กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

กรรมทันตา ศรัทธา

ศรัทธา

วง : หิน เหล็ก ไฟ
อัลบั้ม: Never Say Die

ไม่มี ก็คงต้องมีสักวัน
ความฝันเป็นจริงต้องทนสู้ไป
ไม่นาน เราคงจะได้สมใจ
มุ่งมั่น ทุ่มเทเพียงใดกว่าจะได้มา

เส้นชัย ไม่มาต้องไปหามัน
รางวัล มีไว้ให้คนตั้งใจ
ขวากหนาม ทิ่มแทงก่อนผ่านพ้นไป
โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาง่ายดาย

(*) ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา
โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ

(ดนตรี)

ที่มา รู้ดีไม่รู้ที่ไป
คนเรา มันเลือกเกิดเองไม่ได้
แต่เรา เลือกได้จะเป็นเช่นไร
เลือกได้จะทำตามใจด้วยตัวของเรา
หลายคน เชื่อในเรื่องโชคชะตา
บางคน เชื่อมั่นในตัวเอง
ชีวิต เรากำหนดของเราเอง
จะแพ้ชนะไม่เกรงจะสักเท่าไร

(*) ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา
โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ

เรื่องราวมากมายบีบคั้น กายและใจโอนอ่อนหวั่นไหว
แต่ก็มีเหตุผลสำคัญ ให้บางคนยอมถอดใจ เย.......

(ดนตรี)
(*) ใจสู้หรือเปล่า ไหวไหมบอกมา
โอกาสของผู้กล้า ศรัทธาไม่มีท้อ

เมื่อวาน 10 มี.ค. 54
ตอนเช้าได้ดูข่าวช่อง 3 รายการ คุณสรยุทธ
มีการเอาเทปการแข่งขัน ไทยแลนด์ กอท ทาเลนท์ มาให้ดูนิดนึง
เป็นช่วงที่ หนุ่มอายุ 29 ปี แขนซ้ายพิการจากอุบัติเหตุเมื่อ 10 ปีก่อน
ออกมาร้องเพลง และเล่นกีตาร์ด้วยมือขวาที่เหลือเพียงข้างเดียว...ข้างเดียว เท่านั้น

ตั้งใจดูผ่าน ๆ เพราะตอนช่วงเวลาอย่างนี้ มักจะยุ่งวุ่นวายเรื่อง กาแฟ-ขนมปัง
แต่พอเงยหน้าขึ้นมองจอทีวีแล้ว...ตะลึง โอ้...อะไรกันเนี่ยะ
จากนั้น...น้ำตาลูกผู้ชาย ก็ไหลพราก...ก...ก...
ผู้ชายที่ผ่านชีวิตมาครึ่งศตวรรษ ผ่านสุข ทุกข์ ดีใจ เสียใจ มากมาย
ผมว่าผมก็ผ่านเรื่องราวเหตุการณ์เลวร้าย หรือเร้าอารมณ์มาก็มาก
แต่ยังเสียสติ ด้วยภาพ ด้วยเสียง ด้วยเรื่องราว ที่วิ่งเข้ามาปะทะจิตใจอย่างไม่ทันระวัง...

พอตั้งสติได้...พยายามระงับอารมณ์อย่างที่สุด
แต่ก็ด้วยบทเพลง เนื้อหา ทั้งน้ำเสียงในการถ่ายทอดที่มันออกมาจากจิตใจคนร้อง
ผมก็สติหลุด น้ำตาไหล..ล..ออกมาอีก
เพราะมันไปกระทบเอาสัญญา ความจำในหัวใจ
ภาพต่างๆ ในอดีต ความชอกช้ำ ตกต่ำ ละอาย เสียใจ
การต่อสู้ดิ้นรน เพื่อเอาชนะโชคชะตา กระแสกรรม
มันแย่งกันผุดพรายขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เกินกว่าจะห้ามไหว

หลายท่านคงจะได้ดูเทปนี้ด้วยกันแล้วนะครับ....จะได้ไม่ว่าผมบ้า
ทีแรกก็ไม่คิดว่าจะพูดเรื่องนี้ คนคงพูดกันเยอะแล้ว...แต่อดไม่ได้จริง ๆ

พอตั้งสติได้คงที่ ก็มานั่งคิดดูว่า
ไอ้เราก็พบเห็นคนที่ไม่มีความพร้อมเหมือนคนอื่น
ต้องขอโทษที่ต้องใช้คำว่า คนพิการ
แต่เขาเหล่านั้นก็สามารถฝืนกระแสโชคชะตา
ลุกขึ้นยืนฝืนสู้กับสิ่งที่เกิดกับตัวเอง อย่างทรหด...ทรหด ยิ่ง
ผมเคยเห็นคนตาบอด เล่นดนตรี ร้องเพลง เป็นอาจารย์สอนนักศึกษา
หรือทำงานต่างๆ ได้ดีกว่าคนปรกติอย่างเรา
เคยเห็นคนขาขาด ลุกขึ้นมาสร้างเนื้อสร้างตัว เป็นเจ้าของกิจการ
คนเป็นโปลิโอ เป็นตลก เป็นนักแสดง
เคยดูรายการคน ค้น คน ยุคแรกๆ ไปตามถ่ายคนใน จ.ชัยภูมิ
ชื่อ...ช่างก้อม...เขาแทบจะไม่มีขา แขนและมือแทบจะใช้งานอะไรไม่ได้
พอเกิดมาพิการ พ่อแม่ ก็ตั้งใจทิ้งให้ตาย
แต่ยายพยายามเลี้ยงจนโต จนทุกวันนี้กลายเป็นช่างซ่อม ทีวี เครื่องใช้ไฟฟ้า
แถมยังทำประโยชน์การกุศลต่อสังคมในหมู่บ้านด้วย
เป็นคนดี เก่ง ขยัน จนมีหญิงสาวหน้าตาดี...มาขอแต่งงานด้วยแน่ะ

คนที่ผมเล่ามาทั้งหลายก็เรียกความทึ่ง ความนับถือจากผมได้มากมาย
แต่...ไม่เคยน้ำตาไหล..ล...พราก เหมือนเขาคนนี้...คุณ สมศักดิ์ เหมรัญ
อย่างที่บอกแหละครับ ทั้งภาพ ทั้งน้ำเสียง ทั้งเนื้อเพลง มันกระแทกใจสุดจะทน

อีทีนี้ มามองดูพวกเราซิครับ
เราไม่ได้มีทุกข์ทางร่างกาย...ซึ่งเป็น ทุกข์แท้ ๆ อย่างพวกเขา
เรากลับเป็นทุกข์ จากเรื่องเงิน เรื่องหนี้ เรื่องความอยากได้ อยากมี อยากเป็น
ทั้งความไม่อยากเป็น ไม่อยากมีอีกมากมาย ซึ่งล้วนแต่เป็นทุกข์ที่เราสร้างมันขึ้นมาในใจทั้งนั้น
...ทุกข์เทียม ๆ
พอมาดูปัญหาของพวกเรา กับปัญหาของพวกเขาแล้ว
ของเรามันช่างจิ๊บจ๊อย กระจอกงอกง่อยสิ้นดี
แค่ทำความเข้าใจ และตัดใจจากมัน...ก็เท่านั้นเอง

เอาใหม่...พอมาดูความทรหด อดทน การต่อสู้ ฟันฝ่า ของพวกเขาซิครับ
แล้วพวกเราล่ะ...
ช่างน่าอาย...ย...ย นะ

