กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 
กรรมทันตา เครียดเพราะหนี้

เครียดเพราะหนี้

คำเตือน...
ท่านที่อ่าน ท่านที่รับฟังเรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้
ต้อง...ต้อง...อ่าน จน จบ
มิฉะนั้น.......ห้าม อ่าน โดยเด็ดขาด

วันก่อนนี้...17 สิงหาคม 54
คุณบัณฑิต ปิ่นมงคลกุล...ผู้ดำเนินรายการ ธรรมะ บันดาลใจ
ชวนผมไปบันทึกเทปรายการ เป็นตอนที่ 6
เรื่องที่คุยกันในรายการ ก็เน้นไปเกี่ยวกับ...หนี้
ต้นเหตุของหนี้ ความทุกข์ระทม ความเครียด ไปจนถึงจุดที่ผมรับไม่ไหว
ตัดสินใจ...ผูกคอตาย

ทำให้ผมมานึกได้ว่า ที่เคยเล่าไปในตอน...กรรมทันตา ผูกคอตาย
ยังมีบางอย่างที่คนฟัง คนอ่านอาจเข้าใจในสิ่งที่ผมจะสื่อผิดไปบ้าง
เลยอยากเล่าขยายเพิ่มซะหน่อย ครับ
ในตอนนั้น ผมค้าขายรถยนต์มือสอง
ธุรกิจนี้น่ะมันไม่ผิดหรอก แต่ผมเองที่ทำตัวชั่วเลว ผิดศีลธรรม
ย้อมแมว โกหกหลอกลวง ทำธุรกิจแบบกะล่อนปลิ้นปล้อนสารพัด
บาปกรรม ก็เลยตามสนองผมอย่างเต็มที่
เงินทองที่ได้มา...เป็นเงินร้อน
หาได้มากเท่าไหร่ก็หมดไปอย่างไม่เข้าเรื่อง ฟุ้งเฟ้อใช้ชีวิตอย่างประมาท
ทำตัวเป็นเสี่ยหนุ่ม เสื้อผ้าเบรนเนม นาฬิกาต้องโรเล็กซ์ ปากกาดูป๊องค์
กินอยู่อย่างลืมตัว
บวกกับเงินลงทุนที่มีมาน้อย แต่ตะบันกู้...เยอะ
ทั้งๆ ที่เรียนด้านบริหารธุรกิจโดยตรง แต่ค้าขายไม่เป็น
ไม่สามารถเอาความรู้ที่เล่าเรียนมาอย่างดี ปรับใช้ในโลกแห่งความเป็นจริงได้
ผิดพลาดไปหมดทุกเรื่อง
เริ่มตั้งแต่ค่าเช่าสถานที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโฆษณา เงินเดือนพนักงานลูกน้อง
หนักที่สุดก็...ดอกเบี้ยเงินกู้...สมัยนั้นแค่ร้อยละ 2 บาท 3 บาท ต่อเดือนยังแย่
พอเงินไม่พอก็ไปแลกเช็คกู้มาเพิ่มอีก เอาหนี้ใหม่ที่ใหญ่กว่าไปโปะหนี้เก่า
พอถึงเวลาจ่ายหาไม่ทัน ก็ไปกู้มากขึ้นไปอีก
แล้วก็กู้มากขึ้น...มากขึ้น...อีก กู้อันนี้โปะอันโน้น หมุนอุตลุตจนมึนตึ๊บ.บ..
ขนาดต้องขายบ้านที่พ่อแม่ของผมให้มาไปหลังหนึ่งแล้ว ก็ยังไม่พอ
ต่อมาก็ต้องขายที่ดินแปลงสวยๆ ที่พ่อตา แม่ยายให้ภรรยาผมไปอีก
ขายแต่ละครั้งก็ไม่ได้ราคา เพราะรีบร้อนขาย...มันจวนตัว
ขนาดว่าไม่สูบบุหรี่ ไม่กินเหล้า ไม่เล่นการพนัน ไม่เที่ยวกลางคืน
อย่างที่บอก บาปกรรมทำไว้เยอะมาก
ต้องไปนอนในตะราง ที่โรงพัก และคุกคลองเปรม มาแล้ว

คนที่น่าสงสาร ต้องมาทุกข์แสนสาหัสกับผมด้วยก็คือ...คุณหม่อง ภรรยาของผม
ในตอนที่เริ่มธุรกิจ ผมคิดเอง ลุยเองไม่ฟังเสียงใคร
ภรรยาก็คอยทักท้วง คอยเบรก แต่ผมมันดื้อถือดีไม่ยอมฟัง
จนเค้าระอาไม่อยากยุ่ง
แต่พอปัญหามันสะสมมากขึ้น...มากขึ้น ความเครียดก็มากตามไปด้วย
เริ่มนอนไม่หลับ กินไม่ได้ หงุดหงิดพาลหาเรื่อง
เริ่มมีปากเสียงกันบ้าง จนหนักๆ ขึ้นก็ทะเลาะกัน...ผมนี่แหละหาเรื่องเค้าก่อนทุกที
ที่แย่ที่สุดคือ...ความละอาย
อายลูก อายเมีย เรานี่มันตัวล้างผลาญ เรามันห่วย มันแย่
ละอายที่ทำตัวเป็นพวกต้มตุ๋น หมดความภูมิใจในตัวเอง
ละอายที่ทำให้ครอบครัวลำบาก

