+ = = = + Review Mandarin Oriental Dhara Dhevi เชียงใหม่ ตอนที่ 3 มนตราดาราเทวี + = = = +
สวัสดีค่ะ
entry ล่าสุด รีวิว เก็นติ้ง Malaysia ตอนที่ 15 ร้าน Bakery และร้านของที่ระลึก
หลังจากปล่อยมินิมหากาพย์รีวิว Mandarin Oriental Dhara Dhevi ไปแล้วดังนี้
1. รีวิว Mandarin Oriental Dhara Dhevi เชียงใหม่ ตอนที่ 1 Colonial Suite Room
2. อาหารเหนือ ณ Le Grand Lanna
หลังจากอิ่ม (อืด) กับอาหารกลางวันแบบเหนือๆ ไปเรียบร้อยแล้ว วันนี้ก็จะมาพาไปเที่ยวชมบรรยากาศโดยรอบและส่วนต่างๆ ของดาราเทวีกันบ้างนะคะ
ซึ่งการนำเที่ยวครั้งนี้เป็นการเดินชมค่ะ (ห้ะ?? ไหนหล่อนบอก 168 ไร่ยะ? เดินชมยังไงไม่ทราบ?) ครือว่า...ชมเฉพาะบางส่วนที่ทางเจ้าภาพเค้าอยากจะนำเสนออะนะคะ ไม่ได้ทั้งหมด (อ้อ...เป็นเช่นนั้นเอง)
ออกมาก็เจอพี่ๆ กำลังถ่ายรูปกับทีมงานของทางนี้อยู่ค่ะ

โดยผู้ที่นำชมในวันนั้นนะคะ ก็คือ น้องเบียรายา (ถ้าฟังไม่ผิดนะคะ) คนซ้ายมือเนี่ยค่ะ
ส่วนขวามือคือคุณแต้มนะคะ เราเดาว่าน่าจะเป็นตัวหลักคนหนึ่งในการจัดงานครั้งนี้หละค่ะ (เดาผิดป่าวเนี่ย)

หนังสือและแผนที่ที่เค้าแจกค่ะ ตอนแรกก็ถือหรอกนะคะ ไปๆ มาๆ ก็เอาเก็บเข้ากระเป๋าแหละ
แบบว่า ฟังน้องเค้าบรรยาย+ถ่ายรูปดีกว่าค่ะ 

จากนี้ไปเป็นข้อมูลที่ได้จากการฟังและจดนะคะ เพราะงั้นไม่แน่ใจว่าจะถูกต้องร้อยเปอร์เซนต์นะคะ เนื่องจากบางทีก็ต้องไปถ่ายรูปเก็บบ้างอะไรบ้างน่ะค่ะ แต่ก็พยายามเก็บเนื้อความมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้แว้ว แฮ่..
คุณเบียรายาได้รับการแนะนำจากคุณแต้มว่า พวกลวดลายอะไรต่างๆ คุณเบียรายาเป็นคนออกแบบ โดยมีการไปดูงานตามประเทศและสถานที่ต่างๆ แล้วก็ได้นำมาประยุกต์ใช้กับที่นี่นะคะ
คุณเบียร์ฯ (ขอเรียกสั้นๆ อย่างนี้แล้วกันนะคะ ขี้เกียจพิมพ์ยาวๆ แล้วง่า แหะๆ) เล่าว่าที่นี่มี 1 ประตู 3 จอง (อาคารทรงยอด) 7 หนอง (ทั้งธรรมชาติและสร้างขึ้น - น่าจะรวมถึงสระว่ายน้ำ 2 แห่งของที่นี่ด้วยแหละนะคะ) และ 12 หอ (อาคารสถานที่ต่างๆ) ค่ะ
จากนั้นคุณเบียร์ก็พาพวกเราเข้าสู่ประตูชัยยะ ซึ่งมียอดสะเปา (สำเภา) คำค่ะ


