทุกวัน
แถมตอนนั้น สถานการณ์ของผม เข้าขั้นวิกฤตเลยเชียวแหละ

แล้วจู่ๆ ก็มีผู้หญิงสาวคนหนึ่งมาหาผมที่บ้าน ภรรยาโทรตามให้รีบกลับ
ปรากฏว่า เป็นเมียของคนขับแท๊กซี่ ที่ขาหัก
บอกว่า สามีให้มาหา มีคนจะให้เงินไปผ่าตัด....เรื่องจริงหรือเปล่า
ผมก็ถาม แล้วสามีทำไมไม่มา
เธอก็บอกว่า มาไม่ไหว ตั้งแต่วันที่คุยกับผมแล้ว กลับไปขาก็อักเสบมาก แต่ไม่กล้าไปหาหมอ กลัวถูกตัดขา
ตอนนั้นผมอึ้งไปเลย....
ที่อึ้งเพราะวันนั้น ผมไม่มีเงินเลย มัวแต่จ่ายหนี้ เข้าแบงค์ ซ่อมรถ ...ยุ่งไปหมด.....
แต่ก็นึกว่า ไม่เป็นไร เขาลำบากกว่าเราเยอะ.....อย่างดีเราก็เพิ่มหนี้อีกนิดหน่อย ค่อยๆ ผ่อนเอาก็ได้ แค่นี้คงไม่ตายหรอก
แต่เขา อาจแย่ถึงตัดขาก็ได้
ภรรยาผมก็นั่งฟังอยู่ด้วย เพราะผมเล่าให้ฟังตั้งแต่แรกแล้ว แต่ไม่ค่อยเชื่อ
ผมก็หันไปมองหน้าภรรยา บอกว่าอยากช่วย มีสตางค์มั๊ย
ภรรยาก็บอก ไม่มี แต่มีสร้อยทอง
แล้วก็ไปหยิบสร้อยทั้งของลูก ของภรรยาผม รวมทั้งเงินที่พอมีอยู่อีกเล็กน้อย
คิดเป็นเงินได้ประมาณ 20,000 แน่ๆ ใส่ถุงให้ไป
เมียของแท๊กซี่คนนั้น ก็ควักบัตรประชาชนของสามีมาให้ไว้ เป็นหลักฐาน
ผมว่า ไม่เอาหรอก ไม่อยากรู้ชื่อด้วยซ้ำ ให้แล้วให้เลย ไม่ต้องมาตอบแทน......ให้เปล่าๆ

คืนนั้น ผม กับภรรยาก็คุยกัน แล้วภรรยาผมก็บอกว่า เรื่องนี้คิดแล้วไม่น่าเชื่อ
เหตุผลคือ
......ในกทม. จะมีคนขาหักสักกี่คน
......คนที่ขายังหัก 2 ท่อนอยู่ แล้วมาขับแท๊กซี่ จะมีสักกี่คน
......โอกาสที่คนแบบนั้น จะขับมาเจอผม ในเวลานั้นพอดี จะมีสักแค่ไหน
ผมก็ถามว่า เราถูกหลอกเหรอ แต่ผมเห็นกับตานะ.....เห็นจริงๆ เห็นใกล้ๆ เลย แต่ไม่ได้จับดูเท่านั้น
ภรรยามองหน้า แล้วบอกว่า
.........ไม่ใช่ถูกหลอก......แต่ถูก เทวดาลองใจ ต่างหากล่ะ..........

ผ่านมา 15 ปีแล้ว ผมกับภรรยา ไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใคร ฟังเลย
กลัวคนฟังแล้วไม่เชื่อ.

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 5 ต.ค. 53 18:00:59




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:04:51 น.
Counter : 1104 Pageviews.  

กรรมทันตา เทวดาของผม

เทวดาของผม

ผมเป็นพวกออกแนวขวางโลก ไม่ได้เป็นนักการศาสนา ไม่มีความรู้ทางปริยัติฯ
ทางปฏิบัติฯ ก็แค่หางอึ่ง ครึ่งๆ กลางๆ
ขยันบ้าง ขี้เกียจบ้าง ไม่ควรเอาเป็นแบบอย่าง
ผมเป็นพวก พุทธทะเบียน แต่ศรัทธาใน พระพุทธองค์ อย่างยิ่ง เชื่อในแนวทางที่ท่านให้ไว้
ในแบบเหตุ และ ผล เชื่อกรรม ในแบบ
แอ๊คชั่น เท่ากับ รีแอ๊คชั่น
แรงสะท้อน เท่ากับ แรงกระทำ
ผลบุญ เท่ากับ บุญที่ทำ
ผลกรรม เท่ากับ กรรมที่ก่อ

การทำดี หรือทำบุญ ต้นทุนนั้น ไม่ได้นับจำนวนด้วยเงิน
แต่นับจาก ศรัทธา ประมาณว่าเป็นเปอร์เซนต์...
ไม่ใช่ทำบุญ 1 ล้าน หรือกี่ล้านบาท
แต่ทำบุญด้วยศรัทธา กี่หน่วย กี่เปอร์เซนต์
เช่นคนมีเงิน 10 ล้าน ทำบุญสร้างโบสถ์ 1 แสน
เท่ากับทำบุญด้วยศรัทธา 1 เปอร์เซนต์ หรือ 1 หน่วย
แต่อีกคน มีเงิน 10 บาท อยากทำบ้างทำไป 5 บาท
เท่ากับทำบุญด้วยศรัทธาตั้ง 50 เปอร์เซนต์ หรือ 50 หน่วย แน่ะ

มีตัวแปรการคำนวนผลบุญอีกตัว คือ จำนวนครั้ง
เช่น ใส่บาตร 1 ครั้ง
ให้ทานขอทาน 1 ครั้ง
ถวายพระประทาน 1 ครั้ง
กวาดวัด 1 ครั้ง
อ่านกระทู้ธรรมมะ 1 ครั้ง
นี่เป็นตัวอย่างนะครับ อย่าซีเรียส......