พอเริ่มผิดนัดชำระ เจ้าหนี้ก็ตามทวงสารพัด
โทร.จิก โทร.ด่า มาตามทวงที่ออฟฟิซ ทวงที่บ้าน
ภรรยาก็หน้าเสีย หน้าดำทุกวัน
พอหมุนเงินไม่ทันจริงๆ ผมถูกจับคดีเช็คเด้ง คุณหม่อง ก็ต้องวิ่งเต้นประกันตัวออกมา...อย่างยากเย็น และเหนื่อยใจ
ไม่ใช่ครั้งเดียวนะครับ ถูกจับขณะที่ยังอุ้มลูกก็เคยมาแล้ว
ละอายมากๆ เข้าก็ไม่อยากอยู่ให้ครอบครัวต้องมาทนลำบากเพราะเราอีกแล้ว
ความเครียดมันรุมเร้า สุขภาพก็เริ่มแย่ ปวดตามข้อ ปวดตามกระดูก
ร่างกายมันหลั่งกรดยูลิคออกมาจนกลายเป็นโรคเก๊าท์
เจ็บปวดทรมานทุกครั้งที่ขยับตัว
ความทุกข์ทรมานที่มากจนอธิบายยังไงก็คงไม่เข้าใจ
ทุกข์กายน่ะพอรับสภาพได้ แต่ทุกข์ใจนี่สิ...สุดแสน
มันเหมือนน้ำที่ถูกตั้งไฟ...ค่อยๆ ร้อนขึ้น ร้อนขึ้น ร้อนขึ้นทีละนิด
ร้อนรนเพิ่มขึ้นตลอดเวลา

จนกระทั่งวันหนึ่ง...ตื่นเช้ามาก็เหมือนเดิม
โทรศัพท์ดังขึ้นผมก็หน้าเสีย พอรับสายเสียงเจ้าหนี้ด่ามาอุตลุด
ภรรยาก็เดาได้ว่าอะไรเกิดขึ้น...ผมฟิวส์ขาด
สติอารมณ์มันพังทลาย หันไปทะเลาะกับคุณหม่อง ทันที
เธอก็คงจะสุดแสนจะทุกข์เหมือนกัน น้ำตาร่วงเป็นสาย...เดินหนีไป
เท่านั้นแหละ ละอายใจอย่างที่สุด อารมณ์ของผมก็ถึงจุดระเบิด
ตะโกนไล่หลังภรรยาไปว่า... ถ้าไม่มีฉันซะคนคงจะดีกว่านี้...
แล้วก็คว้าเชือกไนล่อนเส้นขนาดนิ้วก้อย วิ่งไปที่ดาดฟ้า
...ผูกคอตาย...
แปลกนะ มันไม่เจ็บ ไม่ปวดซักนิด...มันวูบ.บ..บ....ไปเลย

โชคยังดีอย่างมหาศาล วันนั้นพี่สาวกับพี่เขยของคุณหม่อง มาค้างที่บ้านด้วย
พี่เขยวิ่งขึ้นไปช่วยได้ทันอย่างหวุดหวิด เขาบอกว่า...
ได้ยินเสียงทะเลาะกันก็เอะใจ วิ่งขึ้นไปก็เห็น...ห้อยต่องแต่งอยู่แล้ว
พอฟื้นขึ้นมา เห็นภรรยานั่งร้องให้ไม่พูดไม่จา...มีแต่แววตาเท่านั้น ที่บอกทุกอย่าง
ทั้งตกใจ หวาดหวั่น...ทั้งเสียใจที่ผมคิดโง่ ๆ คิดสั้น ๆ
และทั้งดีใจอย่างที่สุด...ที่ผมยังไม่ตาย

หลังจากนอนไม่พูดไม่จาอยู่ครึ่งวัน ภรรยาก็เข้ามาคุยด้วย
มาปลอบใจ...มาบอกให้สู้
บอกให้ค่อยๆ คิดกันนะ เราสองคนต้องช่วยกันนะ
ส่วนผมน่ะ...พอเฉียดผ่านเส้นยาแดงของความตายมาได้
สภาพจิตใจก็เปลี่ยนไป
จากที่ท้อแท้ หมดแรงหมดอาลัยตายอยาก กลายเป็นเหี้ยมเกรียมขึ้น
ไม่ได้นึกเกรงกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ หรือวันต่อๆ ไปอีกแล้ว
ความตายมันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เคยนึกไว้
มันแค่นิ๊ด.ด..เดียวเอง ระหว่างความเป็นกับความตาย
แค่นี้เอง จริง จริง...
แล้วถ้าอย่างนั้นจะกลัวอะไรอีกล่ะ ที่ผ่านมามัวแต่กลัว มันแต่เครียด
ต่อไปนี้ จะต่อสู้กับชีวิตให้ถึงที่สุด...ของที่สุด
รุ่งขึ้นอีกวัน ผมไปหาเจ้าหนี้ทุกราย
ไปเล่าให้ฟังว่า...เมื่อวานนี้ผมผูกคอตายแล้ว แต่ดันมีคนมาช่วยไว้
แล้วก็เปิดให้ดูรอยเชือกที่รอบคอ ซึ่งรอยเชือกนี้อยู่ไปเกือบ 10 วันแน่ะ
เจ้าหนี้ตกใจทุกคน กลัวผมตาย กลัวหนี้สูญ
บอกให้ผมใจเย็นๆ ยอมผ่อนผันยืดระยะเวลาให้

หลังจากนั้นผมกับภรรยา ก็หันมาคุยกันทุกเรื่อง ทุกความผิดพลาด
หาวิธีใช้หนี้ด้วยทั้งแบบที่เป็น วิทยาศาสตร์ และไม่ใช่วิทยาศาสตร์
ไอ้ที่ว่าเป็นวิทยาศาสตร์ เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง
แต่ที่ไม่ใช่น่ะ ขอให้ท่านที่เป็นแฟนใหม่ไปหาอ่านจากเรื่อง
...กรรมทันตา แรงฤทธิ์อธิษฐาน...ซึ่งเกิดขึ้นหลังจากผ่านไปไม่นาน
และเรื่อง...กรรมทันตา อธิษฐานหนีกรรม...ซึ่งเกิดขึ้นต่อมา