เดินผ่านประตูมา ก็จะเป็นทางเดินตามภาพเลยนะคะ มีต้นไม้ร่มครึ้มสองฟากทางค่ะ

แล้วก็มีรถม้าเมืองดาราฯ (ไม่ใช่เมืองลำปาง) แบบนี้ด้วยค่ะ แต่...ลืมถามว่าเค้าให้ใช้ในกรณีไหน 

ทางขวามือจะเป็นหอประชุมจูมทองค่ะ จะเห็นวามีลายจากวัดเชียงทองที่ลาวด้วย (ที่ข้าพเจ้าค้างรีวิวมาเป็นปีแล้ว ยังไม่ถึงคิวซักที วังเวียง หลวงพระบางเนี่ย แง)


ที่จริงถัดจากหอประชุมจูมทอง ก็ยังมีหอประชุมจูมเงินอีกนะคะ แต่เราไม่ได้ถ่ายรูปมาค่ะ
ด้านหน้าก็เริ่มจะเห็นล็อบบี้ของวันแรกแล้วนะคะ


แต่พวกเรายังไม่ตรงเข้าไปค่ะ คุณเบียร์ฯ พาเลี้ยวซ้ายไปที่บริเวณลานซึ่งก็เป็นสนามหญ้ากว้างๆ อะนะคะ เย็นนั้นก็เห็นเค้ากำลังเตรียมการจัดงานอยู่ด้วยค่ะ (แต่เป็นคนละงานกับที่จะจัดให้พวกเราคืนนี้) เพื่อจะไปยังสุวรรณสถานนะคะ
ต้องผ่านซุ้มประตูโขงนี้ไปด้วย นี่ก็สร้างขึ้นมาใหม่นะคะ แต่ใช้ช่างของล้านนามาทำ
เห็นแล้วนึกถึงวัดพระธาตุลำปางหลวงเลยแฮะ 


นี่แหละค่ะ สุวรรณสถาน (อยู่หลังกำแพงนิ) คุณเบียร์ฯ บอกว่าได้นำรูปแบบของวัดไหล่หินแก้วช้างยืนมาทำค่ะ แล้วก็ให้สล่าล้านนามาช่วยในงานก่อสร้างที่นี่ ทั้งงานปูนปั้น งานแกะสลักและลายคำต่างๆ ด้วยค่ะ

เจ้านี่อยู่สองข้างของบันไดทางขึ้นนะคะ น่าจะเป็นตัวมกรหรือตัวสางห่าน่ะแหละนะคะ
ทำลายละเอียดยิบเลยค่ะ สวยดี

น้องสองคนนี้มามอบดอกไม้สำหรับการบูชาพระค่ะ
จะเห็นว่าที่ประตูเขียนไว้ว่า "สุวัณณะสถาน ดาราฟ้าแก้ว" นะคะ

เข้าไปภายในกันค่ะ ลายคำงดงามมากเลยทีเดียวนะคะนี่

ชุดดอกบัว ธูป เทียนที่ทางดาราเทวีเตรียมไว้ให้เราได้ไหว้พระกันค่ะ

กราบพระกันค่ะ (ตอนนี้กราบอยู่ เลยไม่ได้จดข้อมูล จำไม่ได้ว่าคุณเบียร์ฯ เธอบอกว่าชื่ออะไร เอาแบบมาจากไหนนะคะ แหะๆ)
แต่คุณแต้มอธิบายว่าทำมาจากไม้ไผ่นะคะ ข้างในกลวงค่ะ


