กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

กรรมทันตา ไปวัดบุญญาวาส

ไปวัดบุญญาวาส

เมื่อวันที่ 6 พ.ย. นี้เอง
ผมได้รับความเมตตาจากท่านผู้อ่านท่านหนึ่ง ชื่อ คุณสุเมธ...
ซึ่งท่านได้ไปกราบสังเวชนียสถาน ที่อินเดียมา และได้เมตตามอบ ใบโพธิ์ จากต้นพระศรีมหาโพธิ์ให้ผมด้วย
โดยนัดเจอกันที่วัดสัมพันธวงศ์...ผมรู้สึกขอบพระคุณมากจริง...จริง
โดยได้ไปคุยกันในโบสถ์...ท่านได้เล่าเรื่องมหัศจรรย์ด้วย
คือขณะที่ท่านไปกราบที่สังเวชนียสถาน...ผมจำไม่ได้ว่าที่ไหน
ท่านได้อธิษฐานขอถ่ายรูปเทวดา...
ปรากฏว่า...ถ่ายติดด้วย...ท่านเอากล้องให้ดูภาพ
แต่ไม่ได้เป็นตัวเป็นตนอย่างที่ถ่ายรูปมนุษย์อย่างเรานะครับ
เห็นเป็นดวง...จะเรียกว่าดวงไฟก็ไม่เชิง เป็นวงๆ บอกไม่ถูก]

อยากจะขอให้พวกเราช่วยกันขอร้องท่าน...อยู่ในห้องศาสนานี่แหละ...
ได้เมตตาโพสให้พวกเราได้ดู
...เพื่อเป็นกำลังใจ ในการประกอบกรรมดี ด้วยเทิด...

แต่ที่อยากเล่าอีกเรื่อง คือระหว่างที่นั่งคุยกันอยู่ในโบสถน่ะ
มีพระรูปหนึ่งเดินเข้ามา เป็นพระหนุ่ม อายุท่านไม่น่าเกิน 25
ที่สะดุดตา ก็คือกริยาที่ท่านเดิน สงบเสงี่ยม สำรวมมาก
ท่านเดินเข้ามากราบพระประธาน แล้วหันมาเจอกับพวกผม
ก็ทักคุณสุเมธ ฝ่ายคนถูกทักก็เพิ่งนึกได้ว่าเคยรู้จักท่าน
ได้ความว่า ท่านมาจากวัดที่ชลบุรี เพื่อมางานศพญาติแต่เวลาเหลือ เลยมากราบพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งเป็นพระจักษุธาตุ
แต่วันนั้น พระอาจารย์ที่ท่านถือกุญแจห้องไม่อยู่...เสียดายมาก
หลังจากทักทายปราศัยกันนิดหน่อย ท่านก็กลับไป...

แต่ผมยังติดใจ สอบถามคุณ สุเมธ ว่าพระรูปนี้ท่านอยู่ที่ไหน
ถึงได้ทราบว่า...อยู่วัดบุญญาวาส เป็นลูกศิษย์พระอาจารย์ตั๋น
....ในตอนนั้นผมยังไม่รู้จัก วัดบุญญาวาส หรือ พระอาจารย์ตั๋น เลยซักนิด
แต่...เมื่อได้เห็นพระหนุ่มรูปนี้ ทำให้คิดไปถึง คำที่ว่า
...ดื่มน้ำทุกครั้ง ให้คิดถึงต้นน้ำ...
เห็นความสำรวม กริยาสงบเสงี่ยม ยิ่งฟังท่านคุยยิ่งประเมินได้ว่า อาจารย์ ของท่านต้อง...ไม่ธรรมดา
ผมอดไม่ได้เลยขอถาม คุณสุเมธ เรื่องวัดบุญญาวาส
พอได้ฟังยิ่งทึ่ง...
พระอาจารย์ตั๋น เป็นศิษย์ของ หลวงพ่อชา สุภัทโท สายพระป่า
ที่หลวงพ่อชารับรองคุณธรรมตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่
ในสายหลวงพ่อชาเชื่อว่าท่านถึงที่สุดแล้ว
และที่วัดนี้กำลังก่อสร้างพระเจดีย์...

เจดีย์แห่งนี้...มีความตั้งใจให้ยิ่งใหญ่ อยู่ได้ถึง 3,000 ปี
ใช่ครับ ฟังไม่ผิด 3,000 ปี...จะทำได้ยังไง
คุณสุเมธ ได้อธิบายให้ฟังคร่าวๆ ว่า เทคโยโลยี่สมัยนี้ทำได้...แต่
วัสดุการก่อสร้างต้องพิเศษ เช่น ไม่ใช้เหล็ก แต่เป็นสแตนเลสซึ่งแพงกว่าเหล็กเป็นสิบ..สิบ เท่า
ปูนที่ใช้ก็ต้องมีสูตรผสมเฉพาะ...ต้องใช้เงินในการก่อสร้างอย่างมาก
ผมถามว่าเท่าไหร่ครับ...ท่านบอก 100 ล้านไม่รู้อยู่หรือเปล่า
ในทีแรก เจ้าภาพผู้มีความพร้อม ตั้งงบไว้ 40 ล้าน
แต่พอได้ฟังว่า ถ้าอยากให้อยู่ไปได้ถึง 2,000 - 3,000 ปี...เอามั๊ย
เพิ่มอีกนิดหน่อย...เป็น 100 ล้าน
เจ้าภาพผู้ไม่ประสงค์จะออกนามท่านนั้น ก็...โอเค
ทุกอย่างเริ่มต้นจากตรงนั้น
แต่อานิสงส์ ของการสร้างเจดีย์นี้คงแรงมาก
เพราะหลังจากเรื่องสร้างได้ไม่นาน ได้มีเหตุความวุ่นวาย เผาบ้านเผาเมือง
สถานที่ทำงานของท่านเจ้าภาพ...เป็นจุดที่พวกเขาต้องการเผาอย่างยิ่ง
มีการพยายามจุดไฟเผาอย่างตั้งใจ...ถึง 3 ครั้ง
แต่เดชะบุญ...จุดเท่าไหร่ ก็ไม่ติด
ซึ่งเรื่องนี้ ผู้ที่เป็นเจ้าภาพมั่นใจอย่างที่สุด เพราะอานิสงส์นี้แน่นอน...ถึงรอดมาได้

พอรู้เรื่องแล้ว...ผมก็ให้อยากไปวัดนี้มาก
ไปเล่าให้ภรรยาฟัง ก็เห็นดีด้วยโดยลูกสาวคนเล็กก็สนใจ
ตัดสินใจว่าจะไปวันศุกร์ที่ 12 พ.ย. ซึ่งลูกสาวหยุดเรียน
ผมได้เตรียมรถกระบะที่จะขับไปกัน เอาเข้าเช็คสภาพ
แต่...ปรากฏว่า...ฝาสูบร้าว...โดนค่าซ่อมประมาณ 20,000 แถมเสร็จไม่ทันอีกด้วย
เลยตัดสินใจเอารถเก๋งคันเล็กอีกคันไป สีดำ อายุแค่ 21 ปีเอง...ชื่อคุณทองดำ

เช้าวันที่ศุกร์ เตรียมตัวแต่เช้า...ปรากฏว่า ยางแบน
รีบเปลี่ยนยางอะไหล่ ขึ้นสตาร์ท...แต่ สตาร์ทไม่ติด แบตเตอรี่หมดอีก...เอ๊ะ แปลก
ภรรยากับลูก ช่วยกันเข็น ผมขึ้นกระตุกติด...เหนื่อย
รีบไปร้านปะยาง...ช่างมองหน้า บอก ปะไม่ได้ ยางมันหมดสภาพแล้ว
สรุป ต้องเปลี่ยนยางใหม่ 4 เส้น...เวรกรรม
เสร็จแล้ว รีบเติมน้ำมัน แก๊สโซฮอล เต็มถัง...ขึ้นทางด่วน
พอเข้ามอเตอร์เวย์...คุณทองดำ แกวิ่งสะดุด.ด..ด...ด.......
เอาละซิ...ยิ่งวิ่ง ยิ่งสะดุด...ยิ่งเร่ง ยิ่งแย่

