Group Blog
 
All Blogs
 
เด็กพิเศษกับพ่อแม่แสนวิเศษ

บ่ายวันอาทิตย์ ศูนย์อาหารในห้างสรรพสินค้าใหญ่ยังคงแออัดไปด้วยผู้คน ขณะที่หลายคนกำลังเพลิดเพลินอิ่มอร่อยกับอาหารจานด่วน ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องดังขึ้น ตามด้วยเสียงเอะอะโวยวาย เพียงเท่านี้ก็เพียงพอให้ทุกคนเงยหน้าจากจานอาหาร มองหาต้นเสียง

เจ้าของเสียงดังเป็นเด็กชายร่างอวบ วัยประมาณ 7-8 ขวบ หน้าตาบ่งบอกถึงความผิดแผกแตกต่างจากเด็กทั่วไป เจ้าหนู...ผู้เป็น “เด็กพิเศษ” กำลังโมโห ปากส่งเสียงกรี๊ดลั่น มือทั้งสองกำเกร็งแน่น กระทืบเท้าระรัว เหยียบทับเศษก๋วยเตี๋ยวที่ตกเกลื่อนกระจายบนพื้น

ข้างๆเด็กอารมณ์เกรี้ยวกราดมีหนุ่มใหญ่ คาดเดาว่าเป็นพ่อ กำลังปลอบโยนให้ลูกอารมณ์เย็นลง ส่วนหญิงผู้เป็นแม่ ยกมือไหว้ขอโทษ ขอโพยเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่ง

เพื่อนร่วมโต๊ะอาหารของผมในวันนั้น เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้น เธอเล่าให้ฟังว่า เด็กเดินถือถาดอาหารมาที่โต๊ะ พอดีหนุ่มวัยรุ่นนั่งหันหลังอยู่ มองไม่เห็นว่ามีเด็กเดินมา เลยลุกขึ้นเดินออกมาจากโต๊ะ ทำให้ชนกับเด็ก จนถาดอาหารหล่นพื้น เด็กเลยร้องกรี๊ดด้วยความโมโห

ระหว่างฟังเพื่อนเล่าเหตุการณ์ ผมได้ยินโต๊ะข้างๆพูดคุยกันในทำนองตำหนิผู้เป็นพ่อแม่ของเด็กว่า “...รู้ว่าเด็กผิดปกติ ไม่น่าพาออกมาข้างนอก น่าจะให้อยู่แต่ในบ้าน...” “...ใช่พาเด็กปัญญาอ่อนพวกนี้ออกมาข้างนอกก็เป็นปัญหาคนอื่น...” ฯลฯ

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ทำให้ผมรู้สึกสลดหดหู่ใจแทรกปนด้วยความเห็นอก เห็นใจผู้เป็นพ่อแม่ของเด็กพิเศษ

ผมเชื่อว่า ทันทีที่รู้ว่ามีเจ้าตัวน้อยๆอยู่ในครรภ์ พ่อแม่ส่วนใหญ่นั้นคงนึกภาวนาอยู่ตลอดเวลาให้ลูกมีสภาพร่างกายสมบูรณ์ มีอวัยวะครบ ไม่ขาด ไม่เกิน รวมทั้งขอให้มีสติปัญญาหลักแหลม ไม่ปัญญาอ่อน หรือมีความบกพร่องใดๆ

แต่คนเราไม่ใช่จะโชคดีเป็นไปตามที่ไหว้ขอภาวนากันทุกคน บางคนโชคร้ายลูกน้อยคลอดออกมาไม่เป็นไปตามหวัง เทวดาหรือเทพธิดาตัวน้อยกลายเป็นเด็กที่ต้องการความดูแลเป็นพิเศษ บางคนอาจพิการทางร่างกาย บางคนผิดปกติทางสติปัญญา เป็นประเภทดาวน์ซินโดรมอันเนื่องมาจากพันธุกรรมบกพร่อง บางคนเป็นออทิสติก ฯลฯ