พอมาดูเนื้อเพลง ที่มันรีดน้ำตาผมออกมาตั้งเยอะ
ต้องนับถือ คนแต่งเนื้อ และทำนอง อย่างยิ่ง
เขาคนนั้น...ก็คงต้องผ่านทุกข์ระทม และฟันฝ่ามาอย่างโชกโชนเหมือนกันแหละ
เส้นชัย...มันไม่มาหาเราหรอก
เราซิต้องวิ่งไปหามัน
รางวัล ความสำเร็จ...ต้องไปต่อสู้เอามา
ใจ...น่ะ สู้หรือเปล่า
โอกาส...ต้องรีบคว้าเอา ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องอายใคร
หลายคนมัวแต่งมโข่งอยู่แต่กับ...โชคชะตา
ไม่รู้หรือยังไง ชีวิตนี้...เรากำหนดเอง
ใจ...น่ะ สู้หรือเปล่า
หรือจะให้คนที่คุณรักและห่วงใยนักหนา ต้องมาลำบากทุกข์ยาก...เพราะ
...ใจคุณ มันไม่สู้

โอ๊ย...ย...ผมเป็นอะไรไปนี่
แต่ยังไง ผมก็ภูมิใจนะ เพราะผมลุกขึ้น...สู้
ลุกขึ้นยืนฝืนชะตา...
เอาศีลห้า เป็นที่ตั้ง
เอาศรัทธา เป็นพลัง
เอาพระพุทธเจ้า หนุนหลัง
เอาความตั้งใจ ทำทุกอย่างที่คิดว่าดี ทำดีเท่าที่ทำได้
แล้วก็ลงมือทำ มุ่งหน้าไป...
ซึ่งก็เหนื่อยหนักแทบแย่...แต่ก็หมดหนี้ พ้นทุกข์ ได้เหมือนกัน

แล้วคุณล่ะ...จะทำยังไง

อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com




 

Create Date : 11 มีนาคม 2554    
Last Update : 11 มีนาคม 2554 1:05:17 น.
Counter : 1005 Pageviews.  

กรรมทันตา แมวเจ้ากรรม

แมวเจ้ากรรม

ภรรยาของผม ชื่อ...คุณหม่อง
เธอมีความแปลกประหลาดอยู่บางอย่าง
ครั้งแรกในตอนที่จีบกันใหม่ๆ สมัยที่ยังเป็นนักศึกษา
จำได้ว่าไปนั่งกินข้าว ในร้านอาหารแสนจะโรแมนติก คนในร้านก็เยอะพอสมควร
ผมก็กำลังปลาบปลื้มใจพอง ที่ได้พาสาวมานั่งกินข้าวกันกระหนุ๋งกระหนิ๋ง
แต่...อยู่ดี ๆ คุณหม่องก็ร้อง...ว๊าย แล้วทะลึ่งพรวดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งผม ทั้งคนในร้านต๊กกะใจ ไอ้ผมตกใจมากกว่าใคร
เอ๊ะ...ว่าเราพูดอะไรผิดไปวะ
พอมาดูถึงได้รู้ว่า...แมว...ของเจ้าของร้าน มันเดินชูหางเข้าไปใต้โต๊ะเรา
แล้วหางมันก็รูดไปโดนขาของคุณหม่องเข้า
ตั้งแต่นั้นมาถึงได้รู้ว่าเธอเป็นโรค...กลัวแมว
กลัวขนาดถ้ามันเดินเข้ามาใกล้ๆ จะขนลุกซู่..ซู่.. ยิ่งใกล้ยิ่งขนพองสยองเกล้า ทนไม่ได้เลย
เวลาไปไหนด้วยกัน ผมก็ต้องคอยระวังไล่แมวให้จนทุกวันนี้
และก็แปลกนะ...แมว...ทั้งหลายมันก็ชอบคุณหม่องซะด้วย
อยู่ตั้งไกล พอเผลอแพลบเดียวมาอยู่ข้างๆ เธอแล้ว
ไอ้เจ้าแมวทั้งหลายมันก็เดินกันเงียบกริบเชียว...
ระวังกันไม่ค่อยทัน ก็จะวี๊ดว๊าย วุ่นวายไปตามเรื่อง ประสาทจริง ๆ

คุณหม่อง มีพี่สาวอยู่คนหนึ่งชื่อ...เจ๊ช่อ เป็นครูอยู่ต่างจังหวัด
คนนี้สุขภาพไม่ค่อยดี เป็นโรคภูมิแพ้ และหอบหืด
แต่มาเป็นเอาตอนวัยรุ่นแล้ว ช่วงที่เป็นมากๆ อาการมันน่ากลัวมาก..ก..
ผมเคยเห็นกับตา...เจ๊ช่อ จะเริ่มจากหายใจไม่ค่อยออก ทีละหน่อย ไปจนหายใจไม่ออกเลย
มีอาการคล้าย ๆ ชักพะงาบ ๆ เอามือกุมคอตัวเอง อ้าปากพยายามหายใจเข้าอย่างสุดยาก..ก..ลำบาก
ผมเห็น เจ๊แกลงไปนอนชักดิ้นชักงอกับพื้น...มันน่ากลัวมากจริง ๆ
ถ้าคนไม่รู้มาเห็นตอนนั้น มันเหมือนเจ๊ช่อ แกบีบคอตัวเองจนหายใจไม่ออก
หน้าแดง หน้าเขียวไปหมดเลย ทุรนทุรายพ่นยาแก้เข้าปาก....อู๊ย...ย...เหนื่อย

ครั้งแรกที่เห็น ผมร้องให้คนช่วยลั่นบ้านเลย จนภรรยาผมเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวก็หาย
ผมไม่เข้าใจเอาจริงๆ ว่าโรคมันกำเริบขนาดนี้เลยเหรอ แล้วรักษายังไงล่ะ
เจ๊ช่อ ก็พยายามรักษาอยู่หลายปี ค่อยยังชั่วขึ้นหน่อย
ต่อมาก็ได้สามีเป็นครู เป็นคนดีมาก...มาก...มาก
แต่แกเป็นพวกมังสวิรัติ แนวสันติอโศก
เจ๊ช่อ ก็เลยเลิกกินเนื้อสัตว์ไปด้วย กินผักกันตลอดชีวิต
ชอบทำบุญ ซื้อยา หรือบริจาคเงินให้โรงพยาบาลเป็นประจำ

จากที่ผมเห็นพี่สาวคุณหม่อง แกชักพะงาบในวันนั้น ผมก็ซักไซ้เรื่องราว
จนที่สุดได้รู้ว่าภรรยาผมไม่ได้...กลัวแมว มาตั้งแต่แรก
พี่สาวก็ไม่ได้เป็นหอบหืด
ตอนเด็กซักเกือบ 10 ขวบ ที่บ้านได้ลูกแมวมาเลี้ยง 3 ตัว
ด้วยความเป็นเด็กก็ชอบลูกแมวเป็นธรรมดา ประคบประหงม ป้อนข้าวป้อนนมสนุกกันไป
จนมันโตขึ้นมาหน่อยก็ชักซนมาก จนต้องไล่จับกัน

อยู่มาวันหนึ่งมีธุระต้องออกไปข้างนอกบ้าน แต่ด้วยความห่วงลูกแมวที่กำลังซน
เจ๊ช่อ ก็ไปเอาเชือกมาล่ามมันไว้กับขาโต๊ะ โดยผูกที่คอเหมือนปลอกคอหมาน่ะ
ตั้งใจว่าไปแป๊ปเดียว เดี๋ยวก็มา
แต่...ด้วยความซนของพวกมัน
ลูกแมวมันกระโดดขึ้นไปบนเก้าอี้ โดดไปโดดมาเล่นกัน
โดดขึ้นโดดลง จนเชือกมันพันเข้ากับพนักเก้าอี้....
ภาพที่ คุณหม่องกับพี่สาวได้เห็นตอนกลับมาบ้าน คือ
ลูกแมวทั้ง 3 ตัว ห้อยต่องแต่ง เชือกรัดคอ ขาดใจตายไป 2 ตัว
อีกตัวหนึ่งกำลังทุรน ทุราย ดิ้นกระตุก ตาเหลือก จะขาดใจอยู่รอมร่อ
ช่วยเกือบไม่ทัน
มันเป็นภาพที่สยดสยอง บาดลึกในจิตใจเด็กไม่ถึง 10 ขวบทั้งสองคนอย่างที่สุด