มอเตอร์เวย์ มันก็ไม่ค่อยมีที่จอดซะด้วย ทนวิ่งไปซักพัก
สะดุดมากขึ้นเรื่อย...จอดข้างทางลงไปดู...ไม่เห็นเป็นอะไรแหะ
หาเท่าไหร่ ก็ไม่เจอความผิดปรกติ
กลับมาขับต่อ...เอ๊า...สะดุดต่ออีก
วิ่งไปซักพัก ลงไปตรวจดูใหม่....เอ๊..ไม่เห็นเป็นอะไร
จนสุดท้ายทนวิ่งสะดุด..ด....ไปจนออก ถนนบ้านบึง-แกลง
ไปหาช่างที่ปั๊มน้ำมัน ช่างบอกกรองอากาศตัน...เป่าทำความสะอาด
แต่วิ่งไปซักพัก...สะดุด..ด...ด อีก
ตอนนั้น ผมนึก...สงสัยมารผจญละมั๊ง
ทีนี้ แวะอู่ซ่อมเครื่องเลย...เจอช่าง
แต่ช่างหาไม่เจอ...คือไม่รู้ว่าเสียที่ไหน...มันก็ปรกติดี...ดูมัน ไอ้คุณทองดำ
พอต่อหน้าช่างก็ไม่เป็น...เครื่องแรง เร่งดี เสียงดัง...สรุปช่างบอก เพราะน้ำมันแก๊สโซฮอลล์
ผมก็งง...จริงเหรอ นึกว่ามีแต่ในโฆษณา
เอา...หาปั๊มเติมไปใหม่ เบนซิน 91...วิ่งต่อไป ดีขึ้นนิดหน่อย
ต้องไปอีกร่วม 60 กม. วิ่งไปซักพัก สะดุด..ด....ด...อีกแล้ว

หันไปมองหน้าภรรยา กับลูก บอกมารผจญแน่นอน...เป็นไงเป็นกัน สู้ตาย
ภรรยาสั่งสู้...พังช่างมัน เลยไปมันทั้งหยั่งงั้น
กว่าจะทุลักทุเล ทางเข้าบางช่วงก็ดี บางช่วงก็หลุม วัดก็อยู่ลึกม๊าก...มาก
ทนทรหดถึงวัดก็บ่าย 3 โมง...โอ๊ย เหนื่อย
แต่พอไปถึง...โอ้โฮ...ร่มรื่นมาก...ไปจอดหน้าโบสถ์ขนาดใหญ่ที่กำลังสร้าง
เห็นมีพระกำลังทำงานดูแลสถานที่ อยู่หลายรูป...พระวัดนี้ขยันมาก ขยันสุด..สุด
มองไปมองมา เจอผู้หญิงท้วมๆ คนนึงรีบเปิดกระจกถาม...
...ผมไม่เคยมา จะต้องทำยังไงครับ เจดีย์ไปทางไหนครับ แล้วหลวงพ่ออยู่มั๊ยครับ...
คุณผู้หญิง...หันมาทำตาเขียว เสียงเขียว
...ถ้าจะมากราบหลวงพ่อต้องมาช่วงเช้า...ช่วงบ่ายไม่รับแขก...
พวกผมก็จ๋อยไปเลย...เหนื่อยใจกับคุณทองดำ กว่าจะถึงวัดยังโดนดุอีก
แล้วคุณผู้หญิงก็มองหน้า พูดว่า...แต่ตอนนี้ หลวงพ่ออยู่ตรงนี้..นี้...
แล้วหันไป...โอ้...ท่านยืนห่างพวกผมไป 5 เมตรเอง...
ท่านออกมาดูแลการทำงาน และคงมองรถผมที่วิ่งตุปัดตุเป๋ตั้งแต่เข้ามาแล้ว...

พวกผมรีบลงไปก้มกราบท่าน...กราบกับพื้นดินตรงนั้นเลย
ท่านก็ยิ้ม...ยิ้มทั้งตา ยิ้มทั้งหน้า แล้วถาม...ไม่รู้เหรอรับแขกเฉพาะช่วงเช้า...
ผมก็บอกไม่ทราบครับ เพิ่งเคยมา
จากนั้นท่านก็ถามว่าไปไงมาไง...แล้วแนะนำให้ไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ ที่ด้านในซะก่อน
หลวงพ่อท่านเมตตาสูงมาก ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ถือตัวสักนิ๊ด..ด..เดียว
คุณหม่อง ภรรยาผมรู้สึกตื้นตันในเมตตาของท่านมาก...ถึงกับน้ำตาคลอ เสียงเครือเลย

พอล้างหน้าล้างตา ไปกราบพระบรมสารีริกธาตุ...โอ๊ย...คุณพระช่วย
พระบรมสารีริกธาตุ...เยอะมาก มากมายมหาศาล
ยังมีพระธาตุ ของพระอรหันต์สาวกอีกหลายองค์
ทั้งพระธาตุ ของพระที่มีชื่อเสียงในบ้านเราอีกก็มากเลย....
โอ๊ย..ย...เป็นบุญของพวกผมจริง...จริง ที่ได้มาเห็น มากราบ

เดินออกมา ก็ยังพบหลวงพ่อท่านกวาดวัดอยู่ พวกผมก็เข้าไปกราบท่านอีก...
บอกตรงๆ รู้สึกดีมาก..มาก...เวลาอยู่ใกล้ท่าน
หลวงพ่อ ก็ให้เข้าไปกราบพระประธานในโบสถ์ ที่กำลังก่อสร้างก่อน
พวกผมก็เดินขึ้นไปกราบกัน...ปิติสุขมาก
ลงมายังเจอหลวงพ่อ...เข้าไปนั่งคุกเข่าต่อหน้าท่าน
ท่านก็ยิ้ม...ยิ้มทั้งตา
ผมก็ขอธรรมะ ติดตัวกลับบ้าน...
ท่านบอก...ศีลห้าไงล่ะ...ยึดให้มั่น ทำอะไรก็เจริญ
ที่สำคัญ...ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
พ่อ...ก็ทำหน้าที่ พ่อ ให้ดีที่สุด
แม่...ก็ทำหน้าที่ แม่ ให้ดีที่สุด
ลูก...ก็เช่นกัน ต้องทำหน้าที่ ลูก ให้ดีที่สุด
...ฟังแล้วชื่นใจ...
ท่านยังชี้ให้ไปกราบพระเจดีย์ที่กำลังก่อสร้าง ท่านบอกตั้งใจให้อยู่จนถึง
...สิ้นพระพุทธศาสนา นั่นแหละ....

ขากลับออกมา วิ่งสะดุด..ด....จนถึงปากทาง...ดับสนิท
ลงไปตรวจดู...ไม่เห็นเป็นอะไรนี่หว่า
ลองสตาร์ทใหม่...เอ้า ก็ติดดีนี่
จากนั้น...วิ่งฉิว ถึงบ้านเลย...เอ๊อ...แปลกดีแฮะ....
สงสัยมารคงเหนื่อย...ผมก็เหนื่อย
...แต่ปิติสุข อย่างยิ่ง.
อยากให้ท่านทั้งหลายได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อนะครับ
เป็นบุญอย่างยิ่ง...ครับ.

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 15 พ.ย. 53 19:44:33




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 23:17:43 น.
Counter : 3165 Pageviews.  

