กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

กรรมทันตา คุณแม่ที่รักยิ่ง

คุณแม่ที่รักยิ่ง

ผมเกิดมาท่ามกลางความแตกต่างอย่างสุดขั้วของ 2 ครอบครัว

ทั้งครอบครัว คุณพ่อ และ คุณแม่ของผม เป็นคนฝั่งธนแถวย่าน ตลาดพลู
มีความเหมือนกันคือทำมาหากินใน ตลาดวัดกลาง หรือวัดจันทารามด้วยกัน
ตลาดวัดกลาง เมื่อ 40 – 50 ปีก่อนถือว่าเป็นตลาดใหญ่มาก
ทั้งของสด ของแห้ง มีแผงมีร้านค้านับร้อยแผง...ถือว่าเป็นตลาดขายส่งใหญ่เกือบที่สุดของฝั่งธนฯ เลยก็ยังได้
มีของกินที่อร่อยขึ้นชื่ออยู่หลายอย่าง เช่น โจ๊ก...โจ๊กวัดกลาง
ขนมฝรั่ง ขนมไข่
แหม...พูดตรง ๆ นะครับ ผมยังไม่เคยกินโจ๊กที่ไหน อร่อยเท่าที่นี่อีกเลย
น่าเสียดายไม่มีใครสืบทอดต่อ เลิกไป 20 กว่าปีแล้ว

ครอบครัวทางฝ่ายพ่อ ที่จริงคุณย่ามากกว่า...มีแผงขายมะพร้าวอ่อน
แต่ทางฝ่ายแม่ผม มีจักรตั้งอยู่ตัวนึง...รับเย็บผ้า ตัดเสื้อ ตัดกระโปรงแบบชาวบ้านย่านนั้น
ที่บอกว่า ต่างกันสุดขั้ว ก็เพราะ คุณพ่อของผมเป็นพี่คนโต มีน้องชาย น้องสาวอีก 5 คน
ทางคุณแม่ผม เป็นพี่สาวคนรอง มีพี่ชาย 1 คน แต่มีน้องชายอีก 4 คน
ทางพ่อ พี่น้องแต่ละคนเรียนเก่ง ขยันเรียน มุ่งมั่น
ต้องการจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิตให้ได้ ด้วย...การศึกษา
คุณพ่อผม และน้องชายคนรอง เรียนได้ปริญญา คนละ 2 ใบ
คือต่างคนก็เรียนมัน 2 มหาวิทยาลัย 2 สาขาวิชาใช้เวลา 4 ปี แต่ได้คนละ 2 ปริญญา
ที่สำคัญ มันวิชายากทั้งคู่ คุณพ่อผม ได้ กฎหมาย กับ ครุศาสตร์
อาคนรอง ได้ กฎหมาย กับ บัญชี
ส่วนพวกน้องพ่อ ที่เหลือก็ได้แค่ปริญญาเดียว ธรรมศาสตร์ เกียรตินิยมอันดับ 1 ...ทุกคน

ทางฝ่ายคุณแม่ผม น่ะ...
พี่ชายคนโต ไปเกณฑ์ทหารแล้วก็ออกจากบ้านไปสร้างเนื้อสร้างตัวต่างจังหวัด ไม่ได้กลับมาดูน้อง ๆ ทางบ้านอีกเลย
คุณแม่ผม เรียนไม่จบ ป.4 ดีเพราะอยู่ต่างจังหวัด
มีสงครามโลกครั้งที่ 2 ซะก่อน ต้องคอยวิ่งลงหลุมหลบภัย
พอโตขึ้นมานิดนึงก็ไปเรียน ตัดเสื้อ แบบหลักสูตรเร่งรัด...
ดูเหมือนไม่ค่อยจบหลักสูตร ก็สตางค์หมดซะก่อน
บรรดา น้องชายที่เหลืออีก 4 คน ก็สุดจะเกเร
เป็นนักเลงอันธพาลประจำตลาด
ให้ไปเรียนหนังสือก็หนีเรียนไปยิงเป็ด ไปขายของ ไปเป็นกระเป๋ารถสองแถว
พอจบภาคบังคับอย่างหวุดหวิด ก็ออกมา เป็นเซลส์แมน ขับรถแท็กซี่ ขับเรือหางยาว...

คุณพ่อของผม และน้องๆ ทุกคน เติบโตในวงราชการอย่างงดงาม
บางคนเป็นใหญ่ใน กพ.ที่ดูแลข้าราชการทั่วประเทศ น่ะ
มีอยู่คนหนึ่งเป็น อาผู้หญิง...ได้เป็น ผู้จัดการธนาคารกรุงเทพ สาขาลอนดอน แน่ะ
คุณย่า รวมทั้งบรรดาคุณอาทั้งหลาย รู้กิตติศัพท์ครอบครัวแม่ผมว่า เกเร และแสบสันต์แค่ไหน...
ทั้งกะล่อน ทั้งอันธพาล แถมยังเมาเป็นประจำ
ทั้งเกลียดทั้งดูถูก ยกเว้นคุณพ่อของผม ที่เป็นพี่ใหญ่
คุณแม่ผม เล่าให้ฟังว่าเหตุที่แต่งงานกับคุณพ่อผม ก็เพราะเห็นว่าเป็นคนเรียนเก่ง
อนาคตการงานน่าจะดี คงจะเลี้ยงดูครอบครัวได้สบาย
ที่สำคัญที่สุด...รู้ว่าทางบ้านนั้นดูถูก ก็ยิ่งอยากเอาชนะ
แต่คุณแม่ผม...คิดผิด
วันที่คุณแม่ผม เข้ามาเป็นสะใภ้ในบ้านนี้ต้องต่อสู้กับความเกลียดชังเป็นสิบ...สิบ ปี
แถม คุณพ่อของผม ท่านเป็นพี่ใหญ่
มีภาระหน้าที่ต้องส่งเสียน้องๆ ให้เรียนให้จบปริญญาทุกคน
เรื่องการเงิน เลยเป็นปัญหาหนักมาตลอด...หลายสิบปี

ผมเกิดมาเป็น หลานคนโต หลานคนแรกของทั้งสองครอบครัว
ได้รู้รับการสั่งสอน ในสองแบบของสองครอบครัว
ทางคุณพ่อ จะสอนอยู่เสมอว่า...ให้ตั้งใจเรียน อย่าไปมีเรื่องกับใคร
ถ้าใครมาหาเรื่อง...ก็ให้หลบ หรือวิ่งหนีไปซะ
แต่ทางคุณแม่ จะสอนกรอกหูว่า...อย่าไปเกเร แต่ถ้าใครมาหาเรื่องเรา
ก็เล่นงานมันก่อนเลย...ต่อยก่อนได้เปรียบ
หาไม้ฟาดมัน ให้ใช้เครื่องทุ่นแรง อย่าให้เสียเปรียบ
แล้วที่เหลือ...แม่ จะไปจัดการมันเอง ไม่ต้องห่วง
คือคุณแม่ของผม ท่านออกแนวนักเลงนิดหน่อยเหมือนกัน

พูดไปแล้ว คุณแม่ของผม ท่านก็ชอบทำอะไรแปลกๆ หลายอย่าง
นอกจากเป็นช่างตัดเสื้อ ตัดกระโปรง เย็บผ้าถุง แล้วก็เลี้ยงลูก 4 คน
เลี้ยงน้องแสบ ๆ อีก 4 คน
พอลูกโตหน่อย ไปทำงานรับจ้างล้างจานให้แม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยวในโรงอาหาร วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จ
ไปล้างจานได้ไม่ถึงอาทิตย์ สนใจอยากขายอะไรบ้าง
คุยถาม...เจ๊ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยว ที่ทำงานอยู่ว่าถ้าอยากขายอาหารที่นี่บ้าง ต้องทำยังไง
ยายเจ๊ แกด่าเอะอะ แถมดูถูกว่าอยู่ดี ดี ใครเค้าจะให้มาขาย
ที่นี่กว่าจะเข้ามาได้แต่ละรายลำบากยากเย็น รู้บ้างว่ามันไม่ใช่ง่ายๆ
อีกอย่าง ทุนน่ะ...มีมั๊ย
แล้วจะมีปัญญาขายอะไร เป็นลูกจ้างน่ะดีแล้ว อย่าสะเออะ

