Group Blog
All Blog
<<< “สมาธิเป็นที่พักของใจ” >>>










“สมาธิเป็นที่พักของใจ”

ถาม : การนั่งสวดมนต์ถือเป็นการทำสมาธิใช่ไหมครับ

 และถ้าใช่ นั่นหมายถึงเรานั่งสวดมนต์ภาวนา

 แบบสวดไปเรื่อยๆ เพราะทำให้เข้าสมาธิได้ใช่ไหมครับ

 และจะทำให้ได้ปัญญาพิจารณาต่อไปได้หรือไม่ครับ

พระอาจารย์ : อ้อ สวดมนต์นี่มันจะได้

แต่ไม่ลึกเหมือนกับการเพ่งดูลมหายใจ

 หรืออยู่กับพุทโธพุทโธเพียงอย่างเดียว

มันเหมาะกับเวลาที่ใจเราฟุ้งซ่านคิดมาก

 เราก็ใช้การสวดมนต์ระงับความฟุ้งซ่านไปก่อน

พอหายฟุ้งซ่านแล้วก็ลองใช้พุทโธคำเดียว

หรือดูลมหายใจไปอย่างเดียว

แล้วจิตมันจะรวมเป็นสมาธิได้

 แล้วเวลาได้สมาธิแล้ว

จิตก็จะมีกำลังที่จะไปทางปัญญาได้

 ก็ต้องออกจากสมาธิก่อน แล้วถึงค่อยไปทางปัญญา

 ตอนที่อยู่ในสมาธิปล่อยให้มันนิ่งนานๆ

 เพราะเป็นการพักผ่อนของใจ

 เหมือนเวลาที่เราทำงานนี่ เวลาเราทำงานเหนื่อย

เราก็ต้องกลับมาบ้านมาพักผ่อนหลับนอน

 มารับประทานอาหาร แล้วพอตอนเช้าตื่นขึ้นมา

เราก็ออกไปทำงานต่อ

การเจริญปัญญานี้เป็นการทำงานของใจ

การเข้าสมาธินี้เป็นการพักผ่อนของใจ

 อันนี้เราต้องทำสลับกัน ทำพร้อมกันไม่ได้

ไม่ใช่พอเข้าไปในสมาธิปั๊บ

ก็ปลุกดึงออกมาให้พิจารณาปัญญา มันไม่ใช่

พอจะนอนหลับปั๊บก็ตั้งนาฬิกาให้ปลุกเลย

 พอหลับปั๊บก็ปลุกขึ้นมาว่าให้ลุกไปทำงาน

 มันยังไม่มีกำลังยังไม่ได้พัก ต้องให้มันพัก

จนกระทั่งมันอิ่มตัว แล้วถอนขึ้นมาเอง

นอนหลับก็นอนให้มันหลับจนกระทั่งมันตื่นขึ้นมาเอง

 แล้วค่อยออกไปทำงานต่อ

นี่คือหน้าที่ของสมาธิเป็นที่พักของใจ

 เป็นที่ให้กำลังของใจเพื่อที่จะได้ไปเจริญปัญญาได้

แต่ปัญญาไม่ได้เกิดจากสมาธิ

ปัญญาเกิดจากการใคร่ครวญปัญญา

อย่างที่เทศน์ไว้เมื่อวานนี้ เกิดได้สามทาง

 ขั้นที่หนึ่งเกิดจากการได้ยินได้ฟัง

 เช่นฟังเทศน์ฟังธรรมนี้ ก็จะได้ปัญญาอันดับแรก

 แล้วขั้นที่สองก็เอาธรรมที่เราได้ยินได้ฟังนี้

ไปพิจารณาใคร่ครวญอยู่เรื่อยๆ

 อันนี้ก็จะเป็นปัญญาขั้นที่สอง

 แล้วปัญญาขั้นที่สามก็คือเอาไปใช้หยุดความอยาก

พอเกิดความอยากเราก็เอาปัญญาที่เห็นว่า

 การทำตามความอยากนี้เป็นทุกข์

 ไม่ทำตามความอยากดีกว่า หยุดความอยากดีกว่า

 ถ้าหยุดได้ก็แสดงว่าเราได้ปัญญาขั้นที่สาม

 แต่ถ้ายังหยุดไม่ได้ก็แสดงว่ายังไม่มีปัญญาขั้นที่สาม

 ขาดกำลังของสมาธิ สมาธิมีกำลังยังไม่พอ

 ก็ต้องกลับไปนั่งสมาธิก่อน ไปทำใจให้สงบก่อน

 แล้วก็มาหยุดความอยากให้ได้.


พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต

..............................

สนทนาธรรมบนเขา

วันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๖๐





ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ




Create Date : 17 ตุลาคม 2560
Last Update : 17 ตุลาคม 2560 9:36:45 น.
Counter : 477 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

tangkay
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



(•‿•✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง
มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น
มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น
ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน
ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้
แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร
ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน
อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง
ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน
หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง
คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง
หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ ....
สิบปีผ่านไป.......
อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด
เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน
ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน
ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม
ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข
ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม
อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์
แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน
ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง
ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน
เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน
ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล
แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร
จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ
ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ
เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