ตัวเจดีย์ด้านหลังวิหารค่ะ คุณเบียร์เล่าว่า มีการจัดงานหิงไฟพระธาตุ (ที่ทางเหนือเค้าจัดกันในฤดูหนาวน่ะค่ะ เราเคยรู้แต่หิงไฟพระเจ้า ที่เค้าจะไปหาไม้ (ซึ่งกำหนดด้วยว่าไม้ประเภทไหนที่ได้ ประเภทไหนที่ใช้ไม่ได้ จำได้เลาๆ ว่า ถ้าเป็นไม้ที่มีหนามจะไม่ได้นะคะ) มาก่อกองไฟให้พระพุทธรูปของวัดกัน เพราะเชื่อว่าท่านก็หนาวเป็นประมาณนั้นค่ะ) ด้วยค่ะ แต่วันไม่ได้กำหนดแน่นอน ต้องเช็คว่าแต่ละปีจัดในช่วงไหนนะคะ

หลังจากนั้นก็เดินทะลุหลังสุวรรณสถานค่ะ ก็จะเจออาคารทางซ้ายมือ เป็น 1 ในสามจองของที่นี่นะคะ
ชื่อว่าจองเมืองม่าน เอาแบบมาจากวัดกุโสดอและวัดชเวนันดอ ออกสไตล์พม่าหน่อยค่ะ

คุณเบียร์ฯ กับคุณแต้มเล่าให้ฟังว่า ตัวบันไดนี่กว่าจะได้ตามที่ต้องการ ต้องทุบสร้างใหม่ 4 รอบเลยหละค่ะ
แล้วก็จองนี่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลังเลยนะคะ (อย่าคำนวณมูลค่าเลย เหอๆ) แล้วก็ที่นี่เป็นสปาด้วยค่ะ


ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นอีกจองค่ะ ชื่อจองเมืองญวนนะคะ
แต่ถ่ายมาได้แต่ซุ้มประตูอ้ะ ต้นไม้บังจองหมด เราสูงไม่พอด้วย แง 

จากนั้นก็เดินกันต่อค่ะ โดยหันหน้าเข้าจองเมืองม่าน (สไตล์ย่างกุ้ง - พม่า) ก็เดินเลาะไปทางขวามือกันค่ะ แอบเก็บภาพเทวดาที่ประดับอยู่ของจองเมืองม่านมาให้ดูด้วยค่ะ

เดินไปนิดเดียวก็จะเจออีกหมู่ตึกหนึ่งค่ะ เป็นสไตล์มัณฑะเลย์ (ที่ข้าพเจ้ายังไม่ได้ไปสักทีน่อ)



แล้วก็มียอดตรงนี้ ที่ประดับตรงปลายนี่เค้าบอกว่าเป็นอัญมณีของแท้ทั้งหมดค่ะ (ง่ะ..ไม่กลัวโดนขโมยเหรอนั่น )

ถัดเข้าไปอีกหน่อย ทางซ้ายมือจะเป็นอาคารสไตล์ฉาน (ไทยใหญ่) ค่ะ
เค้าบอกว่า การส้างอาคารนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือ "สิ้นแสงฉาน" นะคะ คนที่นี่สมัยก่อนเรียกว่าหมู่ตึกมหารานีค่ะ แต่ปัจจุบันเป็นสปาเพ้นท์เฮ้าส์นะคะ แล้วก็ยังบอกด้วยว่า ชั้นสามนี่สามารถดูพระอาทิตย์ตกได้สวยงามมากค่ะ

ต่อไปก็เบี่ยงขวาไปค่ะ เห็นผนังดินนี่คือ เฮือนหอหลวงนะคะ ก็เป็นหนึ่งในวิลล่าของเค้าหละค่ะ


ต่อไปเป็นเฮือนหอผัก (หรือเฮือนสวนผักนี่แหละค่ะ) ทางเข้าเป็นซุ้มอย่างนี้ก่อน

เข้าไปก็จะเป็นพื้นที่ปลูกผักปลอดสารอยู่ตรงกลาง แล้วก็มีเ์ฮือน (เรือน - บ้าน) รายล้อมค่ะ
คุณเบียร์บอกว่า แต่ละหลังมีครัวให้ทำอาหารได้เอง มีทั้งหมด 5 หลัง ชาวญี่ปุ่นจะชอบสไตล์นี้มากๆ ค่ะ


