ขันธ์ ๕ ไม่มีกิเลส
ถาม : ส่วนไหนของจิตในขันธ์ ๕ ทำให้จิตมีกิเลสคะ
พระอาจารย์ : อ๋อ ในขันธ์ ๕ ไม่มีกิเลสหรอก
ตัวที่ทำให้จิตมีกิเลสก็อวิชชา ความหลง
ความเห็นผิดเป็นชอบ เหมือนเด็กน่ะ
เด็กที่ไม่รู้เรื่อง เห็นไฟก็คิดว่าเป็นของเล่น
พอไปเล่นกับไฟก็ถูกไฟเผาเอา อันนี้ก็เหมือนกัน
อวิชชาก็คือความไม่รู้ความจริงไง
ว่าอะไรเป็นสุขอะไรเป็นทุกข์นั่นเอง
ก็เลยไปเห็นสุขเป็นทุกข์ เห็นทุกข์เป็นสุขไป
เห็นรูปเสียงกลิ่นรสว่าเป็นสุขก็เลยโลภอยากได้ขึ้นมา
คือความเห็น พอเห็นว่ามันสุขก็เลยอยากได้
ก็เลยเกิดกิเลสขึ้นมา แต่ถ้าเห็นว่ามันเป็นทุกข์
มันก็จะดับกิเลส มันก็จะไม่อยากได้ เข้าใจไหม
เพราะฉะนั้น มันไม่ได้อยู่ในขันธ์
พระพุทธเจ้าก็ยังมีขันธ์ พระอรหันต์ก็ยังมีขันธ์
กิเลสถูกทำลายไป กิเลสอยู่ในใจ อยู่ร่วมกับขันธ์นี่
มันเป็นเหมือนอยู่ร่วมกันในบ้านเดียวกัน
ใจนี้เป็นเหมือนบ้าน ในบ้านนี้มีขันธ์
มีเวทนา สัญญา สังขาร แล้วก็มีกิเลส
ตัณหาความโลภความหลงความอยากต่างๆ
เรามาปฏิบัติเพื่อไล่พวกกิเลสออกจากบ้านไป
เก็บไว้แต่ขันธ์ ขันธ์นี้ไล่ไม่ได้
มันเป็นเหมือนส่วนประกอบของบ้าน
เป็นเหมือนเสา เป็นเหมือนหน้าต่าง
เป็นเหมือนเพดาน อย่างนี้ มันเป็นส่วนประกอบ
ที่ติดอยู่กับบ้าน บ้านคือใจ
ส่วนกิเลสมันเป็นผู้มาขออาศัย
พวกไม่มีบ้านอยู่พวกไม่มีงานทำ
มันก็เลยมาขออยู่บ้านเรา แล้วก็กินในบ้านเรา
ขี้ในบ้านเรา เราก็เลยต้องไล่มันออกไปจากบ้านเรา
เพราะมันอยู่แล้วมันไม่ทำความสะอาด
มันจะเอาแต่จะกินจะนอนจะขี้อย่างเดียว
เราก็เลยต้องมาขับไล่มันไป
สิ่งที่เราเอามาขับไล่ก็คือธรรมะ
คือสติ สมาธิ ปัญญา พอเรามีสติ สมาธิ ปัญญา
เราก็จะขับไล่พวกกิเลสตัณหา โมหะอวิชชาต่างๆ
ให้ออกไปจากใจได้หมด ใจก็จะสะอาดบริสุทธิ์
เป็นบ้านสะอาดขึ้นมา น่าอยู่
มีแต่ความสุขสำหรับผู้ที่อยู่ นี่ก็เปรียบเทียบให้ฟัง
ใจเราเป็นเหมือนบ้าน ในบ้านก็มีเสา
มีส่วนประกอบของบ้าน
ก็คือเวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ มันอยู่กับใจ
ไปด้วยกับใจ บ้านนี้ย้ายไปไหน เสาก็ต้องไปด้วย
เสา ฝ้า เพดาน ฝาผนังนี่มันต้องไปด้วยกัน
เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ นี้มันไปกับใจ
เวลาที่ร่างกายตายไป มันก็ไปด้วยกัน
กิเลสที่มาอาศัยอยู่มันก็เกาะไปด้วย
ทีนี้ เราต้องมากำจัดกิเลส
เพราะกิเลสมันมาทำให้บ้านเราสกปรก
ทำให้บ้านเราเหม็น ไม่น่าอยู่
เราก็ต้องไปหาเครื่องมาชำระ ต้องหาไม้กวาด
หาอะไรมาชำระความสกปรกให้ออกไปจากบ้าน
ก็ต้องหาสติ หาสมาธิ หาปัญญา หาศีลมากำจัดมัน.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
...................................
ธรรมะบนเขา
วันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๑
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