เมื่อหนูหัดว่ายน้ำ
กลางดึกคืนหนึ่ง ขณะทุกคนในบ้านกำลังหลับใหลอยู่ๆเจ้าสายเมฆลูกชายคนเล็กวัยย่าง 5 ขวบพลันร้องไห้โฮขึ้นมาทำให้ผู้เป็นพ่อแม่ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นถามหาสาเหตุ คำตอบของลูกทำให้ผมและภรรยาถึงกับอึ้ง ฮือ...ฮือ..สายเมฆกลัวตาย.. เจ้าหนูพูดทั้งน้ำตาพลางกอดผมแน่น
ทำไมหรือลูก..ฝันร้ายหรือครับผมถาม เขาตอบกลับว่า ...น้ำท่วมแล้วสายเมฆยังว่ายน้ำไม่เป็น สายเมฆกลัว ฮือ..ฮือ.. ไล่เลียงสอบถามเจ้าทโมนน้อยอยู่ชั่วครู่จึงรู้สาเหตุว่า เป็นเพราะเมื่อตอนเย็นดูข่าวทีวีเกี่ยวกับน้ำท่วมพร้อมกับอากง..ผู้เป็นปู่แล้วอากงเปรยว่า ...น้ำท่วมสูงแบบนี้ ใครว่ายน้ำไม่เป็นอันตราย เดี๋ยวจมน้ำตายได้...เจ้าหนูเลยเก็บมาฝันร้าย หลังจากปลอบว่าเป็นเพียงแค่ความฝันไม่ใช่เรื่องจริง เจ้าหนูจึงยอมหยุดร้องไห้ แต่พูดข้างหูผมว่า ..ป๊าสายเมฆจะไปเรียนว่ายน้ำแบบพี่สายน้ำ.. อันที่จริง โรงเรียนของเจ้าหนูมีสอนว่ายน้ำอยู่ในหลักสูตรเพียงแต่ในระดับอนุบาล 2 การเรียนการสอนส่วนใหญ่เป็นการทำกิจกรรมในน้ำมากกว่าหัดให้ว่ายน้ำเป็นในขณะที่พี่ชายอยู่ชั้น ป.2 เริ่มเรียนว่ายน้ำอย่างเป็นจริงเป็นจัง แถมวันหยุดเสาร์อาทิตย์ยังเรียนพิเศษว่ายน้ำอีก ผู้เป็นน้องคงอยากเรียนแบบพี่ชายบ้าง โดยปกติทุกเช้าวันหยุด หากไม่มีภารกิจอื่นใดผมมักจูงลูกชายไปเรียนว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำแถวบ้าน สระเดียวกันนี้แหละครับ เคยเป็นสถานที่ฝึกว่ายน้ำของผมและน้องๆมาก่อนสภาพโดยทั่วไปยังคงเหมือนเดิม กลิ่นคลอรีน และต้นลั่นทมริมสระยังคงทิ้งดอกสีสวยลงน้ำเป็นเอกลักษณ์ไม่เปลี่ยนแปลงสิ่งที่ต่างออกไปคือคนมาเรียนว่ายน้ำอายุน้อยลงมาก เมื่อก่อนผมเรียนว่ายน้ำตอนอายุ10 ขวบก็ดูเหมือนจะเด็กที่สุดในสระแล้ว ส่วนใหญ่ตอนนั้นคนมาเรียนว่ายน้ำเป็นเด็กวัยรุ่นคนหนุ่มสาว แต่ตอนนี้ในสระว่ายน้ำเต็มไปด้วยเจ้าหนูตัวกระเปี๊ยก บางคนอายุไม่ถึง 4ขวบเลยครับ เหตุผลส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะในอดีตทักษะการว่ายน้ำยังไม่ใช่ทักษะจำเป็นของชีวิต สมัยก่อนคนว่ายน้ำเป็นมักเป็นคนเติบโตอยู่ริมแม่น้ำริมคูคลอง ส่วนใหญ่หัดว่ายน้ำด้วยตัวเอง กระโดดน้ำเล่น โผเกาะเรือโยง ดำผุด ดำว่ายเองมีเด็กจำนวนไม่มากหรอกครับที่พ่อแม่ยอมเสียเงินให้หัดว่ายน้ำในสระ คนรุ่นก่อนหลายคนคิดว่า ว่ายน้ำไม่เป็นก็ไม่เห็นเป็นไรแต่สภาพเมืองไทยทุกวันนี้ ทักษะการว่ายน้ำกลายเป็นสิ่งจำเป็นของชีวิต ยิ่งวิกฤติน้ำท่วมเมืองยิ่งตอกย้ำความสำคัญของทักษะด้านนี้ แต่ก่อนจะให้ลูกหลานไปเรียนว่ายน้ำเราคงต้องเริ่มต้นจากการคิดก่อนว่าต้องการให้เจ้าตัวน้อยๆเรียนว่ายน้ำไปทำไม หากคำตอบที่ได้คือต้องการให้ลูกหลานเป็นนักว่ายน้ำทีมชาติแบบนี้คงต้องหาครูสอนว่ายน้ำผู้เชี่ยวชาญด้านการแข่งขันว่ายน้ำมาเคี่ยวบ่มให้เด็กตัวน้อยๆกลายเป็น ฉลามหนุ่ม ฉลามสาวในอนาคต แต่การสร้างฉลามเหล่านี้ย่อมต้องมี รายจ่าย ซึ่งมากกว่าเงินทองนะครับ ผมเคยคุยกับคุณพ่อคนหนึ่งผู้วาดหวังให้ลูกตนเองเป็นนักว่ายน้ำระดับโลก เขาเล่าให้ผมฟังว่า ให้ลูกลงน้ำตั้งแต่ก่อนลูกเกิดใช่ครับ...ก่อนลูกเกิด เพราะเขาให้ภรรยาซึ่งตั้งครรภ์ พุงโย้ว่ายน้ำเล่นน้ำเป็นประจำ พอลูกคลอดออกมาได้ไม่นานก็เริ่มลงคอร์สเรียนว่ายน้ำของเบบี๊พอโตขึ้นหน่อยให้เรียนว่ายน้ำกับครูอดีตทีมชาติไทย แต่ให้ครูว่ายน้ำสอนเฉพาะวันเสาร์อาทิตย์ ส่วนวันธรรมดาเขาจะสวมบทครูฝึกของลูกเอง ..ทุกวันผมต้องให้ลูกมาว่ายน้ำตอนเช้าอย่างน้อยชั่วโมงหนึ่งก่อนแล้วถึงไปโรงเรียน เลิกเรียนก็ต้องมาว่ายน้ำอีก 2 ชั่วโมง ค่อยกลับบ้านไปทำการบ้าน...คุณพ่อคนนี้เล่าด้วยความภูมิใจ ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าลูกเขาต้องตื่นกี่โมงถึงมีเวลามาว่ายน้ำก่อนเรียนหนังสือเขาตอบผมว่า ...ตื่นตั้งแต่ตี 4 ครึ่ง อย่างช้าไม่เกินตี 5... ครอบครัวนี้ วันไหนมาซ้อมว่ายน้ำในสระผมจะรู้ได้ทันที เพราะได้ยินเสียงคุณพ่อตะโกน ตะคอกลูกในสระว่ายน้ำเสียงดังลั่น..เฮ้ย..ว่ายเร็วหน่อยสิ เร็วขึ้นอีก เร็วๆ..เร็วสิ อู้อยู่ได้... ฯลฯ สำหรับครอบครัวของผมเราคุยกันว่าแค่อยากให้ลูกว่ายน้ำเป็น เอาตัวรอดได้ในสถานการณ์ฉุกเฉินไม่จำเป็นต้องเป็นนักว่ายน้ำทีมชาติ แต่ถ้าลูกอยากแข่งว่ายน้ำก็สนับสนุนเพียงแต่ไม่เคี่ยวเข็ญให้เขาต้องชนะ ด้วยเหตุนี้ผมและภรรยาจึงต้องการให้ลูกเรียนว่ายน้ำอย่างสนุกและเป็นสุข แต่ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับเพราะการจะให้ลูกหัดว่ายน้ำเป็นและเรียนอย่างเป็นสุขนั้น ถ้าเราไม่สอนเองก็จำเป็นต้องหาคุณครูว่ายน้ำที่เก่งมาสอน