ต่อไปเป็นกลุ่มเฮือนคหบดีค่ะ ซึ่งจะอยู่บริเวณริมที่นา ฝั่งตะวันออกนะคะ ด้านหลังเรือนพวกนี้จะเป็นนาค่ะ

เดินต่อไปอีกค่ะ ก็จะเป็นพวกเฮือนเชียงรุ่งแล้ว
จะสังเกตว่าหน้าจั่วเรือนจะเล็ก หลังคากว้าง บางทีก็เรียกว่าเรือนนกจอกค่ะ

แถวๆ เฮือนเชียงรุ่ง มีร้านค้าส.พาณิชย์ด้วยค่ะ ข้างในจะมีพวกขนม สินค้าเก่าๆ ของสมัยก่อนน่ะค่ะ มีคนถามว่าขายจริงๆ หรือเปล่า เค้าบอกว่าเอาเป็นเรือนประดับโชว์ไว้เฉยๆ ค่ะ ก็ฮากันไป

ที่หน้าจั่วของเฮือนเชียงรุ่ง จะทำเป็นรูปนกยูงด้วยนะคะ
อ้อๆ ก่อนหน้านี้เค้าบรรยายว่า ความเชื่อล้านนา นกยูงหมายถึงพระอาทิตย์ค่ะ ขณะที่กระต่ายจะหมายถึงพระจันทร์

เดินไปอีกหน่อยก็เจอน้องอีกคู่กำลังจีบ+ชมนกชมไม้กันอยู่ค่ะ น่ารักเชียะ 

อยู่ใกล้ๆ ซุ้มน้ำตกจำลองเล็กๆ แบบนี้ด้วยนะคะ มีศาลาให้นั่งพักตรงนี้ด้วย หลายคนเลยนั่งกันอยู่พักหนึ่ง เพราะแดดแรงเมิ่ก เริ่มจะออกอาการเพลียแดดไปตามๆ กัน 

เดินขึ้นไปที่หอเมืองลื้อกันค่ะ ที่นี่ใช้เป็นอาคารจัดเลี้ยง หรือถ้ามีกิจกรรมแนวสุขภาพ เช่น โยคะ หรืออะไรต่างๆ ก็จะจัดที่นี่อะนะคะ ถามว่าจุได้กิี่คน เค้าก็บอกว่าราวๆ 150 คนอะค่ะ

ตรงมุมๆ มีการเอารูปปั้นโยคะท่าต่างๆ มาประดับไว้ด้วยนะคะ

จากนั้นก็เดินลงไปทางบันได้นี้ค่ะ ศาลาที่มีหลังคาเป็นแป้นเกล็ดๆ นั่น เค้าบรรยายด้วยนะคะ แต่เราจดไม่ทันง่ะ เลยไม่ได้เอามาเล่าให้ฟัง ขอโต้ดด้วยนะค้า เง่อ 

แล้วก็เลี้ยวซ้าย เดินเลาะไปตามทางแบบนี้ค่ะ

นี่ก็เป็นวิลล่าอีกแบบหนึ่งนะคะ แต่ช่วงนี้ไม่ได้จดอะไรเท่าไหร่ง่ะ ขออภัยอย่างยิ่ง แหะๆ
แต่จะเห็นว่า ที่นี่มีวิลล่าหลากหลายจริงๆ หละค่ะ ซึ่งไม่ได้ขัดกันด้วยนะคะ ดูกลมกลืนกันไปเป็นสัดส่วนแต่ละพวกแต่ละหมู่จริงๆ เสียดายว่าไม่เห็นด้านใน เลยไม่รู้ว่าเป็นไงบ้าง แต่หารีวิวเอาดูแล้วกันค่ะ มีรีวิวของต่างประเทศให้ดูกันเยอะอยู่ ของไทยที่เคยอ่านก็มีราวๆ 2-3 รีวิวหละค่ะ

