พลังสด พลังแห่งชีวิต
พลังสด พลังแห่งชีวิต
อาหารอายุยาวหรืออาหารที่ผ่านกระบวนการแปรรูปและถนอมอาหาร อาจเก็บไว้ได้หลายปีแต่ความมีชีวิตได้หมดไปแล้ว สิ่งที่คุณรับประทานจึงเป็นเพียงซากอาหารที่ถูกเก็บรักษาไว้ไม่ให้บูดเน่าเท่านั้น ในขณะที่อาหารอายุสั้นอย่างผักสด ผลไม้สด ที่อาจเก็บไว้ไม่ได้เพียงไม่กี่วันแต่เต็มเปี่ยมด้วยพลังแห่งชีวิตที่พร้อมจะช่วยต่อการมีชีวิตให้มีคุณภาพ ต่อชีวิต(คน)ด้วยชีวิต(พืช) วิถีการกินอาหารสดเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า raw food หรือ living food เป็น แนวทางหนึ่งของการรับประทานอาหารแบบมังสวิรัติ เน้นปริมาณผักและผลไม้สดมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ต่อมื้ออาหาร โดยงดรับประทานเนื้อสัตว์ทุกชนิด รวมทั้งนมและผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม ส่วนที่เหลืออีก 25 เปอร์เซ็นต์คือการรับประทานอาหารปรุงสุก ประเภทคาร์โบไฮเดรตเชิง เช่น ข้าวกล้อง เผือก มัน ธัญพืชต่างๆ รวมทั้งโปรตีน เช่น เต้าหู้ เห็ด เป็นต้น หลักการของการรับประทานอาหารประเภทนี้มีข้อกำหนดสำคัญอยู่ 3 ประการคือ 1.ไม่ผ่านการปรุง (uncooked) 2.ไม่ผ่านความร้อน (unheated) 3.ไม่ผ่านกระบวนการแปรรูป (unprocessed) และถ้าเป็นไปได้ควรเลือกวัตถุดิบที่เป็นผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ(organic) ไม่ผ่านการใช้ยาฆ่าแมลง สารเคมี หรือมีการดัดแปลงทางพันธุกรรม Living food แม้จะยึดหลักการสำคัญคือการรับประทานผักและผลไม้สดเป็นหลัก แต่ก็ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยที่ต่างกันออกไป อาทิ Sproutarian คือการรับประทานอาหารสดที่เน้นการกินต้นอ่อน(sprout) เช่น ต้นอ่อนข้าวสาลี ต้นอ่อนทานตะวัน ถั่วต่างๆที่เพาะให้งอกเป็นหลัก ร่วมกับการรับประทานผักสด ผลไม้สด Fruitarian คือการรับประทานผลไม้เป็นหลักอย่างน้อย 75 เปอร์เซ็นต์ของอาหารทั้งหมด นอกจากนั้นอาจเป็นผักสด ต้นอ่อน หรือถั่วต่างๆที่เพาะให้งอก Liquidarian คือการดื่มเครื่องดื่มเป็นหลัก เช่น น้ำผลไม้ มักทำในระยะสั้นเช่น 1-2 สัปดาห์เพื่อการล้างพิษ แต่ไม่นิยมปฏิบัติต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ Raw fooder คือการรับประทาน ผักสด ผลไม้สด ต้นอ่อน หรือถั่วที่เพาะงอก 75 เปอร์เซ็นต์ของอาหารทั้งหมด หากไม่เคร่งครัดมากอาจดื่มนม(ที่ไม่ผ่านการต้ม)ด้วยก็ได้ เรียกว่าเป็นแนวทางแบบ lacto-vegetarian ทำไมต้องกินสด การรับประทานพืชผักผลไม้สดให้คุณค่าหลายประการทั้งต่อสุขภาพ สังคม และเศรษฐกิจ อาทิเช่น 1.อาหารมีรสชาติดีกว่า เพราะการรับประทานสดคุณจะได้รับความหวาน ความกรอบจากผักสดอย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องสูญเสียวิตามิน เกลือแร่ เอนไซม์ ฯลฯ ไปกับกระบวนการปรุงอาหาร 2.