คุณแม่ผม ท่านแทบจะเอากะละมังฟาดหัวยายเจ๊ เลย
แล้วเดินไปไหว้ศาล...สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ( ช่วง บุนนาค )
ซึ่งเป็นรูปปั้นที่คนที่นี่เคารพนับถืออย่างยิ่ง...บอกกล่าวท่าน
แล้วเดินไปขอที่ขายกับ อาจารย์ผู้ดูแลสถานที่ ซึ่งแสนจะดุ และเจ้าระเบียบ
อย่างที่บอกคุณแม่ผม ท่านใจนักเลง...เดินไปขอที่ขายเอาดื้อๆ
อาจารย์ผู้ดูแล แสนจะเฮี๊ยบ..บ...ท่านนั้น ก็งง ว่ามายังไง
เชิดหน้าวางท่า ถามว่าใครให้มาขอ...
คุณแม่ผม ท่านตอบว่า...ผู้ใหญ่ที่สุดในวิทยาลัยครูนี้ บอกให้มาขอได้เลย
แล้วท่านก็จ้องตา...อาจารย์ท่านนั้น
ฝ่ายอาจารย์ท่านก็อึ้ง...ไม่กล้าถามต่อ
ยอมจัดที่ให้ขาย...แต่มีข้อแม้ว่า
มีนโยบายใหม่ออกมา จะจัดการบริหารให้โรงอาหารเป็นระเบียบ ทันสมัย
ต้องไปทำเคาน์เตอร์ขายแบบสมัยใหม่...ก็ไอ้แบบสมัยปัจจุบันนี้แหละ
ตอนนั้น 40 ปีที่แล้ว เป็นสิ่งใหม่มาก เกินกว่าจะรับได้
ก็มันแพงอ่ะ

แต่คุณแม่ผม ท่านไปจ้างช่างมาต่อเป็นเคาน์เตอร์ อย่างสวยมาจนได้
วันที่ยกมาตั้งก็ถามอาจารย์ผู้ดูแลว่า จะให้ขายที่ตรงไหน...
อาจารย์ก็บอกตรงนั้น...ข้างร้านยายเจ๊ ขายก๋วยเตี๋ยวนั่นแหละ มีว่างที่เดียว
ที่จริงมันไม่ว่างหรอก ก็ยายเจ๊ แกขยายร้านออกมาเกินเขตที่กำหนดไว้เยอะ
ด้วยความที่แกอยู่มาก่อน แถมปากร้าย ด่าแหลก ใครๆ ก็ไม่กล้าฟ้อง
แต่พอต้องหาที่ให้เจ้าใหม่...ก็คุณแม่ผมน่ะแหละ
เลยเจอว่าแกเล่นโกงที่มาตั้งหลายปีแล้ว
สรุป...ยายเจ๊ ขายก๋วยเตี๋ยว แกเลยที่หดหายไปตั้งครึ่ง โมโหสุด ๆ
ทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งเสียหน้า
แถมยังมาตั้งขายข้าง ๆ กันอีก..ก...เคาน์เตอร์ก็ใหม่เอี่ยม ทันสมัยสุด
ยุ่งกว่านั้นอีก คืออาจารย์ผู้ดูแลสั่งให้ทุกร้าน ต้องทำเคาน์เตอร์แบบนี้ทุกร้าน และให้ปรับปรุงเรื่องความสะอาดกันขนานใหญ่
ยายเจ๊...เลยไปยุยง พวกร้านค้าอื่นๆ ว่าคุณแม่ผมเป็นต้นเหตุ
หลายร้านก็เลยพาลโมโหร้านแม่ผม
แต่อีกมากหลายร้านก็เข้าใจว่า...ถึงเวลาต้องปรับปรุงกันตามนโยบายใหม่แล้ว
เกือบทุกร้านก็มาถามว่า ต่อเคาน์เตอร์ที่ไหน ราคาเท่าไหร่ แล้วก็ส่ายหน้ากันทุกคน
มันแพงมาก...

คุณแม่ผม ท่านขายขนมหวานประเภท ขนมน้ำแข็งใส ไอศกรีม สลิ่ม
ชื่อร้าน...ซ่าหริ่มพี่อุไร
สองวันแรกที่ขาย ยายเจ๊ ตัวร้ายแกด่าแหลก ด่าทั้งวัน ด่าลอยๆ ด่าหยาบๆ คายๆ
พอวันที่ 3 คุณแม่ผมเลยไปซื้อเครื่องเทปอัดเสียง มาเปิดอัดไว้
พอตอนบ่ายคนเงียบแล้ว ก็เปิดเสียงที่แกด่าดังลั่น สปีดสูงสุดให้ทุกคนได้ยิน...เป็นที่เฮฮา ของร้านอื่นมาก
แล้วบอกยายเจ๊ว่า...จะเอาไปเปิดให้อาจารย์ผู้ดูแลฯ ฟัง
แกเลยเงียบไปเลย...เสียหน้าอย่างที่สุด แต่ก็กลัวถูกไม่ให้ขาย
ยิ่งเห็นแม่ผมทุกวัน แกก็โกรธทุกวัน...จนความดันพุ่งปรี๊ด
ต้องเข้าโรงพยาบาลไปหลายวัน

เปิดร้านขายใหม่ๆ เงียบมาก เลยต้องคิดทำการตลาด
ให้คุณพ่อของผมหาวิธี
ท่านก็ไปเอาบทกลอน หรือกาพย์ขนมหวาน มาโรเนียวแจกเด็กนักศึกษา
แล้วถ้าใครท่องได้...จะได้ขนมฟรี 1 ถ้วยใหญ่
จำได้แต่ว่า...มีคนมาเข้าแถวท่องกันแถวยาวมาก เป็นอาจารย์ก็ยังมี
บางคนจำได้ไม่หมด ต้องให้เพื่อนอีกคน สองคนมาช่วยกันท่อง...ได้ 1 ถ้วยเหมือนกัน
ขายขนมอยู่ที่ วิทยาลัยครูบ้านสมเด็จ ตั้งร่วม 10 ปีได้มั๊ง
คุณแม่ผมบอก...เป็นพระคุณของท่าน สมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ( ช่วง บุนนาค )
ซึ่งเรียกกันว่า...เสด็จพ่อ...เป็นอย่างมาก
ถ้าท่านไม่อนุญาต ก็คงไม่ได้ขาย
ผมเองยังเป็นเด็ก เดินผ่านท่านก็ไหว้ทุกวัน...ท่านคงเมตตา
คุณหม่อง...ภรรยาของผมก็เรียน ร.ร.สาธิตบ้านสมเด็จ ตั้งแต่ต้นจนจบ
คุณแม่ผม ท่านเลยออกจะเกรงๆ ใจสะใภ้คนนี้
เพราะถือว่า...เป็นลูกหลาน...เสด็จพ่อ...

ยังมีเรื่องสนุกๆ ของท่านอีกหลายเรื่อง
ไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง ครับ


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com




 

Create Date : 02 เมษายน 2554    
Last Update : 2 เมษายน 2554 20:02:43 น.
Counter : 1175 Pageviews.  

กรรมทันตา เพิกเฉย

เพิกเฉย

กรรม...ที่ทำโดยไม่ตั้งใจ ไม่เจตนา
แต่เมื่อก่อกรรมขึ้นมาแล้ว...เพิกเฉย
ไม่คิดจะทวนกระแส แก้ไข
ผลของกรรมที่ตามมา...มันน่ากลัว

ผมมีเพื่อนที่สนิทกันมากอยู่คนหนึ่ง
เพื่อนคนนี้ มีน้อง ชื่อ...สมบูรณ์ (นามสมมุติ)
ตอนเด็ก จนถึงวัยรุ่น สมบูรณ์ เป็นเด็กหน้าตาดี มีความสามารถมาก
ฉลาดในเรื่องรอบตัว รู้เท่าทันคนอื่น
สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ก็มีผู้หญิงมาติดพันวุ่นวายหลายคน

วันหนึ่งขอยืมรถยนต์ของพี่ชายไปเที่ยวกับแฟน
จะด้วยความประมาท หรือสุดวิสัยก็ไม่รู้ได้
ตอนที่เลี้ยวกลับรถยูเทิร์น ไม่เห็นว่ามีรถมอเตอร์ไซค์ แล่นมาอย่างเร็ว
มอเตอร์ไซค์คันนั้น ชนเข้ากับรถยนต์ที่ สมบูรณ์ ขับมาอย่างแรง
ผลปรากฏว่า...คนขี่ ตาย
คนซ้อนท้าย หลังหัก พิการตลอดชีวิต

