กรรมทันตา อนณ 093-149-9564 tobeteam@yahoo.com Line : anon.nisarut
Group Blog
 
All Blogs
 

วัดป่า...มหาสนุก 61

 

วัดป่า...มหาสนุก 61



วัดป่า...มหาสนุก 61
( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

เมื่อวานเล่าเรื่อง ครูบาจุก
มีคนถามว่าจะร่วมถวายเงินท่าน พอถามไปท่านก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง
ท่าน...โลว์เทค บัญชีอะไรก็ไม่มี น่ะครับ

พูดถึงเรื่อง วิญญาณ ผี เทวดา หรืออะไรประมาณนี้
ถ้าคนที่ไม่เคยเจอ ไม่ได้สัมผัสกับตัวเอง ก็จะไม่เข้าใจแล้วพาลว่า...ไม่มีจริง
นึกถึงว่าตัวผมเอง เคยได้สัมผัสกับตัวเองแบบใกล้ชิดมากที่สุด 
น่าจะตอนที่ผมเริ่มหัดภาวนา ใหม่ ๆ เลย
ด้วยความที่คิดว่า เราไม่มีครูบาอาจารย์ แล้วจะเริ่มต้นที่ไหนดี
ได้ทราบว่า หลวงพ่อจรัญ ฐิตธัมโม แห่งวัดอัมพวัน จ.สิงห์บุรี ท่านเมตตาสอนกรรมฐานให้กับคนทั่วไป
ผมจึงไปขอเรียน กรรมฐาน กับท่าน โดยตั้งใจไป 7 วัน 

วันแรกที่เรือนนอนเป็นเรือนยาวๆ อยู่หน้าวัด ซึ่งมีคนนอนเรียงราย 2 ฝั่งประมาณ 40 คน
ในสมัยนั้น  14 ปีมาแล้ว ตอนกลางคืนมันเงียบสงบ เงียบสนิท ไม่มีเสียงรถ วิ่งกันพลุกพล่านอย่างเดี๋ยวนี้
แต่....นอนไม่ค่อยหลับ เพราะเสียงหมามันทะเลาะกัน เห่าขู่กันดังมาก 
หมาที่นี่กลางคืนดุเดือด มาก...มาก คนที่เคยไปวัดปฏิบัติที่นี่บอกเหมือนกันแทบทุกคน
ประมาณ ตี 1 มั้ง ผมตื่นขึ้นจากหลับไป 2 - 3 ชั่วโมงแล้ว
เพราะเสียงหมามันกัดกันดังลั่นไปหมด นอนไม่ได้เลย ต้องนอนฟังมันทะเลาะกันอยู่นาน...น
แล้ว..........จู่ ๆ ทันใดนั้น ก็มีเสียงร้อง........โหยย. หวน ขึ้นมาแทน 
เสียงดัง มาก...ก...ก....ดังกังวานไปทั่ว  ดังขนาดผมคิดว่าน่าจะได้ยินไปทั้งตำบลเลย 
ดังประมาณหวอเตือนภัยสมัยสงคราม.....มันดังจริง ๆ นะ
เสียงอื่นไม่มีเลย 
เสียงคล้ายสัตว์ประเภท ลิง หรือ ชะนี แต่มันดังกว่าสัก 100 เท่า
มีแต่เสียงโหยหวนนี้เท่านั้น 
ดังต่อเนื่องยาวนาน...น  ประมาณเกือบ 10 นาที
นานจนอดคิดไม่ได้ว่า มันไม่ขาดใจตายไปหรือไง
ภายหลังมารู้ว่า ที่เค้าร้องได้ติดต่อกันยาวนาน ก็เพราะเค้าไม่มีลมหายใจเหมือนเรา 
ไม่ต้องพักเหนื่อย ไม่ต้องหยุดหายใจ

ความรู้สึกในตอนนั้น บอกตรง ๆ ว่า กลัว ก็กลัว 
แต่ก็อยากรู้ อยากเห็น ว่ามันเป็นเสียงของอะไร ถึงได้ โหยหวน น่ากลัวขนาดนี้
พยายามนึกอย่างเต็มที่....ในที่สุดได้คำตอบในใจว่า มันต้องเป็น เสียง....เปรต แน่นอน
พยายามตั้งสติว่าเราฝันหรือตื่น...เอ๊ะ ก็ตื่นอยู่นี่นา 
คนอื่นทำไมนอนกันเงียบไม่กระดิกกันเลย หรือว่ากลัวเหมือนเราหว่า

สุดท้ายตัดสินใจคิดว่าเรามาปฏิบัติธรรมจะไปกลัวอะไร 
ขอดูหน่อยเหอะว่า เปรต เป็นยังไง วันหลังจะได้เล่าให้ลูกฟังได้
ผมตัดสินใจลุกขึ้น....ทันที
แต่...ร่างกายไม่ไม่ยอมเคลื่อนไหวเลย พยายามสั่งมันให้ขยับก็ไม่มีการตอบสนองเลย เหมือนไม่ใช่ร่างกายของเรา.....
สุดท้ายทำอะไรไม่ได้ ฟังไปก็คอยเช็คสติตัวเราไป...ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับเรา
เลยต้องนอนฟังอยู่อย่างนั้น แต่ สติสัมปชัญญะ ยังครบถ้วน

จนกระทั่ง....จู่ ๆ ก็...เงียบ....เงี๊ยบ...เงียบ...เงียบสนิท เหมือนมีใครปิดสวิทซ์เสียงทั้งโลกนี้เลย....
เงี๊ยบ..เงียบ...หมาก็ไม่เห่า ไม่หอน มีแต่...ความเงียบสนิท
ผมนอนฟังความเงียบอยู่ นาน..น....น...มาก
จนกระทั่งตี 4 เสียงหลวงพ่อจรัญท่านสวดมนต์ทำวัตรเช้า ดังครอบคลุมทั่วบริเวณวัดเลย.....
เป็นเสียงสวดมนต์ที่เย็นชื่นใจมาก มีพลัง มีความปิติสุขมาก....

ตอนเช้าผมพยายามจะถามคนอื่นว่าได้ยินเหมือนกันมั๊ย แต่ไม่มีใครสนใจใครเลยแปลกดี 
เหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขื้น
จากวันนั้น ผมงี้เชื่อสนิทใจเลยว่า นรก สวรรค์ มีจริงแน่ๆ
อย่างน้อย เปรต...ก็มีจริงแน่ หละ
รับรองไม่ได้ฝันไปอย่างแน่นอน

ในภายหลังถึงได้รู้ว่า เคยมีคนได้ยินอย่างผม มากมาย
ทุกคนก็บอกเหมือนกัน ไม่ค่อยต่างกันเท่าไหร่
แต่คนที่ได้ยิน...ก็ได้ยิน
คนอื่น ที่นอนข้าง ๆ เค้าก็ไม่ได้ยิน
มันเป็นเรื่องเฉพาะตัว ของใครของมัน

เปรต ตนนั้นเค้าต้องมี...กรรมสัมพันธ์ กับเรา เค้าถึงมาแสดงบางอย่างให้เรารับรู้
ว่า...เค้าอยู่ตรงนี้ ทุกข์ทรมานอยู่ที่นี้
ยังรอคอย กุศล ผลบุญ ที่เราพอจะมีแบ่งให้เค้าได้....เค้าถึงมาพยายามขอจากเรา
จนถึงวันนี้ เหตุการณ์ผ่านไปเกือบ 15 ปีแล้ว
ทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้ ผมย้อนคิดทบทวนว่า...เหตุการณ์มันเกิดขึ้นจริงมั้ย
หรือเรานอนหลับฝัน เพ้อเจ้อ ไปเอง
แต่...คิดทบทวนถึงทีไร ก็แน่ใจว่าไม่ได้ฝัน แถมในตอนนั้นผมพยายาม...เช็คสติตัวเองอยู่ตลอดเวลา
รู้ตัว โดยตลอดเหตุการณ์ ว่าไม่ได้ฝันไป

แต่ทุกครั้งที่เล่าเรื่องนี้ ให้ใครฟัง....
คนฟังจะพยายาม ขอร้องให้ผมร้องเสียง...เปรต ให้ฟังทุกที
โธ่...ผมไม่ใช่ เปรต
แล้วผมจะร้องเสียงเปรต ได้ยังไง
แต่ทุกคนก็ยังรบเร้า ให้ร้องให้ฟังทู้กกที...