เดินไปอีกหน่อย ก็จะเจอหอใจหนอง (หอใจกลางหนองหละค่ะ) อยู่ในหมู่ไม้แบบนี้นะคะ


จากนั้นก็เดินไปถึงวิลล่าหนึ่ง ก็มีการชี้ให้ดูลายปูนปั้นเหนือประตูแบบนี้ค่ะ
เค้าบอกว่าแต่ละหลังจะมีลวดลายไม่เหมือนกันนะคะ ส่วนเจ้านี่คือสังคารสูรย์ (ไม่แน่ใจว่าสะกดถูกมั้ยนะคะ)

เอาป้ายที่บอกว่าแม่บ้านกำลังทำความสะอาดอยู่นะค้า มาให้ดูค่ะ น่ารักเนาะ
อย่างตัวเลขบอกเลขห้องนี่ก็เป็นฟอนท์ดาราเทวีโดยเฉพาะนะคะ
เค้าบอกว่ามีการออกแบบฟอนท์ดาราเทวีมาใช้โดยเฉพาะค่ะ เสียดายไม่มีโหลดให้ใช้ ไม่งั้นลายน้ำจะได้ใช้ฟอนท์ดาราเทวีซะหน่อย อิอิ

กรณีที่มีตุงแบบนี้เสียบอยู่ แสดงว่ามีคน (ลูกค้า) อยู่นะคะ

ลายปูนปั้น (เรียกถูกศัพท์มั้ยหละนั่น) ของอีกวิลล่าหนึ่งค่ะ

จากนั้นก็เดินต่อไปอีกหน่อย ก็จะเจอวิวดังภาพค่า งามมากอ้ะ (เสียดายตอนไปข้าวเพิ่งปลูก ถ้าเป็นสีทองอร่ามตอนออกรวงน่าจะงามกว่านี้อีกค่ะ) ซ้ายมือสุดนั่นเป็นอีกสระว่ายน้ำหนึ่งนะคะ (สระที่สองเดี๋ยวจะให้ดูตอนเช้า ก่อนไปหม่ำอาหารเช้าค่ะ) ถัดมาเป็นห้องอาหารฝรั่งเศส ส่วนขวามือนี่...เอ่อ..จำไม่ได้ แฮ่..

นาข้าวต่างๆ นี่ เค้าให้แขกที่พักสามารถทำกิจกรรมปลูกข้าวได้นะคะ ฟรีค่ะ เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ให้กับแขกที่มาพักที่นี่ ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งเค้าบอกว่า ชาวต่างชาติชอบมาก (คนไทยอย่างอิฉันก็อยากจะลองสักครั้งเหมือนกันฮ่ะ ยังไม่เคยได้ลองปลูกข้าวเลย เคยแต่ไถนา เย้ยย ไม่ใช่แระ ) โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆ ได้สัมผัสโคลนนี่ชอบมาก (สมัยอิฉันเด็กก็ชอบฮ่ะ โตมาก็ยังชอบนะ เป็นพวกแก่แต่เกรียนน่ะ อิอิ)


หันไปทางขวา จะเจอที่สานๆ นี่ เราเรียกตะแหลวอะค่ะ แต่ไม่รู้ว่าภาคเหนือเรียกอะไร เค้าเอาไว้ใช้ทำขวัญนาน่ะค่ะ

สักพักก็มีหญิงชายคู่หนึ่งเดินชมนกชมไม้มาอีกแล้วค่ะ
แต่ละคู่นี่ีเค้าก็มีเอกลักษณ์ของเค้านะคะ ซึ่งเดี๋ยวจะบอกว่าแต่ละคู่คืออะไรยังไงค่ะ

โอ๊ะ เพิ่งเห็น มีลอบด้วยฮ่ะ (นึกถึงสำนวนดักลอบต้องหมั่นกู้ เจ้าชู้ต้องหมั่นเกี้ยวเลย อิอิ)