ตั้งแต่นั้นมา...คุณหม่อง ก็เป็นโรคกลัวแมว กลัวจนขนลุกขนพอง
ส่วนแมวทั้งหลาย ก็ไม่รู้เป็นอะไร...ชอบคุณหม่อง ซะเหลือเกิน
คอยสังเกตดู ไม่ว่าไปที่ไหนก็จะมีแมวมากมาย
แมวบ้าน แมววัด แมวจรจัด...
พอพวกมันเห็นคุณหม่อง ก็จะหันมามองเขม็ง หรือเดินมาหาเอาดื้อ ๆ
ไม่ได้มาทำอะไร...แต่จะมานั่งข้าง...ข้าง นั่งใกล้...ใกล้
ยิ่งเวลาไปทำบุญ ไปทำสังฆทาน ยิ่งเห็นชัดมาก
จะต้องมีแมวเดิน ตีวง ตีโค้งเงียบกริบ มาหาทู๊ก...ก...ครั้ง
ต้องคอยไล่กันวุ่นวาย...ประสาทดีแท้

จนกระทั่ง เมื่อผมกับคุณหม่องไปบวชชีพราหมณ์ เนกขัมมะ ที่วัดสังฆทาน
ลองไปหาอ่านดูตอนเก่าๆ หรือในบล็อกของผมตอน...กรรมทันตา วัดสังฆทาน นะครับ
หลังจากทำวัตรเช้าครั้งแรกในชีวิต มีการปฏิบัติธรรมนิดหน่อย จนกินอาหารเสร็จ ก็แยกย้ายไปทำธุระส่วนตัว
พวกผู้หญิงเขาก็จะไปที่ศาลาเรือนนอน เป็นเรือนยาว ๆ นอนกันอยู่เยอะมาก
หลายคน หรือกว่าครึ่งก็จะไปงีบหลับพัก เพราะไม่เคยตื่นแต่เช้ามืดมาก่อน
คุณหม่อง ก็เช่นกันไปงีบกับเขาด้วย มีเด็กรุ่นน้องที่มาเป็นเพื่อนนอนอยู่ข้าง ๆ
สักพักใหญ่ๆ ทุกคนก็นอนกันเงียบ ไม่มีเสียงพูดคุย...
อยู่ดีๆ เธอรู้สึกแปลก ๆ ลืมตาขึ้นดูคนอื่นก็นอนกันเงียบเต็มศาลา
แต่...พอมองไปที่ปลายเท้าตัวเอง
แมว สีทองตัวบะเริ่ม...นั่งจ้องมองเขม็ง อย่างตั้งใจ นั่งมองนิ่งอยู่อย่างนั้น
แมวแค่ตัวเดียว ที่ก็ตั้งมากมาย คนก็เยอะแยะ ไม่ไปนั่งที่อื่น
คุณหม่องนะเหรอ...ตกใจ ตาโต นอนนิ่งเงียบ มองกันไปมองกันมาอยู่อย่างนั้น ร้องก็ไม่ได้กลัวคนเขาตกใจ
จนอึดใจใหญ่ ๆ นั่นแหละกลัวจนคิดได้...

...เราตั้งใจมาปฏิบัติธรรม ตั้งใจมาทำบุญกุศล ทำความดี
สิ่งต่างๆ ที่ผ่านมา ไม่เคยคิดทำร้าย ไม่เคยเจตนา
แต่เมื่อพลาดพลั้งไปแล้ว ก็เสียใจ ขอโทษ ขออภัย อย่าได้จองเวรกันอีกเลย
บุญใดที่เคยทำมา และที่จะทำต่อไป ขออุทิศให้เจ้ากรรม นายเวร ทุกท่านด้วยเทอญ....

พออธิษฐานจบ...คุณแมว สีทอง ตัวนั้นก็ลุกขึ้นเอียงคอมอง แล้วค่อย ๆ เดินไปอย่างเงียบกริบ
หลังจากวันนั้นมาก็ยังมี แมว เดินมาหาบ้างเหมือนกัน แต่น้อยลงไปเยอะ
ทุกวันนี้ที่หน้าบ้านก็ยังมีแมวจรจัด มานั่งนอนเฝ้าอยู่เป็นประจำ นักเลงซะด้วย
ว่างๆ ก็เดินมามองหน้าซักที...พิลึก

ผมเคยถามเรื่องนี้กับ เจ๊ช่อ...แกโกรธใหญ่เลย
ปฏิเสธว่าไม่เคยมีเรื่องแบบนี้ บ้าหรือเปล่า
ผมเลยไม่กล้าถามอีก
คุณหม่อง ทุกวันพอสวดมนต์เสร็จก็จะแผ่เมตตาให้...คุณแมว ทั้งหลายเสมอ
เฮ้อ...แมว เจ้ากรรม นายเวร


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com




 

Create Date : 10 มีนาคม 2554    
Last Update : 10 มีนาคม 2554 18:51:03 น.
Counter : 978 Pageviews.  

กรรมทันตา นังแมว

นังแมว

สวัสดีครับ.....
แหม...ไม่ได้คุยกันตั้งนาน...คิดถึง
วันนี้ พอจะว่างบ้างเลยอยากเล่าถึง เด็กสาวคนหนึ่งชื่อ...แมว

ประมาณปี 2540 สมัยที่ผมยังเป็นเซลส์ขายรถ อยู่ที่นิสสันพระประแดง
มีเซลส์ที่อยู่มาก่อนหลายคน ซึ่งก็จะมีผู้ชายซัก 5 คน และผู้หญิง 4 คนได้มั๊ง
มีเซลส์เด็กผู้หญิงคนหนึ่งอายุ ประมาณ 25 ปี
ชื่อ...แมว...แต่ผมชอบเรียกเธอว่า...นังแมว
ก็ไม่เด็กแล้ว เพราะมีลูกสาว 2 คน คนโตดูเหมือน 7 ขวบได้
อันที่จริง...นังแมว นี่เป็นคนสวยทีเดียวแหละ
สวยแบบสาวมอญ เพราะเธอเป็นเชื้อสายมอญพระประแดงแท้ ๆ
ตาโต ผิวคล้ำนิดๆ รูปร่างดีเชียว

ตอนที่ผมเจอ นังน้องแมว แรกๆ ก็รู้สึกว่าเป็นคนขยัน น่ารักดี แต่ออกจะแปลก ๆ...
ออกแนวมีลับลมคมนัยพิลึก...ชอบซุบซิบ...ซุบซิบ คุยกับเพื่อนเซลส์ผู้หญิงด้วยกัน
ต่อมาภายหลังถึงได้รู้ว่า เธอมีหนี้สินมากมาย อีรุงตุงนังไปหมด
เจ้าหนี้ไม่รู้กี่รายต่อกี่ราย เวลาเจ้าหนี้มาทวงเงินถึงโชว์รูม โกลาหลดีพิลึก
น่าสงสาร นังแมว...เธอต้องเข้าไปซ่อนตัวในห้องน้ำ หรือหลบอยู่ใต้โต๊ะ...เป็นชั่วโมง...ชั่วโมง...
ทุกครั้งผมเห็นแล้วก็อ่อนใจ แต่ไม่กล้ายุ่ง...เพราะยังไม่สนิทกันมาก
อีกอย่าง ในเวลานั้นผมเองก็วิ่งวุ่นหาเงินใช้หนี้อุตลุดอยู่เหมือนกัน
ผมไม่ค่อยได้อยู่ติดโชว์รูม ออกไปตระเวนหาลูกค้าทุกวัน
อ้อ...ภรรยาผมก็ไปด้วยกันทุกวัน สองคนผัวเมียช่วยกันหาเงิน
เวลาที่ผมเข้ามาเคลียร์งาน ภรรยาก็จะนั่งคอยในรถซะเป็นส่วนใหญ่
พอนาน ๆ เข้า นังแมวก็ชอบไปนั่งคุยกับภรรยาผม...บอกเห็นสองคนผัวเมียช่วยกันหากินแล้วอิจฉา ทั้งยังปรับทุกข์ให้ฟังว่า
ตั้งแต่เรียน ร.ร.พาณิชย์ ก็มีแฟนเป็นเด็กช่างกลคนหนึ่ง ท่าทางขยันดีเหมือนกับเธอ
พอจบ ปวช. ก็รีบแต่งงานแล้วมาอยู่ที่บ้านผู้ชายด้วยกัน
แฟนก็ไปทำงานโรงกลึง เป็นช่างกลึง
ส่วนเธอก็ทำงานเป็นพนักงานบริษัท จนมีลูกสาว 2 คน เลยต้องออก
พอลูกโตหน่อยก็มาสมัครเป็นเซลส์ขายรถ
ซึ่งในยุคนั้นรายได้ดีมาก หาเงินได้เดือนละหลายหมื่นทีเดียว