วิธีการเอาชนะหนี้ของผมแบบที่เป็น วิทยาศาสตร์ คือ
หลังจากคุยปรึกษากันอย่างเข้าอกเข้าใจดีแล้ว ได้หนังสือของ อ.สุวรรณ วลัยเสถียร
ท่านบอก ต้องเอาทุกอย่างลงกระดาษ...เขียนออกมาให้เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรม
ฝั่งซ้าย เป็นทรัพย์สินที่มี บ้าน รถ ถ้าขายตอนนี้จะได้ราคาเท่าไหร่เอาให้แน่
รายได้ที่มีอยู่ วันละเท่าไหร่ เดือนละเท่าไหร่ เอาให้ชัด
ฝั่งขวา เป็นรายจ่ายที่มีทุกอย่าง น้ำ ไฟ โทรศัพท์ ค่าผ่อนค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถ
ค่าเสื้อผ้า อาหารแต่ละวัน แต่ละเดือน เอาให้ละเอียดยิบ
ที่สำคัญ...หนี้สินที่มีทั้งหมด ขอย้ำทั้งหมด
มีเท่าไหร่อะไรบ้าง ทั้งเงินกู้ ทั้งบัตรเครดิต มีกี่เจ้า กี่ใบ จดให้ละเอียด
ลงลึกถึงช่วงเวลาที่ต้องจ่าย เจ้าไหนต้องจ่ายวันไหน จ่ายครั้งละเท่าไหร่
เรียงวัน มาให้เห็นเด่นชัด...ห้ามหมกเม็ดโดยเด็ดขาด
ขอบอกว่า ถ้าอยากหมดหนี้ก็ต้องทำนะครับ
ตอนที่เขียนออกมาน่ะ...มันเจ็บปวดดีพึลึก เขียนไปเจ็บไป
โปรดฟังอีกครั้ง...ถ้าอยากหมดหนี้ ก็ต้องเขียนออกมาให้หมด

ถ้าคุณยอมเขียนทุกอย่างออกมา อีทีนี้ก็จะมองเห็นแล้วว่าจะเอายังไงต่อกันดี
คุณจะยอมมั้ย ถ้าหมดหนี้หมดสิน แต่...ไม่เหลืออะไรเลย
แล้วมาเริ่มต้นชีวิตใหม่...เอามั๊ย
อ.สุวรรณ ท่านบอกให้หาเงินก้อนไปตัดหนี้ที่ร้ายแรงที่สุดก่อน
หนี้ที่ดอกแพง ดอกโหดที่สุดก่อน
ห้ามไปกู้นอกระบบมาอีกโดยเด็ดขาด ให้หันไปกู้จากธนาคารแล้วผ่อนอย่างเป็นระบบ
ยืดเวลาการผ่อนให้ได้ยาวที่สุด เพื่อให้จำนวนเงินค่างวดมันไม่มากเกินไป ไม่เกินจะรับไหว
แต่ถ้าหากู้ธนาคารไม่ได้ ก็ไม่ต้องกู้...ขายทรัพย์สินที่มีอยู่ทิ้งซะให้หมด
บ้านที่ผ่อนอยู่ ก็ขายแล้วไปหาเช่าซะก็ได้
รถที่ผ่อนจนหูตูบก็ขาย แล้วนั่งแท๊กซี่ หรือซื้อมอเตอร์ไซค์มือสองมาแทน
ไม่ต้องสนใจใครหน้าไหนจะมอง จะนินทาเรายังไง
เพราะทุกวันนี้โดนทวงหนี้จนชาวบ้านเขาก็รู้กันหมดแล้ว ไม่มีอะไรต้องอายแล้ว
ถ้ายังทนทู่ซี้ต่อไป ก็ไม่วายต้องถูกฟ้องยึดบ้าน ยึดรถอยู่ดีแหละ
ถึงตอนนั้นก็สายไปแล้ว...รีบขายทิ้งซะก่อนดีกว่า
คุยปรึกษา เล่าทุกอย่างให้ลูก ให้เมียเข้าใจและรับสภาพให้ได้
คนเราเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน...วันนี้หมด พรุ่งนี้ก็หาใหม่ได้
ถ้าคุณทำอย่างที่ผมบอก ทุกอย่างก็จะเบาขึ้น

อ้อ...สำหรับคนที่เขียนออกมาแล้ว ไปไม่รอด
ไม่มีทรัพย์สินอะไรจะขายแล้ว แถมเจ้าหนี้ก็เร่งเร้าอย่างทารุณ
คำแนะนำสำหรับผม คือ...หยุดจ่าย บอกให้ท่านเจ้าหนี้ไปฟ้องเอา
ประนอมหนี้ที่ศาล...ดอกเบี้ยถูกกว่ามากมายก่ายกอง
คนที่เป็นข้าราชการ เจ้าหนี้ไม่สามารถบังคับยึดเงินเดือนเราได้แม้แต่บาทเดียว
แต่ที่ไม่ใช่ข้าราชการ ถึงที่สุดแล้วศาลท่านจะให้หักเงินเดือนไม่เกิน 30 เปอร์เชนต์...แค่นั้น
ส่วนท่านที่เป็นนักธุรกิจ ถึงแม้จะถูกฟ้องล้มละลายก็ช่างมันเหอะ
มีเศรษฐีพันล้านถูกล้มละลายเยอะแยะไป ไม่ต้องอายใคร
ทุกวันนี้มองไปรอบ ๆ ขอถามหน่อยเหอะ...คนที่ไม่เป็นหนี้ มีสักกี่คน

หรือคนที่ไม่ไหวแล้ว ไม่รอดแล้ว เจ้าหนี้โหดร้ายมาก
แนะนำให้...หนี...หนีไปไกลๆ หนีไปตั้งหลัก
ไม่ได้ให้โกงเค้านะครับ ไปตั้งหลักหาเงินได้แล้วค่อยเอามาใช้

เขียนมายาวเกินไปแล้ว ขอต่อตอนหน้านะครับ
ต้องตามมาอ่านให้ครบ ห้ามพลาดเด็ดขาด


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com


Create Date : 19 สิงหาคม 2554
Last Update : 19 สิงหาคม 2554 1:04:07 น. 8 comments
Counter : 6248 Pageviews.

 
ขอบคุณครับสำหรับบทความนี้ พอดีผมชีวิตคล้ายๆแบบนี้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ไม่มีบ้านจะอยู่มารับจ้างหวังจะทำงานปลดหนี้แต่ก็ไม่ใด้พอให้จ่าย ตอนนี้หยุดส่งทุกที่มาน่าจะครบปีแล้ว จากรวมทุกบัตรสองแสนกว่า แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าเท่าไหร่ แต่ก้พยายามดิ้นรนอยากใช้หนี้เขาให้จบในชาตินี้ เพราะไม่อยากให้เกิดมาแล้วโดนกรรมมาทวงหนี้แทน
ขอบคุณครับ มีโอกาสจะเข้ามาอ่านใหม่ เพราะผมแวะมาใช้เน็ตตามร้านครับ


โดย: ทรงธรรม IP: 180.183.5.15 วันที่: 20 พฤศจิกายน 2554 เวลา:18:31:54 น.  