กรรมทันตา วิไลลักษณ์

วิไลลักษณ์

เมื่อ 20 ปีก่อน
เด็กผู้หญิงอายุ 16 คนหนึ่ง มากดออดที่หน้าบ้านผม
เธอชื่อ วิไลลักษณ์ พิทักษ์ หรือ ลักษณ์
เป็นพี่สาวของเด็กทำงานบ้านที่ช่วยภรรยาผมเลี้ยงลูก ที่เพิ่งคลอด
ลักษณ์ เพิ่งเรียนจบ ม.6 จากเมืองพล ขอนแก่น พ่อแม่ต้องการให้ช่วยทำนา เลี้ยงหมู
และ แต่งงานมีผัวเหมือนเด็กสาวคนอื่นๆ ในหมู่บ้าน
แต่เธออยากจะเรียนต่อให้ถึงขั้น ปริญญาตรี
ไม่อยากมีชีวิตเหมือนเพื่อนๆ ที่มีผัว มีลูกตั้งแต่อายุยังน้อย แถมยังเป็นทาสผัวอีกต่างหาก
ลักษณ์ จึงได้ขอร้องพ่อ กับแม่ โดยจะมาหาหนทางในกรุงเทพฯ เอง

คุณหม่อง...ภรรยาของผมฟังความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยวของเธอ ก็อยากช่วย
ไม่นานนัก ภรรยาผมได้ไปเป็นเลขานุการ ผจก. โรงแรมริเวอร์ไซด์
ได้ฝากงานให้ ลักษณ์ เข้าเป็นพนักงานทำความสะอาดห้องพัก หรือ เหมด. ตามวุฒิการศึกษาที่มีแค่ ม.6
ไม่น่าเชื่อ เธอขยันขันแข็งมาก ตั้งใจเรียนรู้และทำงานอย่างเอาใจใส่มาก...เธอบอก กลัวเสียชื่อคนฝากงาน
เวลาผ่านไปประมาณ 1 ปี มีคนทาบทามให้ คุณหม่อง ให้ไปเป็นหัวหน้าประชาสัมพันธ์ ที่ห้างแมคโคร สาขาบางบอน ที่กำลังจะเปิด
คุณหม่อง ก็หอบหิ้ว ลักษณ์ ไปทำงานในตำแหน่งประชาสัมพันธ์ด้วย
โดยรับรองกับฝ่ายบุคคลให้อย่างแข็งแรง เนื่องจากวุฒิฯ แค่ม.6
เรื่องนี้ทำให้ลักษณ์ดีใจมาก เพราะงานเดิมโอกาสก้าวหน้ามองไม่เห็น
ซึ่งเธอได้ไปสมัครเรียน ปริญญาตรี ที่ ม.ราชภัฎฯ บ้านสมเด็จ ภาคค่ำ

การทำงานที่ห้างแมคโคร เป็นงานที่หนักแสนสาหัส เวลาการทำงานก็จะหมุนวนไปเรื่อย
บางวันเข้า 6.00 น. บางวัน 9.00 น. หรือ 12.00 น. ทำให้ชีวิตมึนงงมาก
แถมยังต้องไปเรียนในตอนค่ำ และวันหยุดอีกต่างหาก
ทั้งสองเรื่องนี้ สร้างความเหนื่อยยากให้เธออย่างหนัก แต่ก็ผ่านมาได้ด้วยดี

ผ่านไป 5 ปี คุณหม่อง คลอดลูกคนที่สอง จึงลาออกเพื่อดูแลลูก และคุณพ่อของเธอให้ใกล้ชิด
ไม่ลาออกคนเดียว ชวนให้ ลักษณ์ ออกมาด้วย
แล้วพาไปฝากเข้าทำงานที่ โรงเรียนสอนภาษา อีลิท ถ.สีลม
ด้วยเหตุผลเดียว คือต้องการให้ได้มีโอกาส...เรียนภาษาอังกฤษ
ลักษณ์ เข้าทำงานด้วยตำแหน่งล่างสุด เป็นพนักงานทั่วไป...เจนเนอรัลเบ๊....ทำทู๊ก..ก...อย่าง
ทำทู๊ก.ก..ก...อย่างจริง..จริ๊ง แต่คุณหม่อง เชื่อมือและเชื่อมั่นในเด็กคนนี้

ลักษณ์...อดทนทำงาน และเรียนรู้ทุกอย่าง...
ที่สำคัญ ขยัน ซื่อสัตย์
เป็นที่พอใจของเจ้าของ ร.ร.อีลิท แห่งนี้ จนอนุญาตให้เข้านั่งเรียน ภาษาอังกฤษ ได้ในเวลาว่างจากงาน
เธอตั้งอกตั้งใจ ทั้งทำงาน ทั้งเรียนอย่างสุดจะเอาใจใส่
หลังจากนั้นไม่กี่ปี...ผมเคยได้ยินเธอ พูดภาษาอังกฤษได้ดีขนาดสั่งงานแก้ปัญหากับครูที่เป็นฝรั่งได้สบาย

วันหนึ่ง ลักษณ์ มาปรึกษากับผมว่า อยากจะทำหน้าที่ พานักเรียนไปฝึกภาษาที่ นิวซีแลนด์ แต่ไม่รู้จะเป็นไปได้ยังไง
เพราะตำแหน่งของเธอยังห่างชั้นมาก
ผมก็บอกว่า ....ต้องทำเหตุให้พร้อม
สิ่งแรก...มั่นใจตัวเองแค่ไหน...คิดว่าทำได้มั้ยล่ะ
สิ่งที่สอง...รีบไปทำหนังสือเดินทาง และวีซ่าเตรียมไว้ให้พร้อม...เราต้องทำความพร้อมให้มากที่สุด
สิ่งสุดท้าย...สวดมนต์ ตั้งมั่นในศีลห้า ทำใจให้ผ่องใส...

แล้วก็อย่างที่คาดคิด เมื่อถึงเวลาพานักเรียนเดินทางไปนิวซีแลนด์
คนที่วางตัวไว้เกิดมีปัญหา ทำให้ ลักษณ์ ได้ไปแทนในที่สุด
หลังจากเที่ยวนั้นแล้ว เธอก็ได้ไปดูแลนักเรียนที่ อังกฤษ อีกในเวลาต่อมา
ตำแหน่งงานของเธอเลย ก้าวพรวดพราด จนเป็นฝ่ายตลาด หาลูกค้าเข้ามาเรียน
ลักษณ์ ก็มาปรึกษาอีก...ผมก็บอก...คิดให้ใหญ่ แล้วไปให้ถึง...
ให้ไปหาลูกค้าจากองค์กร บริษัท หรือหน่วยงานที่ตื่นตัวเรื่องภาษาอังกฤษ
ช่วงนั้นผมจำได้ว่า เป็นช่วงที่บริษัทต่างชาติเข้ามาไล่ซื้อกิจการในประเทศเรา
ทำให้ผู้บริหารตื่นตัว ต้องการเรียนภาษาฯ กันอย่างมาก
ถ้าใครสื่อสารกับนายที่เป็นฝรั่งไม่ได้ โอกาสถูกลดตำแหน่ง หรือให้ออกมีมากทีเดียว

จากนั้นอีกไม่กี่ปี หลังจากลุยงานหนัก...เธอก็ได้เป็น
ผู้จัดการฝ่ายการตลาด...ดูแลเรื่องการหาลูกค้าองค์กรโดยเฉพาะ
ถือว่าเป็นเบอร์ต้นๆ ของ โรงเรียนสอนภาษา อีลิท เลยทีเดียว
ปัจจุบันนี้ ลักษณ์ ได้ย้ายไปทำงานที่ สถาบันสอนภาษา วอลสตรีท...สีลม
เท่าที่ผมพอรู้ ค่าเรียนที่นี่คอร์สละหลายแสนบาท...หลายแสน นะจ๊ะ

จากเด็กอายุ 16 ที่พ่อแม่คาดหวังให้ แต่งงานมีผัว ช่วยกันทำนา เลี้ยงหมู ที่ อ.พล จ.ขอนแก่น
เธอตัดสินใจเด็ดเดี่ยว เข้ามาเรียน และฝ่าฟันลุยงานหนัก
เรียนรู้ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้า ฝึกฝนอย่างสุดกำลัง
จากพนักงานทำความสะอาดห้องพัก ล้างส้วม ปูที่นอน
สิบกว่าปีต่อมา เป็นผู้จัดการ สถาบันสอนภาษาที่แพงอันดับหนึ่งของเมืองไทย
ผมเห็นตั้งแต่วันแรกที่เข้ากรุงเทพฯ จนถึงวันนี้
ผมนับถือเธอ จริง...จริง...วิไลลักษณ์ พิทักษ์

ความสำเร็จในชีวิตของเธอ...ไม่ใช่อิทธิฤทธิ์ปาฏิหารย์
ไม่ได้บนบานศาลกล่าว แต่เธอใช้อิทธิบาท 4
สวดมนต์ ไหว้พระ
ใช้ความเพียร ใช้ศีลห้า ธรรมด๊า...ธรรมดา นี่แหละ

อ้อ...เธอคนนี้แหละที่เป็นคนชวนภรรยาผมไปปฏิบัติธรรมที่วัดสังฆทาน
ไปหาอ่านได้ตอน...วัดสังฆทาน...นะครับ
พูดได้ว่า เธอก็เป็นต้นเหตุให้ผมได้รู้จักการปฏิบัติฯ ภาวนา อย่างถูกต้องเลยทีเดียว

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 11 พ.ย. 53 08:42:08




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 23:16:29 น.
Counter : 1230 Pageviews.  