ทุกอย่างน่าจะไปได้ดี...แต่แฟนหนุ่มดันไปติดยาบ้า จากพวกเพื่อนในโรงกลึง
ติดมากขึ้นจนทำงานไม่ได้ ถูกไล่ออกมาอยู่บ้านเฉย ๆ
ฝ่ายเมียก็พยายามขอให้เลิก พาไปรักษาสารพัด ก็ดีขึ้นหน่อย
ต่อมา แฟนหนุ่มก็อยากจะทำโรงกลึงเองที่บ้าน
นังแมว เป็นคนขยันหากินอยู่แล้ว ทั้งอยากให้แฟนมีกำลังใจก็เอาด้วยทุกอย่าง
พากันไปกู้เงินธนาคาร เอาบ้านไปจำนอง ซื้อเครื่องกลึง ทั้งปรับปรุงบ้านให้เป็นโรงกลึงเล็ก ๆ
แฟนหนุ่มก็กระชุ่มกระชวย ขยันดี ค่อยๆ เลิกยาบ้าได้
งานกลึงเริ่มดี ก็ลงทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่ม ซื้อรถกระบะป้ายแดงมาใช้งาน
...กู้ทางโน้น ยืมทางนี้ยุ่งไปหมด

ช่วงก่อนปี 40 ก่อนฟองสบู่แตก ทุกอย่างไปได้สวย
ถึงจะมีหนี้หลายทาง แต่หมุนไปได้สบายมาก ทั้งงานกลึง ทั้งขายรถ
แต่...พอช่วงวิกฤต ฟองสบู่แตก...รายได้ทุกอย่างก็สูญสลาย
แต่ที่ยังคงอยู่ไม่มีตก...คือ เจ้าหนี้ และ กองหนี้
แฟนหนุ่มก็กลุ้มใจ สุดท้ายหันไปติดยาบ้าอีก...เฮ้อ
จากเสพน้อยๆ แก้กลุ้ม ก็กลายเป็นมากขึ้น...มากขึ้น ถึงขั้นอาละวาด
บ่อยครั้งที่ลงมือทุบตี หรือใช้มีดขู่เอาเงินไปซื้อยาบ้า

ทางฝ่าย นังแมว ก็ขายรถไม่ได้ เพราะช่วงนั้นไม่มีคนซื้อ ไม่มียอดขายแทบจะถูกไล่ออกเหมือนกัน
ทุกสิ่งทุกอย่างก็ค่อยๆ เหมือนตกนรกเข้าไปทุกที
ผัวก็ติดยาบ้า อาละวาดทุกวัน...เจ้าหนี้ก็มารุมยึดทุกอย่าง ทั้งเครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า และทุกอย่างที่มี
ลูกสาว 2 คนก็ยังเล็กต้องกิน ต้องใช้ ต้องไปโรงเรียน
อีกอย่างที่ผมเห็นประจำ คือ คนที่บ้านไอ้น้องแมว วิ่งมาบอกว่า ถูกตัดน้ำ ถูกตัดไฟ เห็นบ่อยมาก...ก...
แถมมีคนใจร้ายจะมาบังคับให้ขายยาบ้าด้วยอีกแน่ะ
เธอเล่าให้ภรรยาผมฟังว่า...ถ้าไม่ติดเพราะลูก คงฆ่าตัวตายไปหลายครั้งแล้ว
ทุกๆ วันก็ไม่กล้าร้องไห้ ให้ลูกเห็น ต้องทำเป็นเข้มแข็ง คอยปกป้องลูกไว้
แล้วมาร้องไห้ที่ในส้วมที่โชว์รูมแทน....โธ่...ชีวิต

เหตุการณ์ผ่านไปเป็นปี...ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้น
วันหนึ่ง ผมนอนดูเคเบิ้ลทีวี มีหนังฝรั่งจำชื่อเรื่องไม่ได้
พูดถึงตัวเอก เป็นเด็กนักเรียนชาย น่าจะอายุซัก 12 ขวบ
ครูประจำชั้นได้ให้การบ้าน ให้ไปคิดโครงการทำประโยชน์เพื่อสังคมมาคนละอย่าง
เด็กนักเรียนคนอื่น ก็คิดทำเรื่อง เก็บขยะ รีไซเคิ้ล ประหยัดไฟฟ้า อะไรพวกนี้แหละ
แต่พระเอกเด็กน้อยของเรา คิดโครงการช่วยเหลือคน แบบ....
.....คน 1 คน ช่วยคน 3 คน....
แล้วให้คนที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว ทั้ง 3 คน ไปช่วยคนอื่นต่อ อีกคนละ 3 คน ....
ฟังแล้ว งง มั๊ยครับ
คือเหมือน แชร์ลูกโซ่ หรือ การสร้างเครือข่าย อะไรประมาณนี้ แบบ 1 ต่อ 3 น่ะ แต่มีข้อแม้ว่า

# 1 ต้องทำสิ่งที่เป็นการช่วยเหลือผู้อื่นอย่างแท้จริง
# 2 ต้องเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
# 3 เราทำให้พวกเขา, พวกเขาทำต่อให้คนอื่นอีกสามคน

ในหนังเรื่องนี้ พระเอกเด็กน้อยของเรา ก็พรีเซนท์แนวคิดนี้หน้าห้องเรียน
ครูก็ยังติว่า มันจะทำได้จริงเหรอ...แต่ก็ชื่นชมว่าไอ้แนวคิด ทฤษฎีมันก็โอเค.นะ
แต่จะทำได้จริงเหรอ
พระเอกอายุ 12 ก็เลยลองไปมองหา คนที่คิดว่าน่าจะช่วย...
ไปเจอเอาหนุ่มขี้เมา ตกงาน ท้อแท้ชีวิต เข้าคนหนึ่ง
ก็พยายาม พากลับมาบ้าน ให้อาบน้ำอาบท่า ให้กินข้าวกินอาหาร
และพยายามหาเสื้อผ้าให้...แถมสอนให้ไปหางานทำอีกแน่ะ
แต่ในที่สุด ไอ้หนุ่มคนนั้นก็กลับไปกินเหล้ากับเพื่อนอีกจนได้...ล้มเหลว