เก่งในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าครูสอนว่ายน้ำต้องเคยเป็นนักว่ายน้ำระดับทีมชาติมาก่อนนะครับแต่หมายถึงครูที่มีความรับผิดชอบและมีจิตวิทยาในการสอนว่ายน้ำแก่เด็กเล็ก จากการลองผิด ลองถูกอยู่หลายครั้งผมพบว่า ครูบางคนสอนว่ายน้ำแบบขอไปทีพอเด็กเริ่มว่ายน้ำก็หันไปเม้าท์กับเพื่อนครูด้วยกันอย่างเมามันไม่มองหรือสนใจเลยว่าศิษย์ตัวน้อยจะว่ายน้ำด้วยท่าทางถูกต้องหรือไม่ไม่สนใจว่าเด็กจะจมน้ำหรือเปล่า ครูบางคนไร้ความรับผิดชอบนึกอยากหยุดสอนก็หยุดหรือมาสายก็ไม่มีการโทรศัพท์บอกกล่าวกันก่อน ครูบางคนสอนแบบดุ ตะคอกเย้ยหยัน ล้อเลียนเด็ก บางคนเห็นเด็กไม่กล้าลงน้ำก็จับเด็กโยนลงน้ำหวังให้เด็กว่ายน้ำเป็นเอง ฯลฯ ครูเหล่านี้ไม่เพียงทำให้เด็กตัวน้อยเรียนว่ายน้ำอย่างเป็นทุกข์เด็กบางคนถึงกับร้องไห้โฮ ไม่อยากเรียนว่ายน้ำหรือกลัวการว่ายน้ำไปเลยก็มี แต่โชคดีครับว่า ยังมีคุณครูว่ายน้ำบางคนรู้จักมีลูกล่อลูกชนสอนให้เด็กว่ายน้ำอย่างสนุกสนาน การหาครูสอนว่ายน้ำที่เก่งได้คงต้องอาศัยการสอบถามจากพ่อแม่หลายๆคนที่เฝ้ารอลูกน้อยอยู่ริมสระน้ำหรือต้องเฝ้าดูกลวิธีการสอนของครูว่ายน้ำด้วยตนเอง ก่อนตัดสินใจให้ลูกหลานไปสมัครเรียนกับครูคนใดคนหนึ่งเป็นการเฉพาะ นอกจากการหาครูเก่งๆมาสอนว่ายน้ำเจ้าตัวเล็กแล้วเรายังต้องคำนึงถึงความสะอาดและความปลอดภัยของสระว่ายน้ำด้วยนะครับเพราะสระบางแห่งไม่ค่อยทำความสะอาดซึ่งอาจเป็นแหล่งแพร่เชื้อโรคสู่ลูกหลานของเราได้ ขณะเดียวกันระหว่างเด็กน้อยเรียนว่ายน้ำเราในฐานะพ่อแม่ผู้ปกครองควรนั่งเฝ้าดูอยู่ข้างสระ โดยไม่ไปรบกวนการเรียนการสอนของครูแต่ต้องเฝ้าดูพฤติกรรมการสอน รวมถึงดูแลความปลอดภัยของลูกหลานเราด้วยโดยเฉพาะถ้าเจ้าตัวน้อยเรียนว่ายน้ำเป็นกลุ่มกับเพื่อนๆ เพราะครูอาจดูแลไม่ทั่วถึง เอาล่ะ ถ้าสระว่ายน้ำพร้อม คุณครูพร้อมคุณพ่อคุณแม่พร้อม ชุดว่ายน้ำสีสดสวยพร้อม เรามาสนุกสนานกันในสระน้ำเย็นฉ่ำเลยครับ ....................................................................................................................................................................... บทความนี้ผมเขียนลง ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Mother & Care ฉบับที่ 84 เดือน ธันวาคม 2554
Create Date : 29 มีนาคม 2557 | | |
Last Update : 29 มีนาคม 2557 22:16:00 น. |
Counter : 1306 Pageviews. |
| |
|
|
|