อาคารที่ไม่ทราบว่าเป็นอะไรค่ะ แต่น่าจะเป็นห้องอาหารห้องหนึ่งหละนะคะ แหะๆ

และสาวคนนี้ มาเดี่ยวค่ะ งามแต๊งามว่า งามบะล่ำบะเหลือน่อ

คือ ทุกคู่ที่ออกมานี่เค้าจะแต่งตัวแตกต่างกันไปตามชนเผ่าต่างๆ น่ะค่ะ
ไล่เป็นคู่จากซ้ายไปขวานะคะ
จะเป็นญวณ-ม่าน (คนที่มาเป็นสาวสวยคนเดียว)-ลื้อ และเขินค่ะ

ส่วนนี่ก็เป็นชุดฟอร์มของพนักงานค่ะ จะเห็นว่าสุภาพสตรีสองท่านนุ่งซิ่นไม่เหมือนกันนะคะ
ท่านที่นุ่งซิ่นมีลวดลายมากกว่า ตำแหน่งสูงกว่าค่ะ แฮ่...

ต่อไปจะเป็นส่วนของเ์ฮือนสามหลังค่ะ (ไม่รู้ว่าเรียกถูกป่าวนะคะ แหะๆ)
ทางซ้ายจะเป็นลักษณะเรือนที่ยกพื้นสูงแบบนี้นะคะ (รากไทรสวยมากมายค่ะ)

ตรงกลางเป็นเรือนหลังเล็ก มีต้นไม้ใหญ่มากๆ แบบนี้อยู่ด้วย (แต่ไม่รู้ว่าต้นอะไรค่ะ) แต่สอบถาม เค้าบอกว่า ต้นไม้ใหญ่ๆ ที่นี่นี่ ตอนสร้างโรงแรมไม่ได้ตัดออกนะคะ ส่วนใหญ่เอาไว้ทั้งหมด แต่ก็มีแผ้วถางบ้างหละค่ะ

ส่วนทางขวา ก็จะเป็นอาคารหลังนี้ค่ะ

แต่เค้าพาไปดูแต่อาคารด้านซ้ายค่ะ เดินผ่านไทรไป ขอถ่ายอีกที สวยอ้ะ


ที่ใต้ถุน จะมีคุณป้าสองคนค่ะ สอนทำงานฝีมืออยู่
งานก็ประมาณนี้แหละนะคะ


ตัวกิจกรรมนี้ ฟรีอีกเช่นกันค่ะ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆ ในการทำนะคะ
โดยคุณป้าก็จะสอน แล้วก็มีล่ามแปลให้อีกที (กรณีเป็นแขกต่างชาติค่ะ)
แล้วของที่ทำนี่ พอสำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว เค้าก็จะให้แขกไปเลยค่ะ เป็นของที่ระลึกกันไป

ข้างๆ เรือนหลังนี้มีศาลาเล็กๆ แบบนี้ด้วยค่ะ
เห็นมีเครื่องปั้นดินเผาและอื่นๆ อยู่อะนะคะ แต่ก็ไม่มากเท่าไหร่อ้ะ

ตรงนี้เป็นพวกเครื่องจักสาน แล้วก็มีครกกระเดื่องตำข้าวค่ะ

ส่วนอาคารที่อยู่ถัดไปจากอาคารนี้ จะเป็นคิดส์คลับนะคะ เวลาพ่อแม่ไปทำสปาหรืออื่นๆ ก็สามารถให้ลูกๆ มาอยู่ที่นี่ได้ค่ะ มีกิจกรรมและเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่นะคะ

จากนั้นก็ออกมาแล้วก็เดินต่อไปค่ะ ก็จะเจอทางขึ้นแบบนี้ทางขวามือนะคะ

ที่จริงเค้าให้เดินตรงไปเพื่อจะไปดูห้องฟิตเนสค่ะ แต่เราแอบเลี้ยวขวาไปเก็บภาพสระว่ายน้ำที่เห็นตอนแรกก่อน
ช่วงเวลาบ่ายเยี่ยงนั้น ณ ตอนนั้นไม่มีใครมาว่ายน้ำให้ได้หื่น เอ๊ย..ให้ได้ยลเลยค่ะ แหะๆ