กรรมทันตา ทุกข์ หนอ

ทุกข์ หนอ

ผมเองเคยทุกข์ทนแสนสาหัส ละอายใจ ละอายลูก เมีย
ถึงกับละอายจนไม่กล้าสบตาพระพุทธรูป ด้วยซ้ำไป
ผมเลยชอบศาสนาพุทธ เพราะเค้าว่า เป็นหนทางแห่งการดับ...ทุกข์
เป็นเรื่องของการเอา...ทุกข์...มาวิเคราะห์แยกแยะ ออกเป็นส่วนๆ ชิ้นเล็ก ชิ้นน้อย
ผมเคยฟังท่านอาจารย์ จิตรจำนงค์ สุภาพ บอกว่า
ทุกข์มี 2 ประเภท คือ
...ทุกข์แท้...กับ...ทุกข์เทียม

ทุกข์แท้...
มันคือ สิ่งที่ทู๊ก.ก..คน ไม่ว่าชาติตระกูลสูงส่ง ไฮโซ แค่ไหน
หรือ คนธรรมดา จนถึงต่ำต้อยติดดิน ทั้งหญิงชาย ได้รับเหมือนกันหมด
เป็นทุกข์ตามธรรมชาติ เจ็บ ปวด หิวข้าว หิวน้ำ ปวดอึ ปวดฉี่ ป่วยไข้...
โดนตะปูตำ หนามเกี่ยว รถเฉี่ยว หมากัด มีดบาด น้ำร้อนลวก เจ็บปวด
เหมือนกันหมด...ไม่มียกเว้น

ทุกข์เทียม...
มันคือ สิ่งที่เราสร้างขึ้นเองในจิตใจ...
รักก็ทุกข์ เกลียดก็ทุกข์ อยากได้ก็ทุกข์ ไม่อยากได้ก็ยังทุกข์
ไฟใหม้บ้าน...ไม่ได้โดนไฟลวกตัวเราซักกะหน่อย...เราก็ยังทุกข์
เจ้าหนี้มายืนด่าหน้าบ้าน ยังไม่ได้ตบตีเรา...เราก็ยังทุก.ก..ข์

ทั้งสองอันนี้ ผมฟังแล้วชอบมาก...เห็นภาพเลย
อีกอัน อ่านเจอในหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ หน้า 3
เขาบอก ทุกข์มันมีสาเหตุ มาจาก...
อวิชา...ความโง่...ความไม่รู้...มันเลยทำให้เรา...ยึด
ยึด...ว่าเป็นของเรา พวกเรา ตัวเรา...มันเลยทำให้...อยาก
อยาก...ได้ อยากเป็นเจ้าของ อยากมีคนจับจอง แม้เธอได้ครอบครอง เจ้าของใจดวงนี้...เห็นมั๊ย มันทำให้...ทุกข์
สรุป เพราะ
...โง่...จึง ยึด...เมื่อ ยึด...จึง อยาก
เมื่อ อยาก...จึง ทุกข์....
โปรดฟังอีกครั้ง...
โง่...ยึด...อยาก...ทุกข์.
ไม่ทราบว่าเก็ท...มั้ย

อีทีนี้ พอทุกข์...ก็ต้องหาทางจัดการกับมัน คือดับทุกข์
พระพุทธเจ้า ท่านว่าต้องหา...สาเหตุของมันก่อน
เมื่อได้สาเหตุ...ก็ต้อง หาวิธีจัดการกับมัน
อย่างผม เป็นบ่อย...ทุกข์เพราะอยากได้ ออสติน มินิคูเปอร์
แล้วทำไมถึงอยาก...ก็เพราะไป ยึดถือคิดว่ามันดี มันเท่ห์ มันซิ่ง
อ้อ...ไอ้นี่มันทุกข์เทียม นี่หว่า...เราสร้างทุกข์ขึ้นมาเอง

เอ๊...ท่านว่า...ทุกอย่างมันต้องมีเหตุ...เราต้องดับที่เหตุ
เราทุกข์เพราะ...อยาก...ได้
ก็ต้องดับที่...ความ อยาก
เลยต้องมาแยกแยะดู...มันดีจริงมั๊ย...โถ..มันก็แค่รถ 4 ล้อคันหนึ่ง
มี 2 ประตูเอง คนนั่งก็ไม่ได้เยอะ ต้องมุดเข้ามุดออก ขนของก็ไม่ได้แยะค่าดูแล ค่าซ่อมแซม...คงน่าดู เสียแต่ละทีคงไม่มีปัญญาซ่อม
วันๆ จะขับไปไหน...ผมส่วนใหญ่ ก็สำเพ็ง กับพาหุรัด รถก็ติ๊ด.ติดชมัด
ความอยากได้ ชักเริ่มน้อยลง...
ดูไปดูมา ที่เข้าท่าสำหรับเรา
ก็...มอไซค์ ฮอนด้า คลิ๊ก. 2 ล้อ ไม่ต้องกลัวรถติด หาที่จอดสบาย...

อย่างที่พระพุทธองค์ ท่านบอก เราไปยึดมั่น ก็เลยทุกข์
ถ้าจะไม่ให้ทุกข์ ก็ต้องไม่ยึดมั่น...ทีนี้ทำไง
อ๋อ...ต้องเข้าใจเรื่อง ไตรลักษณ์...อนิจจัง...ทุกขัง...อนัตตา...
ก็มันไม่มั่นคง ไม่ทนทาน อยู่ได้ไม่นาน แป๊ปๆ เดียว
ไอ้มินิคูเปอร์ มันไม่นานก็เจ๊ง...เดี๋ยวซ่อม เดี๋ยวซ่อม แป๊ปเดียวเชย มีรุ่นใหม่ออกมา...

แต่พวกเราส่วนใหญ่ ยังทุกข์สาหัสเพราะมีหนี้
ผมก็เคยทุกข์เพราะหนี้สินมาแล้ว เข้าใจหัวอกดีเลย
ไอ้จะไม่ยึดมั่นกับมันนะคงได้ แต่เจ้าหนี้ท่าจะยึดมั่นกับเราแน่
วิธีต่อสู้ของผมในเรื่องนี้
ผมโชคดีเคยฟังรายการวิทยุของ อ.สุวรรณ วลัยเสถียร
ท่านบอก ต้องหันหน้าสู้กับมัน...หนี้อ่ะนะ...ไม่ใช่เจ้าหนี้

ขั้นแรก
เปิดใจยอมรับความจริง อย่างซื่อสัตย์
เอากระดาษสมุดมาเล่มหนึ่ง....เขียนลงไปให้หมด...ให้หมด
ว่าเรามีหนี้อะไรบ้าง...มาจากเรื่องอะไร...จำนวนเท่าไหร่...ต้องจ่ายชำระทุกวันที่เท่าไหร่
เขียนมันลงกระดาษ เพราะเราจะมองเห็นเป็นรูปธรรม ไม่ใช่ใช้จำมั่วไปหมด
เชื่อมั๊ย แต่ก่อนผมไม่กล้าจด กลัวความจริง

