น้องย้ายโรงพยาบาลแล้ว
น้องย้ายโรงพยาบาลจากโรงพยาบาลกรุงเทพไปโรงพยาบาลศรีธัญญาแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา รถจากโรงพยาบาลกรุงเทพไปส่งถึงศรีธัญญาในช่วงค่ำ ก็ไปรอหมอเวรประเมินอาการที่ห้องจิตเวชฉุกเฉิน ตอนแรกจองห้องพิเศษห้องเดี่ยวไว้ แต่หมอประเมินอาการแล้วควรอยู่ในห้องรวม น้องก็เลยได้ไปอยู่ห้องพิเศษรวมชาย
ที่นี่จะต่างจากโรงพยาบาลกรุงเทพ คือ เขาจะแยกชายหญิงอยู่คนละตึก แต่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ชายหญิงจะอยู่รวมกัน แต่จะมีห้องเดี่ยวให้อยู่คนละห้อง (ที่โรงพยาบาลกรุงเทพจะมีห้องพัก 7 ห้อง) พอถึงเวลาก็จะมาทำกิจกรรมร่วมกัน
เวลาเยี่ยมของที่ศรีธัญญานี้จะมี 2 รอบ คือ รอบเช้า 9.00 – 11.00 น. และรอบบ่าย 13.00 – 15.00 น. ซึ่งเราว่าก็ดีตรงที่ไม่ต้องกลับมืด
การเดินทางไปโรงพยาบาลศรีธัญญาก็สามารถไปได้โดยรถไฟฟ้า จากบ้านเราก็นั่ง BTS ไปลงอโศกแล้วต่อ MRT ไปลงสถานีเตาปูน แล้วต่อรถไฟฟ้าสายสีม่วง ไปลงสถานีกระทรวงสาธารณสุข ก็ถึงเลย
เมื่อมาแอดมิทสิ่งที่ต้องเตรียมให้ผู้ป่วย คือ แปรงสีฟัน ยาสีฟัน รองเท้าแตะ แต่ถ้าไม่ได้เตรียมมา สามารถไปซื้อได้ที่เซเว่นตรงหน้าทางเข้าโรงพยาบาล
ที่นี่จะไม่ให้ผู้ป่วยถือเงิน แต่สามารถฝากเงินไว้สำหรับที่ผู้ป่วยอยากจะซื้อของได้ที่เจ้าหน้าที่ ส่วนเครื่องมือสื่อสารต่างๆ ก็ไม่ให้ผู้ป่วยเอาเข้า เอาเข้าได้แต่หนังสือ สมุดจด ปากกา
น้องเข้าไปวันเดียวก็มีเพื่อน มีกลุ่มแล้ว น้องบอกว่าอยู่ได้ แต่มีปัญหาตรงห้องน้ำ เพราะชักโครกไม่มีฝารองนั่ง ไม่มีทุกห้องเลย
ในส่วนอื่นๆ น้องก็ไม่มีปัญหา แม่เราก็จะไปเยี่ยมน้องเป็นหลัก (แม่จะไปเยี่ยมทุกวัน) เพราะทางโรงพยาบาลก็อยากให้ญาติไปเยี่ยมผู้ป่วยสม่ำเสมอ และถ้าหากมีกิจกรรม ทางญาติก็สามารถไปร่วมด้วยได้
ส่วนเราก็ไปเมื่อวันที่น้องอยู่โรงพยาบาลกรุงเทพกับวันที่น้องย้ายโรงพยาบาล วันอื่นเราไม่ได้ไปเพราะต้องอยู่ดูแลบ้าน ดูแลยาย ช่วยพายายไปฟอกไตแทนแม่ แต่ก็ไม่แน่ ถ้าวันไหนว่างก็อาจจะไปเยี่ยมน้องกับแม่อีกที
น้องอยู่ได้ ทางบ้านก็หมดห่วง แต่น้องก็อยากออกมาก่อนวันวาเลนไทน์ ก็ไม่รู้ว่าน้องจะได้ออกมาก่อนหรือไม่ ก็คงต้องให้หมอเป็นคนวินิจฉัย
ส่วนเรื่องเหตุผลที่ให้น้องยอมรับมารักษาที่ศรีธัญญาก็คืออยากให้น้องได้มาเจอหมอที่เป็นคนคริสเตียนด้วยกัน เผื่อจะได้เข้าใจกันมากกว่า ซึ่งก็มีหมอที่รู้จักและเป็นคริสเตียนอยู่ที่นี่ น้องก็เลยบอกว่าก็มาลองดู
เราที่เป็นพี่ก็หวังว่าน้องจะได้ออกมาในเร็ววัน เพราะเราก็คิดว่าการเข้าไปอยู่ในนั้นมันคงไม่ค่อยน่าสนุกนักหรอก ถึงจะบอกว่าอยู่ได้ก็เถอะ การที่ได้ออกมาอยู่ข้างนอกมันก็เป็นอะไรที่อิสระกว่า
หลังจากนี้เราคิดว่าน้องก็คงไม่กล้าหยุดยาเองแล้วล่ะ เพราะถ้าหยุดยาเองก็ต้องกลับไปแอดมิทอีก เขาก็น่าจะเชื่อฟังหมอและรักษาตัวเองด้วยการกินยาไปตลอดหลังจากออกมาแล้วอะนะ เราคิดว่าอย่างนั้น
เรื่องของน้อง เราจะบันทึกไว้เพียงเท่านี้ หลังจากนี้ก็จะเป็นบันทึกอื่นๆ ของเราแล้ว ส่วนบันทึกของน้อง เขาก็มีบันทึกเรื่องของตัวเองไว้ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเอามาให้เราอ่านหรือเปล่า แต่ถึงเขาจะให้เราอ่าน เราก็คงไม่ได้เอามาลงหรอกนะ เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา ก็ให้เป็นเรื่องของเขาไป
จากนี้เราก็จะเล่นบล็อก โพสต์บล็อกตามสไตล์ของเราแล้ว เรื่องของน้องก็ลงไว้ให้อ่านเพียงแค่นี้ค่ะ