จากนั้นก็มีเสียงเรียกว่าให้ไปฟิตเนสค่ะ ก็เลยเดินตามไป
ห้องแอร์เย็นฉ่ำ ทำให้ที่เพลียๆ แดด สดชื่นกันมาหน่อยหนึ่งค่ะ
อุปกรณ์ใช้ยี่ห้อดีมาก (เราน่ะไม่รู้หรอกค่ะ แต่ผู้บริหารของสื่อเจ้าหนึ่งคุยกับคุณน้ำริน ลูกสาวเจ้าของ บอกว่าใช้ยี่ห้อนี้เลยเหรอคะ แพงมากเลยนะคะเพราะที่บ้านใช้อยู่ ก็เลยได้รู้อะค่ะ แฮ่..แต่ แต่ แต่เราจำยี่ห้อไม่ได้แว้วว เง่อ.. )

สำหรับฟิตเนสนะคะ เปิดบริการ 06.30-20.00 น.ค่ะ โดยมีเทรนเนอร์คอยดูแลอยู่ทั้งหมด 5 ท่าน ซึ่งจะมีสองชั้นนะคะ ชั้นบนจะเป็นการสอนมวยไทยค่ะ แล้วก็ที่นี่มีคลาสโยคะด้วย รวมทั้งถ้าใครต้องการยืมจักรยานสำหรับปั่นเล่นรอบๆ โรงแรม ก็ติดต่อที่นี่เช่นกันค่ะ

ออกจากฟิตเนสก็เลี้ยวขวาไปค่ะ ผ่านอุโมงค์น่าตื่นตะลึงแบบนี้ไป
อันนี้ก็แน่นอนนะคะ ได้แรงบันดาลใจมาจากวัดอุโมงค์เชียงใหม่นี่แหละค่ะ
แบบว่า...อยากไปเที่ยวเองแล้วตามถ่ายรูปตัวเองกับวิวต่างๆ ที่นี่จริงๆ มีจุดถ่ายรูปเยอะมวั่กง่ะ 


ใกล้ๆ สระว่ายน้ำมีมอแบบนี้อยู่ด้วยค่ะ
ได้ยินแว่วๆ ว่า จำลองประมาณว่า เขาไกรลาศ หรือเขาพระสุเมรุ อะไรสักสิ่งนี่แหละค่ะ (นี่แหละน้า ป้าเอ๊ย คิดว่าไม่ต้องจด จำได้ ประเมินสมองตามวัยตัวเองดีเกินไปแระ เหอๆ )

ถ่ายสระว่ายน้ำอีกทีค่ะ มีเจ้าต้นนี้มาด้วยหละค่ะ ข่าวว่านำมาจากที่อื่นด้วยนะคะ เก๋ไก๋ซะ
ถ้าสมัยยังสาวๆ ตัวเบาๆ จะไปนั่งเล่น (แน่ใจว่าไม่ทำของเค้าหักนะเจ๊?? )



จากนั้นก็ขอถ่ายย้อนกลับไป ณ จุดที่เราถ่ายมาฝั่งนี้นะคะ
ที่เห็นชุดน้ำเงินทั้งชุดยืนอยู่เยื้องไปทางขวาในภาพนี่แหละค่ะที่เป็นจุดที่เราถ่ายรูปมาเห็นสระว่ายน้ำ 