ขั้นที่สอง
เมื่อจดหนี้ทุกอย่างลงบนกระดาษแล้ว...ทีนี้ก็เขียนรายได้ของเราลงไป ว่าเรามีรายได้เท่าไร กี่ทาง จากอะไรบ้าง
ผมรับรอง ไม่ค่อยพอกับหนี้แน่นอน...แต่ไม่ต้องตกใจ

ขั้นที่สาม
เอาหนี้มาแยกดูว่าอันไหนร้ายกาจที่สุด...คือดอกเบี้ยแพงที่สุด และอันไหนรองลงมา
เขียนวันที่ต้องชำระ เช่นบัตรเครดิต กี่ใบ ใบไหนต้องเข้าวันที่เท่าไหร่

ขั้นที่สี่
สำคัญที่สุด...ที่จริงมันก็สำคัญทั้งนั้น แต่อันนี้สำคัญ
...เลิกกู้...เลิกรูดบัตร...
ถ้าเชื่อผม...อันนี้สำคัญที่สุด...
ผมเองเมื่อก่อน ชื่อ สมพล แต่เมื่อต้องการปลดหนี้สิน
ผมลงทุนเปลี่ยนชื่อเป็น...อนณ...แปลว่า...ไม่มีหนี้
ออกเสียงว่า อะ-นน ...แต่ถ้าบาลีออกเสียง อะ-นะ-นะ...มันยาวไป
ที่ผมชอบชื่อนี้ ก็เพื่อเตือนตัวเองตลอดเวลา...ขอไม่มีหนี้...ไม่กู้...ไม่ยืม...
ก็ได้ผลดีนะ ทุกครั้งที่จะรูดบัตร มันก็คิดทุกครั้ง...ขนาดนี้ยังพลาดเหมือนกัน
ที่จริงไอ้บัตรเครดิต มันน่าจะเปลียนชื่อใหม่ เป็น...บัตรคอยดูด.
เพราะมันดูดทุกอย่างไปจากเรา ทั้งเงินทอง บ้านช่อง ความสุข

มาต่อเรื่อง หยุดกู้ หยุดรูดปื๊ด.ด...ผมรู้มันยาก
แต่ถ้าอยากหมดหนี้...ต้องทำ...ไม่ทำก็ไม่หมดหนี้...ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่หมด.
เอาบัตรเครดิตที่มีทั้งหมด มาอธิษฐาน...แล้ว เอากรรไกรตัดทิ้ง
ผมเคยมี 7 – 8 ใบ ตัดหมด เหลือไว้ใบเดียว ไว้เติมน้ำมัน หรืออะไรนิดหน่อย เท่านั้น

ขั้นที่ห้า
เมื่อเอามาดูแล้ว ตัดสินใจหาเงินมาจ่ายแบบ คัตลอสต์...ผมรู้มันพูดง่าย ทำยาก
อันไหนหนักหนา รีบจัดการก่อน
อันไหนพอจะค่อยๆ ผ่อนไหวก็ว่ากันไป...แต่มันต้องเห็นระยะเวลาแน่นอน นะ ไม่ใช่ชาตินี้ไม่มีหมด
อีทีนี้...อันไหนไม่ไหว....ไม่ต้องจ่าย
ใช่ครับ...ไม่ต้องจ่าย...
หมายถึงว่า เดินไปหาเจ้าหนี้เลย บอกไปเลย...ไม่มีจ่าย หมดปัญญาแล้ว
จะฟ้องร้องยังไงว่ามา
ที่ให้ทำแบบนี้ เพราะต้องการให้เห็นว่า สุดท้ายมันจะจบยังไง
ฟ้องล้มละลายหรือเปล่า หรือแค่ฟ้องแพ่ง
หรือถ้าเป็นหนี้นอกระบบ ก็ต้องมาดูกันถึงความรุนแรงที่จะเป็นไปได้
แต่...พูดจริงๆ นะ วันนี้ถ้าเรามีหนี้ ก็เท่ากับเราเป็นมากกว่าศูนย์ คือติดลบ
แล้วอยากจะถามว่า...ยังจะมัวอายอะไร จะรอไปถึงไหน
เหมือนป่วยหนัก ถ้าไม่ผ่าตัด...ก็ตาย
ถ้าผ่า...แม้เจ็บปวดแต่ก็ยังมีทางรอด
อาย...เรื่องเล็ก ขอถามหน่อย อายใคร มองไปรอบตัวก็มีหนี้กันทั้งนั้น
สมมุติว่า อับอายจนอยู่ไม่ไหวต้องย้ายที่ทำงาน...แล้วเป็นไง
ถึงอยู่ต่อ เจ้าหนี้มาทวง มาด่า ก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน
เชื่อผม...คุยกับ ลูก เมีย สามี แล้วลุยเลย

ผมไม่ได้สอนให้...เบี้ยวหนี้
แต่ให้หาวิธี เคลียร์คัตตัดตอนให้สิ้นซาก
ไปคุยกับเจ้าหนี้ตรงๆ ว่าจ่ายไม่ไหวไม่มีจ่าย...ขอประณีประนอมหนี้
แต่อย่าลืมขั้นตอนสำคัญนะ...คุณต้องเอาทุกอย่าง...ลงกระดาษ
ให้มองเห็นทั้งหมด อย่างชัดเจนซะก่อน
เอาหนี้ทั้งหมดรวมเป็นก้อน...แล้วจ่ายยาวๆ เบาๆ ก็ยังดีกว่า
ไม่งั้น ก็เลิกกัน...เดินต่อไปก็ต้องอับอาย หมดตัวอยู่ดี
หันหน้าสู้อย่างองอาจ...อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิด ไม่ถึงตายหร๊อก.ก...
อย่างดีก็ไปเริ่มต้นใหม่
อาจจะต้องขายทรัพย์สินที่มีทั้งหมด แล้วกลับเป็น...ศูนย์
ก็ยังดีกว่า...ติดลบ ตลอดชีวิต

ทางรอดสุดท้าย...เพิ่มรายได้ ลดค่าใช้จ่าย
อะไรที่เคยสิ้นเปลือง มีแต่เปลือกไม่มีสาระแก่นสาร...ก็เลิกซะ
ไอ้รถแพงๆ ผ่อนหนักๆ ขายทิ้งไปเหอะ...ขี่มอไซค์เงินสด ยังสบายใจกว่า
ของผมซื้อมือสองด้วยซ้ำ ถูกกว่ารถใหม่ตั้งครึ่ง
ร.ร.ลูกที่แพงๆ ก็หาที่ใหม่ ผมไม่เคยส่งลูกเรียนแพงๆ แต่ก็จบเกียรตินิยม ธรรมศาสตร์
อีกคนก็เรียน ราชภัฎฯ สวนดุสิต...การอาหาร

อย่าลืม เพิ่มรายได้...ตอนนั้นผมสู้ตาย ทำงานอย่างหนักกาย แต่สุขใจ
จดจ่อกับงาน...ปัญหาก็หมดไป
ผมรอดมาได้ ก็วิธีนี้แหละ...ผมทำมาแล้ว
ทุกวันนี้ มีน้อย ใช้น้อย ซื้อของด้วยเงินสด
เท่ห์กว่าเป็นไหน..ไหน.

อนณ 089-995-9377
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 9 พ.ย. 53 09:25:06




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 23:14:37 น.
Counter : 1012 Pageviews.  