ระบบย่อยอาหารสมบูรณ์ อาหารสดจะช่วยให้ร่างกายย่อยได้ง่าย ใช้เวลาน้อย และดูดซึมไปเลี้ยงร่างกายได้ ทันที โดยไม่มีของเสียเหลือตกค้างเหมือนอาหารที่ผ่านการปรุงซึ่งย่อยยากและใช้เวลานานกว่า อีกทั้งยังเหลือของเสียตกค้างในลำไส้ กลายเป็นอาการเสียดท้อง ท้องอืด หรือโรคต่างๆในระบบย่อยอาหาร 3.สุขภาพแข็งแรง ไม่ป่วยง่าย เมื่อระบบย่อยอาหารทำงานเป็นปกติ นั่นก็เท่ากับลดสาเหตุของโรคภัยต่างๆไปกว่าครึ่ง นอกจากนั้นการได้รับสารอาหารต่างๆอย่างสมบูรณ์ก็ย่อมทำให้ร่างกายแข็งแรง ทำงานมีประสิทธิภาพ ภูมิคุ้มกันดี ไม่ป่วยง่าย 4.คุณภาพชีวิตดีขึ้น นอกจากความแข็งแรงของสุขภาพแล้ว อาหารที่รับประทานสดยังช่วยให้คุณรู้สึกมีพลัง ความคิดเฉียบแหลม นอนหลับได้สนิท และมีความสุขมากยิ่งขึ้น 5.ใช้เวลาปรุงน้อย อาหารประเภทนี้ทำได้ง่าย และไม่ต้องใช้เวลานาน แม้แต่เด็กๆก็สามารถทำได้ ซึ่งเป็นการเพิ่มความมั่นใจให้กับเด็กๆได้อีกทางหนึ่งด้วย 6.ไม่ต้องเก็บกวาดห้องครัว นอกจากคุณไม่จำเป็นต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์ต่างๆในครัวแล้ว ยังช่วยลดปัญหาการทำความสะอาดห้องครัวที่เลอะเทอะให้ง่ายเหมือนการเนรมิตได้ในพริบตา 7.ประหยัด เมื่อคุณรับประทานสดคุณจะสามารถลดค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาหารได้ 8.ลดการใช้พลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม
เอนไซม์ หัวใจของพลังสด ในพืชผักแต่ละชนิดจะมีพลังแห่งความมีชีวิตอยู่ สิ่งเหล่านั้นเรียกว่าเอนไซม์ ผักยิ่งสดยิ่งมีเอนไซม์หรือพลังชีวิตมาก แต่หากยิ่งเก็บไว้นาน ความมีชีวิตก็ยิ่งลดลง เอนไซม์มีอยู่ 2 ประเภท คือเอนไซม์ในอาหาร (food enzyme) คือพลังแห่งชีวิตที่จะช่วยต่อชีวิตให้กับเซลล์ในร่างกาย อีกทั้งยังเป็นตัวย่อยสลายอาหาร พบได้ในผัก ผลไม้ ถั่วและธัญพืชที่เพาะให้งอก เป็นต้น อีกชนิดหนึ่งคือเอนไซม์ในร่างกาย (body enzyme) เป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่ในระบบการสื่อประสาทสั่งการเพื่อทำกิจกรรมต่างๆตามที่ร่างกายต้องการ เช่น การเคลื่อนไหว รวมทั้งกิจกรรมที่นอกเหนือการควบคุมอื่นๆอีก เช่น การย่อยอาหาร การทำงานของสมอง การสร้างเม็ดเลือดเป็นต้น โดยปกติแล้วอาหารทุกชนิดที่ไม่ผ่านการปรุงจะมีเอนไซม์ย่อยสลายตัวเองได้ เช่น เรารับประทานสลัดผัก เมื่อผักแต่ละชนิดเดินทางเข้าสู่ระบบย่อย ฟู้ดเอนไซม์ในตัวมันก็จะเริ่มออกมาย่อยสลายตัวเอง ทำให้ร่างกายไม่ต้องทำงานหนัก แต่การรับประทานอาหารที่ปรุงแล้ว ทำให้อาหารทุกชนิด(แม้ว่าจะเป็นพืชผัก)ขาดเอนไซม์ เมื่อรับประทานเข้าไป ร่างกายจึงต้องระดมบอดี้เอนไซม์ที่มีอยู่อย่างจำกัดมาช่วยกันย่อยสลาย และหลายครั้งอาหารที่เรารับประทานเข้าไปเป็นอาหารที่ย่อยสลายยาก การใช้เอนไซม์จึงหมดไปอย่างเปล่าเปลืองยิ่งขึ้น นี่จึงเป็นที่มาของคำกล่าวที่ว่า "Live food ,Live body .Dead food, Dead body."