 
นั่งอ่านมาตั้งแต่3ทุ่มกว่า

อ่านไป น้ำตาไหลไป
ขอบคุณมากค่ะ ที่ทำให้ได้สติในหลายอย่าง

จะตั้งสติให้ได้อย่างที่คุณทำค่ะ


บุญรักษานะคะ



โดย: วฬายุ IP: 172.10.24.65, 115.87.89.233 วันที่: 18 ธันวาคม 2554 เวลา:23:26:04 น.  

 
ขอบคุณคะ สำหรับข้อความดีดี มีสาระมากมาย เป็นช่องทางการเดินชีวิตที่ถูกต้องคะ

เคยผ่านมาแล้ว แต่ไม่ได้รุนแรงมากมาย เป็นหนี้ไม่กี่แสน (หนี้ในระบบธนาคาร) ยอมหยุดส่ง ขอบอกคะ ช่วง 6 เดือนแรก โดนทั้งด่า ตำหนิ สารพัด อย่างหยาบๆเลยคะ ต้องทนคะ ตื้นเต้นทุกครั้งที่มีเสียงโทรศัพท์ดัง เหมือนคนเป็นโรคจิต แต่พอตั้งสติ แรกๆยอมจ่ายแต่ดอกเบี้ยมันมากกว่าต้น เช่น เราจ่าย 5,000 ต้นลดไปแค่ 1,000 นอกนั้นเป็นยอดดอกเบี้ย ถ้าเป็นยังงี้เมื่อไหร่จะหมดหนี้ หาเงินมา ไม่พอกินเพราะต้องจ่ายหนี้(เราก่อเองแหละ) ก็เลยหยุดส่งทั้งหมดทุกใบ ก็ประมาณ 5 ใบคะ

เราหนีการตามล่าของธนาคารไม่ได้หรอกคะ หากยังทำงานประจำเค้าจะตามเราเจอไม่ว่าจะทางใดทางหนึ่ง รับโทรศัพท์ไปเลยคะ แล้วก็ไม่ต้องสนใจคำพูดอะไร แค่รับแล้วบอกเค้าว่าไม่พร้อมแล้วอย่าลืมขอบคุณพวกเค้านะคะ เค้าทำตามหน้าที่ ช่วงที่เราไม่ใช้หนี้ก็พยายามไม่สร้างหนี้เพิ่มแล้วก็ทะยอยเก็บเงินไว้ใช้หนี้เมื่อจังหวะมาถึง(ห้ามหนีหนี้นะคะ เป็นมรดกตกทอดคะ)

รอเวลาคะประมาณ 1-2 ปี จะมีเจ้าหน้าที่โทรมาประนีประนอมกับเราคะ สำคัญคือคุณต้องจำยอดให้ได้ คุณเอาของเค้ามาเท่าไหร่ตอนแรก ไม่รวมดอกที่ออกมาเรื่อยๆนะคะ

ต่อรองได้เลยคะ จะได้ลดกว่า 60% อย่างหนี้ 50,000 บอกไปเลย 20,000 มีแค่นี้แล้วปิดหนี้ (ยอดต้องไม่น้อยกว่าที่เราเอาของเค้ามาแล้วให้ดอกอีกนิดหนึ่ง) เจ้าหน้าที่เค้าก็เล่นตัวนิดหน่อย ต้องพูดให้น่าสงสารนะ อันนี้ทำมาแล้วปลดหนี้หมดแล้วคะ

สู้ๆนะคะเป็นกำลังใจให้กับทุกคน สติคะสำคัญ ไม่มีก็ใช้เท่าที่มี พอเพียงคะ ไม่สร้างหนี้เพิ่ม จำไว้

อย่าหลงไปกับเกมชีวิต

นกคะ gonkanok@gmail.com


โดย: กรกนก IP: 115.87.212.251 วันที่: 29 เมษายน 2555 เวลา:10:20:19 น.  

 
สู้ๆครับ คนสู้ชีวิต


โดย: teerawut IP: 27.55.154.53 วันที่: 11 มิถุนายน 2556 เวลา:18:58:51 น.  

 
ตัวเราก็เจอปัญหาหาหนี้สินพันตัว ก่อนหน้าหนี้เราฟุ้งเฟ่อมาก ปล่อยเงินกู้ จดหวยส่ง รายได้เป็นกอบเป็นกำ จากไม่มีอะไร จนมามีบ้านมีรถเก๋งสองคัน ที่บ้านจัดเต็มทุกมุน กินอยู่แบบไฮโซ เหมือนเวรกรรม เงินบาป ปัจจุบัน ลูกหนี้เงินกู้หนีสี่แสน ส่งหวยพลาดสองแสน แฟนติดแบล๊คลิต สามแสน ไหนจะค่าแชร์ ส่วนเงินกู้เดิมทีเรามีมาแต่ตัวอาศัยจมูกคนอื่นหายใจ ไปกู้ร้อยละ10 มาปล่อยร้อยละ15 แล้วลูกหนี้เราหนี งานงอก รถ บ้าน ค่าแชร์ โดนไล่ออกจากงาน เครียดแทบบ้า นอนร้องไห้ทุกคืน ตัดสินใจหนีหนี้ไปตั้งหลักที่กทม เพื่อมีวาสนากลับมาเครียได้ ตอนแรกอยากตายหนีปัญหามาก มาฟังเรื่องคนรอบข้างหนักกว่าเราทั้งนั้น เลยปลงๆอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ไม่ได้แย่คนเดียวโว้ยมีเพื่อนแย่ตั้งหลายคน มันคือกรรมทันตาจิงๆ


โดย: สุดตรีน IP: 171.5.187.134 วันที่: 1 ธันวาคม 2556 เวลา:20:44:01 น.  