ด้วยความตกใจ สมบูรณ์ ขับรถหนีแล้วไปจอดทิ้งไว้ไม่ไกลจากจุดเกิดเหตุนัก
ทั้งเขา และแฟนสาว ไม่เป็นอะไรเลย
รีบกลับมาเล่าให้แม่เขาฟัง ว่าเกิดอะไรขึ้น
แม่ ของเขาให้พี่ชาย ซึ่งเป็นเจ้าของรถไปขับกลับมาซ่อน

ในตอนนั้น พี่ชายก็ได้เตือนสติให้คิดดูให้ดีว่าจะทำยังไงกัน
แต่ตัว สมบูรณ์ เองกลัวความผิด
แม่ของเขาก็กลัวการรับผิดชอบ กลัวว่าลูกจะต้องติดคุก
ฝ่ายมอเตอร์ไซค์ ญาติคนเจ็บ คนตายพยายามสืบจนได้เบาะแส
ให้ตำรวจตามมาจนถึงตัว พี่ชาย เจ้าของรถ
แต่...หลักฐานมันไม่แน่น เรื่องนี้เลยหลุดรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
สร้างความเจ็บแค้นใจ ให้กับฝ่ายนั้นอย่างที่สุด
อาฆาต สาปแช่งไว้มากมาย
คนที่ตาย เป็นหัวหน้าครอบครัว ต้องพลัดพรากจากคนที่เขารักอย่างกะทันหัน
ลูก เมีย ตั้งหลักไม่ทัน ชีวิตที่เหลือลำบากลำบน
คนที่หลังหัก พิการ ก็เป็นหัวหน้าครอบครัวเหมือนกัน
ลูก เมีย ญาติ พี่น้อง ต้องช่วยกันโอบอุ้ม ตามมีตามเกิด
ชีวิตเลวร้าย ยิ่งกว่าตายเสียอีก
สุดแสนจะแค้นใจ...กฎหมายทำอะไรมันไม่ได้

จากวันนั้น ครอบครัวของ สมบูรณ์ ก็ไม่พูดกันถึงเรื่องนี้อีกเลย
พยายามลืม...ไม่นึกถึง ไม่คิดถึงอีกเลย
ผมไม่รู้ว่า สมบูรณ์ เคยคิดถึงเรื่องนี้บ่อยแค่ไหน
แต่พี่ชาย ของเขาบ่นให้ผมฟังบ่อยมาก....
ไม่รู้ว่าเพราะกรรม ที่ทำร่วมกันหรือเปล่า
ตัวแฟนสาวเรียนไม่จบ มาอยู่ด้วยกันไม่มีงานการทำ
ทุกครั้งที่เจอกัน ผมไม่เคยเห็นเธอมีความสุขเลย
ตัวสมบูรณ์ เองกว่าจะเรียนจบได้ก็แทบแย่...แต่ไม่ชอบทำงานอย่างคนอื่นเค้า
ไปทำงานที่ไหนก็ทำไม่ทนมีแต่ปัญหา
พอทำงานไปเริ่มจะดี ก็ให้มีเหตุต้องออกทุกครั้ง
เป็นอย่างนี้อยู่เสมอ
น่าแปลก...ความเฉลียวฉลาดที่เคยมี ก็หดหายคิดไม่ออก
กลายเป็นคนดื้อดึง เอาแต่ใจ
โอกาสช่องทางดี ๆ ที่ผ่านเข้ามาก็มองไม่เห็น

พอทำงานเป็นลูกจ้างไม่ก้าวหน้า เลยไปค้าขาย
ขอเงินแม่ไปลงทุนสารพัด ดีบ้าง พออยู่ได้บ้าง
แม่ก็เดือดเนื้อร้อนใจกับลูกคนนี้มาตลอด พยายามหาทางช่วยเหลือเจือจุนสารพัด
เงินทองที่แต่เดิมถือว่าเป็นคนมีอันจะกิน...ก็ค่อย ๆ หมดไป
ตลอดเวลา 20 กว่าปี พูดได้ว่า...แม่ลูกคู่นี้ไม่เคยมีความสุข
ทำมาหากินล้มเหลว ทรัพย์สินที่เคยมีอยู่ก็มีอันเป็นไป

พี่ชายของเค้า ก็ไม่ใช่จะดีนักการงานที่ทำ ดูภายนอกเจริญรุ่งเรืองก็จริง
แต่พอทุกอย่างจะเริ่มดี ก็มีเหตุให้เสียหายไปซะทุกที
เคยมาบ่นกับผมหลายครั้ง ในที่สุดตัดสินใจไปปฏิบัติฯ กรรมฐาน 7 วัน
กลับมาเที่ยวนี้เปลี่ยนไปเป็นคนละคน สงบเย็น ทำใจกับเรื่องต่างๆ มากขึ้น
พยายามพูดกับแม่ ให้เข้าใจเรื่อง...กฎแห่งกรรม
ทำไปแล้วต้องชดใช้ ต้องขอให้เจ้ากรรมนายเวรเขาอภัยให้
จะด้วยวิธีใด ก็วิธีหนึ่ง
แต่แม่ของเขากลับมองว่า ทำบุญเป็นเรื่องสิ้นเปลือง
พอขอร้องให้แม่ กับ สมบูรณ์ น้องชายไปบวช หรืออย่างน้อยก็ปฏิบัติธรรม
แต่ก็กลับถูกมองว่าเหลวไหล...เฮ้อ..อ....

ทุกๆ วันเวลาที่หมุนผ่านไป 20 กว่าปีมานี้
ครอบครัวของ สมบูรณ์ รวมทั้งแม่ของเขา ค่อยๆ ล่มจมอยู่กับความทุกข์
เดี๋ยวเรื่องโน้น เดี๋ยวเรื่องนี้
แม้จะทำเป็นลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่พูดถึง ไม่นึกถึง...แต่มันอยู่ในใจ
การงานสารพัดที่ทำ มีอันสะดุดล้มเหลวโดยตลอด
สติปัญญาตีบตัน
ทรัพย์สินสมบัติเงินทองที่เคยมีอันจะกิน ก็หมดไปละลายไป
จนเรียกได้ว่า บางวันแทบ...ไม่มีกิน
ต้องกู้หนี้ยืมสินไปทั่ว หาแต่เงินใช้หนี้ ลูกเมียไม่ได้กิน ได้ใช้
พอเงินทองขาดมือ อารมณ์ก็พลุ่งพล่าน ทะเลาะกันตีกัน
เกลียดกัน ใช้ความรุนแรงต่อกัน
ทั้งยังเจ็บป่วย มีโรคแปลกๆ เกิดกับเขาทั้งสองคนอีก
ที่น่าสงสารที่สุด คือ ลูก ๆ ของเขา ที่ต้องเกิดมารับเคราะห์กรรมที่ตัวเองไม่เคยรู้เรื่อง
ที่พ่อ แม่ ได้ก่อกรรมไว้แล้วทำ เพิกเฉย ไม่ยอมรับผิดชอบ
ต้องมาทนเห็น พ่อ ตบตีแม่ เห็นแต่ความล้มเหลวของครอบครัว
ไม่มีความภาคภูมิใจในชีวิต หลายเรื่องที่คิด แต่ไม่เข้าใจ
ทำไม...ทำไม...ครอบครัวเรา ไม่เหมือนครอบครัวคนอื่น
ทำไมมีแต่ทางตัน มีแต่หนี้สิน วิ่งวนอยู่แต่กับปัญหาสารพัด
เรื่องง่าย ๆ มากมาย แต่ทำไม พ่อ กับแม่ คิดไม่ได้...ทำไม

ผมเองได้รู้เห็นเรื่องนี้มาตั้งแต่แรก แต่ไม่กล้าออกความเห็น
ได้แต่ปลอบใจเพื่อนไปทุกครั้ง
สิ่งที่ได้เข้าใจอย่างหนึ่งก็คือ
การ...เพิกเฉย...ต่อกรรมที่ได้กระทำแล้ว
มันน่ากลัว ยิ่งทำเฉย ยิ่งทุกข์

หลายครั้ง หลายเรื่องกฎหมายไปไม่ถึง ทำอะไรไม่ได้
แต่กฎแห่งกรรม...ตามติดไม่เลิกรา
เจ้ากรรมนายเวร เขาไม่ยอมหรอก
เขาเดินตามหลัง คอยบดบังสติปัญญา
คอยซ้ำเติม ก่อไฟสุมให้เร่าร้อน
คอยขัดขวางความสำเร็จ ความสุข
คอยเพิ่มเติมแต่ ความทุกข์ ให้...ตลอดเวลา
น่ากลัว จริง จริง...



อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com










 

Create Date : 30 มีนาคม 2554    
Last Update : 30 มีนาคม 2554 12:40:02 น.
Counter : 1084 Pageviews.  

กรรมทันตา สมเกียรติ กสิกรไทย

สมเกียรติ กสิกรไทย

วันก่อนไปงานศพ แม่ ของเพื่อนสมัยมัธยมปลาย
ได้เจอเพื่อนเก่าหลายคน ทำให้นึกได้...

ผมเรียนมัธยม ร.ร.วัดมกุฏกษัตริย์ เป็น ร.ร. ชายล้วน
ตั้งแต่ ม.ศ.1 – ม.ศ.5
ตอนที่ขึ้น ม.ปลาย คือ ม.ศ. 4 เกือบถูกไล่ออก เพราะเอาระเบิดไปเล่นที่โรงเรียน
อันที่จริงมันเป็นระเบิดปลอม น่ะ...คือมันเป็นเปลือกของ ระเบิดน้อยหน่า
แค่เอาไปอวดเพื่อนดูกันเล่น ๆ
ไอ้เพื่อนเวรคนหนึ่ง ดันเอาไปแกล้งขู่เพื่อนในห้องน้ำ
เคราะห์ร้าย ครูพละเข้าไปไล่จับนักเรียนสูบบุหรี่พอดี
ไปเจอไอ้เพื่อนผมถือ ระเบิดน้อยหน่า...ก็ช๊อคไปเลย
ถอยหลังกลับออกมาร้องลั่น ร้องให้ทุกคนหมอบ ให้ทุกคนเข้าที่กำบังกันให้หมด
เป็นเรื่องใหญ่โต เอะอะวุ่นวายกันชุลมุนไปทั้ง ร.ร.
พอสุดท้ายกลายเป็นระเบิดปลอม ครูพละท่านนั้นคงจะเสียหน้า
เลยเสนอให้ไล่ผม กับเพื่อนออก แน่ะ
ดีแต่ว่าเป็นเทอมปลายแล้ว คุณครูใหญ่ท่านเลยให้อยู่จนจบ ม.ต้น

พอขึ้น ม.ปลาย คือ ม.ศ.4 ในสมัยนั้น
ก็มีแผนก วิทย์ คำนวณ ภาษา
อันที่จริงผมน่ะ เรียนพอใช้ได้ เลือกเรียนภาษาได้สบาย
แต่โทษทัณฑ์ที่ติดตัวเลยอด
โชคดีที่ในปีนั้น 2520 มีการเปิด แผนกใหม่เอี่ยมคือ...แผนกธุรกิจ
ในตอนนั้นเป็นของใหม่อย่างมาก เป็นการลอกเอาหลักสูตรของ ร.ร.พาณิชย์มาใช้
มันยุ่งอีตรงที่ ถ้าจบ ม.ต้น แล้วไปต่อ ร.ร.พาณิชย์ 3 ปี ก็จะได้วุฒิ ปวช.
แต่พวกผมเรียนแค่ 2 ปี ได้วุฒิฯ มัธยมศึกษาตอนปลาย ถือว่าต่ำกว่า ปวช.
อย่างที่บอกในสมัยนั้นเป็นแผนกเปิดใหม่เอี่ยม ไม่มีใครรู้จัก
หานักเรียนที่จะมาเรียนก็ยาก
เพราะคนที่ต้องการเรียนสายธุรกิจ เขาก็มุ่งไปเรียนพาณิชย์โดยตรง
พวกที่ต่อ ม.ปลาย สมัยนั้นก็หวังจะเข้ามหาวิทยาลัยอย่างเดียว

โดยสรุป เลยเอานักเรียนที่ต่อแผนกอื่นไม่ได้ และยังอยากจะเรียน ม.ปลาย
ห้องของผมก็กลายเป็นที่รวมของพวก แปลกๆ พวกมีปัญหาทั้งหลายแหล่
ต้องเรียนพิมพ์ดีด เรียนบัญชีขั้นต้น เรียนวิชาการขาย วิชากฎหมายธุรกิจ
เป็นที่หัวเราะเยาะ และโดนดูถูกจากพวกแผนกอื่นอย่างยิ่ง
คิดแล้วก็ตลกดีนะ...ในตอนนั้น พวกวิชาเหล่านี้ถูกมองเป็นวิชากระจอก วิชาเสมียน วิชาประหลาด
แต่ยุคนี้กลายเป็นวิชาพื้นฐานที่ทุกคนต้องมี ต้องรู้ไปซะนี่
แถมยังทำให้ผม และเพื่อนอีกหลายคนไปเรียนต่อ คณะบริหารธุรกิจกันอย่างง่ายดาย

ในห้องของผม บอกแล้วว่าเพื่อนแต่ละคนออกจะแปลก ๆ ประหลาด ๆ
มีคนที่ไม่ค่อยชอบเรียนหนังสืออยู่เยอะ หรือคนที่ทางบ้านค่อนข้างขัดสนก็หลายคน
เพื่อนบางคน ไม่มีแม้สตางค์จะกินข้าว ต้องช่วยกันเลี้ยงข้าวมันทุกวัน แบ่งกันกิน
บางคนที่บ้านเข็นรถขายลูกชิ้นปิ้งอยู่เทเวศร์ ตอนเย็นต้องไปช่วยแม่ขายทุกวัน
ในห้องก็จะแบ่งเป็นหลายกลุ่ม พวกเด็กขยัน พวกชอบเล่นม้า เล่นมวย พวกชอบเล่นกีฬา ฯลฯ

มีอยู่คนหนึ่ง ชื่อ...สมเกียรติ
ผมขอเรียก...ไอ้เกียรติ...ก็แล้วกันนะครับ มันเคยปาก
ตอนพักกลางวัน หรือเลิกเรียนจะมาสิงสถิตเล่นกันที่สนามบาสฯ
ไอ้เกียรติ มันเล่นบาสเก็ตบอล ไม่ได้เรื่องนี่ฝีมือห่วยมาก เพื่อนๆ ว่าเอาบ่อยๆ
จนวันหนึ่งมันโดนเพื่อนๆ ว่าเอาแรงไปหน่อย น้อยใจกลับบ้านไปเลย

แต่...หลังจากนั้น ทุกวัน เขาก็จะออกกำลังกายอย่างหนัก
ออกวิ่งทุกเย็น...ไม่มาเล่นกับพวกเพื่อนคนอื่น ๆ
อดทนฝึกฝนจนเก่ง ถึงเก่งมาก
มารู้อีกที ไอ้เกียรติ ไปสมัครเข้าเป็น...นักกีฬาบาสฯ ของโรงเรียน
ลงแข่งจนได้แชมป์ ได้เหรียญ ได้ถ้วยมาตั้งหลายใบ
ที่น่าเสียดายก็คือ มันไม่เคยมาเล่นกับพวกผม อีกเลย

ฐานะทางบ้านของ ไอ้เกียรติ ก็คงจะไม่ดีนัก
เพราะเมื่อจบ ม.ศ. 5 กันแล้ว เกือบทั้งหมดก็ไปเรียน มหาวิทยาลัยรามคำแหง
มีแค่ไม่กี่คนที่ไปต่อที่อื่น ด้วยเหตุผลต่างๆ กัน
ส่วน สมเกียรติ ไม่ได้ไปเรียน รามฯ เพราะเหตุผลว่า...ต้องรีบทำงานหาเงิน
ถ้าเรียนรามฯ อย่างน้อยต้องมี 3 ปีขึ้นไป
สุดท้ายก็เลยไปเรียน หลักสูตรเปิดใหม่ เรียนต่ออีกปีครึ่ง
เรียกว่า ปวท. ประกาศนียบัตรวิชาชีพเทคนิค
เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้ว…
แต่วุฒิที่ได้ยังต่ำกว่า ปวช. ของพาณิชย์อยู่ดี
จากนั้นก็ไปเป็นทหารรับใช้ชาติอีก 2 ปี