ถึงจะล้มเหลว แต่ก็ไม่ท้อนะ...กลับมาคิดได้ว่า
อาจจะทำเรื่องใหญ่เกินไปหน่อย ไกลตัวไปนิด ลองใหม่
มาดูรายต่อไป เอาใกล้ตัว
ยาย...ติดเหล้า โกรธกับแม่ ถึงขนาดหนีออกจากบ้านไม่ยอมพูดกันมาหลายปีแล้ว
ฝ่ายแม่...ก็เป็นม่าย ทำแต่งาน กับเลี้ยงลูกจนไม่มีเวลาหาผู้ชายดีๆ
เอ...ผู้ชายดี ๆ มองไปมองมา ครูประจำชั้นก็เป็นพ่อม่ายเหมือนกัน
นิสัยดี แต่ขี้เหร่ไปหน่อย....เข้าท่าแฮะ

พระเอกเด็กน้อยของเรา ก็เริ่มพูดชมครูให้แม่ฟัง
และพูดชมแม่ให้ครูฟังเหมือนกัน จนสุดท้ายหาทางนัดให้ไปกินข้าวกัน
จากนั้น ก็ไปตามยาย...บอกแม่คิดถึง ถ้ามีเวลาให้ไปหาบ้างนะ...
เรื่องมันก็อีรุงตุงนังกันไป แต่สุดท้าย ยายก็กลับมา
ครูก็เลิกเป็นม่าย แม่ก็แฮปปี้ได้ทั้งคืนดีกับยาย และได้ผู้ชาย ดี..ดี..สมใจ

แต่ไอ้หนุ่มขี้เมา เคสแรก...วันหนึ่งก็คิดได้ อายเด็ก อายตัวเอง
จนเลิกเหล้า หนีเพื่อนไปหางานทำที่เมืองอื่น
ขณะที่เดินหางาน ก็ยังได้ไปช่วยชีวิตผู้หญิงที่กำลังจะฆ่าตัวตายอยู่รอมร่อ
เพราะเหตุผลแค่ว่า...เคยมีคนพยายามช่วยเขา เมื่อมีโอกาส เขาก็ต้องช่วยคนอื่นตอบแทน อีก 3 คน
ทฤษฎี แนวคิด นี้ได้แพร่กระจาย ปากต่อปากออกไปเรื่อยๆ
จนกระทั่งบางคนที่พอมีกำลัง ได้ยินแล้วก็หัดช่วยคนอื่นๆ เหมือนกัน
หนังมันดีมากเลย...จำได้แต่ว่า ดูไปน้ำตาไหลไป

วันต่อมาผมไปทำงานแต่เช้า เจอนังน้องแมว หลบอยู่ในห้องน้ำ
ผมก็คิดนะ...เอาวะ ลองช่วยมันดูหน่อยซิ
แล้วผมก็เรียก นังน้องแมว มาถามเรื่องราวทั้งหมด...
ได้ความว่า รถกระบะที่ใช้อยู่ไม่ได้ผ่อนมาเกือบ 10 งวด ไม่รู้รอดมาได้ยังไง
แต่เช้านี้ พนักงานยึดรถมาเจอเข้าจนได้ คอยดักอยู่หน้าโชว์รูม จะเอารถไปให้ได้
ผมเลยโทร.ไปถามยอดค้าง ยอดเคลียร์หนี้เก่า...แล้วไล่พนักงานยึดรถกลับไป
มีเอ็ดตะโร ทำท่านักเลง แทบวางมวยกันเชียวแหละ
อีกวันก็ไปจ่ายหนี้ค้าง แล้วเอารถไปซ่อมสี ซ่อมเครื่อง...จนสุดท้ายก็ขายไปจนได้
จากนั้นก็ช่วยกันคิดวิธีเคลียร์หนี้ด่วนๆ ให้พอประทังไปได้ระยะหนึ่ง
เรื่องลูก เรื่องผัวติดยาบ้า ก็ให้ค่อยๆ คิดดูจะเอายังไง
อยู่ต่อไปอย่างนี้ ซักวันมันต้องเมายาเอามีดปาดคอ ทั้งลูก ทั้งเธอแน่นอน
บ้านที่อยู่ถ้าไม่ไหว ไปไม่รอด ก็รีบพาลูกกลับไปอยู่กับแม่ตัวเองซะเถอะ
ให้ไอ้ผัวติดยามันรับกรรมของมันเอง...วันนี้เธอมีหน้าที่ปกป้องลูกให้ได้ซะก่อน แค่นี้ก็แย่แล้ว
ในที่สุด นังน้องแมว ก็แอบพาลูกทั้ง 2 คน กลับไปอาศัยอยู่บ้านแม่
ย้ายโรงเรียน กันวุ่นวาย ปล่อยให้บ้านถูกยึดไป ผัวก็อาละวาดจนถูกตำรวจจับไป
พอเรื่องต่างๆ ค่อยสงบลง ผมก็เรียกมาคุย...
บอกว่า ถ้าอยากมีความสุข หมดหนี้หมดสิน แต่ต้องเลิกโกหก แล้วถือศีลห้า จะเอามั๊ย...
นังแมว บอก...ถ้าหมดหนี้สิน ตั้งต้นชีวิตใหม่ได้ จะให้ทำอะไรก็ยอมทั้งนั้น
ผมก็เลยเล่าเรื่องที่ผม อธิษฐานกับฟ้าดิน ให้ฟัง
ท่านที่ยังไม่เคยอ่าน ลองไปหาดูเรื่อง...อธิษฐานหนีกรรม...นะครับ
แล้วผมก็กำชับหนักหนา ว่าให้ลองตัดสินใจให้ดีซะก่อน จะสัญญาอะไรน่ะ
พูดพล่อยๆ สัญญาแล้วทำไม่ได้ เขาเอาตายนะโว้ย....

เหตุการณ์ต่อมา ผมก็มัวแต่ยุ่งขายรถ จนได้เป็นผู้จัดการตามที่เคยเล่าไปแล้ว
จำได้ว่าไม่นาน นังแมว ก็ดีขึ้นมาก แล้วก็ลาออกไปไม่เจอกันนานเชียวแหละ
วันหนึ่ง โผล่มาหาผม เล่าให้ฟังว่า...
แต่งงานใหม่แล้ว หลังจากลาออกไปก็ไปค้าขายสารพัด
ไปเจอพ่อม่ายเมียทิ้ง นิสัยดี อายุไม่มากนัก...แต่ขยันมาก..ก..
แถมไม่รังเกียจแม่ม่ายลูกติดอย่างเธอซะด้วย
ชวนกันทำมาหากิน จนในที่สุดสนใจเรื่องรีไซเคิ้ล อยากจะเหมาซื้อของเหลือทิ้ง เศษวัสดุ ตามโรงงานต่างๆ
แต่ติดที่ส่วนใหญ่เขามีเจ้าประจำเหมากันอยู่แล้ว เข้าไม่ติด
เลยมาปรึกษา และให้ผมช่วยแนะนำโรงงานที่เป็นลูกค้าให้หน่อย

ผมก็มาช่วยกันคิด เริ่มจากสร้างภาพ สร้างเครดิต
ทำนามบัตรให้ดูดี ปรับปรุงเรื่องบุคลิก การแต่งกาย...ฯลฯ
แต่สุดท้าย เคล็ดลับ...ให้เจริญเมตตา สวดมนต์ทุกคืน แผ่ให้เจ้าที่เจ้าทาง
พอเจอหน้าเจ้าของโรงงาน หรือฝ่ายจัดซื้อ ให้ท่องคาถาเมตตาฯ ยิงไปก่อนเลย

ครั้งสุดท้ายที่คุยกัน...
นังน้องแมว ให้ผมช่วยหารถบรรทุกเพิ่มขึ้น ที่มีอยู่วิ่งงานไม่ทัน ไม่พอแล้ว
ผมเคยถามว่า ไปอธิษฐานกับฟ้าดิน หรือเปล่า
นังแมว มองหน้าผมทำตาแดงๆ บอก
...หนูเชื่อพี่ทุกอย่าง...ทุกอย่าง

อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com


ปล. มีท่านผู้อ่านไปค้นมาให้ว่า หนังที่ผมพูดถึง ชื่อ...
Pay It Forward หากใจเราพร้อม เราจะได้มากกว่าหนึ่ง
ยังแถมลิงค์ให้ด้วยแน่ะ
//www.dvdup2u.com/catalog.php?idp=2507
ขอบพระคุณมากจริง...จริง...ครับ




 

Create Date : 10 มีนาคม 2554    
Last Update : 10 มีนาคม 2554 15:58:37 น.
Counter : 1215 Pageviews.  