 
เรียนท่านที่พอปรึกษาหรือขอคำแนะนำ
เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อเดือนพฤษาคม ปี 2556 ได้รู้จักกับเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งหนึ่่งโดยการแนะนำจากร้านค้า
ด้วยกันซึ่งตอนนั้นตัวของข้าพเจ้าเองยังคงทำธุรกรรมกับธนาคารยังไม่ได้จะด้วยข้อมูลเครดิตซึ่งตาม
กฏหมายสากลกำหนดว่าหากเป็นตัวบุคคลจะมีประวัติ3ปี หากใรรูปบริษัทประมาณ 5ปี (ซึ่งข้อจำกัดนั้น
นำมาซึ่งคนทั้งหลายจำใจไปใช้บริการกู้หนี้นอกระบบซึ่งก็ทำให้พวกปล่อยกู้อยู่ได้แต่ผู้กู้ตายสถานะเดียว
ซึ่งหากปัญหาไม่เกิดกับบุคคลใดก็จะไม่มีใครทราบเพราะธนาคารเองก็เป็นแรงผลัดดั้งให้เกิด) เจ้าหน้าที่
ธนาคารคนนั้นก็มาบอกว่าเขาสามารถทำกู้ให้ได้และยังสามารถทำกู้ให้โรงงานนั้นโรงงานนี้ได้ในวงเงินที่
สูง( เพราะเขามีผู้ใหญ่ที่สามารถเซ็นอนุมัติได้โดยที่มีเงื่อนไขบางประการ) ซึ่งในตอนนั้นตัวข้าพเจ้าเอง
ก็ไม่ค่อยเชื่อแต่เขาก็บอกให้ข้าพเจ้าไปตรวจข้อมูลเครคิดว่าเป็นอย่างไร ซึ่งเมื่อข้าพเจ้าตรวจสอบมาและ
เอาข้อมูลเครดิตให้เขาดู เขาก็บอกข้าพเจ้าว่าต้องเดินกระแสรายวันให้มากและอาจจะต้องลดหนี้บางอย่าง
ของข้อมูลประวัติ ของข้าพเจ้าเช่ฯในข้อมูลประวัตินั้นมีผ่อนบ้าอยู่เขาก็แนะนำให้ข้าพเจ้าเอาออกซึ่งข้าพเจ้า
ก็สอบถามว่าเอาออกอย่างไร เขาก็บอกกับข้าพเจ้าว่าเขา มีนายทุนประเภทรับจำนองบ้านหรือขายฝาก
ข้าพเจ้าก็สอบถามว่าแล้วหากทำแบบนั้นแล้ว หากต้องโอนชื่อไปเป็นของคนอื่นแล้วเราจำนำมากู้ธนาคาร
ได้หรือเขาบอกว่า ไม่ใช่ก็จะใส่เป็นชื่อของข้าพเจ้าโดยการกู้นี้ดอกเบี้ยร้อยลt 5% ต่อเดือน ซึ่งก็มีทั้ง
ค่านายหน้าการทำอีก 5% และค่าแนะนำโดยเจ้าหน้าที่ธนาคารคนนี้ซึ่งตอนหลังมารู้อีกว่าคนนี้รับไปมากกว่า
แสน และเมื่อพอทำเรื่องเอาบ้านออกจากธนาคารแล้วถึงเวลาโอน ข้าพเจ้าต้องงงเพราะเขาโอนเป็นชื่อของเจ้า
ของเงินคนนั้นเลยแล้วเจ้าหน้าธนาคารคนนั้นเขาก็บอกข้าพเจ้าว่าไม่ต้องห่วง เดียวจะทำเรื่องให้ไม่เกิน 3เดือน
ซึ่งตอนนั้นข้าพเจ้าไม่รู้ระบบธนาคารเท่าไรเพราะหลังจากคิดว่าตัวเองไม่มีคุณสมบัติตามที่ธนาคารต้องการ
ก็เลยไม่ได้กู้หรือยุ่งกับธนาคารมากนานมาก ซึ่งพอเสร็จจากวันที่โอนและเจ้าหน้าที่ธนาคารนั้นของเอกสารจาก
ข้าพเจ้าไปเพื่อที่เขาบอกว่าจะไปทำเรื่องกู้และจะทำการรีไฟแนนบ้านอีกหลังหนึ่งให้ข้าพเจ้า ซึ่งข้าพเจ้าก็ต้องรอ
แต่ก็งงกับตัวเองมากเพราะบ้านอยู่ธนาคารดีๆก็เอาออกมาเพื่อมาจำนองพร่้อมเสียค่านายหน้าบวกกับดอกเบี้ย
ระหว่างรอเจ้าหน้าที่ธนาคารคนนี้ทำเรื่องกู้่หรือรีไฟแนน ซึ่งเขาก็ยืนยันว่ามีผู้ใหญ่สามารถเซ็นให้ได้ในวงเงินกู้ไม่เกิน
20 ล้าน ซึ่งข้าพเจ้าก็รอๆไปรอมาก็ไม่มีวี่แวงว่าจะม่เจ้าหน้าที่ธนาคารนั้นหรือคนที่เขาอ้างว่าจะโทรมาหาเพื่อสอบถามข้อมมูล
ซึ่งในระหว่างนั้นข้าพเจ้าทำการค้าอยู่ในบางครั้งก็ต้องการเงินลงทุน ก็ได้ปรึกษาเจ้าหน้าที่ธนาคารคนนนั้น
หลังจากจำนองบ้านไปแล้วประมาณเดือนกว่าเกือบสองเดือนข้าพเจ้าก็สอบถามเขาบอต้องรอตอนนี้ผู้ใหญ่มีปัญหากัน
อยู่ไม่รู้จะต้องโดยย้ายหรือลาออก ข้าพเจ้าก็บอกว่าข้าพเจ้าต้องใช้เงินลงทุนนะและยังบ้านที่ไปจำนองอีกมัน
จะ 3 เดือนแล้วนะเจ้าหน้าที่คนนั้นก็บอกไม่เป็นไรจะเอาเงินมากต้องรอหากต้องการเงินลงทุนก็มีนายทุนปล่อยกู้หนี้นอก