นอกจากนั้น ผมคิดว่า การทำบุญให้ได้ผล น่าจะทำแบบ MLM.ได้ด้วยนะ
คือ เราเล่านิทานชาดกให้ คนอื่นฟัง
คนนั้นเอาไปเล่าต่อ ให้เพื่อนฟัง
เล่าให้ลูกฟัง
ลูกไปเล่าให้หลานฟัง ต่อๆ กัน
ผมว่า.....วิธีนี้ได้หลายเด้งนะครับ

หรือทำมันครั้งเดียว แต่ออกผลเรื่อยๆ
เช่น ปลูกศาลาพักร้อนไว้.....ทุกครั้งที่คนมาหลบร้อน เราก็ได้บุญทุกครั้ง เหมือนพระอินทร์ไง.....

ทำบุญกุศล ไม่ต้องใช้สตางค์ก็ได้ ใช้แรงยิ่งศรัทธาเยอะ
อย่างใส่บาตรนี่ ภรรยาผมเชื่อมั่นว่า ถ้าลงมือทำเอง จะได้บุญมากกว่าซื้อเป็น 10 เท่า
ว่างๆ ไม่มีอะไรทำ.......กวาดวัด ก็เข้าท่า

มีผู้ใหญ่ที่ผมเคารพสอนไว้ว่า
เทวดา ก็คือผู้ที่ได้กระทำความดีมากพอ จนได้เกิดในภพภูมิที่สูงกว่ามนุษย์
แต่เทวดา ก็มีข้อจำกัดบางอย่าง ที่ไม่สามารถสร้างบุญกุศลได้ด้วยตัวเอง
แต่จะได้จากมนุษย์ผู้ประเสริฐ อุทิศให้
เพราะฉะนั้น เทวดา ก็จะต้องคอยมองหา กลุ่มเป้าหมาย
คือพวกที่ชอบทำความดี แล้วคอยติดตาม คอยช่วยเหลือ ซัพพอร์ต แบ็คอัพอยู่เงียบๆ
คนที่ชอบทำความดี มีน้อย แต่เทวดามีมากกว่า
เพราะฉะนั้น คนดีหนึ่งคน ก็อาจจะมีเทวดา ซัพพอร์ตหลายท่านเป็นธรรมดา
คนที่ทำความดี ก็เหมือนกับการทำเกษตรเหมือนกัน
เปรียบเหมือน คนทุกคน มีที่ดินเท่ากันหมด คือ 24 ชั่วโมง
ทุกคนก็ยืนอยู่ปลายนา ปลายสวน
แล้วก็เริ่มต้นลงมือปลูกกันใหญ่ บางคนขยันมาก ก็หว่านเมล็ดกันใหญ่เลย
หรือบ้างก็ทำสวน ลงมือปลูกต้นอ่อน ลงต้นกล้า ไม่ได้หยุด
คนที่ขี้เกียจหน่อย ก็ทำน้อยหน่อย แต่ก็ยังทำ
คนที่ฉลาดก็มีวิธีปลูกที่ซับซ้อน ให้เหนื่อยน้อย แต่ได้ผลมาก
คนที่ไม่ค่อยฉลาด ก็ปลูกแบบที่เขาทำๆ กันมา
เทวดา ก็มาช่วยคนพวกนี้ทำ เพื่อช่วยให้ได้ดอกผลด้วยกัน
พยายามหาวิธีให้ได้มาก แต่เหนื่อยน้อย
คอยมองหาโอกาส หาช่องทางให้อยู่ตลอด
อันไหนที่ดูท่าไม่ดี ไม่ได้ผล มีอันตราย
เทวดาก็จะช่วยปัดเป่า หรือบอกใบ้ให้ตลอดเวลา
ถ้าท่านไม่เชื่อ ก็ไปอ่าน เรื่อง อธิษฐานหนีกรรม
หรือ แรงฤทธิ์อธิษฐาน ดูสิครับ.......ผมเจอมากับตัวเอง.

ที่สำคัญ....เราต้องหมั่น ทำเหตุ....ไม่ต้องสนใจผล....ถึงเวลา...มันมาเอง

ถ้าท่านอยากจะเช็คดูว่า มีเทวดาช่วยเหลือมั๊ย
ลองสังเกตุง่ายๆ เช่น
ถ้าพักนี้ อาหาร การกิน ไม่ค่อยถูกใจ......แสดงว่าไม่ค่อยได้ใส่บาตร
ถ้าไปทำธุระที่ดีๆ นะครับ แล้วหาที่จอดรถไม่ได้.....แสดงว่าไม่ค่อยได้ทำบุญ
ถ้าทำมาหากินติดขัด.....แสดงว่า ปฏิบัติฯ น้อยไปหน่อย.

ทั้งหมดนี้ เป็น ความเห็น และความเชื่อของผมคนเดียวนะครับ
หรือท่านว่าไง........

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 4 ต.ค. 53 23:31:17




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 21:59:34 น.
Counter : 1225 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.