กรรมทันตา ข้อสอบ 3

ข้อสอบ 3

ยังจำข้อสอบ ข้อที่แล้วได้มั๊ยครับ...
คำถาม ที่จะถามผู้บริหาร ระดับสูง.ง....เพื่อเลื่อนตำแหน่งเป็นรองประธาน
ของบริษัทยักษ์ใหญ่ ข้ามหลายชาติ...จีอี. เจนเนอรัลอีเลคทริค
คำถามมีข้อเดียว...ถามเหมือนกันหมด ทั้ง 10 คน
แต่คำตอบที่ถูกต้อง จะไม่เหมือนกัน...

คำถามข้อนั้น ก็คือ...

จงบอกชื่อ...พนักงานแม่บ้าน ที่ทำความสะอาดห้องทำงานของคุณ
และเล่าเกี่ยวกับครอบครัวของเธอคนนั้นให้ฟังด้วย...

เป็นยังไงครับ...ใช่ หรือที่ไกล้เคียง ที่คิดไว้มั๊ยครับ
ผมเอง เมื่อได้ยินครั้งแรก โอ้โฮ...อึ้ง และ ออกจะโมโห
แต่ยืนยันนะครับ เป็นเรื่องจริง
พอมาคิดอย่างละเอียดแล้วก็เข้าใจทะลุปรุโปร่งเลย
อย่าลืมนะครับว่า ผู้บริหารระดับนี้ ต้องผ่านศึก ผ่านร้อน ผ่านหนาว
มาแล้วอย่างโชกโชน...ถ้าไม่เก่งงาน ไม่เก่งจริง ก็คงก้าวขึ้นมาถึงระดับนี้ไม่ได้แน่
ความรู้ ความสามารถคงไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน
เพียงแต่สิ่งที่ต่างกัน คือความ...น้ำใจ ความเอาใจใส่...
คนรอบข้าง คนในทีม เข้าใจคน เข้าใจจริต และความต้องการพื้นฐานของคน
ถ้าได้คน...เก่ง...แต่ไม่ใช่...คนดี...บริษัทคงแย่ และน่ากลัว
ยิ่งมีเงินทุนหมุนเวียนมหาศาล ทุ่มเทลงไปทางไหน ก็เกิดผลทางนั้น...ทันตาเห็น
แต่ผลของการทุ่มลงไป ก็หมุนวนมากระทบบริษัทอีกแน่นอน
บริษัทที่ผมเคยทำงานอยู่ ก็แบบนี้
รุ่นพ่อ ก็แบบหนึ่ง...รุ่นลูก ก็แบบหนึ่ง...รุ่นลูกอีกคน ก็ไปกันอีกแบบหนึ่ง
หัวเป็นยังไง หางก็เป็นอย่างนั้น

อยากรู้เหมือนกันนะว่า...ผู้บริหารบ้านเรา จะมีสักกี่คนที่ตอบคำถามนี้ได้
จะมีสักกี่คน ที่ได้...ใจ...พนักงานระดับล่าง หรือได้แค่...ความเกลียดชัง
อย่าว่าแต่ระดับล่างเลย ระดับรองลงมาน่ะ...เคยเอาใจใส่ สารทุกข์ สุข ดิบ หรือเปล่า
ทุกวันนี้ เขามีกิน มีใช้มั๊ย อยู่ดีมีสุขกันหรือเปล่า
มีหนี้สิน ติดการพนัน หรือฟุ่มเฟือย เละเทะแค่ไหน
จำวันเกิดลูกน้องได้มั๊ย...เอาแค่ รู้มั๊ยว่าลูกน้อง มีครอบครัว มีลูก มีเมีย หรือเปล่า
รายได้ยังพอเลี้ยงครอบครัวมั๊ย
เคยยิ้มให้ ทักทายกันบ้าง เคยไปนั่งกินข้าวแกง ก๋วยเตี๋ยวข้างทางด้วยกันเมื่อไหร่
หรือเคยแต่ให้ลูกน้อง เลี้ยงเหล้า เข้าผับ อาบ นวด ประเคนสาวเอ๊าะ..เอ๊าะ
หรือ สนใจแต่ผลงาน...ยอดขาย...ยอดตก เอ็งตาย..ย....
เอ๊ะ...หรือว่า คุณเป็นนายที่เติบโตมาจากการเป็น ออดิท จับผิดคนอี่นจนได้ดี
ลองนั่งนึกทบทวน ย้อนไปหลาย ๆ ปี ตอนที่ยังเป็นลูกน้องเขาอยู่
ตอนนั้น...คุณอยากได้เจ้านาย ในดวงใจ...แบบไหน
แล้ววันนี้ พอคุณเติบใหญ่เป็นนายคนอื่น แล้วคุณกลายเป็น...อะไร
...เจ้านาย...หรือ...สัตว์ร้าย...

เอาละ...เอาละ...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผิดพลาดไปยังไง
คนไทยเรามีดีอย่างหนึ่ง ที่โลกนี้ไม่เข้าใจ...คำว่า...ไม่เป็นไร เริ่มต้นใหม่
ถ้าคุณเป็นนายที่ดี ก็เริ่มต้นทำให้ดีขึ้นไปอีก...ให้ดีอย่างที่ใคร ๆ ก็อยากได้คุณเป็นนาย
หรือ ถ้าผิดพลาด เป็นนายใจร้าย...ก็ไม่เป็นไร เริ่มต้นใหม่
เรียกประชุม แล้วขอโทษ ผมผิดไปแล้ว...ขอโทษ ผมจะทำตัวใหม่
ที่พูดนี่ ผมทำมาแล้วนะ
ตอนที่ขึ้นเป็นผู้จัดการที่สาขา พระประแดง
ก่อนหน้านั้น เคยผิดใจกัน เล็กบ้าง ใหญ่บ้าง อะไรบ้างก็ไม่รู้
แต่วันแรกที่รับตำแหน่ง...ผมเรียกประชุมแต่เช้า
คำแรก ที่พูด...ผมขอโทษ ในสิ่งที่ผ่านมา ผมก็ไม่รู้ว่าทำอะไรผิดไปบ้าง
เรามาเริ่มต้นกันใหม่ นะ
แล้วผมก็ยกมือไหว้ ลูกน้องที่อาวุโสกว่า...ซึ่งพวกนี้แหละที่เป็นปัญหา
ส่วนที่อายุน้อย ๆ เด็ก ๆ กว่า...ผมก็แสดงออกอย่างจริงใจ ว่าผมขอโทษ
ผมไม่อาย...ไม่เคยอาย ถ้าต้องขอโทษที่ผมทำผิดไป
สิ่งที่ผมรู้...ผมได้ ใจ ทุกคนทันที
อีโก้...อัตตา...ตัวตน ความถือดี มันไร้สาระ....ไม่ควรยึดมั่น ถือมั่น
เคยได้ยินมั๊ย