พอปี 2525 ไอ้เกียรติ ก็พยายามสอบเข้า ธนาคารกสิกรไทย จนได้
เริ่มจากเป็นพนักงานชั้นต่ำสุด เพราะวุฒิฯ การศึกษามีแค่นั้นเอง
ถึงแม้จะเข้าเป็นพนักงานแบงค์ได้แล้ว ก็ยังไม่หยุดดิ้นรน
ไปหาทางเรียนต่อ จนได้วุฒิ ปวช.
แล้วขยันอดทน ประจบใครไม่เป็น ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างหนัก
แต่ก็ยังไม่วายพ่ายแพ้การเมืองในที่ทำงาน ถูกกลั่นแกล้งจากเจ้านาย
จนตัดสินใจลาบวช 1 พรรษา...เพื่อทำจิตทำใจ

พอสึกออกมาทำงานต่อ เจ้านายตัวดีก็ได้ย้ายไปที่อื่นแล้ว
ทำให้มีกำลังใจ ลุยทำงานจนได้เลื่อนขั้นเป็น ผู้ช่วยสมุห์บัญชี
และเป็น สมุห์บัญชี ในปีต่อมา
ก่อนฟองสบู่แตก พนักงานแบงค์ ถือว่าเป็นอาชีพที่โก้หรูมาก
ทั้งรายได้ ทั้งภาพพจน์ดีไปหมด จนหลายคนหลงระเริงไปกับสิ่งรอบตัว
แต่ ไอ้เกียรติ กลับมุมานะทำงาน พยายามสอบเลื่อนขั้นเป็น ผู้ช่วยผู้จัดการ
แถมยังกระเสือกกระสนถีบตัวเอง ด้วยการไปลงเรียนเอาวุฒิปริญญาตรี
ที่ราชภัฏเพชรบุรี ในวันเสาร์ อาทิตย์
กัดฟันทนลำบาก เหนื่อยหนักอีกเกือบ 3 ปี

พอปี 2540 ฟองสบู่แตกดังโพล๊ะ
พนักงานแบงค์จาก เทวดา กลายเป็นพวกที่ย่ำแย่อย่างยิ่ง
มีการปลดพนักงานออก จาก 25,000 คน เหลือไม่ถึงครึ่ง แค่ 9,000 คนเท่านั้นเอง
ไอ้ที่เหลือก็ไม่มีการขึ้นเงินเดือน ไม่มีโบนัส ไม่มีอะไรทั้งนั้น
น่าสงสารพวกที่ถูกออก จะเป็นพวกที่วุฒิฯ ไม่ถึง ปริญญาตรี
หลายคนเคยฟุ้งเฟ้อ เคยทำงานสบาย ไม่ได้เตรียมตัว เตรียมอาชีพอื่น
หลายคนเอาเงินชดเชยไปลงทุนค้าขาย แต่ก็ไม่รอด เจ๊งไม่เป็นท่า
หลายคนออกแล้ว ก็ยังไม่มีงานทำจนทุกวันนี้

ปี 2544 ไอ้เกียรติ ก็ได้เข้าไปอยู่ สนง.ใหญ่ ทำงานประจำ
งานสบาย แต่ไม่ก้าวหน้า เป็นงานซ้ำซากแถมยังออกแนวจับผิดคนอื่นด้วยซ้ำไป
สุดท้ายเลยดิ้นรนขอออกไปอยู่สาขา ไปหาความท้าทาย หาโอกาสเอาข้างหน้า
ทั้งขยัน ทั้งอดทน จดจ่อกับเรื่องงาน...ลุยไปอย่างเดียว
พอปี 2551 ได้เป็น ผู้จัดการสาขา เล็กๆ...แต่ก็เป็น ผู้จัดการธนาคาร เชียวนะ
หลังจากนั้นก็ได้ย้ายไปสู่สาขาที่ดีขึ้น ใหญ่ขึ้น สาขาที่สำคัญมากขึ้น

ไอ้เกียรติ...เพื่อนผู้จัดการแบงค์ บอกว่า
ตลอดเวลาที่ทำงาน ไม่เคยประจบประแจง เลยทำให้ก้าวหน้าช้า...แต่ก็ภูมิใจ
และไม่กลั่นแกล้งใคร เคยโดนมาแล้วเลยรู้ว่ามัน แสนจะเจ็บช้ำแค่ไหน
ผมถามว่า แล้วไอ้เจ้านายที่เคยกลั่นแกล้งน่ะ เดี๋ยวนี้เป็นยังไง ก้าวหน้าไปถึงไหน
เขาถอนใจบอก...เป็นอัมพาตไปหลายปีแล้ว

ที่อยากเล่าเรื่องของ ไอ้คุณ สมเกียรติ เพราะผมรู้สึกนับถือมันมาก
เขามีโอกาสน้อยกว่าคนอื่น ๆ หลายคน
มีแค่วุฒิ ปวท. น้อยกว่า ปวช. ซะอีก
เริ่มจาก พนักงานแบงค์ ชั้นล่างสุด
ใช้เวลา 20 กว่าปี ลุยมาจนได้เป็น ผู้จัดการสาขา
มันไม่ง่ายเลยนะ...ไม่ง่ายเลย

ที่จริงผมนับถือมัน ตั้งแต่ที่มันเล่นบาสฯ ห่วยแตก
แล้วมุมานะ เอาคำเยาะเย้ย คำดูถูก แปรเป็นพลังใจ
จนกลายเป็น...นักกีฬา นักบาสฯ ประจำโรงเรียน
นับถือมันตั้งแต่วันนั้นแล้วละ
อย่างนี้เรียกว่า...ทวนกระแสกรรม
...ล่วงทุกข์ได้เพราะความเพียร
ใช่หรือเปล่า ครับ


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com




 

Create Date : 29 มีนาคม 2554    
Last Update : 29 มีนาคม 2554 21:27:21 น.
Counter : 1311 Pageviews.  

กรรมทันตา อยากไปอินเดีย

อยากไปอินเดีย

ผมเคยบอกแล้วนะครับว่า ที่มาของ...กรรมทันตา เดอะซีรีส์
มาจากการที่ได้นั่งดูรายการทีวี 84,000 พระธรรมขันธ์
ซึ่งเป็นรายการละคร แนวกฎแห่งกรรม
แล้วผมก็นึกได้ว่าเราก็มีเรื่องที่เห็นกับตาเหมือนกัน ก็เลยโพสเล่าไปเรื่อย
จากเรื่องของคนอื่นที่เรารู้จัก ก็มาจนถึงประสบการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเอง
จากเรื่องแรก เรื่อยไปจนถึงปัจจุบันนี้รวมแล้วก็หลาย..ย...แล้วละ

มีท่านผู้อ่านคอมเม้นท์มาให้กำลังใจ มากมายหลายท่าน
ผู้ที่โทร.มาให้กำลังใจก็เยอะ โดยเฉพาะท่านหนึ่งชื่อ...คุณสุเมธ โสฬศ
และบอกว่ากำลังจะไป...สังเวชนียสถาน ที่อินเดีย
ไอ้ผมก็ปากเบา ขอให้ช่วยเก็บ ใบโพธิ์ จากต้นพระศรีมหาโพธิ์ ให้ซักใบนะครับ
พอคุณสุเมธ กลับถึงเมืองไทย ก็กรุณานัดไปพบเพื่อมอบ ใบโพธิ์พุทธคยา ให้กับผม
และเล่าว่า...หายากมาก...ด้วยว่าคนที่ไปนั่งวิปัสสนา ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์ มีมากมาย
ต่างคนก็ต่างรอให้มีล่วงหล่นมาสักใบ พอมีล่วงลงมาก็คว้ากันอุตลุต
ผมก็เลยหายโง่ ขอโทษท่านซะยกใหญ่
ท่านก็เมตตาบอกว่า ผมน่าจะหาโอกาสไปกราบสังเวชนียสถานสักครั้งในชีวิตนะ
ผมก็สั่นหัว กลัวความลำบาก กลัวอาหารไม่อร่อย กลัวกลิ่นแขก กลัวส้วมไม่สะอาด
ที่สำคัญ ค่าเดินทางมันแพง อ่ะ...เห็นเค้าว่าประมาณ 50,000 แน่ะ
ท่านบอก ประมาณ 30,000 ก็มี ลำบากนิดหน่อย
อดถามไม่ได้ว่า แล้วดียังไงทำไมคนเค้าชอบไปกันจัง
ท่านใช้คำว่า...เมื่อได้ก้มลงกราบ ณ.ที่ตรงนั้นแล้ว อารมณ์ ความรู้สึกที่สัมผัส
แค่นั้นก็เกินคุ้มค่าชีวิต คุ้มค่าเงิน ค่าเดินทาง ยิ่งกว่า...คุ้ม
ฟังแล้วก็ให้เกิดความซาบซึ้ง ชักอยากจะไปบ้าง...แต่ไม่มีสตางค์
คุณสุเมธ ก็ว่าให้อธิษฐานกับ...ใบโพธิ์ฯ...ที่ได้มาสิ

พอกลับมาบ้าน ผมก็นำ ใบโพธิ์ฯ ไปไว้ที่หิ้งพระ...พร้อมอธิษฐาน
...ขอให้ลูกได้ไปอินเดีย ได้ไปกราบสังเวชนียสถานด้วยตัวเอง เทิด...