ระบบโดยปล่อยในอัตราดอกเบี้ย 5 % ต่อเดือนเอาเท่าไร ข้าพเจ้าซึ่งตอนนั้นก็ไม่รู้จะทำอย่างไรก็เลยรองบอกว่าจะใช้
เงิน 1,000,000.00 บาท เจ้าหน้าที่คนนั้นก็บอกว่าขอค่านายหน้า 200,000.00 บาท ซึ่งในตอนนั้นข้าพเจ้าเองก็ไม่ทราบว่า
จะเอาที่ไหนเพราะต้องรอกู้ธนาคารอย่างเดียวก็ไม่ได้เลยต้องกู้ปรากฏว่ายอดหนึ่งล้านบาทต้องใช้ระยะเวลาคืน 3 เดือน
แบ่งเป็น 1,150,000.00 หารเป็น 3 เดือนๆละ 383,334.00 บาท ฉะนั้น ในตอนนั้นข้าพเจ้าต้องจ่ายค่านายหน้าให้เจ้าหน้า
ที่ธนาคารเท่า 200,000+150,000.00 =350,000.00 บาท ซึ่งปรากฏว่าทุนหายกำไรไม่มี ซึ่งในระหว่างนั้นก็ถามตลอดซึ่ง
เขาก็บอกใจเย็นหากต้องการเงินมาก หลังจากเดือน 5 /2556 ซึ่งข้าพเข้ารู้จักจนถึงเดือน 10/2556 ปรกฏว่าข้าพเจ้าต้องรอ
และยังต้องกู้เงินนอกระบบมาทำงานโดยทุกครั้งเจ้าหน้าที่ธนาคารคนนี้ก็ได้ผลประโยชน์รวมทั้งสิ้นประมาณ3-4ล้านบาท
โดยที่ยอดนี้ข้าพเจ้าเองก็จากหนี้นอกระบบไปแล้วโดยดอกเบี้ยประมาณ 2ล้านกว่าและคืนต้นไปแล้วประมาณ 7-8ล้านบาท
ซึ่งใช้ระยะเวลาที่กู้หนี้นอกระบบในระหว่างการรอและทำเรื่องกู้ธนาคารโดยเจ้าหน้าที่คนนี้จากเดือนห้ายันไปถึงเดือนเก้า
ซึ่งข้าพเจ้าเองก็ทวงถามเขาก็เลยเอาเอกสารของข้าพเจ้าไปให้อีกธนาคารหนึ่งทำซึ่งเขาบอกว่าเดียวเจ้าหน้าที่
ธนาคารนั้นจะติดต่อกลับมาซึ่งข้าพเจ้าก็รอจนต้องโทรไปสอบถามคนเดิมเขาก็บอกให้ข้าพเจ้าใจเย็นอีกข้าพเจ้าก็สอบถาม
ว่าทำไมการกู้ถึงได้ยากเย็นมากธาคารบ้าอะไรต้องใช้เวลาทำเรื่องกู้นานกว่าการไปติดต่อกับรัฐบาลซึ่งในต่อมาเจ้าหน้าที่
ธนาคารนั้นก็โทรมาและบอกว่าเห็นเอกสารของข้าพเจ่้าแล้วทำเรื่องได้ไม่นานซึ่งข้าพเจ้าบอกกู้ได้นะต้องใช้เวลานานไหม
เขาบอกไม่นานอีกสองสามวันจะมีคนโทรมาสอบถามรายละเอียดซึ่งก็ต้องรอๆไปรอมาปรกฏว่าผ่านไป สองเดือนไม่มีวี่แวง
ก็ต้องตามก็ปรากฏว่าเขาบอกเอกสารต้องทำงบใหม่ทำบัญชีเพิ่มอีกนิดต้องมีค่าใช้จ่ายพอทำเสร็จอนุมัติเลยไม่เกิน 15-20
ล้านรอหน่อย ข้าพเจ้าก็รอๆไปรอมาก็ปาไปเดือน11/2556ก็ต้องตามเขาคนนั้นหมายถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารแห่งที่สองพอ
โทรไปเขาก็ต่อว่า สรุปเขาบอกให้ข้าพเจ้าให้คนมาเอาเอกสารคืนเพราะทำเรื่องกู้ไม่ผ่านสาเหตุว่าประวัติข้าพเจ้าเน่า
ทำเรื่องกู้ไม่ผ่านซึ่งข้าพเจ้าซึ้งใจกับเจ้าหน้าที่ท่านนั้นมากเพราะตั้งแต่ตอนแรกหากไม่ผ่านน่าจะแจ้งเลยหรือไม่ก็ไม่น่ามา
หารายได้แบบคนไม่รู้ตัวว่าโดนหลอก ข้าพเจ้าก็โทรกับไปหาเจ้าหน้าที่ธนาคารคนแรกว่าตรงลงอย่างไรทำไม่ทำเรื่อง
กู้ได้นนมากพอทุกครั้งที่ทวงถามก็ให้เอาเอกสารกระเดินบัญชีเดือนใหม่ไปให้ทุกครั้งซึ่งตอนนั้นข้าพเจ้าก็กลุ้มใจ
เพราะการกู้นอกระบบเขาบอกข้าพเจ้ากู้ไปมากแล้วและทุกครั้งเขาก็ขอค่านายหน้ามาตลอดจนสุดท้ายเมื่อต้นปี 57
ข้าพเจ้าก็ต้องเอาบ้านอีกหลังไปจำนองโดยที่เจ้าหน้าที่ธนาคารคนนั้นบอกข้าพเจ้าข่้อมูลประวัติยังไม่ดีพอข้าพเจ้าก็บอกว่า
ทำไมบ้านอีกหลังก็วางธนาคารนั้นดีแล้วทำไมข้าพเจ้าต้องเอามาจำนองอีกเขาก็บอกว่าเดียวเอาออกมาและใส่ชื่อข้าพเจ้าจะได้
ทำเรื่องได้ง่ายเพราะหากหลักทรัพย์ไม่ติดจำนองกู้ง่าย ข้าพเจ้าก็คิดว่าไหนๆรอมานานมากรออีกสักครั้งแต่ข้าพเจ้าต้องผิดหวัง
อีกเพราะเมื่อไปถึงเขาก็ทำเรื่องโอนไปเป็นชื่อของเจ้าของเงินที่มาเอาบ้านของข้าพเจ้าออกอีกและยังบอกข้าพเจ้าว่าเดียวจะ