ที่ทำงานผม มีพระพรหม เป็นที่เคารพนับถือ....เฮี้ยนด้วย
แต่ผมอยากเป็นพรหมซะเอง...พรหมวิหาร 4
อยากให้เค้าได้ดี คอยช่วยเหลือ หาทางหนุนส่งเสริม
ได้ดีเราก็มีความสุขไปด้วย
อยากเป็นที่รัก ที่พึ่งของลูกน้อง ของคนในปกครอง
น่าเสียดาย สมัยนั้นยังไม่ค่อยรู้อะไร...ยังทำได้ไม่ค่อยดีนัก
แต่พวกคุณ...เจ้านาย...ยังมีเวลา มีโอกาส รีบทำซะใหม่ ทำให้ดีกว่า ที่ทำอยู่
คนเป็นเจ้านาย มีโอกาสทำบุญได้ง่าย ๆ และมากมาย
ก็...ทำบุญกับคนใกล้ตัวนี่แหละ
ไม่ต้องมาก ไม่ต้องยุ่งยาก ซื้อขนมฝากลูกน้องบ้าง คอยหาเรื่องชื่นชมเขา
ให้กำลังใจ ให้แนวคิด ให้สติ ให้ปัญญา ให้ธรรมะ
ความสุขของผู้ให้ และการให้...แสนจะภาคภูมิ และชื่นใจ

ยังมีข้อสอบ อีกข้อ...
ผมพยายามทำมาหลายปีแล้ว...แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้
ผมเองก็ไม่รู้คำเฉลย
คำถามนี้ได้มาจาก หนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น...แต่มันน่าคิดมาก
เป็นคำถาม ที่ถาม กัปตันเรือดำน้ำ และ ส.ส. ผู้ทรงเกียรติ พร้อมกัน
ถามว่า...

ถ้า...คุณไปในเรือเดินทะเล กลางมหาสมุทรใหญ่
แล้วบังเอิญเรือแตก ต่างคนต่างหนีตาย
สุดท้าย ลงเรือเล็ก ล่องลอยอยู่กลางทะเล มีด้วยกัน 10 คน
ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน ไม่รู้ว่าความช่วยเหลือจะมาเมื่อไหร่
ทุกคนเลือกให้คุณเป็นหัวหน้า...
น้ำจืดและเสบียง ก็น้อยลงทุกที
แต่ที่สำคัญ...ดันมีคนป่วย...ป่วยเป็นโรคติดต่อร้ายแรงด้วย 1 คน
ถ้ารีบรักษาก็หาย ถ้าช้าก็ตาย แพร่เชื้อได้อีกต่างหาก
หลังจากประคับประคองคนป่วยได้ 2 – 3 วัน
...เริ่มมีคนติดเชื้อ ป่วยมากขึ้นอีก 1 คน
คำถามคือ...คุณจะทำยังไง...ตัดสินใจยังไง
คน 10 คน ป่วยหนัก 1 คน เริ่มป่วยอีก 1 คน...และแพร่เชื้อติดต่อได้กับทุกคน
...คุณ จะทำอย่างไร...ในฐานะหัวหน้า เจ้านาย ผู้บริหาร ผู้นำ และ ความเป็นมนุษย์
ถ้ารอช้า ก็ตายหมด...จะฆ่าคนป่วย โยนน้ำ ก็เป็นบาปในใจไปชั่วชีวิต
หรือมีทางออกอย่างอื่นใด...
ยิ่งถ้าคนป่วยนั้น เป็นลูก เมีย ยิ่งแย่ใหญ่
ผมนึกอยู่หลายปีแล้ว...ก็ยังนึกไม่ออก
ช่วยบอกผมหน่อย...เป็นคุณจะทำยังไง

อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com

จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 3 ธ.ค. 53 16:40:19




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 23:46:24 น.
Counter : 1036 Pageviews.  

กรรมทันตา ข้อสอบ 2

ข้อสอบ 2

คราวที่แล้ว ออกข้อสอบไป 2 เรื่อง
เรื่องแรก รู้ผลแล้ว
เรื่องที่ 2 ยังคาใจอยู่
บริษัทการค้า ถนัดการขายใน...เกาะฮ่องกง
ต้องการคัดเลือกหา รองประธานบริษัท เลยออกโจทย์
ให้ไปขาย...หวี...หวีเส้นผม กับ...พระ...ที่ไม่มีผม แล้วจะทำยังไง
ระยะเวลาแค่ 7 วัน จะทำยังไงดีหว่า

คงต้องเฉลยก่อนนะครับ
คนที่ 1 ...
ใช้วิธี โบราณ...ไปหา...พระ...ที่รู้จักกัน พระที่เป็นญาติ เป็นเพื่อนของญาติ
ต่อสายปลายโซ่ไปเรื่อย
แล้วขอร้องให้ช่วยซื้อ ประกัน...เอ๊ย...หวี ไปหน่อยเหอะ...ผมจะได้โปรโมทเลื่อนตำแหน่ง
เพื่อเห็นแก่ที่เคยมาถวายถังเหลืองสังฆทาน ด้วยเทิด
ก็ขายได้บ้างนิดหน่อย...เพราะไม่ค่อยรู้จักพระ รู้จักวัดซักเท่าไหร่
พระ ท่านรำคาญ ก็ช่วยซื้อ แก้รำคาญไปตามเรื่อง....
เรียกว่า ขายด้วยการ...ขอ

คนที่ 2 ...
ใช้วิธี ขยัน ลุยแหลก...สงสัยเป็นไอ้หนุ่มบึ๊ก จากเคสที่แล้วแหง๋ ๆ
ตลอด 7 วันไม่ได้หยุดหย่อน ไปมันแทบทุกวัด
เข้าไปคุย เสนอสรรพคุณของ...หวี...ที่ขาย
ทำจากไม้ ที่ตัดมา...เอ๊ย...ทำจากวัตถุดิบอย่างดี ลวดลายสวยงาม
ซี่หวี ก็ห่างกำลังดี หวีแล้วผมไม่ยุ่ง ไม่พันกัน
แถมยังขจัดรังแค แก้สิวบนใบหน้า...
ได้รับการรับรอง จากสถาบันชื่อดัง มี มอก. มั่วทั้งองค์กร ด้วย
ยี่ห้อนี้ ดาราดังๆ ใช้กันทั้งน้าน..น....
ถ้าซื้อปลีก ราคานึง...แต่ถ้ายกโหล ได้ส่วนลดอีกต่างหาก
จะชำระด้วยบัตรเครดิตก็ได้ นะขอรับ.....
ปรากฏว่า...ยอดขายก็พอได้บ้าง แต่ก็ดีกว่า ประเภท ขอให้ช่วยหน่อยเทอด...
เพราะความขยัน ไม่หยุดหย่อน
นี่เรียกว่า ขายคุณสมบัติของตัวสินค้า ขายด้วยฟังชั่น
บวกความขยัน มันก็พอเอาตัวรอดได้...แต่ยังไม่ดีพอ

รายที่ 3 ...
น่าสนใจ...ไม่ผลีผลาม ไปเอา...หวี...ที่ต้องการขายมาวิเคราะห์
ดูวัตถุดิบ ดูห่อแพ๊คเกจจิ้ง สีสัน ต้นทุน ...เอามาลองหวี ลองพกติดกระเป๋าดู
กลุ่มลูกค้า...แน่นอน ไฟต์บังคับ ขายให้กับ...พระ...ไม่มีผม
...ขายให้ พระ ให้ พระ ขายให้...อ๊ะ...เข้าที
ช่องทางการขาย...วัด
ไปนั่งดูตามวัด...แต่ละแห่งมีรายได้จากเงินบริจาค ให้เช่าที่จอดรถ
หรืออื่นๆ อีกจิปาถะ
แต่รายได้หลักที่สำคัญคือ ของฝาก ของที่ระลึก และ วัตถุมงคล เครื่องรางของขลัง
คนที่มาวัด มาไหว้พระ เกือบทั้งนั้น...มาขอ ขอความเฮง ขอความรวย
ขอให้ค้าขายดี ขอเมตตามหานิยม ขอให้แคล้วคลาดปลอดภัย