ตลอดเวลา 7 วัน ที่ตั้งใจฝึกหัด ปฏิบัติฯ ภาวนา กรรมฐาน ได้เจอเรื่องไม่น่าเชื่อหลายอย่าง
เจอทุกวัน แตกต่างกันไป
ไม่รู้ว่าอยากจะฟังกัน หรือเปล่า ครับ

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 62
https://pantip.com/topic/39391017




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2562    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2562 15:56:15 น.
Counter : 230 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 60

วัดป่า...มหาสนุก 60
( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

เมื่อวันก่อนได้ไปงาน กฐิน ที่วัดป่าอนุสรณ์ ของหลวงพ่อเตี้ย
โดยปีนี้ หลวงพ่อท่านตั้งใจจะเอาเงินปัจจัยที่ได้จากกองกฐิน ไปสร้างเตาเผาศพ ...เมรุ ไฟฟ้า
เพราะที่วัดป่าแห่งนี้ ตั้งแต่โบราณมา ก็ไม่เคยมีเตาเผาศพ แบบถาวร
สมัยก่อนนั้น พวกชาวบ้านจะใช้การ...เผาสด
คือ เอาร่างของผู้ที่เสียชีวิต วางบนกองฟืนที่เตรียมไว้ ราดน้ำมัน แล้วเผากันสด ๆ เห็น ๆ เลย
หรือไม่ก็...ฝังดิน ในรายที่เสียชีวิตแบบไม่ค่อยดี เช่นเป็นโจรถูกฆ่าตาย หรือกรณีแปลก ๆ สารพัดจะใช้วิธีนี้

ต่อมาความเจริญมีมากขี้น วัดใกล้เคียงที่เป็น วัดมหานิกาย หรือวัดบ้าน จะมีการสร้างเมรุ เอาไว้
ชาวบ้านก็ไปใช้เผาศพ ที่วัดบ้านแทน
แต่ก็มีชาวบ้านที่เค้ามาถือศีล มาใส่บาตร ถวายจังหัน สวดมนต์เช้า สวดมนต์เย็นที่วัดนี้ ทู้กกก วัน
พากันมาบ่นให้ หลวงพ่อ ฟัง ว่า....
พวกเค้าตั้งใจ ถือศีล ปฏิบัติภาวนา เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อ ทุกวัน ๆ ๆ ๆ ๆ
แต่พอพวกเค้าถึงเวลาจากไป ตายแล้ว กลับเอาพวกเค้าไปเผาที่อื่น....มันรู้สึกน้อยใจ ไม่ยินยอมอย่างมาก
พวกเค้ารักวัดป่า แห่งนี้ รักและเชื่อฟังหลวงพ่ออย่างที่สุด
เค้าไม่อยากให้เอาร่างของเค้า ศพของเค้า ไปเผาที่อื่นเลย
อยากให้ เผาร่างที่นี่ แล้วโปรยเถ้ากระดูก....ไว้ที่วัดป่าอนุสรณ์ แห่งนี้

เรื่องนี้ชาวบ้าน มาบ่นให้ท่านฟัง มาหลายปีแล้ว....
จนในที่สุดมีคนมาบอกขายที่ดินหน้าวัด พื้นที่ 6 ไร่ 1.5 ล้าน
หลวงพ่อเตี้ย ท่านจึงตัดสินใจซื้อเพื่อทำเป็น เมรุ และศาลาตั้งศพ
แต่ก็ต้องใช้เงินจำนวนมาก ทั้งค่าที่ดิน  รวมค่าก่อสร้างแล้ว เกือบ 4 ล้าน 
บอกเผื่อท่านใดมีจิตกุศล อยากทำบุญในด้านนี้ ซึ่งอานิสงส์มากมายนัก
ยิ่งได้ร่วมบุญกับ พระอริยะสงฆ์ ก็ยิ่งทวีคูณเข้าไปอีก

ผมไปงาน กฐิน ปีนี้ ได้พบกับ...ครูบาจุก ที่เคยเล่าเรื่องของท่านไปหลายตอนแล้ว
เมื่อครั้งที่ผมบวชอยู่ก็ได้ ครูบา ทั้งหลายคอยประคับประคองช่วยให้อยู่ในผ้าเหลืองได้ครบพรรษา
การปฏิบัติธรรม ถ้าไม่มี กัลยาณมิตร ไม่มีเพื่อนที่ตั้งใจเดินไปในเส้นทางเดียวกัน
ก็คงจะยากที่เราจะมีกำลังใจฝ่าฟันไปได้ เพราะสังคมโลกมันมีแต่ความยั่วยวนของ กิเลส ตัณหา อุปาทาน
ต้องเอาตัวเรา เข้าไปสู่สังคมของคนที่ตั้งใจปฏิบัติฯ ภาวนา ไม่งั้นไปไม่รอด
ต้องวิ่งเข้าหา...แรงเหวี่ยง ถึงจะได้แรงพลังไปด้วยกัน
ต้องไปเห็นศรัทธาของคนอื่น แล้วเอามาเป็นกำลังใจของเรา
ผมสนิทกับ ครูบาจุก มากพอสมควรเลย ช่วยกันทำกิจวัตรด้วยกันแทบทุกวัน
ครั้งนี้ได้คุยสอบถามถึงเรื่องที่ท่าน ออกไปอยู่หมู่บ้านชายเขตแดน ไทย ลาว เขมร
เมื่อตอนที่ท่าน ธุดงค์ ไปเจอหมู่บ้านนี้ ไม่มีวัด หรือสำนักสงฆ์สักแห่ง
ชาวบ้านยังนิยม ถือผี เคารพกราบไหว้ผีสาง นางไม้
มีเพียง...ศาลปู่ตา อยู่แห่งเดียว
แต่ท่านกลับมีความรู้สึกแปลก ๆ เพราะเคยนิมิตเห็นสถานที่นี้หลายครั้ง
พวกชาวบ้านเอง ก็อยากให้ท่านอยู่ที่นี่ แต่ก็เกรงว่า....ท่านจะอยู่ไม่ได้ ทนบางอย่างไม่ไหว
ในที่สุด ครูบาจุก ท่านตัดสินใจลองพักที่นี่ดูกันสิ ว่าจะอยู่ได้มั้ย

และเล่าความรู้สึกบางอย่างให้ฟัง ว่า....
เมื่อตอนที่อยู่ วัดป่าอนุสรณ์ แห่งนี้....ไม่เคยรับรู้ถึงความยากลำบากสักนิด
ทุกวันก็อยู่ด้วยความมั่นใจ ว่ามี...พ่อแม่ครูอาจารย์ ท่านปกป้องเราทุกอย่าง
มีกินทุกวัน ก็เพราะเดินตามหลวงพ่อ...ไปบิณฑบาต
ชาวบ้านเค้ารัก เค้าศรัทธาท่าน เค้าก็ให้กิน ให้อยู่....ก็เพราะหลวงพ่อ
กุฏิ ที่พักที่อาศัย ก็แสนจะสุขสบาย เพราะ หลวงพ่อท่านทำ ท่านสร้างเอาไว้ให้พวกเราได้ใช้อย่างสุขสบาย
เรามีหน้าที่เพียง ทำกิจวัตร 10 อย่างให้ครบถ้วน แล้วปฏิบัติฯ ภาวนาเอาใส่ตัวไปแค่นั้นเอง
สบาย ๆ ชิว ๆ  เลยไม่รู้สำนึก ยังขี้เกียจตัวเป็นขน
แถมอยากจะออกไปผาดโผน เดินธุดงค์ ออกผจญภัย เพราะนึกว่าตัวเก่ง นึกว่ามันง่าย ๆ 
หลงละเมอ คิดไปเองว่าตัวเป็น...นกอินทรี ที่ปีกกล้าขาแข็งแล้ว

พอวันนึง หลวงพ่อท่านปล่อยให้ออกไปผจญภัยด้วยตัวเอง ตามที่ใจเรียกร้องนักหนา
ถึงได้รู้ว่า...ในโลกแห่งความเป็นจริง เราไม่ใช่ นกอินทรี
แต่เป็นแค่เพียง...ไก่ หรืออย่างดีก็ ไก่ชน เท่านั้นเอง
บิณฑบาต แต่ละวันได้เพียงข้าวเหนียว กับน้ำพริกนิดหน่อย ก็ให้คิดถึงหลวงพ่อทันที
แต่ก่อนนั้น อาหารการกิน การขบฉันอุดมสมบูรณ์ 
ก็เพราะคนเค้าศรัทธา...หลวงพ่อ ไม่ใช่ตัวครูบาท่าน
ทุกสิ่งทุกอย่างมันขาดแคลนไปซะหมด ไม่มีอะไรซักอย่าง...ไม้กวาดสักอันยังไม่มี
เดินไปเจอตะปูเก่า งอ ๆ แล้วก็ยังต้องเก็บเอาไว้ใช้ ไม่กล้าทิ้งขว้างอะไรสักอัน