กรรมทันตา ขายประกัน 3

ขายประกัน 3

ขอบอกก่อนนะ...เรื่องที่เล่านี้เป็นความคิดเห็นของผมคนเดียว
ผมเล่าให้ฟังแล้วว่าเคยอยู่ในหน่วยงานขายประกันฯ ที่เป็นท๊อปไฟว์ของประเทศไทย 11 ปีซ้อน
มาว่ากันต่อ...สำหรับคนที่คิดว่า เป็นตายร้ายดียังไงก็จะขายประกันฯ

ประกัน...เป็นสินค้าที่ไม่มีตัวตน เป็นนามธรรม
บางคนอาจเถียงว่า...มีสัญญากรมธรรม์...ก็ตามใจ
ในเมื่อมันไม่มีตัวตน จับต้องไม่ได้ เลยแบกไปให้ลูกค้าทดลองก่อนก็ไม่ได้เหมือนกัน
ไอ้จะบอกให้ลองบาดเจ็บ...ลองตาย...ลองไฟไหม้บ้านดูก่อน ใครจะยอม
ฉะนั้น สิ่งที่ลูกค้าสัมผัส มองเห็น จับต้องได้ ก็คือ...ตัวคุณน่ะแหละ

วิธีที่จะขายประกัน ให้ได้ก็เน้นไปที่ตัวคุณ พัฒนาตัวคุณ
ลองนึกภาพว่า คุณอยากซื้อประกันบ้าน ประกันชีวิต ฝากลูก เมีย ไว้กับคนแบบไหน
คุณ...ก็ต้องเป็นแบบนั้นแหละ
สิ่งที่คุณต้องทำ คือ...ทำเหตุ
...ทำให้ลูกค้าชอบ
...ทำให้ลูกค้าเชื่อ
การที่ลูกค้าจะชอบคุณได้ อย่างแรก...บุคคลิกภาพ...การแต่งกาย...ความสุภาพอ่อนน้อม
การทำให้ลูกค้าเชื่อได้ คุณต้องเข้าใจสิ่งที่ขายอย่างถ่องแท้
ต้องสื่อสารออกมาให้ฟังเข้าใจง่ายที่สุด พูดไม่กี่คำก็เข้าใจได้หมด
ส่วนลูกค้าจะซื้อหรือไม่ เป็นเรื่องของเขา...เป็นผล
ทำเหตุให้ดีที่สุด ผลก็ต้องออกมาดีที่สุด
แอ๊คชั่น เท่ากับ รีแอ๊คชั่น

ด้วยความรัก และประสบการณ์ ผมขอเตือนบางอย่าง นะครับ
อย่ารีบเปลี่ยน หรือซื้อรถใหม่...มันจะเพิ่มภาระ เพิ่มความเครียด
มีหน่วยงานหนึ่ง ตัวหัวหน้าที่เป็นใหญ่เป็นโตมาก...
ใครๆ ก็เรียกว่า ครู บางคนเรียก ป๊า
ชอบยุให้ตัวแทน ซื้อ หรือออกรถใหม่ป้ายแดง
เหตุผลคือ ให้มีภาระผ่อน ไฟลนก้น จะได้ขยันขายประกัน...ผมได้ยินมากับหู
ผลที่ตามมา คือ ไอ้คนที่ออกรถมา ต้องหาเงินผ่อนรถแทบเป็นแทบตาย
ไม่มีกะจิตกะใจทำงาน ยิ่งขายด้วยความเห็นแก่เงินยิ่งขายไม่ได้ ตายสนิท
ไอ้ตัวหัวหน้า ก็ใช่ว่าจะดี หนี้สินบานเบอะ อีกไม่นานคงร่วงแน่...
เรื่องนี้ผมโดนมากับตัวเอง...ซาบซึ้งยิ่ง ยังเจ็บใจที่เชื่อไอ้ผู้ใหญ่คนนั้นอยู่เลย
ในความเป็นจริง...ลูกค้าไม่ได้สนใจว่าคุณขับรถอะไรมาหาเขา
แต่สนใจแค่ว่า...คุณเป็นมืออาชีพแค่ไหน จะดูแลเขาได้ตลอดรอดฝั่งหรือเปล่า

อย่าเชื่อหัวหน้าหน่วย...ทุกเรื่อง
เพราะหลายเรื่องเขาต้องทำเพื่อหาผลงาน
ถ้าอยากอยู่รอดเป็นคนขายประกันฯ ที่มีความสุข มีเงินมีทองใช้
หัดขายจากง่าย ๆ ไปหายาก...ให้ทำเหมือนนักกีฬายกน้ำหนัก
เริ่มต้นให้ยกเบาๆ ก่อน แล้วค่อยเพิ่มน้ำหนักขึ้นทีละนิด ทีละหน่อย

เริ่มขายจาก ประกันอุบัติเหตุ ประกันบ้าน ประกันวินาศภัย ซะก่อน
ไม่ต้องรีบร้อนขายประเภทสะสมทรัพย์
โดยเฉพาะ การขายให้ญาติ พี่น้อง คนรู้จัก...ผมไม่เห็นด้วย
เพราะถ้าคุณมีอันต้องเลิกอาชีพนี้ คุณจะมองหน้าคนเหล่านั้นไม่ได้อีกเลย
ชีวิตที่เหลือ คุณจะสูญเสียความมั่นใจไปตลอดชีวิต
คุณจะตกเป็นรอง ญาติ พี่น้อง ที่เขาช่วยซื้อประกันฯ กับคุณ...ตลอดไป
มันคุ้มกันมั๊ย...
อีกอย่าง คุณจะถูกหัวหน้าล่อหลอก บีบ ให้ซื้อประกันฯ ให้ตัวเองและครอบครัว
ที่จริงก็ควรซื้อ...เพื่อเป็นบทเรียน เพื่อให้เข้าใจ
แต่ซื้อให้น้อยที่สุด ขั้นต่ำที่สุด...กรมธรรม์เดียวพอ

อย่าไปหลงกับการแข่งขัน เสียงเชียร์ เสียงสรรเสริญ เสียงปรบมือ...มันไร้สาระ
อย่าไปมัวสนุกกับงานเลี้ยง ปาร์ตี้ของหน่วยงาน...มันไม่ได้มีผลอะไรกับการขาย
มีแต่ทำให้หลงระเริง...พวกเขาเอาความสนุก มาล่อ

ตั้งสติให้ดี คุณจะขายประกันฯ ได้ ก็เพราะออกไปขาย
ไปพูดคุยเสนอขาย...ไม่มีวิธีอื่น

การขายได้ของผม...ไม่ใช่ได้ปิดการขาย
แต่...ได้ความสัมพันธ์ที่ดีกลับมา
แล้วค่อยทำให้มันเติบโต จนวันหนึ่งเขาเชื่อใจซื้อกับคุณ
วิธีที่ผมใช้ได้ผลเสมอๆ ...ทำใบปลิว ขนาดเอ 4
ใส่ข้อมูลที่จำเป็น ไม่เยิ่นเย้อ ที่เข้าใจง่าย...พร้อมชื่อและเบอร์โทรฯ
จากนั้น...ทุกวัน...ออกไปจุดที่เราหมายตาไว้
แจกใบปลิว พูดคุย สอบถาม
อยากทราบว่า มีประกันอุบัติเหตุแล้วหรือยัง....
ขอข้อมูล ชื่อ เบอร์โทร ที่อยู่ วันเกิด อาชีพ.... สร้างความสัมพันธ์อันดีไว้...
ฝากรอยยิ้ม และความประทับใจเอาไว้
ทำแค่นี้...ทำไปเรื่อยๆ ขายได้แน่นอน...ผมทำมาแล้ว
ขายได้เยอะด้วย
คุณต้องเพาะปลูกความสัมพันธ์ที่ดีกับคนเป็นร้อยๆ คน
แล้วหมั่นรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย ประคบประหงม ให้มันเติบโตขึ้น
วันหนึ่งมันต้องออกดอก ออกผล มาให้คุณอย่างแน่นอน
เพียงแต่ บางต้นก็เร็ว บางต้นก็ช้าหน่อย...แต่อาจจะลูกใหญ่ ก็ได้นะ
ผมเคยได้ลูกหนึ่ง ประกันโชว์รูม โตโยต้ากรุงไทย ถ.รามอินทรา กม.7
ทุนประกัน 100 กว่าล้าน เบี้ยประกันเกือบ 2 แสน