เมื่อวิเคราะห์ ได้ดังนั้นแล้ว ก็ไปคุยกับ...พระ
สุภาษิตว่าไว้...จับโจร ต้องจับหัวหน้า
แล้วถ้าจับ พระ ก็ต้องจับ...เจ้าอาวาส
หลังจากไปพูดคุยกับ หลายวัดแล้วได้ข้อสรุปว่า...
รีบทำซองใส่หวี ให้มีชื่อ...วัด...ศาลเจ้า...พร้อมคาถา
...เมตตามหานิยม กับ คาถาเงินล้าน
แล้วไปคุยกับ...พระ...เจ้าอาวาส...ในมุมว่าเป็น...เครื่องรางของขลัง
หวี ปลุกเสก หวี แล้วมีสง่าราศี มีโหงวเฮ้ง ขึ้นทันตา
ติดต่อค้าขาย เจรจากับใคร ก็ดูดี น่าเชื่อถือ
...มันก็แน่อยู่แล้วละ ถ้าหัวหูยุ่งเหยิง เป็นกระเซิง ใครจะเชื่อถือ แต่ถ้าหวีหัวหูให้เรียบร้อย
หน้าตาก็จะดูสดใส ไม่มีผมปรกหน้า ก็ไม่มีสิว...ดูดีไปหมด
ยิ่งให้คาถากำกับ หวี สามรอบ ท่องสามคาบ รับรอง...พลังใจขึ้นปรี๊ด.ด....
ขอให้ท่านเจ้าอาวาส วาง หวีสรรพมงคล รุ่นเมตตามหานิยม ...หวีแล้ว รวย...ไว้ที่โต๊ะบูชา
แล้วคอยพรีเซนท์ มีคาถาเงินล้านกำกับด้วย...ขอให้ขยันท่อง ขยันภาวนา
ยิ่งช่วยไปหลายเด้ง
นี่เรียกว่า ขายด้วย อีโมชั่น ขายประโยชน์ และความหวัง

ผลปรากฏว่า...ไอ้หนุ่มรายที่ 3
ยอดขายพุ่งกระฉูด...ได้ออร์เดอร์จากเกือบทุกวัด
แต่ต้องพิมพ์รูป เจ้าอาวาส ไว้ข้างหน้าด้วยนะ
สรุป ได้เป็น รองประธานบริษัท สมใจปารถนา...

เป็นยังไงกันบ้าง ครับ...ใครสอบผ่าน ยกมือขึ้น
แต่ยังไม่หมด ยังมีอีกข้อ...เอาละนะ ฟังให้ดี
เรื่องนี้เป็น เรื่องจริง...เกิดขึ้นจริง
เมื่อหลายปีก่อนวิกฤตเศรษฐกิจโลกตกต่ำในอเมริกา
...มีบริษัทขนาดใหญ่ ยอดขาย ยอดรายได้ รายจ่ายในแต่ละปี ติดอันดับโลก
ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเป็นบริษัท จีอี. เจนเนอรัลอีเลคทริค
เพราะคนที่เล่าให้ผมฟัง...เล่าเรื่องของผู้บริหาร ที่มาเปลี่ยนแปลงบริษัท
จากที่กำลังตกต่ำ จะต้องปลดคนงาน เลิกกิจการ
ให้กลับกลายมาเป็น...บริษัท อันดับหนึ่ง ของโลก...ในเวลาไม่กี่ปี
แค่เปลี่ยนทัศนคติ...เปลี่ยนวิธีคิด ของคนในองค์กร
จากที่ทุกคนมัวแต่คิดว่า...บริษัทกำลังจะแย่ กำลังจะเจ๊ง
ให้ตั้งใจบุก ด้วยความคิด...บริษัทเราจะเป็นที่ 1 ในโลก
ใครไม่เชื่อ ไม่เอาด้วย...ให้ลาออกไป
ผู้บริหารท่านนี้ชื่อ...แจ๊ค เวลซ์

กลับมาที่ข้อสอบ ข้อที่ 3 นะครับ
บริษัทยักษ์ใหญ่ ซึ่งมีรายได้ต่อปี เป็น 25 เท่าของ จีดีพี ประเทศไทย
ผู้บริหารอันดับ 2 มีอันต้องเกษียณไปตามกาลเวลา
จึงจำเป็นต้องหา บุคคลที่มีความเพียบพร้อม ในทุก ๆ ด้านมาแทน
แต่การที่จะหาผู้ที่มีคุณสมบัติดังกล่าวได้ไม่ง่ายเลย
แคนดิเดท ผู้มีความพร้อม เบอร์รอง ๆ ลงไป...สูสี กันหลายคน
ไม่ว่าในแง่ไหน แต่ละคนก็มีความสามารถไปคนละอย่าง คนละแบบ
มีมุมมอง วิชั่น ทัศนคติ ความมุ่งมั่น ความหลงไหลในงานไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน
บริษัทนี้ ก็เป็นบริษัทขนาดใหญ่ มีสาขาทั่วโลก
กลั่นกรองแล้ว ก็ยังมีแคนดิเดท ถึง 10 คน...แต่ ต้องการแค่คนเดียว

ประธานใหญ่ จึงได้นัดหมายให้ทั้งหมดมาพร้อมกัน...เพื่อทำข้อสอบ
ซึ่งเป็นการสอบสัมภาษณ์ ทีละคน
โดยให้เตรียมตัวมาอย่างไรก็ได้...
อยากจะเตรียมเอกสาร เครื่องมือ อุปกรณ์การพรีเซนท์แค่ไหนตามสบาย
แต่...ข้อสอบ มีแค่...ข้อเดียว...เท่านั้น
ถาม สด..สด...ไม่มีโพย
คำถาม...ข้อเดียว...ถามเหมือนกันหมด...แต่...แต่
คำตอบที่ถูกต้อง จะไม่เหมือนกัน...

เมื่อผู้บริหาร ระดับ สู๊ง...สูง...ที่เป็นแคนดิเดท ทั้ง 10 คนได้ทราบ
ก็อลเวงเลยทีนี้ เอาละซิ...จัดแจง เตรียมตัว เตรียมพร้อม กันยกใหญ่
มีการเก็งข้อสอบ...ติวข้อสอบกันวุ่นวาย แทบไม่ได้กินได้นอน
ทั้งงบการเงิน...ทั้งยอดขาย...ทั้งภาพรวม ภาพกว้าง
ประวัติบริษัท ย้อนไปถึง สมัย โทมัส อัลวา เอดิสัน ผู้ก่อตั้ง
จนปัจจุบัน แล้วมองเลยไปถึงอนาคต....โอ๊ย...เหนื่อย
เตรียมคำตอบ แบบตรรกะ แบบจิตวิทยา
สืบข้อมูลนายใหญ่...ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
เล่นกีฬาประเภทไหน ชอบเด็กเอ๊าะ เอ๊าะ บ้างมั๊ย
เอ๊...อาจจะเป็นปัญหาเชาว์ ประเภทอะไรเอ่ย...
ไม่น่าใช่ น่าจะเป็นแบบ คณิตศาสตร์ชั้นสูง อะไรคูณ 9 ได้ 8 มากกว่า
คิดกันหัวแทบแตก

อีทีนี้...คำถามของผม คือ
ท่านผู้เจริญทั้งหลาย...คิดว่า...ข้อสอบข้อเดียวนั้น
...ถามว่าอะไร...
ช่วยกันคิด ช่วยกันเดา หน่อยนะครับ
ใบ้ให้นิดนึง...คำถาม เป็นเรื่องใกล้ตัว ใกล้ห้องทำงาน ของผู้บริหารท่านนั้น

อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com

จากคุณ : tobeteam
เขียนเมื่อ : 2 ธ.ค. 53 17:37:37




 

Create Date : 04 มกราคม 2554    
Last Update : 4 มกราคม 2554 23:44:36 น.
Counter : 1033 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.