ทุกวันที่ต้องอยู่ด้วยตัวเอง ปฏิบัติกิจวัตรไป ก็ให้นึกถึงพระคุณของหลวงพ่อ 
ที่เคยคุ้มหัวคุ้มตัวให้ร่มเย็นอยู่ทุกวัน จน...ชาชิน
ต่อเมื่อหลุดพ้นจาก วัดป่าฯ ของหลวงพ่อ แล้วนั่นแหละถึงได้สำนึก
ว่า...พระคุณของ พ่อแม่ครูอาจารย์ นั้นใหญ่หลวงท่วมหัวท่วมใจสักแค่ไหน

วันแรก ๆ ที่ไปอยู่ที่ ศาลปู่ตา ก็เจอดีเลย....ผีเจ้าที่ เจ้าป่า มาขับไล่ท่านสารพัดวิธี
ครูบาจุก ท่านสวดมนต์ก็แล้ว แผ่เมตตาให้สารพัดบทก็แล้ว ยังไม่ยอมลดราวาศอก สักนิด
ท่านต้องมาขอให้ หลวงพ่อเตี้ย ท่านพิจารณาหาวิธีประนีประนอมกับ ผีเจ้าที่ เจ้าป่า
หลวงพ่อ...ท่านบอกให้สวดมนต์เช้าเย็นอย่าได้ขาด
ตั้งจิตแน่วแน่ ...สมันตา ฯ อัญเชิญเทวดา ผู้เป็นใหญ่มาฟังธรรม
และต้องสวดบท...พระสูตรสำคัญทั้ง 3 บทด้วย
คือ...ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร , อนัตตลักขณสูตร , อาทิตตปริยยสูตร
ต้องสวด ทั้งเช้า ทั้งเย็น ทุกวัน 
แล้วแผ่เมตตาไม่มีประมาณออกไป

ผมถาม ครูบาจุก ว่าตอนนี้อยู่ได้แล้วใช่มั้ยครับ
ท่านหัวเราะ บอก...ตอนนี้ดีกันแล้ว มานั่งฟังสวดมนต์ทุกเย็น
ผมก็โมทนากับท่าน ด้วยความดีใจจริง ๆ
ท่านยังเล่าให้ฟังอีกว่า...... มีโยมผู้ใหญ่ เค้ามาบอกอนุญาตให้อยู่ที่นี่ได้
ผมถามว่า...ผู้ใหญ่บ้านเหรอ
ท่านอมยิ้ม... ผู้ใหญ่ แต่ไม่ใช่คน นะ ไม่ใช่คนอย่างเรา ๆ นะ...เข้าใจมั้ย
เค้ามาบอกให้อยู่ที่นี่ดีแล้ว ให้ตั้งใจปฏิบัติฯ ต่อไป จะคอยคุ้มครองให้ท่านอยู่ได้
ครูบา ท่านก็บอก...ผู้ใหญ่ ท่านนั้นไปว่า...
ตัวท่านยังเป็นเพียง พระ ผู้ตั้งใจธรรมดา ๆ เท่านั้น....ภูมิธรรม อะไรก็ยังไม่มี ยังไม่ได้สักอย่าง
ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้น กลับบอกว่า....ไม่เป็นไรหรอก ตั้งใจปฏิบัติฯ ไป อยู่ไป ภาวนาไป ภูมิธรรมก็เพิ่มพูนขึ้นเองแน่นอน...อย่าท้อถอย นะ
ผมฟังท่านแล้ว...ยกมือขึ้นท่วมหัว โมทนากับท่านอย่างเต็มหัวใจ
เอื้อมมือไปจับจีวรท่าน กำเอาไว้แล้วบอกกับท่านว่า....ผมขอ ปวารณา ไว้ หากขาดเหลือสิ่งใด ก็บอกนะครับ

ครูบาท่าน ยิ้มดีใจ แล้วเล่าเรื่องประหลาดให้ฟัง....
ท่านใช้เวลา 2 ปี เริ่มสร้างกุฏิ สร้างศรัทธาให้ชาวบ้านหันมาสนใจพุทธศาสนา หันมาปฏิบัติธรรม
โดยท่านต้องทำเป็นตัวอย่าง เหมือนที่ หลวงพ่อเตี้ย ท่านเคยพูดบ่อย ๆ ว่า...
..... อยู่ให้เห็น อยู่ให้เย็น ทำให้ดู...เป็นครูที่ดี
หลายครั้งที่ท่านนั่งภาวนา ใจนิ่ง ๆ สบาย ๆ ...ท่านจะได้ยินเสียงสวดมนต์
ดังมาจากในถ้ำ ใกล้ ๆ กับกุฎิของท่านเสมอ ๆ
แต่ถ้าตั้งใจฟัง กลับไม่ได้ยินแล้ว
ผมถามว่า...เสียงสวดมนต์ เสียงคนเดียว หรือหลายคน
ท่านบอก...โอ๊ย สวดกันกระหึ่มเลย คงจะหลาย แหละ
ผมถามว่า...ครูบา เคยเดินเข้าไปดูมั้ย 
ท่านบอก...เคย ในถ้ำนั้น ภาวนาดีนะ แต่...แรงส์
แล้วท่านก็ลดเสียงลง เล่าเบา ๆ ว่า.....

วันนึง กลางวัน ๆ นี่แหละ มีเด็กหนุ่ม ๆ คนหนึ่ง ท่าทางเรียบร้อย เข้ามากราบท่าน
ท่านก็ถามว่า...มาจากไหน ล่ะ ท่าทางไม่ใช่คนแถวนี้
เค้าก็ชี้มือไปทาง ภูเขา แล้วบอกว่า...อยู่หลังภูเขาไปอีก
ผมถามว่า...แต่งตัวยังไงครับ
ท่านบอก...แต่งตัวธรรมดา เรียบร้อย ยังนึกว่าเป็น.นักศึกษา ซะอีก
พอหลายวันต่อมา ก็กลับมาอีก....แต่คราวนี้มี ผู้หญิงสาวคนหนึ่ง มาด้วย
แต่งตัวชุดไทย แบบในละครเลย แต่...ตัวสูง 8 ศอก
ผมก็ งง. ไอ้ 8 ศอก มันเท่ากับเท่าไหร่...4 ศอกเป็น 1 วา
แล้ว 1 วา เท่ากับ 2 เมตร
8 ศอก ก็เท่ากับ 2 วา....ห๊าาา เท่ากับสูง 4 เมตรเลย อ่ะ

ท่านพยักหน้าบอก...ใช่ พวกคนโบราณ สูงกว่าพวกเรา 2 เท่าขี้นไป
ท่านก็เลยถามว่า... เป็นใคร มาจากไหน
พวกเค้าตอบว่า...อยู่เลยภูเขาลูกนี้ไปอีกไกลพอสมควร
ผมรีบถาม....แล้วพวกเค้าเป็นใคร หรืออะไรกันล่ะครับ
ท่านบอก.... พวก บังบด หรือที่ทางเหนือเค้าเรียก...ลับแล
ผมตาโต อึ้งไปอึดใจใหญ่ ๆ  รีบจับมือครูบา เขย่า ๆ ให้เล่ามาเร็ว ๆ 

แต่ยังไม่ทันได้เล่า ได้ฟัง...หลวงพ่อเตี้ย เดินมาข้างงหลัง
เอ็ดตะโรลั่น... คุยอะไรกัน ไม่ต้องเล่า ไม่ต้องอยากรู้...ไม่ใช่เรื่องของเรา
เท่านั้นแหละ ทั้งพระ ทั้งโยม คือทั้งครูบา ทั้งผมมีอัน เผ่นแน่บบ ไปกันคนละทิศ ละทาง
เพราะเรื่องแบบอย่างนี้....หลวงพ่อ...ท่านไม่ให้เอามาคุยกัน
ไม่ให้เล่าให้กันฟัง โดยเฉพาะผลของการปฏิบัติฯ ภาวนา
ให้พูดคุย ถามได้...เฉพาะตัวผู้ภาวนา กับ หลวงพ่อ เท่านั้น
ผมเคยถามท่านว่า....ทำไมเรื่องแบบนี้ ถึงไม่ให้เล่าให้ฟังกัน ล่ะครับ