จากนั้นอีก 2 วันไปรอภรรยาของผมซื้อผ้าที่พาหุรัด
ผมเลยไปเดินเล่นที่ห้างไชน่าเวิลด์
ที่ชั้น 3 มีร้านขายเสื้อผ้าฝ้าย ชุดพื้นเมือง ชุดขาวปฏิบัติธรรม
เจ้าของร้านชื่อ...คุณ ปู
ร้านนี้มีรูปพระตั้งบูชาอยู่ สวยงามมาก...พระพุทธเมตตา
ผมก็ถามว่าทำไมพระองค์นี้สวยจัง สวยแปลก
คุณปู บอกว่ารูปนี้ ถ่ายเองกับมือ ตอนที่ถ่ายโชคดีเป็นเวลาที่ทางวัดกำลังเปลี่ยนผ้าคลุมองค์ท่านพอดี
เลยถ่ายได้รูปที่มีแต่องค์ท่าน...ซึ่งหายากมาก
ท่านอยู่ที่...พุทธคยา อินเดีย
หลังจากคุยกันถึงได้รู้ว่า คุณปู เป็นผู้ปฏิบัติธรรมที่เข้มแข็งมากคนหนึ่ง
ไปอินเดียมาหลายครั้ง
แล้วก็ให้ภาพถ่ายที่เหมือนกันกับผม 1 ใบ ยังสำทับว่า...ถ้าอยากไปจริง ๆ ก็อธิฐานกับท่าน สิคะ
วันรุ่งขึ้นรีบเอาไปใส่กรอบแขวนข้างหิ้งพระ แล้วก็อดอธิษฐานอีกไม่ได้

...ขอให้ลูกได้ไปอินเดีย ได้ไปกราบสังเวชนียสถานด้วยตัวเอง เทิด...

อีก 2 – 3 วัน มีผู้หญิงโทร.มาแนะนำตัว ชื่อ...คุณ กานต์ จากสำนักพิมพ์ เนชั่นบุ๊ค
สนใจกระทู้ กรรมทันตา อยากจะขอเอาไปพิมพ์เป็นเล่ม
ผมก็บอก ตามสะดวกครับ เพราะมีคนขอไปพิมพ์แจกบ่อยๆ...ผมยินดีอย่างยิ่ง
แต่คุณกานต์ บอกว่าจะพิมพ์ขาย...อ้าว

อีทีนี้เลยนัดคุย ได้ความว่าทาง เนชั่นบุ๊ค ในเครือ เนชั่นฯ
สนใจที่เป็นเรื่อง กรรม หรือกฎแห่งกรรม ในแบบที่ไม่เหมือนคนอื่น
เป็นเรื่องที่ เป็นเหตุ เป็นผล
และไม่ไกลเกินที่คนอื่นจะทำตามได้
ไม่ใช่เป็นเรื่อง งมงาย หรือไสยศาสตร์เร้นลับ...แต่เป็นเรื่องของ การกระทำ
อยากพิมพ์เผยแพร่ ให้คนที่กำลังท้อแท้ หมดกำลังใจ ปล่อยใจให้ไหลไปตามกระแสโลกปัจจุบัน
กระแสความโลภ ความเห็นแก่เงิน ได้ฉุกคิด
อีกมุมหนึ่ง ก็อยากให้คนที่ท้อแท้หมดแรงต่อสู้โชคชะตา
ได้รู้ว่า กระแสกรรม นั้นเราสามารถ ทวนกระแส
...ฟันฝ่าออกจากวังวนแห่งความทุกข์ได้ ด้วยวิธีง่าย ๆ คือ ศีลห้า...

แต่ในทางการตลาดที่แข่งขันกัน คงจะพิมพ์เป็นพ๊อคเก็ตบุค 140 หน้า
ราคาไม่เกิน 130 บาท
เลยจะขอเลือกออกมา ซักประมาณ 20 เรื่อง
ผมก็บอก...โอ๊ย..ย...ดีใจ จะได้มีผลงานไปอวดลูก อวดภรรยา
แต่พอยิ่งรู้ว่าได้ค่าเขียนเรื่องด้วย เลยสงสัย...คำอธิษฐานแรง จริง จริง ด้วย
เอ๊ะ...แล้วจะพอค่าเดินทางไปอินเดียมั๊ยละเนี๊ยะ
แต่ไม่กล้าถาม
พอคุยกันอยู่สักพักถึงได้รู้ว่า คุณกานต์ ก็เป็นผู้ปฏิบัติธรรมคนหนึ่งเหมือนกัน
พยายามทำหนังสือ แนวธรรมะแบบที่น่าสนใจ จับต้องได้
โดยเฉพาะ ของ...ท่าน พระไพศาล วิสาโล
แถมยังยืนยันว่า ท่านเป็นพระที่...เยี่ยมยอด จริง ๆ
แต่คำพูดที่ผมฟังแล้ว...ทึ่งอย่างที่สุด คือแรงบันดาลใจให้ทำหนังสือแนวนี้ก็เพราะ

...หากพิมพ์สัก 5,000 เล่ม คนซื้อไปอ่าน 4,999 คน ก็ยังไม่ดีใจ
แต่ถ้ามีเพียง 1 คน อ่านแล้วได้ฉุกคิด เกิดการเปลี่ยนแปลง มีแรงบันดาลใจหันกลับมาทำความดี
แค่นี้ ก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวงแล้ว...

ผมฟังแล้ว...นับถือจับใจ
หลังจากนั้นมาอีกหลาย...ย...วัน ก็โทร.มาบอกข่าวดีว่า
ไปนำเสนอให้กับทาง เซเว่นอีเล่เว่น แล้วเค้าชอบ...
แต่ต้องกดราคาให้เหลือแค่ 95 บาท เท่านั้น
จะพยายามเร่งให้ทันงานสัปดาห์หนังสือ เดือนเมษายน ด้วย
ซึ่งทั้งหมดทั้งปวง ผมให้ทาง คุณกานต์ และเนชั่นฯ ตัดสินใจเอาตามสบาย
จะเลือกเรื่องไหน ยังไง ได้ทั้งนั้น
แต่พอเค้าส่งภาพหน้าปกมาให้ แถมอธิบายคอนเซปท์
ด้านล่างใช้สีเข้มออกดำ หมายถึง ทำกรรมชั่วเห็นผิดเป็นชอบ
แล้วตรงกลางเป็นรูป ดอกบัว คือ เริ่มเห็นสัจจะธรรม
ด้านบนสีสว่าง คือ หายชั่วแล้ว
ผมละ ช๊อบ...ชอบ...ฝ่ายศิลป์ของเค้าจริง ๆ

แต่แหม...โปรยหัวซะกระดากใจ เว่อร์ไปหน่อย
อ้อ คำนำดีมากนะ โดนใจผมเลย
ว่าแต่ว่า...ผมต้องไปอินเดีย จริง จริง เหรอเนี่ยะ
ผมเป็นคนติดห้องน้ำซะด้วย...กลัวสกปรก กลัวลำบาก สำรวยอ่ะ
อาหารการกินเป็นยังไงก็ไม่รู้
เห็นเขาว่ากันว่า นั่งรถกันเมื่อยก้น เมื่อยแล้ว เมื่อยอีก
แล้วจะมีแผ่นดินไหวหรือเปล่า ถ้ามีสึนามิแล้วจะกลับบ้านกันท่าไหน
ต้องเริ่มต้นกันยังไง ก็ยังไม่รู้เลย

แต่ที่สุดของที่สุด...ต้องขอบพระคุณ แฟน แฟน ผู้ติดตามอ่าน
ที่ช่วยกันโหวตกระทู้ ช่วยกันคอมเม้นท์ ช่วยกันติ
ช่วยกันบอกว่า ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
เป็นเพียง พุทธทะเบียน ออกแนวขวาง ขวางซะด้วยซ้ำ
ผมสติปัญญาน้อย...ต้องคอยช่วยผมด้วย นะครับ


อนณ 089-995-9377
tobeteam@yahoo.com




 

Create Date : 23 มีนาคม 2554    
Last Update : 23 มีนาคม 2554 22:11:13 น.
Counter : 1531 Pageviews.  

