Group Blog
All Blog
<<< " ธรรมเนียมประเพณี" >>>










" ธรรมเนียมประเพณี"

ถาม : อย่างเวลาที่นั่งสมาธิหรือว่าเจอพระสงฆ์นี้ครับ

 บางทีนั่งขัดสมาธิกับนั่งพับเพียบอะไรอย่างนี้ครับ

นั่งขัดสมาธิจะถือว่าไม่เรียบร้อยหรือเปล่าครับ

หรือว่าจริงๆ แล้วอย่างตัวผมเองผมนั่งขัดสมาธิแล้ว

รู้สึกสบายกว่าครับ

พระอาจารย์ : ก็คือโดยมารยาทเขาถือท่านั่ง

 คนโบราณนี้เขามีท่านั่งอยู่สองท่า

คือขัดสมาธิกับพับเพียบ เวลาเขาพบปะกัน

 เวลาทำกิจร่วมกันเขาจะนั่งพับเพียบ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าผู้น้อยไปหาผู้ใหญ่

ผู้ใหญ่นี้จะนั่งขัดสมาธิได้ แต่ผู้น้อยต้องนั่งพับเพียบ

 เพื่อเป็นการแสดงความเคารพ แต่ถ้าเวลานั่งสมาธินี้

เขาอนุญาตให้นั่งขัดสมาธิได้ เพราะเป็นท่าที่นั่งปฏิบัติ

 แต่ถ้าไม่ได้นั่งสมาธิ เช่นเวลาครูบาอาจารย์

ท่านแสดงธรรมนี้ครูบาอาจารย์ท่านก็นั่งพับเพียบ

 เราก็ต้องนั่งพับเพียบตาม แต่ถ้าเวลารับประทานอาหาร

ท่านอนุญาตให้นั่งขัดสมาธิได้นั่งท่าสบายได้

 แต่ถ้าเวลาสนทนากันอะไรกันนี้ ธรรมเนียมประเพณี

เขาให้นั่งพับเพียบกัน อันนี้ต้องว่าไปตามประเพณี

 แต่ไม่ได้มีความเสียหายร้ายแรงอะไร

เพียงแต่ว่าจะทำให้เรากลายเป็นคนเชยไป

เป็นคนไม่รู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควรเท่านั้นเอง

ญาติโยมส่วนใหญ่มาฟังธรรมที่นี่

เขาก็คิดไปในแง่ว่าเวลาเขาฟังธรรม เขานั่งสมาธิกัน

 เขาก็เลยนั่งขัดสมาธิกัน (หัวเราะ) เราก็ไม่ถือสาหรอก

 เราก็ไม่ว่าอะไร ท่านั่งไม่สำคัญหรอกสำหรับเรา

สำคัญที่สติแค่นั้น เวลาฟังแล้วใจตั้งใจฟังหรือเปล่า

 ถ้าตั้งใจฟังแล้ว อันนี้แหละเป็นตัวสำคัญกว่าท่านั่ง

 แต่ท่านั่งนี้มันเป็นเรื่องของสมมติบัญญัติ

 เป็นเรื่องของประเพณี ที่เขาทำกันมา

ก็เลยก็ต้องมีท่านั่งในท่าต่างๆ เหมือนการแต่งกาย

 เราก็มีการแต่งกายหลายแบบใช่ไหม

 ไปงานศพเราก็แต่งกายแบบหนึ่ง

ไปงานแต่งงานเราก็แต่งกายแบบหนึ่ง

 ไม่ใช่ไปงานศพก็แต่งสีฉูดฉาด

 เวลาไปงานแต่งงานก็ไปใส่ชุดดำอย่างนี้

 อย่างนี้มันก็ผิดกาลเทศะ

ท่านั่งนี้ก็เหมือนกับกาลเทศะเท่านั้นเอง เข้าใจหรือยัง

ถาม : เข้าใจแล้วครับ นั่งพับเพียบเหน็บชอบกิน

อย่างงั้นเราสลับไปสลับมาได้นะครับ

พระอาจารย์ : (คนอื่นเขานั่งได้) ได้ๆ

 หรือเราจะฝึกทนไปเพื่อจะได้ฝึกจิตให้แข็งขึ้น

เขาถือว่าเป็นการฝึกจิตไปในตัว

เวลานั่งแล้วมันไม่สบาย ใจก็ต้องพยายามมีสติ

ควบคุมใจให้มันนิ่ง แล้วต่อไปเราก็จะอยู่กับ

ความไม่สบายของร่างกายได้ ถ้าเราต้องขยับอยู่เรื่อยๆ

 ต่อไปถ้าเกิดเวลาไม่สบายเราขยับไม่ได้จะทำยังไง

ใจเราก็จะทรมาน แต่ถ้าเรารู้จักทำใจ

ตอนที่ร่างกายไม่สบาย เราก็ทำใจให้นิ่งให้สงบ

ใจเราก็จะไม่ทรมาน แล้วเวลาต่อไปเจ็บไข้ได้ป่วย

เราก็จะไม่ทรมานกับความเจ็บไข้ได้ป่วย.

พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

...........................

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๖๐









ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 31 สิงหาคม 2560
Last Update : 31 สิงหาคม 2560 10:12:04 น.
Counter : 536 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