หลวงพ่อเตี้ย ท่านอธิบายว่า....เรื่องอย่างนี้ มันละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง
สิ่งที่ได้รู้ ได้เห็น ได้สัมผัส ...มันมีทั้ง ของจริง และของปลอม
จิต ที่ภาวนามันมีกำลังมาก....มันโลดแล่นไปสุดฤทธิ์ สุดเดช
ไปทั้ง อดีต ไปทั้งอนาคต และสิ่งที่คิด ที่อยาก ที่จินตนาการเพ้อฝัน
ถ้าไม่มี...สติ ที่เข้มแข็งคอยกำกับไว้ มันก็เหมือน จรวด ที่พุ่งไปไร้ทิศทาง
สิ่งที่ผู้ภาวนา ได้...เห็น น่ะ เค้าเห็นจริง
แต่สิ่งที่เค้าเห็น น่ะ....มันไม่จริง
หรือ...เห็นจริง แต่ เห็นไม่หมด เห็นไม่ทั่ว แล้วคิดจินตนาการต่อเอาเอง เออเอง

ตอนนี้ ครูบาจุก ท่านกำลังรวบรวมชาวบ้านมาช่วยกันสร้างศาลา...
เพื่อจะได้มีที่สำหรับ ชาวบ้านมาสวดมนต์ด้วยกัน
โดยไปหาต้นไม้ที่ล้มแล้ว หรือถูกไฟป่าเสียหายบางส่วน แต่ต้องขออนุญาตจาก...ทหารในพื้นที่ซะก่อน
ซึ่ง ทหาร และผู้ใหญ่บ้านก็ดีใจ ที่จะได้มี สำนักสงฆ์ เอาไว้ให้พวกเค้าได้ทำบุญ ฟังเทศน์ กันซะที
เพียงแต่ไม่มี..ปัจจัย หรือเงินพอที่จะไปซื้อวัสดุก่อสร้าง
จึงต้องใช้ แรงงาน....กำลังแรงงาน ของครูบาจุก เองนี่แหละ
ทำทู้กกก อย่าง เรียกว่า....พระทำ จริง ๆ 

สำนักสงฆ์ชัยมงคลภูมะเกลือ
บ้านหนองผักแว่น
ต. สารภี 
อ.โพธิ์ไทร 
จ. อุบลราชธานี
ใกล้หมู่บ้าน บั ง บ ด  
เมือง ลั บ แ ล

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 61
https://pantip.com/topic/39387834
แก้ไขข้อความเมื่อ เมื่อวานนี้ เวลา 15:20 น.




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2562    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2562 15:52:45 น.
Counter : 335 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 59

วัดป่า...มหาสนุก 59
( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

ในที่สุดก็ใกล้เวลาที่สองสามีฝรั่ง กับภรรยาสาวไทยหน้าหวาน กับลูกน้อยจะต้องกลับบ้านแล้ว
แต่สามี มร.เบน เหมือนยังมีอะไรค้างคาใจอยู่อีกเยอะ
หันมาพูดกับผมว่า....พวกเค้าเรียนมาทางการสร้างสิ่งใหม่ ๆ เพื่อเอามาแก้ปัญหาในสิ่งที่ยังขาดแคลน
ถูกสอนให้ แสวงหา ทำให้มาก สะสมให้มาก เพื่อความสุข

ผมบอกว่า....ทางพุทธศาสนา เราสอนให้มองเป็น 2 ทาง
คือ...ทางโลก ปุถุชนคนธรรมดา ที่ยังต้องใช้ชีวิตสร้างครอบครัว อยู่กับสังคมทั่วไป
และ....ทางธรรม คือ คนที่ไม่ต้องการ สร้างวงจรแห่งครอบครัว พ่อ แม่ ลูก เมีย อีกต่อไปแล้ว
ความรู้ทางวิทยาการสมัยใหม่...สอนให้ขุดค้น กอบโกยทุกสิ่งทุกอย่างจากธรรมชาติ มาใส่ตัวเรา
แต่ความรู้ทาง พุทธ ....สอนว่า เราเอาอะไรไปจากโลก จากธรรมชาติไม่ได้เลยสักอย่างเดียว

ถึงตอนนี้ มร.ฝรั่ง เบน รีบคัดค้าน.... ไม่เห็นด้วยที่ว่า เอาอะไรจากธรรมชาติ ไม่ได้เลย
ผมถามเค้าว่า... เคยไปงานศพ มั้ย งานศพเศรษฐี งานศพนักวิศวะ งานศพพ่อค้า นักธุรกิจ 
นักการเมือง ดารา หรืออาชีพอื่น ๆ สารพัดน่ะ
เห็นคนที่ตายพวกนั้น แต่ละคนว่าเค้า...เอาอะไรไปด้วย ล่ะ
ทรัพย์สิน เงินทอง ชื่อเสียง ตึกเรียลเอสเตท อสังหาริมทรัพย์ พันธบัตร....ฯลฯ 
พวกเค้าเอาอะไรไปด้วยสักอย่างนึงมั้ย

มร.เบน พูดไม่ออกได้แต่ทำตาปริบ ๆ 
แล้วถามใหม่ว่า.....พระพุทธเจ้า ท่านสอนเรื่องการทำมาหากิน สำหรับคนทั่วไปมั้ย
ผมนึกแล้วบอก....มีครับ แต่ต้องเข้าใจซะก่อนนะ
ว่า พระพุทธเจ้า ท่านไม่ได้สอนคนทั้งหลายทั่วไปทุกคน นะ....ท่านสอนเฉพาะคนฉลาด คนมีปัญญา เท่านั้น
สิ่งแรกคือต้องมี ศีลห้า ไม่ข้องแวะอบายมุข
ห้ามการขายอาวุธ ค้ามนุษย์ สัตว์มีชีวิตเพื่อเป็นอาหาร เหล้า สิ่งเสพติด ยาพิษ
 และอีก 4 ข้อ
.... ขยันหมั่นเพียร หมั่นประกอบการงาน ไม่เกียจคร้าน สอดส่องตรวจสอบในการงานนั้น
.... การเก็บรักษาโภคทรัพย์ ที่หามาได้ด้วยความขยันหมั่นเพียร
.... คบคนดี ไม่คบคบชั่ว อยู่อาศัยในบ้านเมืองที่เจริญด้วยศีลธรรม
.... อยู่อย่างพอเพียง เลี้ยงชีพพอเหมาะ ไม่ให้สุรุ่ยสุร่าย แต่ก็ไม่ให้ฝืดเคือง รายได้ต้องเหนือรายจ่าย 

แต่การที่จะอยู่ในโลกอย่างมีความสุข ต้องเข้าใจว่าชีวิตมันมีทั้ง ขึ้น และลง
เป็นเรื่อง.... โลกธรรม 8
มีลาภผล  ก็ต้องมี เสี่อมลาภ
มียศตำแหน่ง  ก็ต้องมี เสี่อมยศ ลดตำแหน่ง
มีสรรเสริญเยินยอ  ก็ต้องมี นินทาว่าร้าย
มีความสุข  ก็ต้องมีความทุกข์

เคยมีคนมาขอเครื่องราง ของขลังเพื่อให้ทำมาค้าขายขึ้นกับ หลวงพ่อเตี้ย 
ท่านให้ท่องทุกวัน
....ขยัน ซื่อสัตย์ ประหยัด อดทน

ถึงตอนนี้ ทั้งคู่ผัวเมีย ถามผมว่า...ควรจะดำเนินชีวิตยังไง แบบไหนดี
ทำมาหาเงิน กันให้เต็มที่สุดฤทธิ์ สุดเดช
หรือใช้ชีวิต แบบสมถะ...หากินแต่พอควร แล้วอยู่กับธรรมชาติ สายลม แสงแดด
อย่างไหนที่ผมคิดว่าดี ล่ะ
ผมเลยเล่าสิ่งที่ไม่เคยเล่าให้ใคร ฟังสักคน แม้แต่ ภรรยาของผมเอง

มีอยู่ครั้งหนึ่ง ผมเกิดปัญหาถามกับตัวเอง ว่า....
ถ้าเราขยันทำงาน มุมานะจนถึงที่สุด ด้วยสติปัญญา ความสามารถอย่างเต็มที่ เต็มกำลัง เต็มเวลา
เราจะร่ำรวยได้แค่ไหนกันนะ
แล้วมันต้องเสียอะไรไปบ้าง
เรื่องนี้ ได้วนเวียนอยู่ในหัว อยู่หลายวัน....