กรรมทันตา หมอจัดกระดูก อีกครั้ง



หมอจัดกระดูก อีกครั้ง

กระทู้นี้...โปรดใช้ วิจารณญาณ ในการฟังอย่างมาก
ผมบอก...เอาบุญ...เท่านั้น ไม่มีความประสงค์อื่นใด

วันนี้ 21 มีนาคม 54
ผมพา ภรรยา กับลูกสาว 2 คน ไปหาคุณหมอ อดุล...หมอจัดกระดูก
ท่านที่ยังงง ต้องไปอ่าน...กรรมทันตา หมอจัดกระดูก เอานะครับ
คงต้องอ่านจากบล็อกของผม ลองเสริชดูคำว่า bloggang tobeteam
เอานะครับ

เหตุที่ไปก็เพราะว่า คุณหม่อง ทำงานตัดผ้าทั้งวัน ๆ ก็มีอาการปวดใหล่
แต่พอมาตอนหลังแขนขวามีอาการชา..ชา..
ลูกสาวคนโตก็บ่นปวดหัวไหล่มาหลายวันแล้ว ไม่หายซักที
ลูกสาวคนเล็กชอบปวดหัว ไมเกรน บ่อยๆ
ไอ้ตัวผมเองมีโรคปวดหลัง เป็นประจำมากน้อยแล้วแต่ว่านั่งทำงาน งอหงิกนานแค่ไหน
ว่าแล้ววันนี้ ก็พากันไปทั้งครอบครัว

อีกอย่างก็คือ หลังจากไปครั้งสุดท้าย เมื่อประมาณ 3 ปีแล้ว
ก็ยังไม่เคยไปอีกเลย แถมยังไปเล่าเอาไว้ในกระทู้พันทิป กรรมทันตา อีก
มีคนที่โทร.มาถามทางเยอะเลย...พอบอกทางแล้วผมก็ขอร้องว่า ไปรักษามาแล้ว
ช่วยกรุณาโทร.กลับมาเล่าให้ฟังหน่อย ว่าผลเป็นประการใด
ค่อยยังชั่วขึ้นมั๊ย คนเยอะมั๊ย....
แต่ละท่านที่โทร.มาเล่าก็บอกว่า...ดี...อาการดีขึ้น เยอะ..เยอะ...เลย
บางรายพาคนที่บ้านไป...เส้นเลือดในสมองตีบ อยู่ดีๆ ก็แขนขาไม่มีแรง
ไปรักษาหลายหมอแล้วก็ไม่ดีขึ้น เกือบจะผ่าตัดอยู่แล้ว
แต่พอไปหา คุณหมอ อดุล...แล้วอาการดีขึ้นมาก..ก...ก....
จนเห็นได้ชัด แต่ก็ต้องไปอีกหลายครั้ง...กว่าจะหาย
แล้วก็คนไปหาเยอะ มาก.

ผมฟังแล้วก็...เฮ้อ..สบายใจ แนะนำแล้วไม่เสียผู้เสียคน
พอวันนี้ไปเอง...โอ้โฮ อึ้ง.
ผมไปถึงก่อนเที่ยง คนที่รออยู่ประมาณ 10 กว่าคน
นั่งรถเข็นมาก็มี
หลังจากนั่งคอยสักพัก มีคนทยอยมาทุกๆ 10 นาทีได้มั๊ง
ลองถาม ๆ ดู มาจากอุบลฯ ก็มี แต่จากกรุงเทพเยอะที่สุด
พอมีโอกาสคุยกับ คุณหมอนิดหน่อย ท่านบอก...ไม่ต้องไปโฆษณาแล้วนะโว้ย เหนื่อย..ย...มาก
วันหยุดมีคนมาให้รักษา 150 - 160 คน
ถ้าวันธรรมดาก็ค่อยยังชั่วหน่อย...
ผมก็ถามว่า พวกหมอแผนปัจจุบันมาขอทดสอบมั่งมั๊ย
แกบอก อาจาร์ยหมอ ที่ศิริราชก็มา
อีกราย เมียหมอปวดหัวเข่า ปวดขา เพราะอายุเริ่มมาก
สามีก็รักษาด้วยวิธีสารพัด กินแต่ยา...จนเกือบจะต้องเอาเข้าผ่าตัดอยู่แล้ว
แต่รู้ข่าวก็แอบมารักษา ปรากฏว่า...หายดีเลย
คุณหมอแผนปัจจุบันที่เป็นสามี อดรนทนไม่ไหวเลยต้องขอมาดูหน่อย...

แล้วที่ยิ่งกว่านั้น...ผมเห็นภาพแขวนไว้ เป็นภาพคุณหมอ อดุล กับท่านผู้หญิงท่านหนึ่งเป็น นางสนอง...
ภาพถ่ายที่ชั้น....โอ๊ย อยากบอก แต่พูดไม่ได้ ไม่สมควร

ระหว่างรอ...มีรายหนึ่ง
ญาติเข็นคนป่วยมาเห็น แขน ขา ลีบ ไปทั้งซีกขวา
นั่งหน้างอเชียว
คุณหมอ อดุล ก็จัดการตรวจและรักษาตามวิธีของท่าน
แล้วบอกให้ทดลองเดิน ลองขยับดู...แต่แกไม่ยอม แฮะ
นั่งหน้างอเหมือนเดิม ผมก็ไม่เข้าใจ
คุณป้าที่มาด้วยกัน ปวดขา ปวดเข่ามาก ก็เข้าไปรักษา
ออกมา...บอกแหม ดีจริงๆ ว่าแล้วแกก็ลองนั่งยองๆ ลุกขึ้น ลุกลง
บอก...เอ้อ หายแล้ว ดีใจจริงๆ
ตอนที่ครอบครัวเขาพากันกลับ นั่งรถเข็นไปถึงรถ แล้วคะยั้นคะยอให้แกลุกขึ้นเดิน
เอ๊อะ...แกก็ค่อย ๆ เดินได้ด้วย พวกที่มาด้วยกัน ดีใจกันยกใหญ่
คุณหมอ อดุล แกบอกผมว่า...รายนี้ นอกจากเรื่องร่างกายแล้ว ยังมีเรื่องของจิตใจด้วย
ใจคุณลุงคนนั้น คิดแต่ว่า...เดินไม่ได้แล้ว...เลยท้อแท้ไม่ยอมเดิน ไม่ยอมสู้
ต้องรักษา ต้องลุ้นกันอีกหลายครั้ง

ผมก็ชวนคุยถามไปเรื่อยว่า...มีคนมาลองดีมั่ง หรือเปล่า
คุณหมอ ร้อง เหอะ...เยอะแยะไป
แต่แกไล่เผ่นหมด ว่าถ้าจะรักษาก็พาคนป่วยมา ไม่ต้องมาทดสอบ เสียเวลาคนอื่น...
เท่าที่เห็นชั่วเวลาไม่นาน คือ คนมาหา มารักษา เยอะแยะมาก..ก...
แล้วก็แฮปปี้กันไปทุกคน
บางคนที่คงมาซ้ำ ยังเอาของฝาก ขนมนมเนย มาขอบคุณกันเอิกเกริก

ได้ยินว่า บางทีในภายหน้าอาจจะทำเป็น มูลนิธิ ไม่เก็บค่ารักษา
อ้อ...ขอย้ำนะครับ
ค่ารักษา...เรียกว่า ค่าครู คนละ 209 บาท
คนที่เคย...ผ่าตัด...มาแล้ว ไม่รักษา...รักษาไม่ได้แล้ว
ที่นี่หยุดทุก...วันพระ...เพราะคุณหมอ ไปรักษาอุโบสถศีล

อีกอย่าง...คุณหมอท่านเป็นคนแปลกๆ เอะอะ เอ็ดตะโร เสียงดัง
...แต่ใจดี มาก..ก...อย่าตกใจ
เบอร์โทร.บ้าน... 032-326-556
มือถือ... 089-965-7441
...086-571-6981