ทำเรื่องกู้ให้เสร็จภายในไม่เกิน2-3 เดือนซึ่งพูดต่อหน้าเจ้าของเงินที่มาทำเรื่องจำนองตัวข้าพเจ้าเองตอนนั้นก็ไม่อยากทำ
แต่เขาก็พูดและบอกข้าพเจ้าให้จ่ายดอกเบี้ยเดือนละ150000บาทซึ่งจะเอามาหัก2ด้านคือเจ้าของเงินกู้และเจ้าของเงินที่จำนองบ้าน
พูดกันต่อหน้ากรมที่ดินซึ่งข้าพเจ้าเองก็เข้าใจตอนนั้นแต่ปรากฏว่าพอเอาเข้าจริงๆเจ้าหน้าที่ธนาคารคนนั้นก็มาบอกว่าใครบอก
ต้องจ่ายทั้งเจ้าหนี้เงินกู้และเจ้าหนี้ที่รับจำนองบ้านคนละ150000บาทรวมแล้วทั้ง2เจ้าต่อเดือน300000บาทซึ่งข้าพเจ้าก็ไม่ยอมจ่ายเพราะ
เจ้าหน้าที่ธนาคารคนนี้ภายหลังข้าพเจ้ารอสอบถามต้นสังกัดปรกฏว่าไม่มีชื่อซึ่งข้าพเจ้าเข้าใจในต่อมาว่าหน้าจะเป็นพวก
นายหน้าที่หาลูกค้าให้กับธนาคารในกรณีที่คนที่เดือดร้อนไม่สามารถเข้าถึงธนาคารได้และข้าพเจ้าก็ทวงถามว่าเมื่อไรจะทำเรื่องกู้ให้ได้
จนถึงณวันนี้ข้าพเจ้าก็ติดต่อไปอีกเขาคนนั้นดูเหมือนจะอารมณ์ไม่ดีก็ต่อว่าเมื่อไรข้าพเจ้าจะจ่ายดอกเบี้ยข้าพเจ้าก็บอกกำลังหา
แต่ทำไมยังทำเรื่องกู้ไม่ได้เขาคนนั้นมาณวันนี้บอกหากข้าพเจ้าหาดอกเบี้ยไม่ได้ก็ขายบ้านจ่ายหนี้ก็แล้วกันและไม่ต้องโทรมา
อีกข้าพเจ้าเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรตอนไม่รู้จักเขายังหนี้น้อยแต่พอรู้จักคนนี้กับหนี้มากแถมยังต้องเสียบ้าน นี้ก็คงเป็นสาเหตุหนึ่งกระ
บังที่ทำให้คนที่ไม่มีโอกาสที่จะกู้ธนาคารเองได้ต้องมาผ่านพวกนี้และอาจจะทำให้คนที่มีหนี้สินแบบนี้อาจจะต้องฆ่าตัวตาย
เพราะมาเสียรู้คนประเภทแบบนี้ซึ่งในกรณีอย่างนี้ข้าพเจ้าเองมาตอนนี้ก็จนปัญญาเพราะหากบ้านต้องโดนจำนองหมดแล้วเรา
จะเอาอะไรไปเป็นหลักทรัพย์และไม่รู้จะแก้วิธีไหนเพราะคนโง่ของตนเองและคิดว่าเขาคนนั้นจะช่วยเราได้แต่กลับทำ
ให้เราเป็นหนี้สินมากมายและเขาคนนั้นก็กินผลประโยชน์จากเราไปในจำนวน3-4ล้านบาทและไหนจะพวกปล่อยเงินกู้ซึ่ง
ใช้ระยะเวลาเพียง4-5เดือนพวกนี้ได้เงินไปแล้วก็เพราะนะธนาคารมีกฏเกณ์แต่ก็มีช่องว่างสำหรับคนในอาชีพนี้ตัวข้าพเจ้า
ก็นับว่าโชคร้ายมาเจอคนเห็นแก่ตัวและข้าพเจ้าก็ไม่คิดว่าการทำเรื่องกู้ธนาคารต้องใช้ระยะเวลาจากวันนั้นจนถึงวันนี้
เป็นเวลา1ปีกว่า ข้าพเจ้อาจจะเป็นคนโชคร้ายก็ได้เพราะในระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่ธนาคารท่านนี้ข้าพเจ้าก็ไปสอบถาม
ธนาคารทหารไทยซึ่งตัวข้าพเจ้าเองก็ใช้บริการอยู่แต่เคยปรับปรุงโครงสร้างหนี้นานมาเป็น7-8ปีน่าจะได้และข้าพเจ้าเอง
ต้องการแก้ปัญหานี้โดยไปสอบถามทางทหารไทยเขาก็บอกข้าพเจ้าว่าหากพี่โดนปรับปรุงโครงสร้างหนี้ลูกค้ารายไหนโดน
ก็ต้องไปหาธนาคารอื่นเพราะเขาจะไม่ให้ยกเว้นแต่มีเงินฝากที่เขาเห็นว่ามาก(ต้องมากจริงๆเพราะเวลาไปตามเรื่องเอกสารกับ
ธนาคารนี้ต้องตามโดยประมาณ3-4ครั้งและลูกค้าต้องติดต่อไปเองนะ)ซึ่งข้าพเจ้าพอได้คำตอบก็ไม่รู้ว่าจะทำเรื่องได้ที่
ธนาคารไหนเพราะข้าพเจ้าเวลาเห็นธนาคารโฆษณาแล้วผิดหวังมากเลยอยากจะสอบถามท่านที่อ่านนี้ช่วยบอกหรือแนะนำข้าพเจ้าหน่อยได้ไหนเพราะทุกสิ่งที่ข้าพเจ้ากล่าวมานั้นเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นบนความเดือดร้อนมากถึงมากสุดในชิวิตข้าพเจ้าไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร
พยายามไปติดต่อกับธนาคารก็ไม่คอ่ยได้รับความช่วยเหลือหรือข้าพเจ้าคงต้องหมดสิ้นทุกอย่างในชิวิตขอรบกวนด้วย