แล้ววันหนึ่ง สวดมนต์แล้วนั่งปฏิบัติฯ สมาธิ ตามปรกติ
แต่ในตอนนั้นรู้สึกใจนิ่งสบาย สงบ มาก
นั่งภาวนา....พุ ท โ ธ ไปเรื่อย ๆ สักพักหนึ่ง เกิดอาการหลุด...วูบ.บ..บ
ไปรู้สึกตัวอีกทีว่า....นั่งอยู่ใน รถเบนซ์ รุ่นล่าสุดสีดำ เบาะหนังแท้ใหม่เอี่ยม
ผมเป็นเจ้าของรถ และเป็นคนขับ ... กำลังรอ คุณหม่อง ภรรยาอยู่อย่างหงุดหงิด กระวนกระวาย
ทางด้านเบาะหลังรถ มีแต่....แบบแปลนพิมพ์เขียว ตึกอาคารสูง ประเภทคอนโดมิเนียม เต็มไปหมด

ตอนนั้นรู้ว่า..ตัวผมเองเป็นเศรษฐี เป็นนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ กำลังขึ้นโครงการขนาดใหญ่
ในชีวิตตอนนั้น มีแต่ความเครียด หมุนเงินก้อนใหญ่ จิตใจเกาะติดอยู่กับงาน ขยับไปไหนไม่ได้
เพราะงานใหญ่ ใช้เงินเยอะ ปัจจัยในการทำให้เกิดความผิดพลาดก็มีมากมายตามไปด้วย
ต้องคิด ต้องเกาะติด ต้องจดจ่อไปทุกก้าวของงาน

แล้วก็เห็น คุณหม่อง ภรรยา เดินออกมาจากบ้าน คฤหาสน์หลังใหญ่
สิ่งที่เห็นคือ...เธอสวยมาก หุ่นดี ฟิตเฟิร์ม
แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าราคา...แพง ตัดเย็บอย่างปราณีต ทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม ไฮโซเต็มรูปแบบ
หิ้วกระเป๋าแบรนด์เนม โคตะระแพง
ต้องวิ่งเต้น สร้างคอนเนกชั่นอยู่ในแวดวงสังคมชั้นสูง....ตลอดเวลา

ช่างผิดกับความเป็นจริง ที่ใช้ชีวิตสมถะ แต่งตัวเรียบง่าย กางเกงหลวม ๆ เสื้อยืดคอกลม 
ไม่มีเครื่องสำอางค์ ไม่มีเครื่องประดับสักชิ้น หัวฟู ผมเพ้ารวบไว้ง่าย ๆ มอม ๆ แมม ๆ
ไปไหนก็หิ้วกระเป๋าพลาสติกจ่ายตลาด ธรรมด๊าาา ....ธรรมดา
แถมอวบอ้วน เพราะกินอร่อย อยู่พร้อมหน้ากับลูก ๆ ตามใจปากกันแทบทุกวัน
ใช้รถยนต์คันละไม่ถึงแสน ส่วนใหญ่ก็ขี่มอเตอร์ไซค์ ตะลอน ๆ ไปลมโกรก หน้าดำ
แต่ได้สนุก ได้หัวเราะกันทู้กก วัน

แต่สิ่งที่ผมเห็นในแววตา ของภรรยา คือ...ความเครียด อย่างยิ่ง
งานการที่ทำอสังหาริมทรัพย์ มันโครงการใหญ่ หมุนเงินเยอะ จึงต้องคอยระแวดระวังการรั่วไหลอย่างที่สุด
คนรอบตัวมีแต่เรื่อง....ผลประโยชน์ การเบิกจ่าย การไล่ตามความก้าวหน้าของงาน 
หรือรบรากับปัญหาร้อยแปด ของการก่อสร้าง...ทั้งคน ทั้งสภาพดินฟ้า อากาศ

แว่บหนึ่งผมถามตัวเองว่า....ลูก ๆ อยู่ที่ไหน
คำตอบที่ได้คือ....ลูกสาวทั้ง 2 คนอยู่ต่างประเทศ อเมริกา ยุโรป
ก็....รวย ไงล่ะ ส่งลูกไปเรียนเมืองนอก ทำงานเมืองนอก 
ไม่ได้เจอลูกเป็น ปี ๆ ......

ฉับพลันนั้น ความรู้สึกที่ประดังเข้ามาอย่างจู่โจมหัวใจ คือ... คิดถึง ลูก 
คิดถึงทั้ง 2 คน อย่างที่สุด แต่ก็ไม่มีเวลาที่จะปลีกตัวไปหาลูกได้เลย....
มันมีแต่ งาน ...งาน.....งาน และก็ งาน
ทุกอย่างมันกำลังวิ่งวนไป ไม่รู้จบสิ้น วางมือไม่ได้แม้สักวัน
ลูก ก็ไม่กลับมาหา เราก็ไปหาลูกไม่ได้...มันแสนจะปวดร้าวนักหนา

และสิ่งที่รู้สึกต่อมา คือคิดถึง คุณหม่อง ภรรยา
ทั้ง ๆ ที่อยู่ด้วยกัน ทำงานด้วยกัน แต่มันไม่ใช่ภรรยา ที่เคยพูดคุยหยอกล้อ ดูหนังดูละครด้วยกัน
ผมคิดถึง ภรรยาคนเก่า .....คุณหม่อง ที่อวบอ้วน หัวเราะ ยิ้มแย้มอยู่เสมอ
คิดถึงภรรยา ที่มักจะอยู่ในครัว ทำโน่น ทำนี่ให้ผม และลูก ๆ ทั้งสองคนกิน ทุกเย็น

แล้วทันใดนั้น ก็มีเสียงถามขึ้นในหัวของผม ว่า....เอามั้ยชีวิตคนรวย แบบนี้
ได้อย่าง ก็ต้องเสียอย่าง ต้องแลกกัน ระหว่างทรัพย์สินเงินทอง ด้วยความสุขใจ ความสงบ และคนที่เรารัก
ผมตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด....ไม่เอา ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ 
ผมคิดถึง....ลูก จะขาดใจอยู่แล้ว

แล้วความรู้สึกก็...วูบบบ กลับมา
รู้สึกตัวว่าเรากำลัง ตกอยู่ในภวังค์ หลุดออกจาก สมาธิภาวนา ที่มี...สติ คอยกำกับ
พอระลึกได้ รีบตั้งสติ ดูใจ ดูความคิด ดูเรื่องราวที่เพิ่งพบเจอมา
ก็เข้าใจทันที....

ไม่รู้ว่าจะเรียกว่า... จิต ของตัวเอง หรือ เทวดา พาไปดู ทางเลือกของชีวิตอีกแบบหนึ่ง
ขยันทำมาหากิน จน...ร่ำรวย มีทรัพย์สิน เงินทองมากมาย
แต่....ไม่มีความสุข
และเต็มไปด้วย...ความเครียด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ 
กับชีวิตที่เดินอยู่...ขยันหา ขยันเก็บ ทำมาหากินไปตามฐานะ
แต่ได้อยู่ใกล้ชิด...ภรรยา และลูก ๆ 
ได้กินข้าวด้วยกัน ทุกวัน
ได้พูดคุยเย้าแหย่ ดูหนัง ดูละคร วิพากษ์วิจารณ์ พระเอก นางเอก
ได้มีเวลา....สวดมนต์ ปฏิบัติฯ สมาธิ ภาวนา
ได้สร้างบุญ ทำกุศลให้ตนเองอย่างสม่ำเสมอ
แค่....มีกิน มีใช้ ไม่ลำบาก
แต่.... มีความสุขที่แท้จริง

ผมตอบแทนคนอื่นไม่ได้หรอก...
แต่สำหรับผม ได้เลือกแล้วที่จะ.....ใช้ชีวิตแบบ สมถะ
ขยันทำงาน แต่ไม่เคร่งเครียด....กินน้อย ใช้น้อย ไม่หลงระเริง
ขอเพียงได้อยู่กับ ลูก เมีย ได้พูดคุยหยอกเย้า หัวเราะไปด้วยกันทุกเรื่อง
ได้มีเวลาปฏิบัตธรรม... เดินจงกรม นั่งสมาธิ ทำภาวนา
ได้ใกล้ชิด พ่อแม่ครูอาจารย์ พระอริยสงฆ์ผู้ประเสริฐ

เพราะผมได้...ปวารณา ไว้กับ หลวงตามหาอนันต์ นิมมโล
ผู้ส่องทางสว่างให้ผม
ตามที่ท่านได้เคยสอนไว้ ว่า.....
ทุกครั้งที่ก้มลงกราบ พระพุทธรูป ให้รำลึกในหัวใจ

.... ทั้งชีวิต เลือดเนื้อ และวิญญาณ ขอน้อมถวายแด่ พระพุทธเจ้า...ตราบเท่าถึงซึ่ง พระนิพพาน

.... ทั้งชีวิต เลือดเนื้อ และวิญญาณ ขอน้อมถวายแด่ พระธรรมจ้า...ตราบเท่าถึงซึ่ง พระนิพพาน

.... ทั้งชีวิต เลือดเนื้อ และวิญญาณ ขอน้อมถวายแด่ พระสงฆเจ้า...ตราบเท่าถึงซึ่ง พระนิพพาน

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 60
https://pantip.com/topic/39385403
แก้ไขข้อความเมื่อ วันพุธ เวลา 21:44 น.




