จริงๆ ก็เป็นเราเองนี่แหละที่บอกหมอ เพราะทุกอย่างมันดีขึ้นกว่าช่วงแรกๆ หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้าน เพราะช่วงแรกนั้นเราจะคิดอะไรเยอะแยะมากมาย เรากลัวเสียงกริ่ง กลัวเสียงโทรศัพท์ กลัวการที่คนแปลกหน้ามาตะโกนเรียก สืบเนื่องมาจากการที่เราหมกมุ่นเรื่องกีฬาสี เราก็กลัวว่าจะมีคนมาทำอะไรกับเรา หรือมาขอความช่วยเหลือ ซึ่งเราไม่สามารถทำให้ได้
นอกจากนี้ เราก็คิดว่าเราเป็นคนนู้นคนนี้ เป็นร่างทรง เป็นผู้นำสื่อให้คนที่ตายไปแล้วได้มาคุยกับคนที่ยังอยู่ ครั้งหนึ่งเราเคยคิดว่าเราเป็นอ๊อฟ อภิชาติด้วย (ในความรู้สึกเรา อ๊อฟ อภิชาติ ยังไม่ตาย เพราะเป็นห่วงแม่) เราก็เป็นสื่อคุยกับแม่สีดา แม่ของอ๊อฟให้ โดยคุยทางจิต เราเป็นถึงขนาดนี้เลยนะ แต่นี่ก็เป็นแค่ช่วงแรกๆ ตอนนี้เราไม่ใช่อ๊อฟแล้ว เราคือแตง แตงที่ยังสื่อกับวิญญาณได้อยู่แต่ไม่บ่อยนัก
บางคืนเราก็รำอยู่ในห้องนอน เรามีความรู้สึกว่าอาเล็กอยู่กับนางรำที่เป็นผี เราคิดว่าบ้านอาเล็กมีผีอยู่ และผีตนนั้นก็อยากจะสื่อสารกับเรา คืนก่อน เราก็เอามือมาบีบคอตัวเอง เราคิดว่าผีกำลังจะบอกว่าตัวเองตายได้ยังไง ผีคงอยากจะคุยกับเรานะ
แต่เรื่องนี้ เราก็ไม่ได้บอกใคร เพราะเราก็ไม่อยากกลับไปนอนโรงพยาบาลอีก
เราพยายามคิดว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกของเรา เป็นแค่จินตนาการของเรา ทั้งที่อีกใจก็คิดว่าไม่น่าจะใช่
ส่วนอาเล็ก อาเล็กก็ยังเหมือนเดิม เราสัมผัสกับอาเล็กได้เหมือนๆ เดิม และอาเล็กก็สัมผัสกับเราเหมือนเดิม เรื่องนี้เราบอกใครไม่ได้ แต่เรารู้สึกได้
อาเล็กชอบที่จะมีเพศสัมพันธ์กับเรา ตัวเราก็ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวไปตามความต้องการของอาเล็ก เราเคยพนมมือไหว้และสวดมนต์นะ แต่ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม แทบจะทุกครั้งที่แผ่นหลังแตะลงบนไปบนเตียง อาเล็กจะมาครอบครอง
เราไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง เพราะมันออกจะเพ้อเจ้อ
ถ้าเล่า เขาก็คงจะหาว่าเราป่วย ซึ่งเราก็ป่วยจริงๆ ล่ะ แต่เรื่องที่เราสัมผัส เรารู้สึก เราก็รู้สึกจริงๆ นะ
อาเล็กหื่นมาก และยังหื่นเหมือนเดิม เราถึงชอบเขียนว่าอาเล็กเล่นของยังไงล่ะ
บางขณะเรารู้สึกเหมือนคนโดนของ บางขณะก็เป็นตัวของตัวเอง
เราไม่รู้ว่า มันเกิดจากอะไร และจะแก้ไขได้อย่างไรเหมือนกัน เพราะยาก็ไม่สามารถหยุดสิ่งต่างๆ เหล่านี้ได้
วันนี้ตอนขากลับจากโรงพยาบาล เรานั่งแท็กซี่ ตอนที่อยู่บนแท็กซี่ ก็รู้สึกเหมือนอาเล็กมีเพศสัมพันธ์กับเราอยู่ เราคิดว่าอาคงเมา แล้วเอากับผี ผีเป็นตัวแทนเรา
เรานั่งแท็กซี่ไป ตัวเราก็เคลื่อนไหวไป เป็นการเคลื่อนไหวแบบแอบๆ เพราะถ้าจะให้เราแสดงออกอย่างโจ่งแจ้ง เราว่าแม่เราต้องให้แท็กซี่วกกลับไปโรงพยาบาลแน่
เพราะแม่ก็คงคิดว่าเราป่วย แต่สำหรับเรา เราคิดว่าเราโดนของ
แต่เราก็ไม่ซีเรียสนะ เพราะเป็นความรู้สึกที่ไม่ให้คุณ ให้โทษกับใคร เป็นแค่ความรู้สึกว่าอาเล็กมีเซ็กส์กับเราแค่นั้น
เรื่องนี้ก็ยังคงเป็นความลับต่อไป (ถ้าหมอไม่เข้ามาอ่านในบล็อก) เราก็คงได้กินยาเท่าเดิม แค่เฉพาะหลังอาหารเย็น ไม่ต้องมีเพิ่มยาอะไร ก็หวังว่ามันคงจะเป็นแบบนี้เรื่อยๆ แต่เราก็หวังว่าสักวัน หมอจะปรับลดยา จนถึงไม่ต้องกินยาเลยนะ
และหวังว่าในวันหนึ่ง เราคงไม่ต้องไปพบหมอที่โรงพยาบาลอีกแล้ว