สำหรับการชมรอบๆ โรงแรมก็หมดแต่เพียงเท่านี้นะคะ ที่จริงยังมีที่เราไป Oriental Cake Shop กับห้องสมุดของที่นี่ (ซึ่งอลังการมาก) ด้วยค่ะ แต่เนื่องจากเป็นการไปในอีกวัน ก็เลยขอทำแยกไปแล้วกันนะคะ
ตอนหน้าจะพาไปหม่ำ Tea Break ของที่นี่กันนะคะ ณ ห้องฝรั่งเศสค่ะ
ขอบคุณทุกท่านที่แวะมาค่ะ
1,469,696+428199=1897895/8307/744
Create Date : 26 ธันวาคม 2555 |
Last Update : 26 ธันวาคม 2555 9:23:35 น. |
|
36 comments
|
Counter : 11840 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: ฝากเธอ วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:10:03:24 น. |
|
|
|
โดย: emayza วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:11:33:37 น. |
|
|
|
โดย: benz47 วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:13:05:37 น. |
|
|
|
โดย: tayya tatar วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:15:30:30 น. |
|
|
|
โดย: Sai Eeuu วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:19:29:48 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 26 ธันวาคม 2555 เวลา:19:48:17 น. |
|
|
|
โดย: Just a life วันที่: 27 ธันวาคม 2555 เวลา:6:18:59 น. |
|
|
|
โดย: Kavanich96 วันที่: 27 ธันวาคม 2555 เวลา:10:45:34 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 27 ธันวาคม 2555 เวลา:13:25:59 น. |
|
|
|
โดย: gutswallow วันที่: 27 ธันวาคม 2555 เวลา:13:41:56 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 27 ธันวาคม 2555 เวลา:23:15:54 น. |
|
|
|
โดย: gutswallow วันที่: 28 ธันวาคม 2555 เวลา:14:12:33 น. |
|
|
|
โดย: Just a life วันที่: 28 ธันวาคม 2555 เวลา:18:39:45 น. |
|
|
|
โดย: VET53 วันที่: 29 ธันวาคม 2555 เวลา:8:06:51 น. |
|
|
|
โดย: โสมรัศมี วันที่: 29 ธันวาคม 2555 เวลา:13:35:36 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 29 ธันวาคม 2555 เวลา:22:14:51 น. |
|
|
|
โดย: นิราลัย วันที่: 30 ธันวาคม 2555 เวลา:16:32:11 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 30 ธันวาคม 2555 เวลา:17:29:05 น. |
|
|
|
โดย: :D keigo :D วันที่: 30 ธันวาคม 2555 เวลา:18:24:31 น. |
|
|
|
โดย: prizella วันที่: 30 ธันวาคม 2555 เวลา:20:25:40 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 31 ธันวาคม 2555 เวลา:12:04:31 น. |
|
|
|
โดย: บูรพากรณ์ วันที่: 31 ธันวาคม 2555 เวลา:22:05:03 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 31 ธันวาคม 2555 เวลา:23:21:22 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 มกราคม 2556 เวลา:7:19:18 น. |
|
|
|
โดย: ทองกาญจนา วันที่: 1 มกราคม 2556 เวลา:8:34:41 น. |
|
|
|
โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 1 มกราคม 2556 เวลา:21:19:40 น. |
|
|
|
โดย: ป่ามืด วันที่: 2 มกราคม 2556 เวลา:12:26:29 น. |
|
|
|
โดย: 4586 IP: 119.42.105.185 วันที่: 5 มกราคม 2556 เวลา:10:04:39 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 203 คน [?]

|
ชอบอ่านหนังสือและดูหนังค่ะ ตอนนี้ทำงานด้านการท่องเที่ยวอยู่ นิสัยดีบ้างร้ายบ้าง แล้วแต่สภาวการณ์และคนที่เจอ
เนื้อหาและรูปภาพทั้งหมดในบล็อกสงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ไม่อนุญาตให้นำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล็อก
ติดต่อเจ้าของบล็อกได้ที่ theworpor@yahoo.com หรือ https://www.facebook.com/saoguide
|
|
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
| |
|
|
เนรมิตรได้อลังการณ์งานสร้างจริงๆ
อยากไปอยู่เมืองนี้จัง