พวกผมมีคติที่ต้องท่องขึ้นใจ...
...ทุกครั้งที่ทำ ต้องดีที่สุด
ทุกครั้งที่ทำ ต้องสุดชีวิต...
ช่วงเวลาที่คุณได้อยู่ต่อหน้าลูกค้า...และเขาตั้งใจฟังคุณ
มันมีนิดเดียว...นิดเดียวเอง...เป็นนาทีทอง
ฉะนั้น ต้องทำนาทีนั้น...ให้ดีที่สุด...ทำให้สุดชีวิต

รายไหนที่เราตั้งความหวังไว้มาก แล้วขายไม่ได้...มันจะจิตตกอย่างแรง
ให้ดูคนขายล๊อตเตอรี่ เป็นตัวอย่าง
ผมเคยจอดรถที่ปั๊มน้ำมัน พอจอดปั๊บ...คนขายล๊อตเตอรี่ เดินมาหาเลย
นำเสนอใบที่มีเลขเดียวกับ ทะเบียนรถผม...แสดงว่าเขาตั้งใจดู ตั้งใจเสนอ
แต่ผมไม่ซื้อ...เขาก็ไม่เห็นเสียใจ ตีอกชกหัว จิตตกอะไร
เห็นเดินไปนำเสนอคนอื่นต่อไป...ยิ้มแย้มแจ่มใส...ใจสู้
ผมเห็นแล้ว เข้าใจและนับถือเป็นตัวอย่างตลอดมาเลย
ถ้าเราท้อแท้ จิตตก เสียใจ...ก็ต้องอาย คนขายล๊อตเตอรี่

พอพูดถึงคนขายล๊อตเตอรี่...ผมว่าเขาตีโจทก์แตกนะ
เขาไม่ได้ขายกระดาษแผ่นเท่าฝ่ามือ ใบละ 100 นะครับ
แต่สิ่งที่เขาขาย คือ...ความหวัง...ขายความฝัน...ไม่ใช่กระดาษ
เขาขายรางวัลที่ 1 ...เงินสด..สด 3 ล้าน แค่ร้อยเดียว

ประกันฯ ก็เหมือนกัน มันคือ...อนาคตที่เราซื้อไว้...ความไม่ประมาท
วันพรุ่งนี้ไม่มีอะไรแน่นอน อุบัติเหตุอาจเกิดกับใครก็ได้
หรือซื้ออนาคต อีก 20 ปีข้างหน้าว่าจะมีเงินเก็บซักล้าน...
ด้วยการซื้อประกัน ปีละ 40,000
หรือแค่ เดือนละ 3,300 หรือ วันละแค่ 112 บาท นิ๊ด..ด...เดียวเอง
กัดฟันนิดเดียว เดี๋ยวก็มีเงินล้าน...เกิดตกหล่นโชคร้ายไปเมื่อไหร่
ลูกเมียที่เรารัก ก็ยังมีเงินกินใช้ ไม่ต้องหาผัวใหม่ 1 ล้านสบาย...สบาย

เรื่องขายประกัน ผมคงหมดแค่นี้แหละครับ
แต่ถ้าไม่เห็นด้วย จะด่าผม...ขอให้กลับไปอ่านให้ครบทั้ง 3 ตอนซะก่อน
แล้วโทรมาด่าได้ ผมให้เบอร์ไว้แล้ว...ไม่เคยปิดเครื่อง
ผมผ่านประสบการณ์ ทั้งดี ทั้งเลว ในวงการนี้มาเยอะแล้ว
ก่อนจะด่าผม...ขอให้ถามใจคุณ ให้แน่ ซัก 3 รอบก่อน นะ...ครับ

อนณ 093-149-9564
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 8 พ.ย. 53 11:14:57




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 27 มีนาคม 2559 20:05:16 น.
Counter : 3496 Pageviews.  

กรรมทันตา ขายประกัน 2

ขายประกัน 2

ตอนที่แล้วผมเล่าเรื่องที่ผมไปหัดขายประกันชีวิต
แต่ตอนนี้ อยากคุยถึงคนที่อยากเริ่มขายประกันฯ นะครับ

ก่อนอื่น...ต้องขอคุยโม้ ให้มีศรัทธากันก่อน
ผมโชคดีได้เริ่มเรียนรู้การขายประกันชีวิต กับบริษัทที่ใหญ่ที่สุด
และเป็นหน่วยที่เก่งที่สุด เอาเป็นว่า 1 ใน 5 หน่วย
แถมยังเรียนกับคนที่ติดอันดับคนที่เก่งที่สุดในบริษัทนี้ติดต่อกัน 11 ปี

มาทำความเข้าใจเรื่อง ประกัน คือการบรรเทาความเสียหาย เมื่อเกิดเหตุการณ์เลวร้าย ไม่คาดฝันขึ้น
เน้นนะครับ...เพื่อบรรเทาความเสียหาย
มี 2 ประเภทใหญ่ๆ วินาศภัย และ ชีวิต

...ประกันวินาศภัย
เน้นการประกันทรัพย์สิน...ประกันไฟใหม้ ฟ้าผ่า ระเบิด......
แต่ดันมีประกันคนอีกนิดหน่อย คือ ประกันอุบัติเหตุ พี.เอ. และประกันมะเร็ง

...ประกันชีวิต
เป็นเรื่องของคนอย่างเดียว มีตั้งแต่
ประกันอุบัติเหตุ...ตะปูตำ หนามเกี่ยว รถเฉี่ยว หมากัด มีดบาด น้ำร้อนลวก แมลงสัตว์กัดต่อย ฯลฯ
จ่ายค่ารักษาพยาบาลให้...ถ้าเกิดตาย...ไม่หายใจ มีเงินให้ลูก เมียต่างหาก

ประกันสุขภาพ...เกิดเจ็บป่วยจนต้องนอนโรงพยาบาล
เน้นนะครับ ต้องนอนโรงพยาบาล จะจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้
และเช่นกัน...ถ้าเกิดตาย...ไม่หายใจ มีเงินให้ลูก เมียต่างหาก

ประกันแบบสะสมทรัพย์...มันคือการซื้ออนาคต ฝากเงินไว้ให้ตัวเอง หรือคนที่เรารัก
และที่เหมือนกัน คือ...ถ้าเกิดตาย...ไม่หายใจ มีเงินให้ลูก เมียต่างหาก

พอจะเริ่มขาย สิ่งแรก...สำรวจตัวเองก่อน
ความรู้ทางการศึกษาไม่ต้องมาก...ขอให้ใจสู้เท่านั้น
คุณเป็นคนชอบพบปะ พูดคุย วุ่นวายกับคนมั๊ย...
ถ้าเป็นพวกเบื่อมนุษย์ อยากจะปลีกวิเวก หลีกเร้นจากมนุษย์ขี้เหม็นทั้งหลาย...ก็เลิกคิด
คุณเป็นพวกบุคคลิกแบบไหน เพราะอาชีพนี้...ขายความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ
คุณพูดเป็นมั๊ย หรือพูดเก่งน้ำไหลไฟดับ...แต่ไม่ได้เนื้อเรื่อง
อันนี้แนะนำ ต้องไปเข้าคอร์สหัดพูด มีอยู่ที่หนึ่งดีมาก...ก
หลักสูตร โทสต์มาสเตอร์
ที่อื่น คอร์สละ 17,000 ที่นี่ 700 เท่านั้น ให้เข้านั่งฟังฟรีได้ด้วยซ้ำ
สอนเฉพาะวันเสาร์ 9 โมงเช้าถึงเที่ยง ทุกเสาร์
ถ้าสนใจโทรมา ถ้าบอกเลยเดี๋ยวโดนว่า...
อันสุดท้ายนี่สำคัญ...
คุณทุ่มเท...แค่ไหน เรื่องเงินไม่ต้องพูดถึง ได้เยอะแน่
ครอบครัวคุณพร้อมหรือยัง...
เพราะการขายประกันฯ นี่มันต้องทำความเข้าใจกันให้ดี ทั้งผัว ทั้งเมีย ทั้งลูก ต้องช่วยกัน
มันกินเวลาในชีวิตหมดเลย ที่ผมเลิกก็เพราะเหตุนี้แหละ...
อย่าลืมนะว่า ลูกค้าเค้าฝากชีวิตเขา และคนที่เขารักไว้กับคุณ
เขาเชื่อมั่นคุณเขาถึงซื้อ กรมธรรม์ส่วนใหญ่ 15 ปีขึ้นไปทั้งนั้น
คุณก็ต้องดูแลเขา...ตลอดไป
แต่ถ้าคิดจะลุย ก็มีทางรวยได้ไม่ยาก