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2562    
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2562 15:50:12 น.
Counter : 406 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 58

วัดป่า...มหาสนุก 58
( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

ในตอนนั้น น้องเกรซ ตื่นขึ้นมาอย่างกระปรี้กระเปร่า เพราะได้นอนเต็มที่
คุณทิพย์ คว้าเธอมาหอมแก้มทีนึง แล้วหันมาบอกกับผมว่า....
เธอ คงปล่อยวางอะไรต่อมิอะไรที่ผมบอกไปทั้งหมด ไม่ได้ง่าย ๆ 
โดยเฉพาะ ครอบครัว และ น้องเกรซ
ผมบอก....โอ้ยยย ของอย่างนี้ไม่ใช่ว่า ใคร ๆ จะทำได้ทันทีทันใดหรอก นะ
มันต้องค่อย ๆ หัดปล่อย หัดวาง ไปเรื่อย ๆ วันละนิด วันละหน่อย วันละน้อย ค่อย ๆ ทำ

..... มันก็เหมือนนักกีฬา ยกน้ำหนัก นั่นแหละ
วันแรกที่คนนี้ ตัดสินใจว่าจะมาเป็น...นักกีฬายกน้ำหนัก
เค้าก็ไม่สามารถ ยกลูกตุ้ม 100 กิโลกรัม ได้ทันทีเลย 
แต่เค้าก็ต้องเริ่มหัดยกลูกตุ้มจาก 10 กิโลกรัมซะก่อน
พอให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น หัวใจ มันคุ้นเคยกับการทำงานหนัก
ร่างกาย ก็จะเริ่มสร้างกล้ามเนื้อในส่วนต่าง ๆ เพิ่มขึ้น
หัวใจ เส้นเลือด เส้นเอ็น ก็จะปรับตัวตามไป
จิตใจ ก็มุ่งอยู่ที่ การทำตามเป้าหมาย เพิ่มน้ำหนักขึ้นให้ถึง 100 กก. ให้ได้
แล้วทุกวันก็ต้องมายกลูกเหล็กบ่อย ๆ เพิ่มน้ำหนักขึ้นเรื่อย ๆ ไปทุกที
อาจจะใช้เวลานาน เป็นเดือน เป็นปี หรือหลายปี....
กว่าจะยกได้ 100 กก.ตามเป้าหมาย

การปล่อยวาง ก็เหมือนกัน....
ทำความตกลง กับจิตใจ ของเราว่า...
ต่อไปนี้จะเริ่ม ละ ลด ปลด วาง กันแล้วนะ โว้ยย
วางเพื่ออะไร ปล่อยเพื่ออะไร ต้องให้จิตใจมันยอมรับโดยถ่องแท้ซะก่อน

จากนั้นก็เลือกเอาก้อนที่เล็กที่สุด วางง่ายที่สุดซะก่อน
เริ่มการ...วางก้อนเล็ก ก้อนน้อย ลงทีละก้อน...ทีละก้อน......ทีละก้อน
แต่ต้องจดจ่ออยู่กับเป้าหมายว่า.....จะวางให้ว่าง วางให้หมด
แล้วก็ฝึกฝน วาง ทุกวัน...ทุกวัน......ทู้กกกก วัน ไปเรื่อย ๆ
ปรับสภาพจิตใจ ความเป็นอยู่ ความเคยชิน การดำรงชีวิต...ปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์
ในที่สุดสักวันหนึ่ง จิตใจมันก็จะเบา สบาย
ได้ความสุข จากความว่างเปล่า

คุณทิพย์ ขอให้ผมช่วยอธิบายเปรียบเทียบ เรื่อง...จิต กับ สติ ให้เข้าใจง่าย ๆ
....หลวงตามหาอนันต์ ท่านบอกว่า ก็เหมือน ...แม่ กับ ลูก
สมมุติ ว่า....น้องเกรซ เป็น จิต หรือ ใจ
ตัวคุณทิพย์ เป็น...สติ
จิต ของเราแต่เดิมเลย ก็เหมือนเด็กอ่อน ยังใสบริสุทธิ์ 
แต่มันก็มี...กิเลส มาตั้งแต่เกิด
เหมือนน้องเกรซ นี่แหละ..ใส ซื่อ ไร้เดียงสา
ถ้าเราปล่อย น้องเกรซ ให้เดินเล่นไปสะเปะสะปะโดยไม่มี แม่ คือคุณทิพย์ คอยดู คอยระวัง
รับรองได้ว่า น้องเกรซ คงเดินตกหลุม ตกท่อ เห็นอะไรก็หยิบใส่ปากไปเรื่อยเปื่อย
เพราะทำตาม ...ใจ ทำตามสัญชาตญาณ

คุณทิพย์ เป็นแม่....เปรียบเหมือน สติ
ที่คอยดูว่า อะไรที่เป็นอันตราย อะไรที่ไม่ปลอดภัย ก็จะคอยเตือน คอยสอน
เมื่อใดที่ น้องเกรซ เจอกับสิ่งที่น่ากลัว น่าตกใจ....ก็จะร้องหาแม่ มาช่วยเหลือ
ก็คือ เมื่อใจมันเตลิดเปิดเปิง หรือตกอยู่ในปัญหา...
สิ่งที่ต้องรีบหามาช่วย ก็คือ...สติ
เด็กน้อย ยังต้องมี แม่ มาคอยอยู่ข้าง ๆ คอยช่วยเหลือ และสั่งสอน
จิต หรือ ใจ ของเราถ้าจะให้อยู่รอดปลอดภัย ก็ต้องมี สติ คอยกำกับไม่ให้หลงทาง หลงผิด
แม่ หรือ สติ จะทำหน้าที่คัดกรอง สิ่งที่ดี หรือไม่ดี
และคอยช่วยเหลือปัดเป่าความทุกข์ของ ลูก หรือของ จิต หรือ ใจ นี่แหละ

สรุปอีกทีนะ...
เด็กน้อย ถ้าไม่มี แม่ คอยดูแล ระมัดระวังสิ่งเลวร้าย อันตรายทั้งหลาย
ก็จะเดินไปตกหลุม หกล้ม หรือถูกหลอกไปเสียหาย
ใจ ที่ไม่มี สติ คอยกำกับ ดูแล ก็จะเตลิดเปิดเปิง 
ไหลลงสู่ที่ต่ำ ตามกิเลส ตัณหา อุปาทาน
น้องเกรซ จะต้องมี คุณทิพย์ คอยดูแลอันตราย และสั่งสอนสิ่งที่ถูกต้อง
ใจ ของเราก็ต้องมี...สติ คอยกำกับดูแล คัดกรองอันตราย และชี้นำทางที่ถูกต้องด้วย

คุณทิพย์ ถามอีกว่า....แล้วทำยังไง ที่จะให้ ใจ มี สติ อยู่ตลอดเวลา
เหมือน เด็ก ที่มีแม่ อยู่ข้าง ๆ ตัวอยู่เสมอ
ผมบอก... ก็ต้องหมั่นฝึกหัด  เจริญสติ. มายด์ ฟูลเนส
คือ หมั่นระลึกรู้สึกตัว หรือ...อย่าเผลอ นั่นแหละ 

เธอถามอีก...แล้วฝึกยังไง อ่ะ
ผมบอก... หลวงพ่อท่านสอนพวกเรา ให้ใช้วิธี ภาวนา... พุ ท โ ธ 
พุทโธ เหมือนแม่ที่คอยคุ้มครองเรา
คือท่องคำว่า พุทโธ อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะ...ยืน เดิน นั่ง นอน กิน ดื่ม ขับถ่าย
ก็ให้ท่อง....พุ ท โ ธ  ....พุ ท โ ธ ....พุ ท โ ธ ....พุ ท โ ธ ....พุ ท โ ธ ....พุ ท โ ธ 
ให้ได้จำนวนมากที่สุด ในแต่ละวัน
ยิ่งท่องติดต่อกันให้ได้นานที่สุด มากที่สุดก็ยิ่งดี
คำว่า...พุ ท โ ธ  เปรียบเหมือน แม่
เด็ก คือตัวเรา ใจเรา....
มี.... พุ ท โ ธ  หรือมี... แม่ อยู่ใกล้ ๆ ก็ปลอดภัย ก็อุ่นใจ
ท่อง...พุ ท โ ธ  เป็นการเรียก สติ
คำนี้ใช้เพื่อระลึกถึง...พระพุทธเจ้า และ คำสอนของท่านไปในตัว

ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ สักระยะหนึ่ง จะเกิดความเคยชิน
ไม่เผลอตัว... ใจ จะอยู่กับสิ่งตรงหน้า เหตุการณ์ปัจจุบัน
แล้วสิ่งมหัศจรรย์ ก็จะเกิดขึ้นมากมาย
จิต จะมีพลัง ...สมอง จะแจ่มใส
ใจ จะหนักแน่น....บุคลิก จะเปลี่ยนไป
คนรอบข้างจะให้ความเคารพนับถือ
จะมีความสุขได้ง่าย แม้แต่กับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ

มร.เบน บอกว่า....การเดินจงกรม การนั่งสมาธิ
การเดินกลับไปกลับมา กับการนั่งนิ่ง ๆ จะช่วยอะไรได้มากจริง ๆ เหรอ
ผมบอก...ในสมองของเรา มันมีเรื่องราววุ่นวาย ข้อมูลในหัวมากมาย 
แต่การเดินจงกรม นั่งสมาธิ มันเป็นวิธีการ ทำให้ใจสงบ
แล้วเอาข้อมูลต่าง ๆ มาจัดเรียง จัดระบบกันใหม่
เปรียบเหมือนห้องเก็บของที่รกรุงรัง ข้าวของมากมายสารพัด
จะหาอะไรก็ไม่เจอ 
แล้วเราจัดเรียงหมวดหมู่ แยกแยะตามการใช้สอย
คราวนี้จะหาอะไร ก็ง่าย
การเดินจงกรม จะได้...ปัญญา แก้ปัญหาได้ง่าย
การนั่งสมาธิ จะได้...ความสงบ หยุดความฟุ้งซ่าน ความทุรนทุราย
หรือถ้าเปรียบเทียบกับเรื่องสมัยใหม่
ก็เหมือนกับ การทำ ...ดีแฟรกเม้นท์ ฮาร์ดดิสก์
ก็คือทำการจัดเรียงข้อมูลของไฟล์ต่าง ๆ ที่เก็บอยู่ในฮาร์ดดิสก์
ให้เป็นหมวดหมู่ สืบค้นได้รวดเร็ว ง่ายดาย

มร.เบน ฟังแล้วนิ่งคิด........
แล้วตั้งปัญหา ทำไมเราจะต้องสนใจ พุทธศาสนา ด้วยล่ะ
ไม่สนใจได้มั้ย เพราะแต่เดิมเค้าก็ไม่เคยสนใจมาก่อน ก็มีชีวิตอยู่ได้อย่างร่ำรวย
ผมนิ่งคิดหาคำตอบให้เค้าอยู่อึดใจนึง
แล้วย้อนถามเค้าว่า....คุณเกิดมาทำไม 
เกิดมาเพื่ออะไร 
แล้วจุดจบอยู่ตรงไหน
ทุกวันที่มีชีวิตอยู่ มีสุขที่แท้จริง มั้ย
มีทุกข์อะไรบ้าง
และที่สำคัญ.....คุณลืมนัดหมาย หรือเปล่า

ทั้งสามีฝรั่ง กับภรรยาไทย หันไปปรึกษากัน
แล้วบอกว่า...ตอนนี้ในบางคำถาม ก็ไม่รู้จะตอบว่ายังไง
แต่พอจะเข้าใจว่า.....ความสุข ต้องวิ่งหาอยุ่ตลอดเวลา
มีความสุข อยุ่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วก็หายไป...
ส่วนความทุกข์ มันวนเวียนเข้ามาหาพวกเค้าเป็นระยะ ๆ
และเปลี่ยนเรื่องทุกข์ไปเรื่อย ๆ จากเรื่องหนึ่ง ไปอีกเรื่องหนึ่ง ไม่มีจบมีสิ้น
ความสุขที่ยั่งยืน...ก็ยังไม่เคยเจอ
แต่ความทุกข์....ดูมันจะยังอยู่ไปเรื่อย ๆ ไม่จบไม่สิ้น
แต่....นัดหมายอะไร นัดกับใคร...........ไม่เข้าใจ

ผมบอก....นัดกับท่าน พระยามัจจุราช ไงล่ะ
วันนึงยังไงก็ต้อง...ตาย แน่นอนใช่มั้ย
แล้วเราก็ต้องไปยืนอยู่ต่อหน้า....พระยามัจจุราช ใช่มั้ย
ท่านจะถามเรา แค่ 2 เรื่องเท่านั้น นะ
คือ...ทำบาป อะไรมาบ้าง
....ทำบุญกุศล อะไรมาบ้าง
แล้วถึงตอนนั้นเราจะตอบท่านว่ายังไง ล่ะ

เราทุกคน เตรียมคำตอบไว้หรือยัง

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2562    
Last Update : 29 ตุลาคม 2562 21:49:45 น.
Counter : 389 Pageviews.  

วัดป่า...มหาสนุก 57

วัดป่า...มหาสนุก 57
( เล่าจากเรื่องจริง แต่ให้อ่านเป็นนิยาย...อย่าอ่านเอาเรื่อง นะครับ )

หนุ่มวิศวกร ฝรั่งคานาดา คนสามี และสาวไทย ภรรยาสาว และลูกสาวตัวน้อย 
มาเที่ยวบ้านเกิด มาร่วมงาน กฐิน และมาเจอกับผมที่ได้รับมอบหมายจาก....หลวงพ่อเตี้ย
ให้พาเค้าทัวร์ทั่ววัดป่าอนุสรณ์ แห่งนี้
คุยกันหลายเรื่อง.. ก็เพราะฝรั่งอยากรู้ว่า...พระพุทธศาสนา เป็นอย่างไร
พวกเรามาลองสรุป สิ่งที่ได้รู้มา
พุทธศาสนา มี สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นศาสดา
สอนอยู่เรื่องเดียว คือ....ทุกข์ และการดับทุกข์
โดยคำสอนของท่าน เราเรียกว่า....ธรรมะ
คนที่ยอมมอบกายถวายชีวิตเดินตาม พระพุทธเจ้า คือ...พระสงฆ์
โดยมีข้อปฏิบัติที่จะต้องอยู่ในกรอบของ พระวินัย 227 ข้อ
ที่ขยายมาจาก...ศีล 5
แต่หัวใจของ ศีล ทั้งหลายนั้นมีเพียงข้อเดียว คือ....เจตนา
ถ้าการกระทำใด ที่ไม่มีเจตนาให้ตนเอง และ ผู้อื่น เดือดร้อนนั่นเท่ากับ....ไม่ผิดศีล

การเรียนรู้เรื่อง...ทุกข์ และการดับทุกข์
ถ้าเปรียบไปแล้ว ก็เหมือนกับ นักดับเพลิง ที่จะต้องเรียนรู้เรื่องของ...ไฟ ให้ถ่องแท้ซะก่อน
ว่า ไฟ...มันร้อน มันสามารถเผาทุกสิ่งให้มอดไหม้ไปซะทุกอย่าง
มันต้องมีเหตุปัจจัย องค์ประกอบ คือ  ตัวจุดประกาย เชื้อเพลิง และอากาศอ๊อกซิเจน

ทุกข์ ...ในใจมันก็คือ ไฟ ที่เผาไหม้เราให้แสบร้อน
มันมีเหตุเกิดมาจาก...ความอยาก ทั้งอยากได้ อยากดี อยากมี อยากเป็น 
และเมื่อใดที่...ไม่ได้
นั่นแหละ ไฟ มันยิ่งลุกขึ้นเผาผลาญความสุขหมดสิ้น
ไฟ แห่งความทุกข์ เกิดที่ไหน....ก็เกิดที่ ใจ
อยู่ที่ไหน...ก็อยู่ใน ใจ
กิเลส ความชอบ ความรัก ความผูกพัน ความหลงไหล....สิ่งเหล่านี้มันนอนรออยู่ในใจของเราอยู่แล้ว
เมื่อสิ่งภายนอก รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส
รูปสวย   รสอร่อย   เสียงไพเราะ  กลิ่นหอม   สัมผัสอันอ่อนนุ่ม รัดรึงใจ
มากระทบกับ ตา  หู  จมูก  ผิวกาย และใจที่วูบวาบ...
ตาเห็นรูป. จมูกได้กลิ่น. ลิ้นรับรส. ผิวหนังสัมผัสอ่อนนุ่ม
ทันทีนั้น ความชอบ ความอยากได้ ความยึดติดต้องเอามาให้ได้ ก็พุ่งปรี๊ดด ปร๊าดด
กระบวนการมันเกิดต่อเนื่องกันรวดเร็วมากจนจับไม่ทัน
เร็วกว่า....สายฟ้าแล่บ
กว่าจะรู้ตัวอีกที...ก็ทุกข์ ซะแล้ว