หลังจากผ่านการร้องไห้ เสียอกเสียใจในโชคชะตามาช่วงระยะเวลาหนึ่ง บางครอบครัวผู้เป็นพ่อทำใจกับความจริงไม่ได้ โยนความผิดบาปมาให้หญิงผู้เป็นแม่แต่เพียงผู้เดียว จากนั้นก็เดินจากไป ปล่อยฝ่ายหญิงเลี้ยงดูลูกตามลำพัง บางครอบครัวพ่อแม่กอดคอกันร้องไห้แล้วร่วมใจปาดน้ำตาทิ้ง พยายามศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับความผิดปกติของลูกรักให้มากที่สุด ร่วมกันช่วยเหลือลูกให้สามารถอยู่รอดได้ในสังคมปกติ

ครอบครัวของพี่ฟ้า...เพื่อนรุ่นพี่ของผมเป็นประเภทหลังครับ เธอและสามีเป็นพนักงานในบริษัทยักษ์ด้านโทรคมนาคมแห่งหนึ่ง ชีวิตการงานของทั้งคู่กำลังรุ่ง สามารถก้าวสู่ระดับผู้บริหารองค์กรได้ไม่ยากนัก แต่หลังจากพี่ฟ้าทราบแน่ชัดว่าลูกเป็นเด็กพิเศษ เธอตัดสินใจลาออกจากงานมาเลี้ยงดูลูกที่บ้าน

พี่ฟ้าเล่าอย่างเปิดใจให้ผมฟังว่า

“...ตอนแรกๆน้องเอมีพัฒนาการเหมือนเด็กปกติ บางอย่างดูเร็วกว่าเด็กทั่วไปเสียด้วยซ้ำ อย่างการเดิน น้องเดินได้ตั้งแต่ 8-9 เดือน แต่อยู่ดีๆตอนขวบเศษพัฒนาการของน้องเอหยุดชะงักเสียเฉยๆ ไม่ยอมพูดสักที ทำอะไรแปลกๆ พี่กับแฟนเลยพาไปหาหมอตรวจ พอหมอบอกว่าน้องเอเป็นออทิสติกประเภทหนึ่ง พี่ร้องไห้ออกมาเลย...”

หลังจากทำใจยอมรับกับความจริงอันโหดร้าย พี่ฟ้ากับสามีค้นคว้า ศึกษาเกี่ยวกับเด็กออทิสติก พยายามพาลูกไปหาหมอผู้เชี่ยวชาญด้านเด็กพิเศษหลายคน รวมทั้งหาโรงเรียนที่ยอมรับให้น้องเอได้เรียนร่วมกับเด็กปกติ

“...ไม่ใช่ง่ายๆนะคะ ที่จะให้ผู้ปกครองคนอื่นเขายอมให้ลูกเราเรียนร่วมด้วย เข้าใจดีคะว่า ลูกเราเป็นเด็กพิเศษ เราต้องเอาใจทั้งครู ทั้งเพื่อนๆน้องเอ ทั้งพ่อแม่ของเพื่อนๆเขาด้วย พยายามอธิบายให้ทุกคนเข้าใจว่าลูกเราเป็นอย่างไร บอกเขาว่าลูกเราไม่ได้เป็นโรคติดต่อนะ ไม่ต้องกลัวจะไปติดลูกๆเขา บางทีลูกเราถูกเพื่อนแกล้ง ถูกเพื่อนทำร้ายก็ได้แต่กอดลูกร้องไห้ ไม่สามารถไปโวยวายอะไรได้ เพราะลูกเราเป็นอย่างนี้ ...

...ทุกครั้งที่เปลี่ยนชั้นเรียน ตั้งแต่อนุบาลจนโต เราต้องพยายามเข้าหาครู เอาหนังสือเกี่ยวกับเด็กพิเศษไปให้ครูอ่าน อธิบายให้ครูเข้าใจลูกเรา ให้ช่วยดูแลลูกเป็นพิเศษ บอกหนูไม่หวังให้ลูกเรียนได้ดี เอาแค่ผ่านพอ ครูบางคนดีนะคะ เข้าใจลูกเรา แต่บางคนเขาไม่ยอมรับ มีครูบางคนเฆี่ยนตี ด่าทอลูกด้วยคำหยาบๆคายๆต่อหน้าเพื่อนๆเขา เพื่อนน้องเอมาฟ้องพี่ เราต้องกลั้นน้ำตา อดทน ตอนเด็กแรกๆพี่ต้องจ้างครูพิเศษมาคอยประกบดูแลน้องเอเพิ่ม แต่ตอนหลังน้องเอเริ่มดีขึ้น เริ่มพูดได้บ้าง พอจะสื่อสารได้ เริ่มเรียนได้ก็ไม่ต้องจ้างครูพิเศษ...”