เพิ่มพลังชีวิตด้วยการกินสด ผักเกือบทุกชนิดสามารถนำมารับประทานสดได้ แม้แต่เมล็ดธัญพืชหรือเมล็ดถั่วต่างๆ แต่การกินเมล็ดพืชดิบๆอาจทำให้เกิดอาการอืดท้องเนื่องจากมีสารเคมีที่ชื่อว่า enzyme inhibitor ที่มีหน้าที่ป้องกันเมล็ดพืชไม่ให้ถูกทำลายจากสิ่งแวดล้อมภายนอก แต่มันจะหมดไปได้ด้วยการนำไปเพาะงอกเป็นต้นอ่อน (sprouting) ให้มีความยาว 2 เซนติเมตร (ยกเว้นถั่วงอกอาจจะปล่อยให้ยาวกว่านั้น) การเพาะงอกนอกจากจะช่วยทำลายเกราะป้องกันภายนอกแล้ว ยังเป็นการเพิ่มวิตามินซีให้เพิ่มสูงขึ้นอีก 3-6 เท่าในสภาพที่ร่างกายใช้ประโยชน์ได้ทันทีด้วย การรับประทานอาหารแบบพลังสดจะช่วยให้ร่างกายบริสุทธิ์ อิ่มท้องแบบสบายตัว ระบบการทำงานในส่วนต่างๆ เช่น ระบบหมุนเวียนโลหิต (หัวใจ หลอดเลือด ท่อน้ำเหลือง ต่อมน้ำเหลือง) ระบบน้ำเหลือง ระบบภูมิคุ้มกัน รวมทั้งระบบขับสารพิษ(ต่อมเหงื่อ ปอด ตับ ไต ลำไส้ใหญ่) ไม่ต้องทำงานหนัก ไม่มีของเสียเหลือตกค้าง ทั้งยังย่อยสลายนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพคุณจึงรู้สึกถึงสุขภาพที่ดีขึ้น ร่างกายกระฉับกระเฉง ความคิดเฉียบแหลม นอนหลับได้เร็วและลึกขึ้น อย่างไรก็ตาม แนวความคิดนี้อาจเป็นอีกทางเลือกหนึ่งเพื่อสุขภาพ ดังนั้น ผู้ที่ต้องการทดลองควรศึกษาและทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งเสียก่อน เพราะการรับประทานผักผลไม้ที่มากถึง 75 เปอร์เซ็นต์ต่อวันอาจไม่ได้เหมาะกับสุขภาพของทุกคน โดยเฉพาะผู้ป่วยหรือสตรีมีครรภ์ หากคุณเชื่อว่าชีวิตอยู่ได้ด้วยชีวิต อย่าละเลยที่จะเพิ่มพลังชีวิตให้กับตัวเอง เพราะนั่นจะยิ่งเพิ่มความหมายให้การมีชีวิตยืนยาวเกิดขึ้นควบคู่ไปกับการอยู่อย่างมีคุณภาพ
อ่านเพิ่มเติมในคอลัมน์ Health นิตยสาร Health & Cuisine ปีที่ : 3 ฉบับที่ : 31 เดือน : สิงหาคม 2546
From: //healthandcuisine.com/health.aspx?cId=7&aId=272
Create Date : 18 มกราคม 2553 |
Last Update : 18 มกราคม 2553 17:42:07 น. |
|
0 comments
|
Counter : 853 Pageviews. |
|
|