กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 
กรรมทันตา จตุจักร

จตุจักร

เรื่องนี้ย้อนไปไกลมาก เกือบ 30 ปี ละมั๊ง
ผมเรียนอยู่ประมาณปี 4 ที่วิทยาลัยเกริก
มีการเปิดสวนจตุจักรได้ไม่นาน คนขายยังไม่เต็ม
ยังพอมีที่ว่างเหลือในบางโซน ประเภทริมๆ ขอบที่คนไม่ค่อยเดิน
สมัยนั้นพื้นที่ยังเหลืออีกเยอะ ใครไปขายครบ 4 อาทิตย์ติดต่อกัน
จะได้สิทธิ์เป็นเจ้าของล๊อคนั้นเลย....เดี๋ยวนี้ล๊อคละหลายแสน

ตอนนั้นผมกับแฟน...ก็คุณหม่อง ภรรยาสุดที่รักนี่แหละ แต่ตอนนั้นยังเป็นแค่แฟนกัน
ก็นึกสนุกชวนกันไปขายขนมหวาน ประเภทสลิ่ม ทับทิมกรอบ อะไรพวกนี้แหละ
พอไปขายจริงๆ ปรากฎว่าโซนที่เหลือ มันเป็นโซนสุดเงียบ
คนเดินผ่านน้อยมาก ยังมีร้านมาเปิดไม่มาก ยังโล่งๆ เหงาๆ
สมัยนั้นข้าวแกงจานละ 15 บาท ก็ถือว่าค่อนข้างแพง
ผมขายขนมถ้วยละ 5 บาท ก็ถือว่าหรูแล้ว

อาทิตย์ที่สอง ร้านก็ยังเงียบ
ผมรำคาญเลยไปเดินเล่น ดูร้านอื่นๆ ไปด้วย
สังเกตุได้อย่างหนึ่งคือ ร้านพวกนี้มักจะมีคนขายแค่คนเดียว
ไม่กี่ร้านที่จะมีคนมาช่วยขาย 2 คนขึ้นไป
ทำให้มีปัญหาทิ้งร้านไม่ได้ ถ้าปวดฉี่ก็ฝากร้านข้างๆ ได้ประเดี๋ยวประด๋าว
ผมก็เดินไปคุยกับเจ้าของร้านไป หาความรู้แปลกๆ...สนุกดี
แล้วก็อดถามไม่ได้ว่า จะกินขนมมั๊ย เดี๋ยวจะเอามาส่ง
ทุกร้านก็ดีใจ สั่งกันเกือบทุกร้าน...
บอกอยากกิน แต่ออกไปซื้อไม่ได้

ผมก็เอาออร์เดอร์กลับมาให้แฟนทำแล้ว ใส่ถาดไปส่ง
เดินไปเดินมาหลายเที่ยว เดินจนล้า
บางร้านยังฝากร้านรีบวิ่งไปห้องน้ำบ้าง ซื้อโอเลี้ยงบ้าง
แถมมีบางคนถามว่าไม่มีข้าวขายเหรอ หามาส่งหน่อยซิ...
ที่พวกเขาต้องการ คืออาหารตามสั่ง ผัดกระเพราะไข่ดาว ข้าวหมูทอด...
อีกอย่าง ทุกร้านจะมีกระติกใส่น้ำแข็ง หรือโอเลี้ยงไว้กิน
เพราะสมัยนั้นยังเป็นแค่เต็นท์ผ้าใบ อากาศจะร้อนมาก
ไม่หรูหราอย่างเดี๋ยวนี้...

ผมเลยมาปรึกษากับแฟน...เอาไงดีจ๊ะ ที่รัก

กลับมาบ้าน ผมชวนพ่อ กับแม่คุณหม่อง
แม่เค้าทำกับข้าวอร่อยมาก.ก..แทบทุกอย่าง
คบกันใหม่ๆ ผมเอว 29 นิ้ว พอกินกับข้าวคุณแม่ไม่เท่าไหร่
เอวกลายเป็น 34 นิ้ว
ว่าที่แม่ยายก็ดีใจ...อู๊ย.ย..ทำอะไร มันกินหม๊ด

ส่วนพ่อคุณหม่อง เป็นทหารยศตั้ง พันเอก แต่มีความฝันอยากลองขายกาแฟ สักครั้งในชีวิต
ผมก็ยุส่งเลย...ไปลองกัน...สนุกดี
พออาทิตย์ต่อมา เลยเพิ่มเป็น 2 ล๊อค มีทั้งอาหารตามสั่ง ชา กาแฟ โอเลี้ยง พร้อมขนมหวานเย็น

ตั้งร้านเสร็จไม่เกินแปดโมงเช้า...
ต้องช่วยกันเปิดร้าน จัดโต๊ะ แบกของ...งานหนักไม่ใช่เล่น
ผมก็ออกไปหาออร์เดอร์
เดินไปตีสนิทกับเขาไปทุกร้าน ช่วยตั้งแผงมั่ง ยกของมั่ง
แล้วถาม วันนี้อยากกินอะไรครับ...มีอาหารตามสั่ง กาแฟ โอเลี้ยง ขนมหวาน
ที่สำคัญ...จะให้มาส่งกี่โมง สั่งล่วงหน้าได้
ปรากฎว่า ที่ได้แน่ๆ คือมื้อเช้าด่วน...เพราะส่วนใหญ่ออกจากบ้านมากันแต่เช้า ยังไม่ได้กินอะไร
ทุกร้าน ต้องการโอเลี้ยงให้ใส่กระติกมา หรือน้ำแข็งเปล่า
พอส่งมื้อเช้า ก็จะได้ออร์เดอร์มื้อเที่ยงด้วย สั่งไม่ให้ซ้ำกับมื้อเช้า