โดย: ธน IP: 58.11.71.171 วันที่: 11 พฤษภาคม 2557 เวลา:20:12:31 น.  

 
ถึงคุณอนณ
ขอขอบคุณที่รับฟังนะค่ะ ก่อนหน้านี้ได้ส่งเมล์ไปก่อนแล้วเมล์นั้นเป็นเพียงช่วงหลังค่ะ แต่ตอนเริ่มต้นของการเป็นหนี้เกิดขึ้นมานานพอสมควรค่ะ คือดิฉันทำธุระกิจอยู่คือค้าขายค่ะมีพี่น้องอยู่ 9 คน พ่อแม่เป็นคนจีนค่ะที่สมัยก่อนลูกคนจีนหากเป็นผู้ชายก็ไม่ต้องทำงานมาก เพื่อดิฉันได้ทำงานครั้งแรกหลังจากจบการศึกษาแค่ป. 7 สมัยนั้นค่ะ ก็มาสมัครงานค้าขายตนอยุเพียง 13 ปี เป็นพนักงานขายหน้าร้อยเงินเดือนตอนนั้นแค่ 750 บาท ที่ต้องทำงานไหวเพราะสมัยก่อนที่บ้านยากจนพี่น้องหลายคน ก็ต้องมาทำงานหาเลี้ยงครอบครัวและตัวเองได้ใช้เงินเพียงเดือนละ50บาทสมัยนั้นนะค่ะ ต่อมาเพื่อดิฉันทำงานนานจนเจ้าของบริษัทเขาเห็นความขยันก็เลยเปิดสาขาและให้ดิฉันดูแลช่วงนั้นดิฉันได้มีโอกาสเรียนต่อจนจบและเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแต่ไม่จบปริญญาค่ะเพราะต้องทำงานหนักขึ้น จนดิฉันสามารถทำธุรกิจของตัวเองได้ซึ่งต่อมาพ่อแม่ที่บ้านก็ให้พี่น้องมาทำงานกับดิฉันเพราะแต่ละคนหางานไม่ได้ดิฉันก็ให้มาทำงานแต่ก็เปิดสาขาให้ดูแลแต่อาจจะเพราะดิฉันบริหารงานได้ไม่ดีหรือการเอาพี่น้องมาทำงานหากควบคุมหรือพวกเขาไม่ทำตามกฏเกณท์ที่มีนั้นก็ยากเพราะเมื่อดิฉันสามารถตั้งตัวได้ก็จะมีภาระต่างๆที่ดิฉันเองในบางครั้งกลุ้มใจและดูเหมือนไม่รักเงินเพราะต้องช่วยพี่น้องทุกๆคนและไหนจะค่าใช้จ่ายผ่อนบ้านผ่อนรถและไหนจะคนมาขอยืมเงินแต่ก็ไม่ได้คืนซึ่งพอมีค่าใช้จ่ายมากดิฉันก็ไม่ไหวเพราะมาทุกๆเรื่องที่ต้องรับผิดชอบก็เลยต้องกู้พี่สาวที่ตามกันมาจำนวน 5ล้านแต่ต้องจ่ายเงินต้นบวกดอกเบี้ยซึ่งคืนไปหมดแล้วต้นบวกดอก 10 กว่าล้าน แต่ตอนนี้ไม่ได้คุยกันเพราะหลังจากการจ่ายในตอนนั้นทำให้ต้องตัดพี่ตัดน้องกันเพราะพี่คนนี้เห็นแก่ตัวมากไม่เคยช่วยเหลือพี่น้องแต่ตอนนั้นต้องจำใจยืมและทุกวันนี้เขาก็ไม่คิดจะช่วยเหลือมีแต่ช้ำเติมพี่น้องและเอาเปลียบมากขนาดไหว้พ่อแม่ยังซื้ออาหารมาไหว้เพียงคนละจานและยังไหว้โต๊ะจีนแต่สั่งอาหารไทยที่ตัวเองชอบและยังเอาเปรียบพี่น้องทุกคนขอโทษค่ะที่นอกเรื่องหน่อย มาถึงหนี้สินค่ะดิฉันทำการค้าแต่ภาระมากๆเวลาบางที่ไม่พอจ่ายก็กู้หนี้นอกระบบและก็ขายเช็ดแบบคุณแต่ไม่เคยซื้อความสะดวกให้ตัวเองเลยค่ะทุกวันนี้หมุนเงินไปมาและหนี้สินก็มากจนมาเจอเจ้าหน้าที่ธนาคารที่แจ้งไปในเมล์แรกค่ะก็ไม่ทราบจะทำอย่างไรรบกวบตอบหน่อยนะค่ะหรือพอจะมาช่องว่างที่ดิฉันพอแก้ไขไหมค่ะเพราะดิฉันเองที่มีหนี้ทุกวันนี้ก็มาจ่ายการที่ตตัวเองต้องรับผิดชอบหลายอย่างค่ะแต่ก็ไม่มีใครช่วยได้ทุกวันนี้ก็กลุ้มใจค่ะมีแต่คนโทรตามหนี้แต่ดิฉันรับสายทุกสายนะและก็โดนด่ามากๆแต่ดิฉันฟังตลอดบางวันปวดหัวแต่ก็พยายามกู้แบงค์แต่ก็ยากมากและยิ่งเศรษฐกิจแบบนี้ไม่ทราบจะทำอย่างไรดีกลุ้มใจมากค่ะรบกวนตอบด้วยนะค่ะ


โดย: ธน IP: 58.11.71.171 วันที่: 11 พฤษภาคม 2557 เวลา:20:41:34 น.  

 
อยากอ่านต่อคะ หาได้จากที่ไหนคะเครียดมากตอนนี้


โดย: Puncharat IP: 1.47.42.210 วันที่: 15 มกราคม 2560 เวลา:14:20:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.