บทต่อไป...เริ่มขาย
สิ่งแรก ต้องมีทุนอย่างน้อย 3 เดือน...มันยังไม่มีรายได้
ต่อมาขอให้เริ่มขายจากง่ายๆ แล้วค่อยพัฒนาฝึกฝนตัวเองไปเรื่อยๆ ช้าๆ แต่มั่นคง
ใครให้เริ่มที่ประกันชีวิตอย่าไปเชื่อ...เชื่อผม

คุณต้องเริ่มจาก การขายประกันวินาศภัย...เพราะมันขายง่าย
เวลาไปพบลูกค้า ซึ่งก็คือคนรู้จัก หรือแวดวงของคุณ...เขาก็ไม่รังเกียจ
แต่ถ้าจู่ๆ เริ่มบอกใครๆ ว่าคุณขายประกันชีวิตนะ...วงแตก
ให้เริ่มศึกษาเล่าเรียนให้ชัดเจน จนเข้าใจถ่องแท้ซะก่อน...ทุกบริษัทฯมีศูนย์อบรม
อาชีพนี้ต้องแม่นหลัก ต้องไม่ผิดพลาด อาจใช้เวลาซัก 1 เดือนก็น่าจะได้
จากนั้น ให้เริ่มขาย ประกันอุบัติเหตุ หรือที่เรียกกันว่า พี.เอ.
เพราะมันขายง่าย ทำให้เรามีกำลังใจ และเป็นการหัดพูดคุยกับลูกค้าที่ง่ายที่สุด
ใช้ลูกค้าเป็นแบบฝึกหัด...ขายกับคนที่ไม่รู้จัก คนแปลกหน้า ได้ทั้งนั้น.
รายได้ของการขาย พี.เอ. เริ่มต้นใหม่ๆ เดือนที่ 3 น่าจะได้ซัก 8,000 ขึ้นไป
แต่พอเดือนต่อไป น่าจะได้ 10,000 ขึ้น...เฉพาะ พี.เอ.อย่างเดียวนะ

ขายใคร...
ก่อนอื่นต้องกำหนดพื้นที่ซะก่อน...เอาที่มันไม่ไกลบ้านจนเกินไป
ยิ่งใกล้บ้านยิ่งดี พอได้แล้วก็ปะฉะดะ
ไม่จำเป็นต้องขายคนที่เรารู้จัก...คนที่ไม่รู้จักยิ่งดี ไม่ต้องอาย ไม่ต้องแอ๊ค พูดกันตรงๆ ง่ายๆ
เป็นบริษัทห้างร้านยิ่งดีมาก..มาก...ผมละชอบวิธีนี้
ที่ผมใช้เป็นประจำ และได้ผล คือเข้าไปหาบริษัทที่เราหมายตาไว้
แล้วเข้าพบเจ้าของเลย...บอกว่า คุณมีมืออาชีพปรึกษาด้านการประกันหรือยัง
ถ้ายัง ผมขอเป็นที่ปรึกษาด้านนี้ให้ฟรี...ฟรี...ฟรี
ถ้ามีปัญหาไม่ว่าอะไร เกี่ยวกับเรื่องประกัน โทรหาผมทันที...ฟรี
พวกบริษัทห้างร้าน มันจะมีปัญหาเรื่องประกันสารพัด...
ประกันตึก ประกันร้าน ประกันเครื่องจักร ประกันสังคม ประกันอุบัติเหตุคนงาน
ประกันรถ ประกันการขนส่งสินค้า.....ฯลฯ
ถึงบอกว่าคุณต้องแม่นหลักซะก่อน เวลาเขาถามจะได้ดูเป็นมืออาชีพ
พอเขาเริ่มปรึกษา คุณก็เริ่มขายได้แน่..แน่

แต่ทุกอาชีพนะ มันก็หลักเดียวกัน...อิทธิบาท 4
ฉันทะ...ใจรักด้านบริการคนหรือเปล่า อาชีพนี้วุ่นวายกับคนอย่างยิ่ง
วิริยะ...เหนื่อยแน่ แต่ผลตอบแทนสะใจดี และอาชีพนี้ต้องขยันพูดคุยกับคน
จิตตะ...ต้องจดจ่ออย่างยิ่ง เพราะต้องเอาใจใส่กับลูกค้าผู้มีพระคุณทุกคน เอาเงินเขามากินมาใช้ ก็ต้องเอาใจใส่เขาอย่างยิ่ง
วิมังสา...ต้องตั้งระยะในการตรวจเช็คตัวเองเสมอ เช่น ทุกอาทิตย์ ทุกเดือน ทุก 6 เดือน
ต้องวิเคราะห์จุดอ่อน จุดแข็ง ข้อผิดพลาดสม่ำเสมอกว่าอาชีพอื่น

เคล็ดลับอาชีพนี้...
ด้านได้ อายอด...อย่าอายทำมาหากิน อาชีพนี้สุจริต เป็นสินค้าที่ดี ที่จำเป็นกับทุกคน ทุกบริษัท
สัจจะ...ต้องจริง ทั้งใจ ทั้งคำพูด และที่สำคัญรับปากลูกค้าแล้วต้องทำให้ได้
ศีลห้า...อาชีพนี้ขายความเชื่อมั่น ความน่าเชื่อถือ
คนที่มีศีล จะสง่าผ่าเผย กล้าพูดกล้าคุย ดูน่าเชื่อถือ น่าจะฝากให้ดูแลได้
และที่สำคัญจะไม่หลงไปกับเรื่องบันเทิง เรื่องชู้สาว
ปะฉะดะ...อย่าเลือกลูกค้า เริ่มต้นใหม่ๆ มันไม่มีรายใหญ่ให้คุณหรอก
เก็บรายเล็กๆ ทำไปเรื่อยๆ รายใหญ่จะมาเอง...ก็ไอ้รายเล็กๆ นั่นแหละแนะนำให้
กำหนดพื้นที่ เช่นถนนนี้ ลุยเข้าพบให้หมดสองฝั่งถนนเลย
ผัวเมียร่วมใจ...อาชีพนี้ต้องร่วมใจ ช่วยกันอย่างแรง ไม่งั้นล่ม...
เริ่มจากง่ายไปยาก...อย่าไปเชื่อใครนะ ล้มเหลวมาเยอะแล้ว แต่เขาไม่กล้าบอกกัน

อาวุธลับ...
เมตตา...ใช้เมตตายิงนำหน้าไปก่อน
เพราะฉะนั้น ต้องหัดเจริญเมตตาให้เก่ง ต้องเข้าใจกิเลสคน
คนทุกคนมันมี รัก โลภ โกรธ หลง มากระแวง เหมือนกันทั้งนั้น
เวลาลูกค้าปฏิเสธ ก็จะได้ไม่เสียใจจิตตก...ปฏิเสธวันนี้ช่างมัน วันหลังมาใหม่

วันนี้เอาแค่นี้ก่อน...ดูว่ามีคนคิดเห็นยังไง

ความสำเร็จ = ความตั้งใจ + วิธีการ

...ไม่มีบทละครบทไหน ที่เหมาะกับเรา
มีแต่เรา ที่ต้องปรับตัวให้เหมาะกับบทละคร
ไม่มีงานไหน ที่เหมาะกับเรา
มีแต่เรา ที่ต้องปรับตัวให้เหมาะกับงาน...

อนณ 093-149-9564
จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 7 พ.ย. 53 09:38:25




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 27 มีนาคม 2559 20:03:48 น.
Counter : 2686 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.