ผมกับแฟน ช่วยกันคิดเมนูดัดแปลงไม่ให้ซ้ำกับร้านอื่น
เช่น ข้าวผัดของเราจะไม่เอาใข่ผัดลงไป แต่จะทำไข่เจียว หรือไข่ดาว โป๊ะหน้าไป...แลดูดี แต่ราคาเดิม
พวกหมูทอด หมูผัดพริก ก็จะมีผักแถมให้สวยงามอีกต่างหาก
ผมต้มน้ำชาจีน แถมอีกคนละกระบอก....โธ่..ต้นทุนแทบไม่มี
แต่ขนมหวานที่ลูกค้าเรียกร้องมาก ขายดีนึกไม่ถึง คือ...ถั่วเขียวต้มน้ำตาล
ผมเลยให้คุณหม่อง ทำมันทั้ง ถั่วเขียว ถั่วแดง
ยิ่งอากาศร้อน คนจีนจะยิ่งกินร้อนๆ...บอกแก้ยั๊ว
ต้นทุนถ้วยละไม่ถึงหนึ่งบาท...ขาย 3 บาท...เสริฟถึงที่

ผมก็จะกลับมาเรียงออร์เดอร์ ตามเวลาที่ลูกค้าต้องการ
อีตอนไปส่ง ก็จะใส่ถาดเดินผ่านโชว์ไปทุกร้าน...หน้าตาหน้ากิน กลิ่นก็หอม
ก็จะได้ออร์เดอร์ ประมาณว่า...เอาแบบเนี๊ยะ ด้วยนะ
ขายดีมาก..ก...วันหนึ่งไม่รู้กี่จาน กี่กระติก กี่ถ้วย
รู้แต่ว่ากลับถึงบ้าน...หลับเป็นตายทั้งบ้าน...แบบไม่ฝันเลย

ยิ่งขาย ยิ่งรู้จุดอ่อนลูกค้า
โอเลี้ยง เป็นสิ่งสำคัญ
น้ำชาจีน เป็นหัวใจในการผูกลูกค้า...ผมแถมให้เป็นกระบอก
...เพราะอากาศร้อน กินน้ำกันทั้งวัน
บางทีให้เค้าคิดเมนูเองว่าอยากกินอะไร...เราเองก็นึกไม่ออก
พอใจที่สุดที่ไม่ต้องออกจากร้าน มีเดลิเวลี่ส่งถึงที่

ขายดีจนร้านขายอาหารแถวนั้น แทบจะไล่เตะผม...ดีว่าสมัยนั้น ผมห้าว
ผมเดินส่งตั้งแต่เช้า...จนเย็นไม่รู้ตัว
ขายอยู่หลายเดือน...ต้องเลิก
แม่คุณหม่อง ผัดจนเป็นลมคากระทะ...เกือบตาย
พ่อคุณหม่องก็บอกสู้ไม่ไหว...เหนื่อยโว้ย
แต่ขายได้เท่าไหร่ ผมไม่เคยรู้เลย...คุณหม่องแกเก็บหม๊ด.ด..
แฟนผมเธอเป็นคน อ่อนหวาน...หนักไปทางเค็ม

สุดท้ายต้องเลิก เพราะมันเหนื่อยมาก
ขาย เสาร์-อาทิตย์ พอวันจันทร์ไม่อยากกระดิกตัวทั้งบ้าน
ผมกับคุณหม่อง ต้องไปเรียน พ่อ แม่ เค้าก็รับราชการทั้งคู่
พอเรียนจบ ก็ไม่มีแผงว่างให้ขายแล้ว ล๊อคเต็มหมด
สมัยนี้ล๊อคละหลายแสนเลยทีเดียว
มานั่งนึกก็เสียด๊าย..เสียดาย...

ทุกวันนี้ ยังนึกเลยว่า...ถ้าไม่มีอะไรทำ
จะหารถกระบะมาดัดแปลงเป็นร้านกาแฟโบราณ
ตระเวณขายตามชุมชน หรือตลาดน้ำ
กางโต๊ะสักสามตัว มีรุ่มเก๋...เลิศ
ผมชอบขายกาแฟ...สนุกดี

เคยเห็นคนส่งอาหารตามสั่ง ส่งตามออฟฟิซ หรืออาคารสำนักงาน
วิ่งตระเวณส่งไปทั่ว...เห็นแล้วคันไม้คันมือ
ถ้าใครไม่รู้จะทำอะไร น่าลองดูนะครับ
ไม่ต้องมีหน้าร้านด้วย แค่ไปแจกใบปลิว เมนูอาหารซัก 10 อย่าง
ผมว่าไม่เลวทีเดียวแหละ...

ที่เล่ามาเพราะอยากจะบอกว่า…ไม่ต้องเป็นลูกจ้าง
ทำมาหากิน ไม่ต้องอาย ไม่ต้องวุ่นวายลงทุนเยอะ
ทำเรื่องง่ายๆ นี่แหละ ทำให้มันสนุก ทำมันทู๊ก..ทุกวัน..
อย่าไปสนใจเรื่องเงิน...เรื่องรวย...แต่งตัวสวย
เราเป็นเจ้าของกิจการเอง...ถึงเล็กๆ ก็มีความสุขกว่าเยอะ
เชื่อเหอะ...ลืมตาอ้าปากได้
แต่...ต้องไม่ลืมสวดมนต์...เคร่งครัดศีลห้า...
คนมีศีล เทวดาช่วย หากินขึ้นแน่นอนครับ.

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 26 ต.ค. 53 10:16:20



Create Date : 04 มกราคม 2554
Last Update : 4 มกราคม 2554 22:51:23 น. 0 comments
Counter : 1096 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.