ข้อเสีย ของการไปรักษาที่นี่
คือ ความเจ็บปวดที่เคยเป็นมานาน..น...อยู่ ๆ กันก็หายไปเฉย ๆ
จนลืมไปเลยว่าเคยเจ็บเคยปวด เคยทรมาน
ก็จะกลับไปใช้ท่าทางร่างกายในทางที่ผิด...อย่างเดิมอีก
กลับไปนั่งหงิกงอ ใช้คอมพิวเตอร์ พิมพ์งานทั้งวัน เหมือนเดิมอีก
หรือบิดผิดท่าทาง อีกแล้ว
ข้อเสียอีกอย่างที่เห็นได้ชัด
ไอ้ที่เคยทรมาน เจ็บปวด กลุ้มใจท้อแท้มานานเป็นปี ปี
พอหายปุ๊บปั๊บ...อีทีนี้ ดีใจ อารมณ์ดี กินได้นอนหลับ
เลยกินใหญ่เลย อร่อยไปหมด อารมณ์แจ่มใส คึกคัก
อย่า...หักโหม...ใช่ครับ อย่าหักโหม พอจะเข้าใจกันนะครับ
ที่สำคัญ กินอร่อยไปหมด น้ำหนักตัวมันจะพรุ่งพรวดพราด
ผมโดนมาแล้ว เลยรู้ดี
อ้อ...ท่านที่ไปรักษาแล้วไม่หาย ก็มีหลายท่านเหมือนกันนะ ไม่ใช่ไม่มี

ผมแค่ บอกกล่าวนะครับ...
เรื่องแบบนี้ ขึ้นอยู่กับ บุญ กรรม ด้วยครับ
บางที ทุกข์ทรมาน มาหลายปี พอหมดกรรมก็เจอหมอ ดี ดี
อยากจะรบกวน ท่านที่เคยไปรักษากับ คุณหมอ อดุล แล้ว
ช่วยเล่าให้ฟังบ้างนะครับ เป็นยังไงกันบ้าง
โทร.มา หรือ อีเมล์มาก็ได้นะครับ

ทั้งหมดทั้งปวง แค่...เอาบุญ เท่านั้น
ไม่ได้มีประโยชน์โภชน์ผลอะไรกับเขาด้วย เล๊ย..ย...
สงสาร คุณหมอท่านเหมือนกัน
ดูท่าน...เหนื่อย..ย...มาก
แต่ก็ดีใจเห็น คนหมดทุกข์ หายทรมาน ทรกรรม
แค่นั้นเอง

ทางไปนะครับ
คุณหมออยู่ที่ จังหวัด ราชบุรี
แต่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองนะจ๊ะ

ถ้าไปทางเส้น ถนนพระราม 2 จากกรุงเทพฯ
ก็ วิ่งไปจนเลย สมุทรสงคราม
พอถึงแยก...วังมะนาว แล้วเลี้ยวขวาไปอีก 18 กิโลเมตรเท่านั้น
เจอปั๊ม ป.ต.ท.
จะมีทางเลี่ยงเมือง ให้เลี้ยวซ้าย เพื่อขึ้นทางเลี่ยงเมือง
วิ่งไปสักพักประมาณ 2 กม.
จะเจอทางที่จะขึ้นสะพานข้ามแยก ... ไม่ต้องขึ้น
ให้ชิดซ้าย เพื่อเลี้ยวซ้าย เข้าถนน ( น่าจะเป็นทางเข้าเมือง )
วิ่งไปแค่ประมาณ 20 เมตร จะเจอซอย จัดสรรสัตตนารถซ้ายมือ
มีป้าย...หมออดุล อยู่หน้าซอย
เลี้ยวเข้าไปเลย
วิ่งผ่าน " โรงเรียนดรุณา ราชบุรี วิเทศ ศึกษา "
หาป้ายชื่อหมู่บ้านสรรเสริญ วิลล่า ทางขวา
มีป้ายบอก อีก
แล้ว เลี้ยวขวา บ้านอยู่ซอยที่ 2 ซ้ายมือบ้านหลังหัวมุม
ในบ้าน มีร่มธนาคาร ไทยพาณิชย์ สีม่วง มีชิงช้า (แต่ไม่มีป้ายบอกชื่อบ้านหมอนะ)

ท่านชื่อ.....อดุล พลศรีราช
ผู้รักษาโรคกระดูกด้วยความชำนาญเฉพาะด้าน
เบอร์โทร 032-326-556
086-571-6981
089-965-7441

หรือท่านที่ไม่สะดวกขับรถไปเอง
ก็นั่งรถ บ.ข.ส. หรือรถทัวร์ รถตู้ ไปให้ถึงตัวเมือง ราชบุรี
แล้วไปหามอเตอร์ไชค์รับจ้าง ให้เค้าไปส่งก็ได้
เค้ารู้จักกันทุกคน ครับ

เพิ่มเติม....( เขียนเมื่อวันที่ 5 มกราคม 2556 )
ซึ่งในตอนนั้นก็มีคนโทร.มาถาม และตามไปรักษากันมากมาย เฉลี่ยวันละ 70 – 100 คนได้ละมั๊ง
ที่รักษาหาย หรือหายขาดก็มากมาย
แต่ที่ไม่ได้ผลก็มีเหมือนกัน...ใช่ว่าจะหายขาดซะทุกรายนะครับ
อย่างที่ผมเคยบอกแล้วว่า...
ขึ้นอยู่กับ ศรัทธา และบุญกรรม ของคนป่วยด้วยนะ

แล้วอยู่ดี..ดี๊ ก็มีรายการทีวีช่อง 7 บุกไปถ่ายทำรายการช่วง...เจาะประเด็น 7
หรือช่วง...อนุวัตจัดให้
ออกอากาศเมื่อ 18 ธันวาคม 2555 ซี่งสามารถเปิดดูคลิปย้อนหลังได้
เท่านั้นแหละ มีคนโทร.มาหาผมวันละหลาย..ย..ย...สิบราย
แล้วก็แห่กันไปรักษาที่ คุณหมออดุล กันมากมายก่ายกอง
วันละเกือบ 300 คน
ทำเอาเอิกเกริกวุ่นวายเกินจะอธิบาย
ลองนึกภาพคนป่วย 300 ญาติอีกต่างหากไปมะรุมมะตุ้มกันในตึกห้องแถว 3 x 6 เมตร ดูก็แล้วกัน
คุณหมอแกเลยต้องจัดระเบียบกันใหม่ โดยรับรักษาได้แค่วันละ... 150 คนเท่าน้าน..น...น
มากกว่านี้ไม่ไหว...หมออดุล แกเหนื่อยจนพาลจะตายซะเองแล้ว
โดยเริ่มรักษาตั้งแต่ 7 โมงเช้า
ถึงแค่เที่ยงเท่านั้น คร้าบ...บ
ไม่รับจองข้ามด้วยวันนะ
แล้วข้อสำคัญ... วันพระ หยุด
เสาร์ อาทิตย์ ถ้าไม่ตรงกับ วันพระ ก็เปิดรักษาตามปรกติ
แต่...แต่...คนที่เคยผ่าตัดมาแล้ว.......ไม่รับรักษา
เพราะสมดุลย์ร่างกายเปลี่ยนแปลงไปแล้ว
รักษาตามวิธีของคุณหมออดุล ไม่ได้แล้ว
ไม่รู้จะทำยังไง...เสียใจด้วยจริง ๆ

ขอย้ำ ทำความเข้าใจกันนะ...
คุณหมออยู่ที่ จังหวัด ราชบุรี
แต่ไม่ได้อยู่ในตัวเมืองนะจ๊ะ
อยู่ริมถนน เพชรเกษม

วิธีง่ายๆ อีกอย่างก็ไป รถบัส รถตู้
ไปถึงตัวเมืองราชบุรี แล้วหารถรับจ้างบอกเค้าว่า บ้านหมออดุล จัดกระดูก
หรือ หมออดุล ธรรมรักษา
น่าจะรู้จักกันทั้งเมืองแล้ว
ขอให้หายทุกข์ทรมาน ทุกคนนะครับ

อนณ 089-429-5655
tobeteam@yahoo.com
แก้ไขเมื่อวันที่ 10 เม.ย. 57




 

Create Date : 21 มีนาคม 2554    
Last Update : 1 กรกฎาคม 2559 19:16:35 น.
Counter : 30904 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.