พี่ฟ้าบอกว่า เธอพยายามเลี้ยงลูกให้สามารถช่วยเหลือตัวเองให้ได้อย่างคนปกติ พาไปไหนต่อไหนด้วยกันตั้งแต่เด็ก เพราะเชื่อว่าการเก็บลูกอยู่แต่ในบ้าน ไม่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการของลูก มิหน่ำซ้ำจะยิ่งทำให้ลูกอยู่ในโลกส่วนตัวของเขามากขึ้น

“...ตอนแรกๆพี่รู้สึกอับอายว่ามีลูกเป็นเด็กพิเศษ เวลาพาออกไปนอกบ้านต้องคอยลุ้นว่าลูกจะอะละวาดหรือเปล่า ต้องเตรียมใจตลอดเวลาว่าอาจไม่เสร็จธุระต้องพากลับกันก่อน คนเขาชอบมอง ชอบซุบซิบวิพากษ์วิจารณ์ บางคนเดินมาพูดด่าว่าเราตรงๆก็มีนะคะ บอกว่าพาลูกมาทำไม เราได้แต่ขอโทษเขา เก็บกลั้นความน้อยเนื้อต่ำใจไว้ คิดว่าทำเพื่อลูก ...”

เชื่อหรือไม่ครับว่า ตอนนี้ น้องเอ ลูกพี่ฟ้าเรียนจบปริญญาตรีแล้ว แม้จะใช้เวลาในการเรียนนานกว่าเพื่อนๆ เกรดที่ได้อาจไม่ดีนัก แต่มันคือผลพวงแห่งความรักของพ่อแม่

ถึงตรงนี้ ผมขอให้กำลังใจ และขอคาราวะในหัวใจของพ่อแม่อันแสนวิเศษของเด็กพิเศษทุกคน

.......................................................................................................................................................................
บทความนี้ผมเขียนลง ตีพิมพ์ครั้งแรกในนิตยสาร Mother & Care ฉบับที่ 68 เดือน สิงหาคม 2553





Create Date : 08 สิงหาคม 2553
Last Update : 8 สิงหาคม 2553 23:06:35 น. 5 comments
Counter : 1144 Pageviews.

 
เรียกน้ำตาแต่เช้าเลยค่ะ .... แม้เป็นเพียงหวัง แต่ก็อยากหวังให้เด็กพิเศษทุกคนพบพ่อแม่ที่แสนวิเศษนะคะ


โดย: bread & cake IP: 192.168.11.112, 61.91.78.134 วันที่: 9 สิงหาคม 2553 เวลา:9:18:41 น.  

 
พี่เองกำลังสิ้นหวัง ลูกไม่อยากไปโรงเรียนเพราะครูตีเวลาไม่ทำการบ้านกลัวมากพฤติกรรมรวนไปหมดเลย อ่านแล้วรู้สึกดีขึ้นมาบ้างแล้วค่ะ


โดย: น้องไตเติ้ลpdd nos IP: 1.46.120.126 วันที่: 11 ตุลาคม 2553 เวลา:14:20:08 น.  

 
เป็นกำลังใจให้ครับ คุณแม่น้องไตเติ้ลpdd nos


โดย: สายน้ำกับสายเมฆ วันที่: 16 ตุลาคม 2553 เวลา:17:56:21 น.  

 
ย้อนกลับมาอ่านblog เ่ก่าๆ ค่ะ ตอนอ่านตอนต้นๆ โกรธเด็กวัยรุ่นที่มาว่าน้องเค้าแบบนั้น นับถือคุณพ่อคุณแม่ของน้องๆที่เป็นเด็กพิเศษค่ะ >.< เอาใจช่วยๆทุกคนเลย


โดย: usagimom วันที่: 1 เมษายน 2554 เวลา:9:56:29 น.  

 
ขอเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ สำหรับคุณพ่อคุณแม่
ลูก อย่างไรก็คือลูก คือคนที่เรารักที่สุดในชีวิต


โดย: เข้าใจ IP: 119.46.176.222 วันที่: 24 มิถุนายน 2554 เวลา:11:04:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายน้ำกับสายเมฆ
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Locations of visitors to this page

Tracked by Histats.com
Friends' blogs
[Add สายน้ำกับสายเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.