เพราะรัก จึง... อยาก
เพราะอยาก จึง... ยึด
เพราะยึด จึง... ทุกข์

ทั้ง มร.เบน และคุณทิพย์ ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า....ความทุกข์ ที่แอบแฝงอยู่ในใจคืออะไร
คล้าย ๆ จะรู้ คล้าย ๆ จะเข้าใจ ความรู้ สมัยใหม่ไม่ได้บอกเอาไว้
จนกระทั่งได้มาฟังเรื่องราวของ เจ้าชายสิทธัตถะ ที่ออกไปตามหา...ยาวิเศษ มารักษาคนที่ท่านรัก
พระองค์ใช้เวลาถึง 6 ปี เต็ม ๆ และในที่สุด ท่านก็ได้พบว่า....
ทุกข์อย่างเกิดจากใจ เผาไหม้อยู่ที่ใจ และดับได้ก็ที่...ใจ
...... มีเหตุที่ไหน ก็ดับที่นั่น

ทั้ง เบน และ ทิพย์ เพิ่งเริ่มเข้าใจว่า พวกเค้าทุกข์ก็เพราะ...แบกก้อนหิน หนัก ๆ ไว้หลายก้อน
ทั้ง...ทรัพย์สิน เงินทอง หน้าที่การงาน ตำแหน่ง ความสำเร็จ บ้าน รถ .....ฯลฯ
และเพิ่งได้ลิ้มรสความสุข จากการ....ปล่อยวาง สิ่งที่พวกเค้าแบกเอาไว้
โดยทำสมาธิ หายใจ เบา ๆ ช้า ๆ .....
ความสงบ สุข มันไปแอบซ่อนอยู่ที่...ใจ ของเค้าเอง

มร.เบน หนุ่มหล่อ เคยคิดว่า....ความสุข มันคือ ทรัพย์สิน เงินทองที่หามาได้                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                         
ผมตอบว่า....ไม่ใช่  มันคนละเรื่องกันเลย
.... ความสุข ก็เรื่องหนึ่ง
.... ทรัพย์สินเงินทอง ก็อีกเรื่องหนึ่ง อย่าเอามาปนกัน
เค้าถามว่า.... ถ้าอยากได้ความสุข จะต้องทำยังไง ล่ะ
ผมบอก....จดจ่อ กับอะไร สิ่งนั้นก็จะขยายผล
ถ้าอยากได้ ความสุข ก็ต้องจดจ่อกับ การหาความสงบ สุข 
หรือความสุข จากความ...สงบ

แต่ถ้าไปจดจ่อ กับทรัพย์สิน เงินทอง ปัญหาที่ตามมา คือ....การดิ้นรนให้ได้มา การเก็บรักษา
เปรียบเหมือนกับการมี รถยนต์หรู ...ต้องขวนขวายทำงานแทบตาย กว่าจะหาซื้อมาได้
พอได้มาแล้ว ก็ต้องคอยวุ่นวาย ดูแลรักษา ไม่ให้มันเสีย  ไม่ให้มันเก่า ไม่ให้มันเสี่อมสภาพ
ถ้าจดจ่อกับมัน หามันมาเพิ่มอีกจากคันเดียว เป็นหลายคัน
ความวุ่นวาย การดูแลรักษา ก็ยิ่งเหนื่อยยากหนักเข้าไปอีก

อยากมีบ้านสักหลัง พอได้หลังเล็ก ๆ น่ารักมา ก็ดีใจอยู่รักยะหนึ่ง แล้วก็....ชาชิน เบื่อหน่าย
อยากได้ให้มันใหญ่ขึ้น ต้องทำงานให้หนักขึ้น หาเงินให้มากขึ้น
ดูแลรักษา เช็ดถูปัดกวาด ลำบากหนักขึ้นไปอีก
เดี๋ยวก็ทรุด เดี๋ยวก็รั่ว เดี๋ยวก็สีซีด โทรมไปตามกาลเวลา

....ยึดมั่นกับอะไร ก็ทุกข์เพราะสิ่งนั้น

ถ้าเปลี่ยนการ...โฟกัส จดจ่อ ไปที่ความสุข 
ความสุข ก็จะขยายตัว 
เราจะครุ่นคิด หาวิธีทำให้... ใจ เป็นสุข มากขึ้น
สุข...จากความ สงบ เราก็จะหมั่นขยัน สงบ ให้มากขึ้น
สุข...จากการ วาง เราก็จะหาวิธีวางให้มากขึ้น เริ่มทิ้งสิ่งที่แบกเอาไว้
ความ สงบสุข ถ้าใครได้ลองสัมผัสแล้วจะติดใจ 
ถ้ารู้วิธีเข้าไปหามัน ก็จะหมั่นไปหาให้บ่อยขึ้น
เมื่อก่อนนั้น ผมก็ไม่เข้าใจว่าคนเค้าชอบมาถือศีลที่วัด กันทำไม....ไม่เห็นจะสนุกตรงไหน
เมื่อพอได้มาลองสัมผัสเอง ถึงได้รู้ว่า...มันไม่สนุก
แต่มัน... สงบ สุข
อีของแบบนี้ มันอธิบายด้วยคำพูด ไม่เข้าใจ เหมือนคนไม่เคยกิน ทุเรียน
เมื่อไหร่ที่เอาเข้าปากนั่นแหละ ถึงจะเข้าใจ ...เข้าถึง ใจ

ผมเคยมีปัญหามาก ในตอนที่...สวด ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
ถึงตอน .... จักขุง อุทะปาทิ
ญาณัง อุทะปาทิ
ปัญญา อุทะปาทิ
วิชชา อุทะปาทิ
อาโลโก อุทะปาทิ
เคยพยายามแปล พยายามทำความเข้าใจยังไง ก็ไม่ได้เรื่อง... งง ๆ สงสัย ไม่แตกฉาน
ในที่สุดไปกราบเรียนถาม..หลวงตามหาอนันต์ นิมมโล  แห่งวัดเกษมาคม อ.กมลาไสย
ท่านอธิบายด้วยการพาไปที่ต้นมะม่วง....แล้วชี้ให้ดู ลูกมะม่วงที่อยู่บนต้น

....นั้นเห็นมั้ย ลูกอะไร
มะม่วง ครับ
.... นั่นแหละ จักขุง อุทะปาทิ  ตามองดู มองเห็น
.... แล้วมันพันธุ์ อะไร
น่าจะเป็นมะม่วง พันธุ์อกร่อง นะครับ เพราะรูปทรงมันน่าจะใช่
.... นั่นแหละ ญาณัง อุทะปาทิ  ใช้ความคิด เพ่ง พิจารณา การสังเกตุ
.... แล้วมันดิบ หรือมันสุกแล้ว ล่ะ
น่าจะสุกแล้ว เพราะมันเหลืองแล้วครับ
.... นั่นแหละ ปัญญา อุทะปาทิ  ใช้ความคิดพิจารณาไตร่ตรอง จากประสบการณ์ การเรียนรู้มาเทียบเคียง
.... แล้วกลิ่นมัน สัมผัสมัน เป็นอย่างไร
ต้องเอาลงมาจับต้อง มาดมดู 
ว่าแล้วก็จัดแจงสอยมัน มาปอกเปลือก แล้วฝานออกมาเป็นชิ้น ๆ 
.... นั่นแหละ วิชชา อุทะปาทิ   ใช้ความคิด สัมผัส เพ่งพิจารณาให้ยิ่งขึ้น ลึกซึ้งยิ่งขึ้นหนักเข้าไปอีก
.... แล้ว รสชาติมันเป็นยังไง
ก็จัดแจงใส่ปาก ลิ้มชิมรสอันหอมหวานของมัน
หวานดี ครับ 
.... นั่นแหละ อาโลโก อุทะปาทิ รู้แจ้ง เข้าใจแจ่มแจ้ง จริงอย่างถึงที่สุดเลย

และตั้งแต่นั้นมา ทุกครั้งที่สวดบท ...ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร
ผมจะคิดถึง หลวงตามหาอนันต์ 
และมะม่วงลูกนั้น....ทุกครั้งเลย

อนณ นิศารัตน์
โทร. - ไลน์
093-149-9564

วัดป่า...มหาสนุก 58
https://pantip.com/topic/39362279

 




 

Create Date : 29 ตุลาคม 2562    
Last Update : 29 ตุลาคม 2562 21:48:31 น.
Counter : 201 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  

tobeteam
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add tobeteam's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.